กรุงเทพฯแตกแล้วครับ / ดร.สันต์
////
หลังจากรักษาพระนครมาได้ยาวนาน แต่ในที่สุดตัวเลขและกราฟ 6 วันที่ผ่านมาตั้งแต่ 1 เม.ย. 2021 ได้ยืนยันการเข้าสู่ Wave3 อย่างแน่นอนและรุนแรงมาก .. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ครั้งนี้รุนแรงมากกว่า Wave2 ที่เริ่มที่สมุทรสาครเป็นอย่างมาก
จากตัวเลขและกราฟ ตอนนี้เราเข้าสู่ Exponential แล้ว
Total Case ของ Wave#3 ใกล้แตะระดับ 1,000 แล้ว ก้าวข้ามสถานการณ์ของ Wave#1 เมื่อตอน Lockdown ปีที่แล้วและก้าวข้าม Wave#2 ตอนเปิดตัวเลขที่สมุทรสาครไปแล้ว
ดังนั้นไม่ต้องหวังแล้วว่าจะจบต่ำกว่าหมื่นคน
#ขอแค่หยุดไม่ให้ถึงแสนคนได้ก็เก่งมากแล้วสำหรับรอบนี้
คำแนะนำ :
Lockdown กรุงเทพมหานคร ทันทีตั้งแต่คืนนี้เถิด
ไม่มีใครสมควรได้ออกจากบ้านโดยไม่จำเป็นตั้งแต่คืนนี้พรุ่งนี้เป็นต้นไป ถ้าเรายังคิดว่าอยากจะหยุด Wave#3 นี้ไว้แค่หลักหมื่น
สำหรับประชาชนทั่วไป ไม่ว่าใครจะ Encourage ท่านมากอย่างไรก็ตาม หรือภาครัฐและธุรกิจจะเอาน้ำเย็นเข้ารูปอย่างไรก็ตาม
ผมแนะนำด้วยความปราถนาดีต่อท่านและครอบครัวว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้ จงอยู่บ้าน และอยู่ไปยาวๆ 2 เดือน
Wave3 นี้แตกต่างจาก Wave2 มาก
เพราะครั้งนี้เราถูกโจมตีกลางเมืองหลวง ซึ่งที่ผ่านมาเมียนมาสูญเสียย่างกุ้ง มาเลเซียสูญเสีย KL ฟิลิปปินส์สูญเสียมะนิลา และถึงที่สุดตัวเลขยังวิ่งไม่หยุด ไปไกลมากจนต้อง Lockdown อยู่ดี
และยังไม่มีใครกอบกู้กลับมาได้เลย
เรามาดูสถานการณ์และกราฟต่างๆว่า คณิตศาสตร์บอกอะไรเราบ้าง
ตัวเลขและกราฟในวันนี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า นี่ไม่ใช่แค่ Cluster แต่คือ Wave ใหม่แน่นอน
การติดเชื้อในวงกว้างน่าจะเริ่มมาก่อน 1 เม.ย.พอสมควร และเราน่าจะเจอช้าไปประมาณ 1-2 สัปดาห์ และมี Doubling Day ที่สั้นมากจนน่าใจหายมาก
กราฟของ Total Case ในเขตกรุงเทพฯ ยืนยันหายนะที่ชัดเจน ว่ากำลังเป็น Exponential ที่เพิ่มเป็นสองเท่าภายในทุกๆ 1-2 วันเท่านั้น
ถึงแม้ส่วนหนึ่งเกิดจากการตรวจเชิงรุก แต่ตัวเลขการตรวจเจอจากโรงพยาบาลก็สูงมาก
และโดยทั่วไป Doubling Day แค่ 3 วันก็หนักแล้ว นี่ผ่านไปแค่ 6 วันเฉพาะ Wave3 แค่กรุงเทพก็ราวๆ 505 คนแล้ว และทุกคนอยู่กระจายไปทั่ว เดินทางไปทั่วเมืองและทั่วประเทศ
ที่นี่เป็นเมืองศูนย์กลางการเดินทางที่มีฐานประชากรมากกว่า 10 ล้านคน ไม่ใช่แค่ 1 ล้านแบบสมุทรสาคร และไม่ใช่แรงงานต่างด้าวที่จะกักจขังได้ตามใจชอบ
นี่คือสัญญาณว่า เราได้สูญเสียกรุงเทพฯไปแล้ว และสถานการณ์มันร้ายแรงมาก
กราฟของ Wave3 ทั่วประเทศไทย
กราฟมีความคล้ายกับของกรุงเทพฯ
ยืนยันลักษณะกราฟเป็น Exponential ที่รุนแรงเช่นกัน
Doubling Day ยังสั้นกว่า 2 วัน ยังไม่นิ่ง แต่น่าจะใกล้ Stabilized ซึ่งจะทำให้เราเห็น Trend ระยะกลางได้ และจะสามารถประเมินจำนวนผู้ติดเชื้อในช่วงเวลาต่างๆของ Wave ที่จะเกิดขึ้นได้
แต่ต้องจับตาดูอีก 1 สัปดาห์
Total Case และ Daily New Case ที่กราฟพุ่งทะยานทันทีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ยืนยันว่าการติดเชื้อหลักรอบนี้ไม่ใช่แรงงานพม่าแต่เป็นชาวกรุงทั้งไทยและเทศ
Character ของ Wave3 จึงจะต่างจาก Wave2 โดยสิ้นเชิง
........
ความน่ากลัวในการจู่โจมของ Wave3
1. เกิดขึ้นกลางกรุงเทพฯ ที่เป็น Hub ประชากร> 10 ล้านคน ยากแก่การปิดเมือง และทำ Contact Tracing มากๆ
2. คณะรัฐมนตรีโดนไวรัสไปแล้วเรียบร้อย
3. เรายังไม่หายเหนื่อยจาก Wave2 พักมาไม่ถึง 2 เดือนแบบตาปิดไม่สนิทด้วย
4. ผู้คนมากมายในกรุงเทพฯเริ่มออกเดินทางไปต่างจังหวัด และพร้อมจะเดินทางในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
5. ธุรกิจท่องเที่ยวกำลังรอลูกค้าสงกรานต์ 10 วัน พวกเขาจะต้องร้องไห้กันอีกเท่าไหร่ พวกเขาไม่เหลือสายป่านแล้ว และเที่ยวนี้ก็จะไม่เหลืออะไรให้พวกเขากล้าที่จะคาดหวังอีกต่อไปแล้ว
6. ผู้มีอำนาจตัดสินใจทางนโยบายในประเทศนี้ได้รับวัคซีนกันหมดแล้ว ทั้งภาครัฐและเอกชน
ดังนั้นพวกเขาจะกล้าเดินนโยบาย GDP ที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อและน้ำตา ณ จุดนี้ต้นทุนความเสี่ยงตายของคนในชาติไม่เท่ากันแล้วและผู้มีอำนาจไม่จำเป็นต้องกลัวตายเหมือนครั้งก่อนมีวัคซีน
สิ่งที่ควรทำที่สุด :
1. Lockdown กรุงเทพฯ ทันที และยึดเมืองหลวงคืนมาให้ได้ แต่ผมเชื่อว่าไม่มีใครจะกล้าประกาศ Lockdown เร็วๆนี้แน่ แต่เราต้องทำอะไรบางอย่าง เวลามีค่ามาก ถ้าเราไม่ทำอะไรเอาแค่สั่งปิดเล็กๆน้อยๆเป็นน้ำจิ้ม ไม่รอดแน่ ถ้าจะทำหลังสงกรานต์ก็หนักแล้ว
2. ธุรกิจท่องเที่ยวที่หยุดไม่ได้แล้ว ต้องตั้งการ์ดสูงสุดในการรอรับลูกค้า
3. คนที่เดินทางออกไปต่างจังหวัดแล้ว จองโรงแรมจ่ายตังค์ไปแล้ว ต้องมีสำนึกในการป้องกันตัวเอง ไม่ทำสิ่งที่คนอื่นจะเสี่ยงเพราะตัวเรา
4. จังหวัดต่างๆ ต้องพิจารณาประกาศควบคุม 14 วันด้วยตนเอง เมืองหลวงแตกแล้ว หัวเมืองต้องเข้มแข็ง แล้วช่วยกันกลับมายึดกรุงเทพฯคืนมา
5. ฉลองสงกรานต์อยู่บ้าน #พยายามงดเว้นสถานที่ติดแอร์ทั้งหมด และหลังสงกรานต์ Work from Home ทันที
6. วัคซีนต้องเร่งให้เร็วขึ้นอีกอย่างมาก ไม่มีวัคซีนเราไม่ชนะหรอก
7. ติดตาม Timeline และฟังศบค.และข้อมูลจากบุคลากรสาธารณสุขอย่างใกล้ชิดทุกๆวัน สำคัญมากๆ
........
ครั้งนี้เราเสียเมืองหลวงเพราะคนไทยเสพติดอบายมุข สุรา กามา บันเทิง ไม่ละเว้นทั้งๆที่เป็นช่วงที่ประเทศอยู่ในวิกฤตเจียนอยู่เจียนไป
นับจากวันนี้ คนกรุงเทพฯ Mind Set ต้องรีบเปลี่ยน กลับมาตั้งหลักกันใหม่ ช่วยกันกอบกู้พระนครกลับมาให้ได้
ต้องเรียนตามตรงว่า ภาระกิจนี้กับ Covid แทบไม่มีชนชาติใดที่โดนตัวเลขระดับนี้แล้วกู้กลับมาได้เลย
แต่ผมมั่นใจว่าเราจะเป็นชาติแรกๆ พวกเราต้องช่วยกัน
ผมเชื่อว่ายังไม่สายเกินไป
ดร.สันต์
******
ครั้งนี้กรุงเทพแตกแล้วของจริงครับ lockdown ก็ไม่ทันการณ์แล้ว แต่ละคนต้องป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัดในระดับสูงสุดเท่านั้น