ข้อความดั้งเดิม

ดูข้อความอื่นๆ 1 ความเห็น >

ความเห็นนี้

    Joke.Air เลือกให้ข้อความนี้✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด

    เหตุผล

    เป็นเว็บไซต์จริงของสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา

    ที่มา

    เป็นเว็บไซต์จริงของสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา และบางสำนักข่าวได้นำเสนอเรื่องนี้ด้วย
    https://www.nationtv.tv/politic/378945357
    https://www.banmuang.co.th/news/politic/387977


    (ความเห็นส่วนตัว)
    สำหรับแนวคิดนี้ กระผมเห็นด้วย แต่ก็มีข้อสังเกตบางประการ เช่น รถหรู รถแพง การนำออกประมูลขายทอดตลาดอาจจะคุ้มค่ากว่าเพราะทำเงินเข้ารัฐได้มาก และการส่งรถให้สถาบันอาชีวศึกษา วิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัย (ที่มีหลักสูตรด้านยานยนต์) ก็อาจเกิดปัญหาขึ้น เช่นสถาบันการศึกษาอาจไม่นำไปใช้ในการศึกษาจริง แต่นำไปปล่อยขาย หรือมีดีลลับกับเจ้าของเดิมทำให้เจ้าของเดิมได้รับรถคืน (ไม่ได้ถูกยึดจริง หรือได้ซื้อคืนในราคาถูก) เป็นต้น

    รวมถึงบริบทของ สส. คือ ได้ไปดูงานการศึกษาอาชีวะ ณ กรุงปักกิ่ง ที่มีการเรียนการสอนด้าน EV แล้วก็มีความเห็นนี้ แต่ในไทยนั้นดูเหมือนว่า EV จะยังไม่เป็นที่นิยมในหมู่โจร
    * กรณีแรก การยึดรถที่ใช้กระทำผิดโดยตรง รถอีวีนั้นยังมีความไม่สะดวกในการใช้งาน เช่น หาที่ชาร์จยาก, ต้องรอการชาร์จนานพอสมควร, ยังขับได้น้อยต่อ 1 แบตเตอรี่เต็ม, รถกระบะแบบ EV ยังไม่มีขายอย่างแพร่หลายในไทย (อาจจะมีในปี 2568 นี้), ตัวรถมีความแปลกใหม่และไม่ใช่รถยี่ห้อยอดนิยม(โตโยต้า,อีซูซุ,ฮอนด้า)จึงอาจตกเป็นเป้าสังเกตได้ง่าย เป็นต้น จึงยังไม่ค่อยเหมาะสมในการนำรถมาใช้กระทำผิดกฎหมายเมื่อเทียบกับรถยนต์น้ำมัน เช่นใช้ในการขนยาเสพติดหรือขนของผิดกฎหมาย (ขนแบบข้ามหลายจังหวัดหรือข้ามภูมิภาค) หรือการใช้ขับหลบหนีตำรวจ เป็นต้น
    * กรณีที่สอง ผู้ต้องหาที่ถูกตรวจยึดทรัพย์สิน กลุ่มนี้มีรายได้สูงจากการกระทำความผิด ก็อาจจะไม่เดือดร้อนเรื่องค่าน้ำมันแพงมากนัก และยังมักซื้อรถยนต์น้ำมันหรูๆแพงๆ ไม่ได้นิยม EV เช่นกัน (หรือหากมี EV ก็คงเป็นรถหรูแพง นำออกประมูลขายทอดตลาดอาจจะเหมาะสมกว่า)
    จากทั้งสองกรณีที่กล่าวมา การที่ EV ยังไม่เป็นที่นิยมในหมู่โจรนั้น ก็คาดว่าตำรวจน่าจะตรวจยึดรถ EV ได้น้อย ไม่น่าจะเพียงพอต่อการส่งต่อให้สถาบันการศึกษาต่าง ๆ
    5 เดือนที่แล้ว
    0
    0