โคแฟคตรวจสอบ: เนื้อหาเรื่องการเปิดด่านคลองลึกทุกวันพุธและวันอาทิตย์ที่สื่อมวลชนและผู้ใช้โซเชียลมีเดียรายงานนั้นอ้างอิงมาจากโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ที่มีสัญลักษณ์และชื่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้วที่ระบุว่า "หลังจากวันนี้ (29 ส.ค.) เป็นต้นไป จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จะเปิดให้บริการคนไทยและกัมพูชาเพื่อเดินทางกลับประเทศภูมิลำเนา ทุกวันพุธและวันอาทิตย์ตั้งแต่เวลา 13.00-16.00 น. เริ่มวันอาทิตย์ที่ 31 ส.ค. 68 เป็นต้นไป" โคแฟคตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว ซึ่งให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์วันนี้ (1 ก.ย. 68) ได้ข้อมูลดังนี้ 1. เพจเฟซบุ๊ก "ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว - Sakaeo Immigration" โพสต์ข้อความประชาสัมพันธ์เรื่องการเปิดด่านจริง ซึ่งเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสระแก้ว ต่อมา ตม.สระแก้วจึงได้ลบข้อความดังกล่าวจากเพจและโพสต์ชี้แจงเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 68 เวลา 22.40 น. ว่าทุกจุดผ่านแดนฯ ในพื้นที่ จ.สระแก้ว ยังคงปิดเช่นเดิม พร้อมกับขอโทษประชาชนที่มีส่วนทำให้เกิดความสับสนและความเข้าใจผิด 2. วันที่ 31 ส.ค. 68 ตม.สระแก้วได้เปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึกในเวลา 13.00-16.00 น. เพื่ออนุโลมให้คนไทยที่ยังตกค้างอยู่ในประเทศกัมพูชาและคนกัมพูชาที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ เป็นวันสุดท้าย โดยทุกคนจะต้องมีเอกสารการเดินทางที่ถูกต้องเท่านั้น 3. ขณะนี้ทุกจุดผ่านแดนใน จ.สระแก้ว ยังคงปิดตลอดเวลาเช่นเดิม

ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีผลบังคับตั้งแต่ 2 กันยายน 2568 กำหนดให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมต้องตรวจสอบและคัดกรองผู้ใช้บริการที่มีพฤติกรรมผิดปกติ หากพบต้องระงับการใช้งานตามคำสั่ง กสทช. ภายใน 24 ชั่วโมงสำหรับมือถือ และ 3 วันสำหรับบริการอื่น ๆ นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลผู้ลงทะเบียน ทั้งผู้ใช้ใหม่ ผู้ลงทะเบียนตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นมา และผู้ลงทะเบียนก่อนปี 2567 ภายในเวลาที่กำหนด กำหนดให้ A2P SMS ต้องใช้ชื่อผู้ส่งที่ลงทะเบียน และตรวจสอบลิงก์ก่อนส่ง ขณะที่ชาวต่างชาติสามารถลงทะเบียนได้ไม่เกิน 3 เลขหมายต่อคน โดยใช้พาสปอร์ต และ Tourist SIM จำกัดการใช้งานไม่เกิน 60 วัน พร้อมทั้งห้ามเชื่อมต่ออุปกรณ์ SIM BOX หรือ Gateway ที่ไม่ได้ลงทะเบียน และบังคับให้ผู้ให้บริการใส่รหัสหน้าหมายเลขโทรศัพท์จากต่างประเทศ เช่น +697 หรือ +698 เพื่อเตือนผู้ใช้บริการ รวมทั้งต้องมีระบบปฏิเสธการรับสายจากต่างประเทศ.

