ข่าวจริงหรือข่าวลวง

สนข.ไทย ชัวร์ก่อนแชร์ครับ

สนข.ไทย ชัวร์ก่อนแชร์ครับ https://tna.mcot.net/latest-news-708412

Molnufiravir นี้เพิ่งเริ่มวางแผนทดลอง phase 3 ในคนครับ >>>ยังไม่ได้ใช้จริง<<< สำหรับผลการวิจัยเฟส 2 ทดลองในผู้ที่ตรวจพบเชื้อยืนยันแล้วแบ่งแบบสุ่มเป็นสองกลุ่ม (randomized double-blind controlled study ) ได้รับยาจริงและยาหลอก ( Placebo)โดยกลุ่มทดลองแต่ละคนไม่ทราบว่าได้ยาจริงหรือไม่ ผลตรวจจากการ swab โพรงจมูก 5 วันหลังได้รับยาพบว่ากลุ่มได้ยาจริงไม่พบเชื้อเลยสักคน ในขณะกลุ่มที่ได้ยาหลอกพบจำนวนผู้มีเชื้อ 24 % ของกลุ่มตัวอย่าง แปลจริง ๆ ได้แค่ว่ายาสามารถลดการกระจายแพร่เชื้อ Covid-19 ได้ดี *แต่มีข้อสังเกตของผมเองว่าแม้ในกลุ่มได้ Placebo ก็ตรวจพบเชื้อแค่หนึ่งในสี่เท่านั้น อีกสามในสี่ร่างกายขจัดเชื้อได้เอง* ข้อมูลเพิ่มเติมตามลิงก์ครับ https://www.medpagetoday.com/special-reports/exclusives/92323

เป็นการแสดงความเห็นทางการเมือง โดยมีหลายประเด็นมาก บางประเด็นก็เป็นที่รับรู้กัน แต่บางประเด็นก็ไม่เป็นข่าว หากจะตรวจสอบทุกประเด็นในนี้ก็ต้องใช้เวลาสืบค้นมากเหมือนกัน และยังไม่แน่ชัดว่า ดร.อาทิตย์ เป็นผู้เขียนหรือกล่าวเรื่องดังกล่าวทั้งหมดจริงหรือไม่ แต่จากคลิปข่าวนี้พบว่าเขาน่าจะต้องการขับไล่รัฐบาลจริง

จากคลิปรายการชัวร์ก่อนแชร์ พอจะเห็นได้ว่า ตัวเลขบางตัวตรงกับ USDA จริง แต่บางอย่างก็ไม่ตรงกัน และไม่พบว่า WHO และ USDA จะมีการนิยามราชาผลไม้ใดๆ

ฝนน้อยและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่เป็นลมฤดูฝนพัดมาน้อย เป็นเหตุอากาศจึงร้อนกว่าเดือนเมษายน อุณหภูมิกลางวันอยู่ที่ 39-41 องศาเซลเซียส กลางแจ้งอาจจะสูงกว่านี้ ขณะที่น้ำใน 4 เขื่อนหลักเหลือน้อย ตามข่าว

ยานี้มีจริง แต่ยังอยู่ในระหว่างการทดลองเท่านั้น ยังไม่มีการยืนยันถึงประสิทธิภาพ แต่ก็อาจจะนับได้ว่าเป็นอีกความหวังหนึ่งของชาวโลกจริง บริษัทยาที่ชื่อ MERCK ถ้าเป็นโลโก้ในภาพนี้ จะเป็นบริษัทในสหรัฐ แต่ก็มีบริษัทยาอีกแห่งที่ชื่อ MERCK เหมือนกัน อยู่ในเยอรมันจริง คนละโลโก้กัน ทำให้เกิดความสับสนได้ (MERCK สหรัฐนั้นเดิมเคยเป็นเครือเดียวกันกับ MERCK เยอรมัน แต่ตั้งแต่ ค.ศ. 1917 เป็นต้นมา ไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีก กลายเป็นคนละบริษัทกันจวบจนปัจจุบัน)

การพาดหัวข่าวไม่ครบถ้วน แต่เนื้อหาข่าวครบถ้วนอยู่ คือ ไม่ได้คืนให้รัฐบาลเป็นเงินสด 600 ล้านบาท แต่จะคืนให้รัฐบาลเป็นวัคซีนมูลค่า 600 ล้านบาท ประเด็นที่หลายคนสงสัยเรื่องที่รัฐบาลให้ทุนพัฒนาศักยภาพกับ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำนวน 600 ล้านบาท นั้น นางนวลพรรล กล่าวว่า สยามไบโอไซเอนซ์ได้ระบุในสัญญาว่าจะคืนเงิน 600 ล้านบาท ให้กับรัฐบาล โดยเมื่อครบรอบการผลิตแล้วจะใช้คืนโดยการซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่มีมูลค่า 600 ล้านบาทคืนรัฐบาล

มติมหาเถรสมาคม ประกาศการใช้ชื่อ "โรคโควิด" เป็นภาษาบาลีว่า "โควิโท"

"นายสิปป์บวรระบุว่า ที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) สรุปความว่า โรคโควิด หรือโควิด นำมาเขียนภาษาบาลี ต้องปริวรรตอักษรเป็นอักษรโรมันที่ใช้เขียนภาษาบาลี และเป็นภาษาบาลีสากล โดยมีมติเห็นชอบให้ใช้ศัพท์ว่า “โควิโท” เป็นชื่อ โรคโควิด เป็นภาษาบาลี และอสาธารณนาม" การสวดมนต์ไล่โควิด เป็นความเชื่อส่วนบุคคล หรือเป็นการเสริมสร้างขวัญและกำลังใจ แม้กิจกรรมนี้จะไม่สามารถกำจัดเชื้อโควิดได้จริงๆก็ตาม อย่างไรก็ตามการบัญญัติหรือแปลงเป็นภาษาบาลีดังกล่าวก็มีการรายงานข่าวแล้วในบางสำนักข่าวจริง

มาจาก official account ของ Orlando Health

* ในเอกสารเต็มของ WHO มีประโยค Vaccine efficacy results showed that the vaccine prevented symptomatic disease in 51% of those vaccinated and prevented severe COVID-19 and hospitalization in 100% of the studied population. (ผลการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนพบว่า วัคซีนป้องกันโรคตามอาการใน 51% ของผู้ที่ได้รับวัคซีน และป้องกัน COVID-19 รุนแรงและการรักษาในโรงพยาบาลใน 100% ของประชากรที่ทำการศึกษา) * แต่ในเอกสารเต็มของ WHO ฉบับนี้ ไม่มีทั้งเลข 84% และ 94% * แต่บางแหล่งข่าวต่างประเทศ ที่มีเลข 51-84% อยู่จริง ๆ (The WHO's separate Strategic Advisory Group of Experts (SAGE) had said previously that vaccine efficacy in multi-country Phase III clinical trials ranged from 51% to 84%.) และมีบางแหล่งที่ศึกษาวิจัยได้ 84% จริง * มีบางแหล่งที่วัดได้ค่าประสิทธิภาพสูงมาก อินโดนีเซียเคยศึกษาวิจัยได้ 94% จริง สรุปคือ 84% และ 94% นั้นมีจริง แต่ไม่ใช่ตัวเลขของ WHO ในเอกสาร ตัวเลข 84% อาจนำมาจากแหล่งข่าวต่างประเทศ แต่ไม่มีในเอกสาร WHO ฉบับนี้ ประโยค "ประสิทธิภาพการป้องกันอยู่ที่ 51% ป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิตได้ 100%" WHO พูดในทำนองนั้นจริง (แม้100%จะฟังดูเว่อร์เกินไปมากๆก็ตาม)

* ในเอกสารเต็มของ WHO มีประโยค Vaccine efficacy results showed that the vaccine prevented symptomatic disease in 51% of those vaccinated and prevented severe COVID-19 and hospitalization in 100% of the studied population. (ผลการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนพบว่า วัคซีนป้องกันโรคตามอาการใน 51% ของผู้ที่ได้รับวัคซีน และป้องกัน COVID-19 รุนแรงและการรักษาในโรงพยาบาลใน 100% ของประชากรที่ทำการศึกษา) * แต่ในเอกสารเต็มของ WHO ฉบับนี้ ไม่มีทั้งเลข 84% และ 94% * แต่ก็มีบางแหล่งที่ศึกษาวิจัยได้ประมาณ 84% จริง เลขนี้จึงอาจจะปนเข้ามาจากแหล่งอื่น ขึ้นกับแหล่งข้อมูลและวิธีการวัดประสิทธิภาพ * มีบางแหล่งที่วัดได้ค่าประสิทธิภาพสูงมาก อินโดนีเซียเคยศึกษาวิจัยได้ 94% จริง สรุปคือ 84% และ 94% นั้นมีจริง แต่ไม่ใช่ตัวเลขของ WHO ในเอกสาร ประโยค "ประสิทธิภาพการป้องกันอยู่ที่ 51% ป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิตได้ 100%" WHO พูดในทำนองนั้นจริง (แม้100%จะฟังดูเว่อร์เกินไปมากๆก็ตาม)

* ในเอกสารเต็มของ WHO มีประโยค Vaccine efficacy results showed that the vaccine prevented symptomatic disease in 51% of those vaccinated and prevented severe COVID-19 and hospitalization in 100% of the studied population. (ผลการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนพบว่า วัคซีนป้องกันโรคตามอาการใน 51% ของผู้ที่ได้รับวัคซีน และป้องกัน COVID-19 รุนแรงและการรักษาในโรงพยาบาลใน 100% ของประชากรที่ทำการศึกษา) * แต่ในเอกสารเต็มของ WHO ฉบับนี้ ไม่มีทั้งเลข 84% และ 94% * แต่ก็มีบางแหล่งที่ศึกษาวิจัยได้ประมาณ 84% จริง เลขนี้จึงอาจจะปนเข้ามาจากแหล่งอื่น ขึ้นกับแหล่งข้อมูลและวิธีการวัดประสิทธิภาพ * มีบางแหล่งที่วัดได้ค่าประสิทธิภาพสูงมาก อินโดนีเซียเคยศึกษาวิจัยได้ 94% จริง สรุปคือ 84% และ 94% นั้นมีจริง แต่ไม่ใช่ตัวเลขของ WHO ในเอกสาร ประโยค "ประสิทธิภาพการป้องกันอยู่ที่ 51% ป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิตได้ 100%" WHO พูดในทำนองนั้นจริง (แม้100%จะฟังดูเว่อร์เกินไปมากๆก็ตาม)

* ในเอกสารเต็มของ WHO มีประโยค Vaccine efficacy results showed that the vaccine prevented symptomatic disease in 51% of those vaccinated and prevented severe COVID-19 and hospitalization in 100% of the studied population. (ผลการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนพบว่า วัคซีนป้องกันโรคตามอาการใน 51% ของผู้ที่ได้รับวัคซีน และป้องกัน COVID-19 รุนแรงและการรักษาในโรงพยาบาลใน 100% ของประชากรที่ทำการศึกษา) * แต่ในเอกสารเต็มของ WHO ไม่มีเลข 84% เลขนี้จึงอาจจะปนเข้ามาจากแหล่งอื่น ขึ้นกับแหล่งข้อมูลและวิธีการวัดประสิทธิภาพ * มีบางแหล่งที่วัดได้ค่าประสิทธิภาพสูงมาก อินโดนีเซียเคยศึกษาวิจัยได้ 94% จริง

