วันนี้ "หนังสือพิมพ์เดอะซัน" ของอังกฤษเผยแพร่จดหมายเปิดผนึกของบิลเกตส์
จดหมายฉบับนี้ได้รับการให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และถูกส่งต่อจากคนในวงกว้าง คนทั้งหลายต่างกล่าวขานชื่นชมว่าบิลเกตส์เป็นผู้เปี่ยมสติสัมปชัญญะอย่างแท้จริง
********************************************
ต่อไปนี้คือ
จดหมายเปิดผนึกของบิลเกตส์:
ฉันเชื่ออย่างสนิทใจว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีจุดประสงค์ทางจิตใจอยู่เบื้องหลัง
ไม่ว่าเราจะคิดว่ามันดีหรือไม่ดีก็ตาม
ในขณะที่ฉันได้นั่งคิดอย่างมีสติรอบคอบ
ฉันจึงอยากจะขอร่วมแบ่งปันเสียงสะท้อนจากใจของฉันให้กับท่านทั้งหลาย
ว่าแท้จริงไวรัสโคโรน่าได้ทำอะไรกับพวกเราไปบ้าง
1)ไวรัสนี้ได้มาเตือนบอกเราทั้งหลาย ว่ามนุษย์ทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าวัฒนธรรม ศาสนา อาชีพ สภาพการณ์เศรษฐกิจของเราจะต่างกันอย่างไร
หรือต่อให้เป็นคนที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งก็ตาม ในสายตาของไวรัสแล้วเราทุกคนล้วนเสมอภาคเท่ากัน เราทุกคนก็ควรปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความเสมอภาคเช่นกัน ถ้าคุณไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูดมา
คุณก็ไปถามทอมแฮ็งค์ดู
2)ไวรัสนี้ได้มาเตือนเรา
ว่าชะตากรรมของเราทุกคนล้วนเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน
สิ่งที่ส่งผลต่อคน ๆ หนึ่งก็สามารถส่งผลต่ออีกคนเช่นเดียวกัน
ไวรัสยังเตือนเรา
พรมแดนเท็จที่เราสร้างไว้นั้นมันไร้ค่าเสียจริง
เพราะไวรัสไม่ต้องใช้หนังสือเดินทางก็ข้ามระหว่างประเทศได้
3)ไวรัสเตือนสติเราว่า สุขภาพที่ดีมีค่าแค่ไหน
แต่เรากลับละเลยสุขภาพนี้ ไปกินอาหารขยะทั้งหลาย
ดื่มน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีต่างๆ
ถ้าเราไม่ดูแลตนเอง แน่นอนว่าเราต้องเจ็บป่วย
4)
ไวรัสเตือนเราว่า ชีวิตนั้นทุกข์และแสนสั้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราควรทำคืออะไร
โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ป่วยแล้ว.
จุดมุ่งหมายของชีวิตไม่ได้อยู่ที่การซื้อกระดาษชำระแบบม้วน
5)ไวรัสเตือนเราว่า สังคมของเราเห็นวัตถุกลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก
เมื่อเราประสบกับปัญหาความยากลำบาก
เราเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ความต้องการพื้นฐานของเราคือ อาหาร น้ำและยา
มากกว่าสินค้าฟุ่มเฟือยที่ไม่ได้มีมูลค่าอะไรเลย
6)ไวรัสเตือนเราว่า ครอบครัวมีความสำคัญเพียงใด
แต่เรากลับมองข้ามจุดนี้ไปแล้ว
ไวรัสบังคับให้เรากลับไปบ้านของเรา
ดังนั้น เราจึงสามารถสร้างบ้านให้เป็นครอบครัว
และสร้างสายสัมพันธ์ที่เข้มแข็งในครอบครัว
7)ไวรัสเตือนเราว่า
งานที่แท้จริงของเราไม่ใช่งานที่เรากำลังรับจ้างอยู่นั้น
แน่นอนว่าเราต้องทำงาน
แต่ทว่าตามพระประสงค์ของพระเจ้าในการสร้างเรามา
ไม่ใช่เพื่อให้เรามาทำงาน
งานที่แท้จริงของเราทุกคน คือการดูแลซึ่งกันและกัน
ปกป้องคุ้มครองซึ่งกันและกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
เพื่อประโยชน์ร่วมกัน
8)ไวรัสเตือนเราว่า
เราอย่าได้สำคัญตัวเองยิ่งใหญ่ หยิ่งผยอง
ไวรัสยังเตือนเราด้วยว่า ไม่ว่าคุณจะคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่เพียงใด
ไม่ว่าคนอื่นจะคิดว่าคุณยิ่งใหญ่เพียงใด
ไวรัสขนาดเล็กๆเพียงแค่นิดเดียว ก็สามารถทำให้โลกทั้งใบหยุดนิ่งได้ทันที
9)ไวรัสเตือนเราว่า อิสรภาพอยู่ในมือของเราเอง
เราสามารถเลือกที่จะร่วมมือและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
เลือกที่จะแบ่งปันให้ และสนับสนุนซึ่งกันและกัน
หรือเราสามารถเลือกที่จะเห็นแก่ตัว กักตุนเสบียงเพื่อดูแลแค่เฉพาะตัวเองเท่านั้น
มีเพียงในยามยากลำบาก เราจึงสามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของคนๆหนึ่งได้
10)
ไวรัสเตือนเราว่า เราสามารถอดทน หรือตื่นตระหนกได้
เรายังสามารถเข้าใจได้ว่าสถานการณ์เช่นนี้ เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในประวัติศาสตร์มาแล้ว
แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไป
เราอาจตื่นตระหนก
คิดว่าวันสิ้นโลกมาถึงแล้ว
จนส่งผลทำร้ายตัวเราเอง
11)ไวรัสเตือนเราว่า การแพร่ระบาดของไวรัสเป็นทั้งจุดจบและจุดเริ่มต้น
เวลานี้เราสามารถไตร่ตรองและทำความเข้าใจได้แล้ว
เรียนรู้รับเอาบทเรียนจากความผิดพลาดนี้
การแพร่ระบาดของไวรัสอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเวียนว่าย
และอาจจะดำเนินเช่นนี้ต่อไป
จนกว่าเราได้รับบทเรียนทั้งหมด
12)ไวรัสเตือนเราว่าโลกของเรากำลังป่วย
ไวรัสยังเตือนเราด้วยว่า เราต้องดูว่าผืนป่าหายไปเร็วแค่ไหน
นอกจากนี้คุณต้องดูความเร็วที่กระดาษชำระม้วนหนึ่งหายไปจากชั้นวางว่าเร็วแค่ไหน
เราทุกคนต่างป่วยกันหมดแล้ว
เพราะครอบครัวของเราป่วย(โลกคือครอบครัวของเรา)
13)ไวรัสเตือนเราว่า ความยากลำบากมักจะผ่านไปได้เสมอ
แล้วจากนั้นทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นมา
ชีวิตเป็นวัฏจักรวนเวียน
ตอนนี้เป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งในวัฏจักรเท่านั้น
เราไม่ต้องตกใจ
โรคระบาดจะผ่านไปได้แน่นอน
14)หลายคนคิดว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าเป็นหายนะ
แต่ฉันคิดว่านี่จะเป็นการ "แก้ไขข้อผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด"