ข่าวจริงหรือข่าวลวง

ท็อปส์ ไทยแลนด์ เตือน! บริษัท​ไม่มีแคมเปญแจกคูปอง 2,000 บาท

ตามที่มีข้อความปรากฏตามสื่อ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง โรงพยาบาลสงฆ์ กำลังขาดแคลนสิ่งของจำเป็น ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย โรงพยาบาลสงฆ์ พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ . จากกรณีที่มีข้อความขอรับบริจาคของโรงพยาบาลสงฆ์ ว่ากำลังขาดแคลนสิ่งของจำเป็น ทางโรงพยาบาลสงฆ์ ได้ชี้แจงถึงประเด็นนี้ว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลสงฆ์ ไม่ได้ขาดแคลนสิ่งของตามที่ต้นทางระบุ

รฟม. ร่วมกับ BEM จับมือ ทรูมันนี่ เปิดบริการ เติมเงิน บัตรโดยสาร รถไฟฟ้า MRT ผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet แทนเงินสด ลดสัมผัส ห่างไกลไวรัสโควิด-19” การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ร่วมกับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า MRT จับมือ ทรูมันนี่ ผู้นำด้านบริการอิเล็กทรอนิกส์เพย์เมนท์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดให้บริการ เติมเงิน บัตรโดยสารรถไฟฟ้า MRT ผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet เพื่อมอบช่องทางการเติมเงินแบบไร้เงินสดที่สะดวกสบาย ช่วยลดสัมผัส และความเสี่ยงต่อเชื้อโควิด-19 ตอบรับมาตรการควบคุมและลดการแพร่ระบาดของภาครัฐ อีกทั้งความต้องการของผู้ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางเพื่อประกอบภารกิจสำคัญในช่วงนี้ พร้อมมอบการสนับสนุน “ทรูมันนี่ เติมพลังใจบุคลากรทางการแพทย์ เติม 100 คืน 100*” เพื่อร่วมเป็นอีกหนึ่งแรงใจช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่ยังมีความจำเป็นต้องเดินทางไปประกอบภารกิจในช่วงนี้ BEM MRTA TrueMoney Wallet เติมเงิน MRT นอกจากนี้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งแรงใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ยังมีความจำเป็นต้องเดินทางออกไปประกอบภารกิจในช่วงนี้ ทรูมันนี่ยังได้มอบการสนับสนุน “ทรูมันนี่ เติมพลังใจบุคลากรทางการแพทย์ เติม 100 คืน 100*” เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าเดินทางสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ใช้บริการของรถไฟฟ้า MRT เพียงเข้าไปที่หน้าแอปฯ และกดลงทะเบียนยืนยันเพื่อรับสิทธิ์* ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 2563 (หรือจนกว่าจำนวนสิทธิ์จะหมด) ตามขั้นตอน ดังนี้ เข้าไปที่หน้าแอปฯ TrueMoney Wallet กดที่ banner “ทรูมันนี่ เติมพลังใจบุคลากรทางการแพทย์ เติม 100 คืน 100*” เพื่อเข้าไปในหน้า landing page คลิกแบนเนอร์กิจกรรม เพื่อกรอกรับสิทธิ์ ใน Google form แล้วกด Submit เติมเงินบัตรโดยสาร MRT หรือ MRT Plus ที่ 100 บาท (การเติมเงินบัตรโดยสาร MRT และ MRT Plus ตามปกติมีขั้นต่ำที่ 100 บาท) รับเงินคืนเข้า Wallet จำนวน 100 บาท ทุกวันที่ 15 และ 30 ของเดือน ภายหลังได้รับการยืนยันความถูกต้องของข้อมูล เฉพาะการเติมเงินเข้าบัตรโดยสาร MRT และ MRT Plus ครั้งแรก*ผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet

ทีมนักวิทยาศาสตร์จากบริษัทซิโนแวค ไบโอเทคในจีน เปิดเผยผลการทดลองวัคซีนโควิด-19 ในลิงล่าสุดว่า ได้ทำการทดลองกับลิงทั้งหมด 8 ตัว โดยได้ฉีดวัคซีนทดลองโควิด-19 จำนวน 2 โดส ในระดับความแรงของวัคซีนที่ต่างกันในลิงแต่ละตัว หลังจากนั้น 3 สัปดาห์ ทีมนักวิจัยจึงได้ฉีดเชื้อไวรัสซึ่งเป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19 ตรงเข้าสู่ปอดของลิงทดลอง โดยผ่านทางท่อที่สอดเข้าไปทางหลอดลม ลงไปถึงปอดผลการทดลองปรากฏว่า ลิงทุกตัวไม่มีตัวใดเลยที่มีอาการกำเริบ จนถึงระดับติดเชื้อแบบเต็มขั้นและวัคซีนยังไม่ได้ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใดๆ ในลิงทุกตัวด้วย ทีมนักวิทยาศาสตร์ที่ทำการทดลองวัคซีน รายงานต่อไปว่า ลิงที่ได้รับวัคซีนที่มีความเข้มข้นสูงสุด พบว่าได้ผลดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 โดยพบว่า 7 วันหลังจากที่ลิงได้รับไวรัสทดลองโควิด-19 เข้าไปแล้ว ผลการตรวจร่างกายลิงกลุ่มนี้ไม่พบเชื้อโควิด-19 ในคอหรือในปอดเลย ส่วนลิงที่ได้รับวัคซีนที่มีความเข้มข้นน้อยกว่า พบว่าแสดงอาการติดเชื้อไวรัสเพียงชั่วคราว แต่หลังจากนั้นการติดเชื้อก็ถูกควบคุมเอาไว้ได้เพราะผลจากวัคซีน ในทางตรงกันข้าม ลิงทดลองที่เป็นกลุ่มควบคุม 4 ตัวได้แสดงอาการโรคปอดบวมขั้นรุนแรง หลังจากได้รับเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้าไปในร่างกาย ข่าวนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการรายงานว่า หนึ่งในวัคซีนทดลองโควิด-19 ที่กำลังอยู่ในขั้นทดลองทั่วโลกใช้ได้ผลในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในสัตว์ทดลอง โดยทั่วโลกในขณะนี้กำลังพัฒนาวัคซีนในขั้นทดลองทั้งหมดกว่า 70 ตัว ผลการทดลองครั้งนี้ ทำให้ทีมนักวิจัยของบริษัทซิโนแวค รู้สึกเชื่อมั่นอย่างมากว่า วัคซีนนี้จะได้ผลในการทดลองกับมนุษย์และทางบริษัทได้เริ่มทดลองวัคซีนในมนุษย์ไปแล้วเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา สำหรับบริษัทซิโนแวค ไบโอเทค เป็นบริษัทเอกชนในกรุงปักกิ่ง ส่วนวัคซีนทดลองของบริษัทนี้เป็นลักษณะของวัคซีนในรูปแบบดั้งเดิม คือประกอบด้วยเชื้อไวรัสที่ถูกทำให้หมดฤทธิ์โดยวิธีการทางเคมี

เนื้อหาข่าวนี้ อยู่นอกเหนือการตรวจสอบ พบเพียงกระแส ข่าวที่ไม่มีข้อสรุป

เนื้อหาข่าวนี้อยู่นอกเหนือการตรวจสอบ

ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยหางโจวมณฑลเจ้อเจียง เผยไวรัสโควิด-19 ได้กลายพันธุ์แล้วกว่า 33 สายพันธุ์ ตามสภาพการติดต่อในหลายพื้นที่ของโลก อาจทำให้กระบวนการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ต่างสายพันธุ์ยุ่งยากซับซ้อนขึ้น ทางการรัฐมิสซูรี ยื่นฟ้องศาลสหรัฐฯ ให้ดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายจากจีน ที่โกหกปิดบังการแพร่ ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่จีนโต้กลับระบุเรื่องที่ถูกรัฐมิสซูรีฟ้องเป็นเรื่อง “ไร้สาระ” ด้านนายกฯออสซี เรียกร้อง 3 ชาติผนึกกำลังกับ WHO ตั้งหน่วยงานสอบสวนแหล่งที่มาโควิด-19 ส่งผลให้ทูตจีนประจำแดนจิงโจ้เคือง ชี้ควรร่วมมือกันหยุดยั้งการระบาดแทนการทำให้เป็นเรื่องปัญหาการเมือง ระบบการระบาด ของไวรัสโควิด-19 ไม่มีพรมแดน สภาคองเกรสอนุมัติเงิน 4.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แก้ปัญหาการระบาดของไวรัสล้างโลก ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งกว่า 2.5 ล้านคน เฉพาะสหรัฐฯ ทะยานถึง 8.2 แสนคน ตามด้วยสเปนติดเชื้อมากเป็นอันดับสอง