กระทรวงกิจการศาสนาของอินโดนีเซียออกแถลงการณ์ ทางการอินโดนีเซียไม่อนุญาตให้ประชาชนในอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นชาติมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก เดินทางไปแสวงบุญประกอบพิธีฮัจญ์ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย เป็นปีที่สองติดต่อกัน เพื่อความปลอดภัยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รัฐมนตรีกิจการศาสนาของอินโดนีเซียกล่าวด้วยว่า ทางซาอุดีอาระเบียเองก็ยังไม่ได้เปิดรับผู้แสวงบุญจากต่างประเทศในขณะนี้ เขากล่าวว่า ไม่ใช่เพียงเฉพาะอินโดนีเซีย แต่ขณะนี้ยังไม่มีประเทศใดได้รับโควต้าให้เดินทางจากรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากยังไม่มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ ส่วนนักแสวงบุญคนใดที่จ่ายเงินค่าประกอบพิธีฮัจญ์ไปแล้ว จะต้องเดินทางไปในปีหน้าแทน

เกี่ยวกับเพจ คุณ ส.ส. อาจจะเข้าใจผิด เพราะพบว่าไม่ใช่เพจจริงแต่อย่างใด แต่ วงเงินโครงการเราชนะ ที่เพิ่มขึ้นมา 2,000 บาท จะหมดเขตสิ้นเดือน มิ.ย. จริง และวงเงินโครงการคนละครึ่ง 3,000 บาท ก็กำลังจะมีขึ้นตามมา อันนี้จริง

ภาพนี้เป็นจริง คือ การเคอร์ฟิวทั้ง24ชั่วโมงในไทยนั้น เป็นข่าวปลอม (fake news) ตรงตามที่ในภาพระบุ อีกทั้งการเคอร์ฟิวทั้ง24ชั่วโมงก็ไม่น่าจะทำได้จริงในทางปฏิบัติด้วย

การเคอร์ฟิวทั้ง24ชั่วโมงในไทย เป็นข่าวปลอม (fake news) ตามที่ในภาพระบุ และไม่น่าจะทำได้จริงในทางปฏิบัติด้วย

มีการแบ่งเขตใหม่ ทำให้ปัจจุบันนี้ "ถนนลาดพร้าว" ไม่ได้ผ่าน "เขตลาดพร้าว" แล้ว และห้างทั้งสามอยู่ที่ถนนลาดพร้าวจริงแล้วก็อยู่ในเขตดังกล่าวจริง

องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เผยวันนี้ว่า ทาง WHO ได้อนุมัติวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตโดย ซิโนแวค ไบโอเทค สำหรับรายการใช้ในกรณีฉุกเฉิน เพื่อปูทางสู่การใช้วัคซีนตัวที่ 2 ของจีน ในประเทศยากจน

มันมีบางอย่างที่จิตวิทยาถือว่าใช่ เพราะ เป็นการบำบัด แต่บางอย่างก็ไม่ใช่ทั้งหมด เข้าใจได้ต้องการสื่อสาร ซึ่งมันไม่ชัดเจน จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้ เพราะ ทุกคนไม่เหมือนกัน จะทำอะไรมั่วๆไม่ได้

การเลิกขาย 91 นั้นเกิดขึ้นจริงแล้วในหลายปั๊ม แต่บางปั๊มอาจยังมี 91 ให้บริการอยู่ แต่หากเลิกขาย 95 ไปด้วยก็จะมีรถที่ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก (รถเครื่องยนต์เบนซิน รุ่นที่ไม่รองรับ E20 และ E85) การเลิกขาย95จึงยังไม่เกิดขึ้นในระยะนี้

หากใส่สารจริง อาจทำให้รสชาติของน้ำแข็งผิดเพี้ยนไป (ไม่จืดเหมือนปกติ) และทำให้ต้นทุนสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น จึงไม่มีเหตุผลเลยที่อุตสาหกรรมน้ำแข็งรายใดจะทำเช่นนั้น

เชื้อโควิด-19 อาจปนเปื้อนในน้ำแข็งหรืออาหารแช่แข็งได้