“กรมอุตุนิยมวิทยา” พยากรณ์อากาศ ประกาศเตือนสภาพอากาศ “มรสุมเข้าไทย” ทำให้เกิดฝนตกหนัก ตลอดทั้งสัปดาห์ 1-7 ก.ย.68 โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน รวมทั้งกทม.และปริมณฑล ช่วงสัปดาห์นี้ 1-7 ก.ย.68 ประเทศไทยยังมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก กทม.และปริมณฑล อิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่าน และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ยังคงพัดปกคลุม ยังต้องเฝ้าระวังน้ำหลากจากฝนที่ยังตกสะสมกัน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง (พิจิตร สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์) แต่อาจเป็นผลดีสำหรับภาคอีสานตอนกลางและตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก กทม.ปริมณฑล ที่จะมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้น แต่อาจเป็นอุปสรรคการเดินทางฝนตกถนนลื่น ต้องเพิ่มความระมัดระวัง พกร่ม เสื้อกันฝน ฝนมักจะเกิดชึ้นช่วงหลังเลิกงาน ส่วนภาคใต้มรสุมยังมีกำลังค่อนข้างแรง ระวังฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ฝั่งอันดามัน ชาวเรือ ชาวประมงเดินเรือด้วยความระวัง เโดยเฉพาะช่วง 1- 3 ก.ย.68 คลื่นลมแรงขึ้น

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) เผยว่า คืนวันที่ 7 ต่อเช้ามืด 8 กันยายน 2568 จะเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง เหนือฟ้าเมืองไทยให้สังเกตได้ทั่วประเทศ โดยดวงจันทร์เริ่มเข้าสู่เงามัวเวลา 22:29 น. และเข้าสู่เงามืดบางส่วนเวลา 23:27 น. ช่วงที่เกิดจันทรุปราคาเต็มดวงคือเวลา 00:31 – 01:53 น. นาน 1 ชั่วโมง 22 นาที ก่อนสิ้นสุดทั้งหมดเวลา 03:55 น. ระหว่างช่วงเต็มดวงดวงจันทร์จะปรากฏเป็นสีส้มอิฐ หรือที่เรียกว่า Blood Moon จากการกระเจิงของแสงอาทิตย์ในชั้นบรรยากาศโลก ปรากฏการณ์นี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี นับจากปี 2565 และยังสามารถสังเกตได้ในหลายพื้นที่ทั่วโลก ขณะที่คนไทยสมัยโบราณเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “ราหูอมจันทร์”

กรมประชาสัมพันธ์ (NBT) ตรวจสอบข้อมูลกลับไปที่ กสทช. และ ทรท. แจ้งว่าได้ตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (สนว. , สปน.) หากมีภารกิจดังกล่าว ว่าไม่มีการส่งหนังสือออกไป และยังไม่มีเหตุการณ์หรือข้อสั่งการตามข้อมูลที่ปรากฏในโพสต์ นอกจากนี้ ยังได้สอบถามไปที่โทรทัศน์ ทั้ง 2 ช่อง ทราบว่าไม่ได้รับหนังสือแจ้งตามที่มีข้อความในโพสต์ดังกล่าว และได้ตรวจสอบข้อมูลกลับที่ กสทช. เช่นกัน ดังนั้นโทรทัศน์ทั้ง 2 ช่อง ก็ถูกแอบอ้าง ใช้ชื่อช่องไปอ้างอิง

โคแฟคตรวจสอบ: เนื้อหาเรื่องการเปิดด่านคลองลึกทุกวันพุธและวันอาทิตย์ที่สื่อมวลชนและผู้ใช้โซเชียลมีเดียรายงานนั้นอ้างอิงมาจากโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ที่มีสัญลักษณ์และชื่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้วที่ระบุว่า "หลังจากวันนี้ (29 ส.ค.) เป็นต้นไป จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จะเปิดให้บริการคนไทยและกัมพูชาเพื่อเดินทางกลับประเทศภูมิลำเนา ทุกวันพุธและวันอาทิตย์ตั้งแต่เวลา 13.00-16.00 น. เริ่มวันอาทิตย์ที่ 31 ส.ค. 68 เป็นต้นไป" โคแฟคตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว ซึ่งให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์วันนี้ (1 ก.ย. 68) ได้ข้อมูลดังนี้ 1. เพจเฟซบุ๊ก "ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว - Sakaeo Immigration" โพสต์ข้อความประชาสัมพันธ์เรื่องการเปิดด่านจริง ซึ่งเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสระแก้ว ต่อมา ตม.สระแก้วจึงได้ลบข้อความดังกล่าวจากเพจและโพสต์ชี้แจงเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 68 เวลา 22.40 น. ว่าทุกจุดผ่านแดนฯ ในพื้นที่ จ.สระแก้ว ยังคงปิดเช่นเดิม พร้อมกับขอโทษประชาชนที่มีส่วนทำให้เกิดความสับสนและความเข้าใจผิด 2. วันที่ 31 ส.ค. 68 ตม.สระแก้วได้เปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึกในเวลา 13.00-16.00 น. เพื่ออนุโลมให้คนไทยที่ยังตกค้างอยู่ในประเทศกัมพูชาและคนกัมพูชาที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ เป็นวันสุดท้าย โดยทุกคนจะต้องมีเอกสารการเดินทางที่ถูกต้องเท่านั้น 3. ขณะนี้ทุกจุดผ่านแดนใน จ.สระแก้ว ยังคงปิดตลอดเวลาเช่นเดิม