อย. โต้ปม 'กักชุดตรวจโควิด-19' ที่ด่านสุวรรณภูมิ นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่มีเฟซบุ๊กเสนอข้อมูลว่า ทางรัฐวิสาหกิจจีนผู้ผลิตชุดตรวจโควิด-19 Rapid Antibody Test Kit ได้บริจาคชุดตรวจมอบให้กรมควบคุมโรค แต่ชุดตรวจดังกล่าวถูกกักอยู่ที่ด่านสุวรรณภูมิ รวมทั้งยังไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทั้งที่เป็นชุดตรวจที่รัฐบาลจีนรับรองนั้น อย. ได้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดพบเป็นข้อมูลเท็จ

องค์การอนามัยโลกเตือน ทุกประเทศในเอเชียแปซิฟิกต้องเตรียมรับมือ การระบาดโควิด 19 ในชุมชนเป็นวงกว้าง อย่าเพิ่งผ่อนคลายมาตรการ เพราะจะเป็นการต่อสู้ระยะยาว ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก แปซิฟิกตะวันตก ทาเคชิ คาไซ เตือนนานาประเทศ การระบาดโควิด 19 ครั้งนี้ ในเอเชียและแปซิฟิก ยังอีกนานกว่าจะจบ นี่จะเป็นการต่อสู้ระยะยาว และจะเผลอผ่อนคลายไม่ได้ ทุกประเทศต้องยังเตรียมตัวรับมือการระบาดในชุมชนเป็นวงกว้างต่อไป คาไซ ออกมาเตือนเตือน หลังธนาคารโลก ระบุว่า วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดจาก การระบาดโควิด 19 จะทำให้หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเข้าสู่ภาวะยากจน

การตรวจที่ผ่านมาด้วยวิธี RT-PCR ต้องใช้บุคลากร ชุดPPE จำนวนมาก ซึ่งเป็นชุดที่ทั่วโลกต้องการทำให้ขาดแคลน ดังนั้นกรมฯ จึงร่วมกับสถาบันบำราศนราดูรในการตรวจหาเชื้อจากน้ำลายที่ขากมาจากส่วนลึกในลำคอ ซึ่งต้องย้ำว่าไม่ใช่แค่การถ่มน้ำลายที่ได้จากกระพุ้งแก้มเท่านั้น ทั้งนี้เมื่อได้แล้วถ่มลงไปในกระปุกที่มีอาหารสำหรับไวรัสอยู่ ล้างมือให้สะอาดปิดกระปุกใส่ลงไปในถุงซิป 3 ชั้น จากนั้นจะนำไปตรวจด้วยวิธี RT-PCR เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้ใน ฮ่องกง อเมริกา รวมถึงรพ.รามาธิบดีทำก็พบว่า ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งในลำคอ ตรวจ 100 คนโอกาสเจอ 90 คน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาไทยใช้วิธีนี้ในการเก็บตัวอย่างเชื้อวัณโรค นอกอาคารรพ.ด้วย ย้ำว่าไม่มีการแพร่สู่ผู้อื่น ดังนั้นเป็นวิธีที่ตอบโจทย์ จะใช้ในการคัดกรองต่อไป แต่ไม่ได้มาทดแทนการตรวจสารคัดหลั่งในลำคอด้วยวิธี RT-PCR

อันนี้เป็นความเชื่อที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันเลยพ่อแม่พี่น้องเอ๊ย อย่าทำเลย สงสารแมว ขณะที่ นายธเนศ ถวิลหวัง ปศุสัตว์จังหวัดนครพนม กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกที่ทราบว่ามีการจับแมวไปขายต่างชาติเพื่อนำเนื้อไปทำอาหาร ส่วนตัวไม่รู้ว่าเอาไปทำอาหารชนิดใด แต่อยากให้พึงระวังเรื่องโรคพิษสุนัขบ้า เพราะแมวมีเชื้อพวกนี้ในตัว และบางตัวไม่ได้ถูกเลี้ยงดูหรือฉีดวัคซีนป้องกัน ก็จะยิ่งเป็นอันตรายหากจะนำไปบริโภคตามที่เป็นข่าวอีกด้วย

ปัจจุบันมีการทำแล็ปและใช้ชุดตรวจที่สามารถผลิดตได้โดยคนไทย บริษัทของคนไทย มีพื้นที่ที่จะตรวจได้เป็น 100 แห่ง ด้วยความร่วมมือร่วมใจกันทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน

วันนี้ (24 เม.ย.2563) ที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ผลการศึกษาชิ้นใหม่พบว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ถูกทำลายลงได้อย่างรวดเร็วด้วยแสงอาทิตย์ โดยรังสีอัลตราไวโอเลตมีผลต่อสารพันธุกรรมและการแบ่งตัวของเชื้อดังกล่าว นอกจากนี้ ผลวิจัยเบื้องต้นยังพบว่าไวรัสทนอุณหภูมิที่ร้อนและสภาวะที่มีความชื้นสูงได้ไม่ดีนัก โดยการทดลองพบว่าไวรัสลดจำนวนลดครึ่งหนึ่งภายในเวลาเพียง 2 นาที ในสภาวะที่มีความชื้นร้อยละ 80 และมีแสงแดดส่องถึง

การทดสอบยา เรมเดซิเวียร์ ได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีการรักษาอย่างเป็นทางการ หรือวัคซีนสำหรับป้องกันไวรัสโควิด-19 แต่การทดสอบในจีน ซึ่งเป็นการให้ยาทางหลอดเลือดดำ ไม่สามารถทำให้ผู้ป่วยหลายรายมีอาการดีขึ้น หรือ ลดจำนวนไวรัสในกระแสเลือดของพวกเขาได้ อย่างไรก็ตาม รายละเอียดของการทดลองยังไม่มี และชี้ให้เห็นข้อจำกัดต่างๆ ในการตีความข้อมูลที่ยังไม่ผ่านการทบทวนโดยสมบูรณ์ ขณะที่โพสต์ขององค์การอนามัยโลก ที่เว็บไซต์ข่าว STAT ถ่ายรูปเก็บไว้ได้ก่อนจะโดนลบไป ระบุว่า การทดลองกับคนไข้ 237 ราย มี 158 รายที่ได้รับยา เรมเดซิเวียร์ ส่วนที่เหลือ 79 รายได้รับยาหลอก พบว่าอัตราการเสียชีวิตในกลุ่มผู้ได้รับยา เรมเดซิเวีย์ อยู่ที่ 13.9% ใกล้เคียงกับกลุ่มผู้ป่วยควบคุม ที่มีอัตรา 12.8% กีเลียด ระบุในแถลงการณ์ว่า ข้อมูลที่หลุดออกมารวมไปถึงคุณลักษณะที่ไม่เหมาะสมของการทดลอง ซึ่งถูกยกเลิกไปก่อนกำหนดเพราะมีผู้เข้าร่วมการทดลองน้อย และเป็นผลให้ ไม่สามารถมีข้อสรุปที่มีความสำคัญในเชิงสถิติได้ “การศึกษานี้ไม่มีข้อสรุปแน่ชัด แม้ว่าทิศทางของข้อมูลชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของเรมเดซิเวียร์ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาในช่วงเริ่มต้นของการติดเชื้อ” กีเลียด ระบุโดยไม่มีข้อมูลสนับสนุนคำกล่าวอ้างของพวกเขา ในขณะเดียวกัน มีหมอหลายคนเชื่อว่า ยาต้านไวรัสอย่าง เรมเดซิเวียร์ น่าจะมีประสิทธิภาพที่สุดเมื่อใช้กับผู้ป่วยโดยเร็วที่สุดหลังจากติดโรค เนื่องจากมันถูกออกแบบมาเพื่อยับยั้งไม่ให้ไวรัสลอกเลียนตัวเองขึ้นมาในกระแสเลือดของผู้ป่วย

กระทรวงอุตสาหกรรม ได้บริหารจัดการแจกจ่าย ดังนี้ กลุ่มที่ 1 กรุงเทพมหานคร 5,450,000 ชิ้น จัดส่งโดยไปรษณีย์ไทย ตามข้อมูลทะเบียนบ้านครัวเรือนในเขต กรุงเทพมหานคร ของกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทยตามบัญชีรายชื่อในทะเบียนบ้าน 1 คนต่อ 1 ชิ้น กลุ่มที่ 2 ปริมณฑลและพื้นที่เสี่ยง 2,500,000 ชิ้นมอบหมายให้อุตสาหกรรมจังหวัดประสานผู้ว่าราชการจังหวัดแจกจ่ายประชาชนในพื้นที่ กลุ่มที่ 3 เจ้าหน้าที่/พนักงานกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ 2,050,000 ชิ้น ซึ่งจะได้ประสานหน่วยงานต่างๆ ในการรับมอบหน้ากากผ้าต่อไป ดังนั้นการกรอกรหัสทะเบียนบ้านที่ www.หน้ากากไทยต้านโควิด http://xn--l3c.com/ ซึ่งไม่ใช่การลงทะเบียนเพื่อขอรับตามที่กล่าวอ้าง

รัฐบาลไม่ได้ขอรับบริจาคจาก 20 มหาเศรษฐีตามที่กล่าวอ้าง โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการส่งจดหมายเปิดผนึกไปยัง 20 มหาเศรษฐีในไทยว่า “ที่ส่งจดหมายเปิดผนึกเพื่อรับทราบว่าดำเนินการช่วยเหลือบุคลากรในแต่ละองค์กรอย่างไรบ้าง เพื่อจะช่วยเสริมในมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลที่ออกไปแล้ว ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะกู้เงินหรือยืมเงินของเขา รัฐบาลมีเงินอยู่แล้ว” ทั้งนี้ ชุดตรวจหาสารพันธุกรรมโควิด-19 RT-PCR ของไทยไม่ได้มีการจัดซื้อตามที่กล่าวอ้าง แต่เป็นผลงานวิจัยและพัฒนาของมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และบริษัทเอกชน ซึ่งใช้มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในการยืนยันผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ชุดตรวจ 20,000 ชุดแรก มอบให้นายกฯ นำไปแจกให้โรงพยาบาลและห้องแล็บตรวจเชื้อทั่วประเทศ และจะทยอยส่งมอบชุดตรวจทุกสัปดาห์จนครบ 100,000 ชุดในเดือนเมษายน และ 1 ล้านชุดภายใน 6 เดือน พร้อมทั้งแบ่งแจกจ่ายให้ในประเทศอาเซียน ประเทศละ 10,000 ชุด

ตามข้อเท็จจริงนั้น ผู้ที่ประสงค์จะบริจาคอาหารหรือของใช้ ต้องประสานกับจังหวัด อำเภอ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก่อนการแจกจ่ายมอบสิ่งของ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดจะสนับสนุนให้ความช่วยเหลือต่อประชาชนและภาคเอกชนตามสั่งการของปลัดกระทรวงมหาดไทย สามารถตรวจสอบวิธีแจกของบริจาคได้ที่ LINK ด้านล่าง เพื่อความสะดวกของผู้มีจิตศรัทธา

เนื้อหา … ยังไม่ได้รับโดยเอกฉันท์จากสังคม เนื้อหา … ยังไม่ได้รับโดยเอกฉันท์จากสังคม วันนี้มีบทความจากเว็บไซต์ในต่างประเทศที่รวมรวมข้อมูลเรื่องน้ำมันกัญชากับสุขภาพ เผยแพร่บทความเรื่องแนวนี้พอดี เค้าบอกว่าคำตอบมันก็ลังเล เพราะยังไม่มีหลักฐานว่าช่วยป้องกันได้ แต่ก็มีข้อมูลว่ามีสารในแง่ลดการอักเสบที่จะเป็นประโยชน์ แต่ถ้าใช้เป็นการสูบก็ยิ่งอันตรายต่อผู้ป่วยทางเดินหายใจ ข้อสรุปตอนท้ายของบทความนี้เสนอให้มีการค้นคว้าวิจัยต่อไป เพราะเราต้องอยู่กับโรคระบาดอีกยาว อย่างน้อยถ้ามีข้อมูลมากขึ้นก็จะช่วยได้มากขึ้นเช่นกัน

ข้อแนะนำอาหารควรเลือกและควรเลี่ยงในช่วงโควิด https://www.facebook.com/watch/?v=3249859855047921

https://www.youtube.com/watch?v=fTl5oeJzA8I

เพื่อการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน MEA จะคืนเงินด้วยวิธีการหักจากค่าไฟฟ้าของแต่ละเดือน โดยผู้ที่ชำระค่าไฟไปแล้ว จะมีการหักคืนให้ในบิลค่าไฟฟ้ารอบถัดไป