การสแกนม่านตาสามารถได้รับค่าตอบแทนจริง แต่ล่าสุดตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) และ สภาองค์กรของผู้บริโภค เตือนว่า การสแกนม่านตาเพียงเพื่อผลตอบแทนเงินสดนั้น เสี่ยงต่อการนำข้อมูลไปใช้ในทางผิด ซึ่งการกระทำดังกล่าว ไม่ใช่การดำเนินการโดยภาครัฐ และ ตำรวจไซเบอร์ กำลังติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

ท่าอากาศยานดอนเมือง (DMK) เตรียมปรับอัตราค่าบริการจอดรถใหม่ ซึ่งจะกระทบกับคนที่เดินทางด้วยรถส่วนตัวอย่างแน่นอน โดยการปรับครั้งนี้ทำให้มีราคาค่าบริการเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากราคาเดิม และมาตรการใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป 🚨 สรุปอัตราเปลี่ยนแปลงค่าบริการจอดรถสนามบินดอนเมือง(DMK) แบบใหม่ได้ดังนี้ 🚘 ค่าจอดรถ 1 ชั่วโมง จากเดิม 20 บาท -> ปรับเป็น 25 บาท (แพงขึ้น 5 บาท) • ค่าจอดรถ 2 ชั่วโมง จากเดิม 20 บาท -> ปรับเป็น 50 บาท (แพงขึ้น 25 บาท) • ค่าจอดรถ 3 ชั่วโมง จากเดิม 20 บาท -> ปรับเป็น 80 บาท (แพงขึ้น 60 บาท) • ค่าจอดรถ 4 ชั่วโมง จากเดิม 40 บาท -> ปรับเป็น 110 บาท (แพงขึ้น 70 บาท) • ค่าจอดรถ 5 ชั่วโมง จากเดิม 60 บาท -> ปรับเป็น 145 บาท (แพงขึ้น 85 บาท) • ค่าจอดรถ 6 ชั่วโมง จากเดิม 80 บาท -> ปรับเป็น 180 บาท (แพงขึ้น 100 บาท) • ค่าจอดรถ 7 ชั่วโมงขึ้นไป จากเดิม 110 บาท -> ปรับเป็น 250 บาท (แพงขึ้น 140 บาท) 🏢 โดยการปรับอัตราค่าบริการในครั้งนี้จะมีผลกับอาคารจอดรถยนต์ 3 อาคารดังนี้ • อาคารจอดรถยนต์ ชั้นใต้ดิน (อาคาร 1) • อาคารจอดรถยนต์ 7 ชั้น (ติดกับอาคาร 2) • อาคารจอดรถยนต์ 3 ชั้น (หลังเดิม)

ไทยออยล์ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่า ไม่ใช่คำประกาศรับสมัครงานของไทยออยล์

เป็นการแอบอ้างว่ามีเลขล็อกสลากกินแบ่งรัฐบาล

นมแมลงสาบอาจฟังดูน่ากลัว แต่ความจริงแล้วเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของธรรมชาติและวิทยาศาสตร์ หากในอนาคตเทคโนโลยีสามารถผลิตโปรตีนนมชนิดนี้ได้ในห้องแล็บอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มันอาจกลายเป็น “ซูเปอร์ฟู้ด” ตัวใหม่ที่มาช่วยเลี้ยงดูประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็เป็นได้ น้ำนมที่แมลงสาบชนิดนี้สร้างขึ้นเพื่อเลี้ยงลูก พบว่ามี “ผลึกโปรตีน” (protein crystals) ที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหาร นักวิจัยจากสถาบันวิจัยเซลล์ต้นกำเนิดและเวชศาสตร์ฟื้นฟู ประเทศอินเดีย ได้ทำการวิเคราะห์ผลึกเหล่านี้ และพบว่ามีพลังงานหนาแน่นสูงกว่านมวัวถึง 3 เท่า เมื่อเปรียบเทียบในปริมาณเท่ากัน นอกจากนี้ ผลึกโปรตีนยังจัดเป็น “โปรตีนสมบูรณ์” เพราะมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน พร้อมทั้งมีไขมันและน้ำตาลในปริมาณที่สมดุล อีกทั้งยังค่อย ๆ ปล่อยพลังงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานที่ยาวนานกว่าเครื่องดื่มบำรุงทั่วไป แม้ผลการวิจัยจะยืนยันถึงคุณค่าทางโภชนาการ แต่นมแมลงสาบก็ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลให้ใช้เป็นอาหารในปัจจุบัน ดังนั้นผู้บริโภคยังไม่สามารถหาซื้อหรือนำมาใช้แทนนมทั่วไปได้ในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ทำให้เราเห็นว่าโลกกำลังมองหาแหล่งโภชนาการใหม่ ๆ ที่อาจช่วยตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหารในอนาคต แม้ผลการวิจัยจะยืนยันถึงคุณค่าทางโภชนาการ แต่นมแมลงสาบก็ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลให้ใช้เป็นอาหารในปัจจุบัน ดังนั้นผู้บริโภคยังไม่สามารถหาซื้อหรือนำมาใช้แทนนมทั่วไปได้ในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ทำให้เราเห็นว่าโลกกำลังมองหาแหล่งโภชนาการใหม่ ๆ ที่อาจช่วยตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหารในอนาคต

_

ท่าอากาศยานดอนเมืองขึ้นค่าจอดรถใหม่ 3 จุด เริ่ม 1 ธันวา 68 นี้ จอด 7-24 ชั่วโมง 250 บาท (เดิม 110 บาท)

สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภายืนยันว่า ไม่เคยมีการพิจารณาในประเด็นการตอบโต้กัมพูชาเต็มแนวรบ และไม่เคยมีมติเห็นชอบให้กองทัพไทยตอบโต้กัมพูชาเต็มแนวรบแต่อย่างใด ขอประชาชนอย่าเชื่อข่าวลือที่ไม่มีที่มาที่ไป ให้ติดตามข่าวสารจากช่องทางของทางการเท่านั้น เพื่อรับข้อมูลที่ถูกต้อง

กสทช. เตรียมเปิดตัว "แพ็กเกจมือถือธงฟ้า" ซึ่งเป็นแพ็กเกจบริการพื้นฐานในราคา 210 บาทต่อเดือน เน้นค่าโทร และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ไม่รวม SMS และ MMS คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2568 สำหรับรูปแบบแพ็กเกจนั้นทางกสทช. กำหนดให้ผู้ให้บริการมือถือทุกรายจัดทำแพ็กเกจธงฟ้าอย่างน้อย 2 รูปแบบ ได้แก่ แบบจ่ายตามการใช้งาน (Pay Per Use) และแบบเหมาจ่ายรายเดือน (Flat Rate) เพื่อสร้างทางเลือกที่หลากหลายแก่ผู้บริโภค โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ให้สามารถเข้าถึงบริการโทรคมนาคมพื้นฐานในราคาย่อมเยา และเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันในตลาดโทรคมนาคมไทย

มติศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของไทย ขาดคุณสมบัติและผิดจริยธรรมร้ายแรง กรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ทางโทรศัพท์ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 มีคำสั่งให้พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที และจะมีการหาผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใหม่ ซึ่งอาจนำไปสู่กระบวนการโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่จากรัฐสภาจากบัญชีรายชื่อแคนดิเดตที่เหลืออยู่ โดยนายกฯ อุ๊งอิ๊ง พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป

คลิปนี้ถูกเผยแพร่หลังจากที่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียและสื่อมวลชนไทยบางสำนักเผยแพร่ภาพโรงครัวในศูนย์พักพิงของชาวกัมพูชาที่หนีภัยสู้รบระหว่างทหารไทย-กัมพูชา โดยบรรยายว่าอาหารที่ทางการกัมพูชาจัดให้ผู้หนีภัยการสู้รบนั้นมีแต่ผัก ไม่มีเนื้อสัตว์ ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียในไทยจำนวนมากนำมาเผยแพร่ในเชิงเย้ยหยัน โคแฟคตรวจสอบโดยใช้ Google Lens พบว่า คลิปนี้ถูกตัดมาจากคลิปความยาวเกือบ 4 นาทีที่เผยแพร่วันที่ 9 มิ.ย. 68 ทางเฟซบุ๊กชื่อ "Ton ChanSeyma" ซึ่งเป็นเพจเฟซบุ๊กของนักร้องสาวกัมพูชาที่มีผู้ติดตามกว่า 3.3 ล้านคน ภาพในคลิปและข้อความบรรยายระบุว่าเป็นกิจกรรมทำอาหารเลี้ยงเด็กที่สถานสงเคราะห์เด็กชื่อ Ptea Clara ในจังหวัดกันดาลของกัมพูชา ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรไม่แสวงกำไรในฝรั่งเศส โคแฟคติดต่อผู้ประสานงานภาพสนามของ Ptea Clara ได้รับคำยืนยันว่าภาพในคลิปเป็นภาพการเลี้ยงอาหารที่สถานสงเคราะห์เด็ก Ptea Clara เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 68 สรุปได้ว่าคลิป "ทำแกงกุ้งโชว์" ที่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียไทยนำมาเผยแพร่โดยอ้างว่าเป็นการทำอาหารอวดคนไทยว่ามีเนื้อสัตว์อย่างดีนั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาหรือศูนย์พักพิงของชาวกัมพูชาที่หนีภัยการสู้รบตามแนวชายแดน แต่เป็นคลิปการเลี้ยงอาหารเด็กที่สถานสงเคราะห์เมื่อต้นเดือน มิ.ย. 68

ตำรวจภูธรจังหวัดยะลา และสถานีตำรวจภูธรเมืองยะลา ประกาศเตือนเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ห้ามออกนอกเคหสถานหลังเวลา 22.00 น. หากไม่มีเหตุผลอันควร โดยหากพบมีการมั่วสุมหรือขับขี่ยานพาหนะโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่จะดำเนินการจับกุม บันทึกประวัติ และตรวจยึดรถทันที ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรมและสร้างความปลอดภัยในพื้นที่ โดยย้ำว่ามาตรการดังกล่าวเป็นไปด้วยความห่วงใยต่อเยาวชนและสังคม

เนื้อหา … ยังไม่ได้รับโดยเอกฉันท์จากสังคม เนื้อหา … ของข้อความนี้มีทฤษฎีสมคบคิดที่ไม่สามารถยืนยันได้

โดเมนเนมชื่อประหลาด ๆ ลงท้ายด้วยดอทแปลก ๆ เป็นเว็บปลอมชัวร์

-

โคแฟคตรวจสอบ: คลิปนี้ถูกตัดมาจากวิดีโอฉบับเต็มที่มีความยาวกว่า 8 นาที ที่เผยแพร่ทางบัญชีติ๊กตอกชื่อ "propertyexpertlive" เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2568 เสียงและผู้บรรยายในวิดีโอนี้ถูกสร้างขึ้นจากเอไอ โดยใช้ภาพประกอบจากหลายแหล่ง คลิปฉบับเต็มนี้มียอดเข้าชมกว่า 2 ล้านครั้งและถูกแชร์ต่อกว่า 4,000 ครั้ง (ณ วันที่ 27 ส.ค. 68) ต่อมาวิดีโอฉบับเต็มนี้ถูกเผยแพร่ทางช่องยูทูบ "สันติเล่าข่าว" เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2568 มียอดเข้าชมกว่า 34,000 ครั้ง โคแฟคสืบค้นข้อมูลจากเว็บไซต์ของกองทัพเรือและกองทัพอากาศพบว่า แม้กองทัพเรือและกองทัพอากาศของไทยและจีนจะมีการซ้อมรบร่วมกันจริง แต่การซ้อมรบทางทะเลในปี 2568 ภายใต้รหัส Blue Strike 2025 ได้เสร็จสิ้นไปตั้งแต่เดือน เม.ย. 2568 ที่ประเทศจีน ส่วนการซ้อมรบทางอากาศภายใต้รหัส Falcon Strike 2025 นั้น กองทัพอากาศไทยและจีนได้ลงนามในข้อตกลงตั้งแต่เดือน มี.ค. 2568 ว่าจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือน ก.ค. 2568 แต่ได้เลื่อนไปเป็นเดือน ก.ย. 2568 สรุปได้ว่า การซ้อมรบร่วมระหว่างไทยกับจีนไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาที่เริ่มตึงเครียดมาตั้งแต่ปลายเดือน พ.ค. 2568 จนเกิดการปะทะที่ชายแดนระหว่างวันที่ 24-28 ก.ค. 2568 เนื้อหาในคลิปยังนำการฝึกผสมระหว่างกองทัพไทยและจีนที่มีมานานแล้ว มาบิดเบือนให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับท่าทีของจีนต่อสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา

โคแฟคตรวจสอบ: ดร.สุพรรณ ทิพย์ทิพากร หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลกับโคแฟคว่า เหตุไฟลุกไหม้โทรศัพท์ขณะชาร์จแบตเตอรีเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้จริงจากหลายสาเหตุ ดร.สุพรรณอธิบายว่า โทรศัพท์มือถือในปัจจุบันใช้แบตเตอรีลีเธียม-ไอออน (Lithium-ion: Li-ion) ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีคือมีความหนาแน่นในการเก็บพลังงานที่สูง มีน้ำหนักเบาและไม่มีปัญหา “memory effect” (แบตเตอรีถูกใช้ไฟไม่หมดประจุแล้วมีการนำไปชาร์จไฟใหม่บ่อย ๆ ทำให้แบตเตอรีไม่สามารถจำค่าสูงสุดที่เคยเก็บไว้ได้ แบตเตอรีจึงเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว) อย่างไรก็ตาม แบตเตอรีลีเธียม-ไอออนมีความไวต่อความร้อนสูง กระบวนการทางเคมีภายในแบตเตอรีจากการชาร์จจะทำให้เกิดความร้อน ซึ่งหากมีความร้อนสะสมมากเกินไปและควบคุมไม่ได้จนเกิด Thermal Runaway ก็จะทำให้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นได้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุประกอบที่ทำให้เกิดไฟไหม้โทรศัพท์มือถือ ได้แก่ การใช้หัวชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน การเสื่อมตามอายุหรือการตกกระแทก การชาร์จในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงเช่น ตากแดด มีการใช้งานหนักขณะชาร์จเช่นเล่นเกม การชาร์จใต้หมอน ฟูก หรือที่นอน ดร.สุพรรณเตือนว่า แม้โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ๆ จะมีระบบจำกัดไฟป้องกันการ overcharged ซึ่งทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้ต่ำลง หรือแม้จะใช้หัวชาร์จ สายชาร์จและแบตเตอรีของแท้จากผู้ผลิต แต่การเสียบชาร์จทิ้งไว้ตอนกลางคืนค้างคืนก่อนนอนก็ไม่ถือว่าปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะหากระบบป้องกันนั้นไม่ทำงานในขณะที่ผู้ใช้งานนอนหลับก็จะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองหรือระงับเหตุได้ทัน เพราะการลุกไหม้ของแบตเตอรีมีความรุนแรงและรวดเร็วมาก

โคแฟคตรวจสอบ: รศ.ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลกับโคแฟคว่าอาวุธชนิดนี้เป็นอาวุธที่เคยใช้โดยกองทัพอากาศสหรัฐฯ บางครั้งเรียกว่าระเบิดเรดดอทหรือระเบิดเยลโลด็อก เป็นกระสุนจลน์ขนาดเล็กที่ไม่มีการนำวิถี มีความยาวประมาณ 1.75 นิ้ว (44 มม.) เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5 นิ้ว (13 มม.) และหนักประมาณ 0.7 ออนซ์ (20 กรัม) อาวุธนี้ถูกออกแบบมาเพื่อทิ้งจากเครื่องบิน ไม่มีประจุระเบิดแต่มีพลังงานจลน์สูง เมื่อถูกทิ้งจากเครื่องบินที่ความสูงหรือความเร็วสูงจะทำให้มันเป็นอาวุธที่ร้ายแรง อาจทะลุสิ่งกำบังที่อ่อนนุ่มได้ เช่น เรือนยอดป่าทึบ ทรายที่มีความหนาหลายนิ้ว หรือเกราะเบา กระสุน Lazy Dog นั้นราคาค่อนข้างถูก เครื่องบินสามารถทิ้งได้ในปริมาณมหาศาลในคราวเดียว แม้ว่าผลกระทบของมันจะร้ายแรงไม่แพ้กระสุนชนิดอื่น แต่ก็ไม่ได้ทิ้งวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิดซึ่งอาจทำงานได้หลายปีหลังจากความขัดแย้งสิ้นสุดลง กระสุนชนิดนี้ถูกใช้เป็นหลักในช่วงสงครามเกาหลีและสงครามเวียดนาม เว็บไซต์ GlobalSecurity.org ขององค์กรวิจัยด้านความมั่นคงในสหรัฐฯ ให้ข้อมูลว่า Lazy Dog ถูกพัฒนาขึ้นตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ไม่ได้ใช้ในช่วงนั้น มันถูกนำมาใช้ครั้งแรกในเวียดนาม ซึ่งมีรายงานการใช้ Lazy Dog ทั้งการทิ้งจากเฮลิคอปเตอร์ UH-1 Huey และจากเครื่องบินทิ้งระเบิดลงสู่ป่าเบื้องล่าง อย่างไรก็ตาม มีการถกเถียงกันอย่างมากเกี่ยวกับการใช้อาวุธชนิดนี้ รวมถึงประเด็นเรื่องการละเมิดอนุสัญญาเจนีวา เพราะเป็นอาวุธที่โจมตีได้อย่างเงียบเชียบ (silent) อันตรายถึงชีวิต (deadly) และส่งผลกระทบทางจิตใจ (demoralizing) เว็บไซต์ iwm.org.uk ของ Imperial War Museums พิพิธภัณฑ์ทางการทหารในอังกฤษระบุว่า ในช่วงสงครามเวียดนาม กองทัพสหรัฐฯ มีการใช้ Lazy Dog ร่วมกับระเบิดลูกปราย (cluster bomb) แบบ MK44 ซึ่งเมื่อเกิดการระเบิดกลางอากาศ จะปล่อยจรวดขนาดจิ๋ว (บ้างเรียกว่าลูกดอกอากาศ – Aerial Dart) ราว 1 หมื่นลูกตกลงสู่พื้นดิน กระจายและทะลุทะลวงไปทั่วพื้นที่เป้าหมาย

เรื่องที่สื่อกัมพูชานำเสนอว่าไทยยิงกระสุนฟอสฟอรัสใส่พื้นที่พลเรือน แท้จริงมีการบิดเบือนโดยใช้ภาพเก่าจากเหตุการณ์อิสราเอลยิงฟอสฟอรัสขาวที่เลบานอนในปี 2023 ไม่ใช่ภาพเหตุการณ์ล่าสุดของไทย–กัมพูชา กองทัพไทยยืนยันว่าไม่ได้โจมตีพลเรือน การใช้กระสุนฟอสฟอรัส (ถ้ามี) อยู่ภายใต้กฎหมายสากล ใช้ต่อเป้าหมายทางทหารเพื่อสร้างควันหรือแสงสว่าง ไม่ใช่อาวุธเคมี ฝ่ายกัมพูชาผ่านหน่วย CMAC อ้างว่าพบหัวกระสุน 155 มม. แบบบรรจุ WP ในทุ่งนาพื้นที่อุดรมีชัย และกล่าวหาว่ามาจากการยิงของไทยในช่วงการปะทะ อย่างไรก็ดี ข้ออ้างดังกล่าวยังไม่มีการตรวจสอบอิสระยืนยัน ขณะที่ฝ่ายไทยโต้ว่าเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ฟอสฟอรัสขาวแม้ไม่ถูกจัดเป็นอาวุธเคมี แต่มีอันตรายร้ายแรงต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม หากใช้ใกล้พื้นที่พลเรือนอาจขัดต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ องค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลกเคยวิจารณ์การใช้ WP เหนือชุมชน เช่น กรณีอิสราเอลในเลบานอนและกาซา ว่าสร้างความเสียหายหนัก สรุปคือ ข้อความที่แชร์พร้อมภาพว่า “ไทยยิงฟอสฟอรัสใส่พลเรือน” เป็นข่าว บิดเบือน/เท็จบางส่วน ภาพประกอบเป็นภาพเก่า และข้อกล่าวหายังไม่มีหลักฐานอิสระรองรับ ประชาชนควรระมัดระวัง ไม่แชร์ข้อมูลผิดๆ ต่อ เพราะอาจสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อนในประเด็นอ่อนไหวด้านความมั่นคงระหว่างประเทศได้.