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่แม้ปัจจุบันจะมีทิศทางที่ดีขึ้น แต่หากวิกฤตนี้กลับมาอีกครั้ง ยาในบ้านเราจะมีมากพอต่อการดูแลผู้ป่วยหรือไม่...เรื่องนี้ขอให้ทุกคนวางใจได้ เพราะตอนนี้องค์การเภสัชกรรมได้เพิ่มกำลังการผลิตยาสำคัญที่ใช้ต้านโรคโควิด-19 เพื่อสำรองให้เพียงพอ และจะไม่กระทบต่อผู้ป่วยที่ใช้ยาเหล่านี้อยู่เดิม จำนวน 5 รายการ ประกอบด้วย 1. ยาคลอโรควิน รักษาโรคมาลาเรีย จำนวน 1.8 ล้านเม็ด 2. ยาต้านไวรัสเอดส์ สูตรผสมโลพินาเวียร์และริโทรนาเวียร์ จำนวน 30.6 ล้านเม็ด 3. ยาต้านไวรัสเอดส์ดารุนาเวียร์ จำนวน 1.9 ล้านเม็ด 4. ยาต้านไวรัสเอดส์ริโทรนาเวียร์ จำนวน 1.9 ล้านเม็ด 5. ยาอะซิโธรมัยซิน ยาปฏิชีวนะใช้รักษาอาการติดเชื้อจากแบคทีเรีย จำนวน 3.4 ล้านเม็ด ADVERTISEMENT นอกจากนี้ ยังเร่งสั่งซื้อยาต้านโควิด-19 อีก 2 รายการ คือ ยาฟาวิพิราเวียร์ จากประเทศญี่ปุ่น และจีน ซึ่งขณะนี้จัดหาได้แล้ว 187,000 เม็ด และภายในเดือน เม.ย. 63 จะได้รับเพิ่มอีก 103,860 เม็ด รวมถึงยาไฮดรอกซีคลอโรควิน ที่ได้สั่งซื้อแล้วจากผู้ผลิตในประเทศ จำนวน 1.09 ล้านเม็ด

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ ThaiHealth เผยถึงกรณีที่หลายคนสงสัยว่า เจลแอลกอฮอล์ที่เก็บไว้ในรถ จะทำให้ประสิทธิภาพลดลง และฆ่าเชื้อโควิด-19 ไม่ได้ จริงหรือไม่ โดยระบุว่า จริง เพราะความร้อนในรถทำให้แอลกอฮอล์ระเหย จนความเข้มข้นลดลง ไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้.

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด -19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 ความว่า ด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) ได้แพร่อย่างรวดเร็ว และกว้างขวางไปหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นจํานวนมาก ประกอบกับองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้การระบาด ของโรคโควิด -19 เป็นการระบาดใหญ่ (Pandemic) ในส่วนของประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคําแนะนําของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้ประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด -19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) เป็นโรคติดต่ออันตราย ลําดับที่ 14 และต่อมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคําแนะนําของคณะกรรมการด้านวิชาการ ได้ประกาศให้ท้องที่นอกราชอาณาจักรบางท้องที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) อย่างไรก็ดี ประเทศไทยมีความเสี่ยงอย่างยิ่ง ที่จะเกิดการติดต่อของโรคโควิด -19 ที่มากับผู้เดินทางซึ่งมาจากกลุ่มประเทศที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย หรือประเทศที่มีพรมแดนติดกับกลุ่มประเทศดังกล่าว ซึ่งมีสถานการณ์การระบาด ของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคโควิด -19 ที่อาจจะเข้ามาภายในราชอาณาจักร และเพื่อให้การเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด -19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคําแนะนําของคณะกรรมการ ด้านวิชาการ จึงเห็นสมควรประกาศกําหนดให้ท้องที่นอกราชอาณาจักร ที่เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เพิ่มเติม ซึ่งหากสภาวการณ์ของ โรคดังกล่าวสงบลงหรือมีเหตุอันสมควร จะได้มีการประกาศยกเลิกเขตติดโรคติดต่ออันตรายต่อไป อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง ประกอบกับมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติ โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยคําแนะนําของคณะกรรมการ ด้านวิชาการ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ท้องที่นอกราชอาณาจักร ที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด -19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563” ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (5) - (9) ของข้อ 3 แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด -19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2563 (5) มาเลเซีย (Malaysia) (6) ราชอาณาจักรกัมพูชา (Kingdom of Cambodia) (7) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (Lao People's Democratic Republic) (8) สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Republic of Indonesia) (9) สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า (Republic of the Union of Myanmar)

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย แจงปลัดกระทรวงมหาดไทยสั่งการให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือประชาชน และภาคเอกชน ที่มีจิตศรัทธาให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยผู้ที่ประสงค์จะบริจาคให้ประสานกับจังหวัด อำเภอ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อทำความเข้าใจก่อนแจกจ่ายสิ่งของ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปฏิบัติตามหลักในการป้องกัน