ข่าวจริงหรือข่าวลวง

เป็นข้อมูลที่มาจากเพจ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha

หลังเฟซบุ๊ก “เพื่อนแท้ร้านอาหาร” โพสต์ข้อความอ้างว่า ศบค. เตรียมอนุญาตซื่ออาหารจากร้านในห้างฯ กลับบ้านได้ มีรายงานว่า สาเหตุที่ ศปก.ศบค. ยังไม่อนุญาตได้ เพราะมีข้อกังวัลทีมแพทย์ ที่ไม่อยากให้คนมารวมตัวกันหน้าร้าน และปัจจุบันไรเดอร์ที่มารับอาหารก็ไม่ได้มารอในลักษณะกระจุกตัว เพราะห้างสรรพสินค้ามีการจัดพื้นที่รอจุดอื่น เช่น โถงภายในห้าง หรือลานจอดรถ พร้อมย้ำว่าหากอนุอนุญาตให้มีการซื้อกลับบ้านหน้าร้าน ยังมีความกังวลการรวมกลุ่มของประชาชน ซึ่งบางแห่งอาจต้องรอคิวแออัด และใช้เวลานาน ส่วนปัญหาและความคิดเห็นทั้งหมด จะมีการนำเข้าหารือในที่ประชุม ศปก.ศบค. เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสม ออกเป็นแนวปฏิบัติได้ทันที ทั้งนี้ จะนำเรื่องเข้าที่ประชุม ศปก.ศบค.อีกครั้งหนึ่ง เพื่อพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมเป็นมติออกไป โดยอาจจะพิจารณาให้ห้างสรรพสินค้าหาจุดบริการให้กับประชาชนที่ต้องการสั่งอาหารในห้างสรรพสินค้า ซึ่งทางจังหวัด สามารถอนุญาตได้เลย และไม่จำเป็นต้องเข้าที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ เนื่องจากหลักการที่พิจารณาสอดคล้องกับข้อกำหนดในประกาศอยู่แล้ว

ข่าวว่าสปป.ลาวจะฉีดวัคซีนโควิด-19ให้คนไทยทั้ง 7 รายด้วยนั้นจากการตรวจสอบกับฝ่าย สปป.ลาว พบว่า สปป.ลาว ยังไม่มีการพิจารณาฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19ให้คนไทยทั้ง 7 คน ตามที่ปรากฏเป็นข่าว

สหรัฐฯ ได้บริจาควัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์จำนวน 1,503,450 โดสให้กับประเทศไทย โดยวัคซีนจำนวนดังกล่าวมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ การขนส่งวัคซีนครั้งประวัติศาสตร์นี้ เป็นการเน้นย้ำถึงการสนับสนุนที่สหรัฐฯ มีต่อพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของเราในเอเชีย 1. คลายสงสัยตัวเลข 1,503,450 มาจากไหน 2. สหรัฐฯ ส่งวัคซีนล็อตแรก เท่ากับ 257 กล่อง 3. 1 กล่อง เท่ากับ 5 ถาด 4. 1 ถาด เท่ากับ 195 ขวด 5. 1 ขวด เท่ากับ 6 โดส 6. 257 กล่อง X 5 ถาด X 195 ขวด X 6 โดส 7. เท่ากับ 1,503,450

อนุมัติเยียวยา 29 จังหวัด โดยพื้นที่ 13 จังหวัดที่ประกาศล็อกดาวน์ไปก่อน จะได้รับเงินเยียวยาผู้ประกันตนเพิ่มอีก 1 เดือน ส่วน 16 จังหวัดจะได้รับเยียวยาในแนวทางเดียวกัน แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 ม.39 และ ม. 40 กำหนดโอนเข้าบัญชีพร้อมเพย์แก่ผู้ประกันตน ในวันที่ 24 ส.ค.64 เป็นต้นไป พร้อมกันทั้ง 13 จังหวัด ประชาชนที่ประกอบอาชีพอิสระจะได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท โดยต้องสมัครเป็นผู้ประกันสังคมมาตรา 40 (ม.40)

บมอบสิ่งของบริจาค จากสมาพันธรัฐสวิส เป็น Rapid Antigent Test Kits จำนวน 1.1 ล้านชุด เครื่องช่วยหายใจ 102 เครื่อง และ เวชภัณฑ์ทั้งหมดรวม 26 ตัน มูลค่า 9 ล้านฟรังก์สวิส หรือประมาณ กว่า 300 ล้านบาทรับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ซึ่งรัฐบาลประเทศสวิตเซอร์แลนด์บริจาคแก่รัฐบาลไทย โดยมี เฮเลเนอ บุดลีเกอร์ อาร์ทิเอดา เอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ในการมอบ โดยขนส่งมาในเที่ยวบินที่ LX180 สายการบิน SWISS Air ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เมื่อเช้าวันที่ 29.07.2021

จากข้อมูลวันที่ 19 กรกฎาคม ยังไม่มีรายงานว่าพบโควิดสายพันธุ์ใหม่แลมบ์ดาในไทย

ครูลูกกอล์ฟเป็นตัวแทนกลุ่มเพื่อนนิเทศจุฬาฯ รุ่น 40 ส่งจดหมาย “จากเพื่อนถึงเพื่อน : กลุ่มเพื่อนนิเทศจุฬาฯ รุ่น 40 ส่งจดหมายถึงลูกสาวนายกฯ” เผยแพร่ในเฟสบุ๊ก LG and Friends

มติชนตรวจสอบคลิปพบว่าคลาดเคลื่อน นพ.ทศพรไม่ได้กล่าวข้อความดังกล่าว จึงขออภัยต่อ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ มา ณ ที่นี้

เจ้าตัวออกมาชี้แจงโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ได้รับวัคซีน Pfizer จริง แต่ตัวเองไม่ได้อยู่ประเทศไทย

ในเอกสารสถานะวัคซีนโควิด-19 ที่อยู่ภายใต้กระบวนการพิจารณาให้ใช้เป็นวัคซีนฉุกเฉิน (Emergency Use Listing: EUL) ฉบับวันที่ 15 ก.ค.2564 ขององค์การอนามัยโลก (World Helth Organization: WHO) นั้น ไม่ปรากฏชื่อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ของประเทศไทย ทั้งในฐานะวัคซีนที่ผ่านการรับรองให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินแล้วหรือแม้แต่สถานะวัคซีนที่อยู่ในกระบวนการยื่นขอการรับรอง ส่วนการเข้าประเทศ ไม่สามารถเข้าได้ในบางประเทศ ป.ล. ข้อมูลอัพเดตวันที่ 31 ก.ค.64

เป็นหนังสือราชการจริง เรื่องสำรวจรายชื่อประชาชนผู้ยากจน ในจังหวัดสงขลา โดยมีการใช้คำว่า จนแจ๊กๆ เป็นภาษาถิ่นภาคใต้ ซึ่งหมายถึงจนจริงๆ เพื่อสื่อสารให้คนในพื้นที่เข้าใจ

สปสช. จะสนับสนุนค่าบริการให้แก่โรงพยาบาลตั้งแต่ค่าตรวจหาเชื้อ ค่ารักษา ค่ายา และยังจะสนับสนุนค่าอุปกรณ์ไม่เกิน 1,100 บาท และค่าดูแลผู้ป่วยรวมอาหาร 3 มื้อ ไม่เกิน 1,000 บาท/วัน เป็นเวลา 14 วัน ไม่ใช่เงินชดเชย แต่เป็นเงินหนุนการรักษา

ศบค.แจงรายละเอียดผู้ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ที่สหรัฐฯบริจาค พบตัวเลขลดลงกว่า 3 หมื่นโดส จากที่รัฐบาลแถลง ส่วนเอกสารระบุ ปรับเปลี่ยนตามจำนวนที่ได้รับส่งมอบ ด้านอนุชา เผย สาธารณสุขเป็นผู้รายงานยอดซึ่งจำนวนตัวเลขรวมในวันนี้ 1,503,450 โดส แตกต่างจากวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ทางฝั่งรัฐบาล ระบุว่าได้รับจำนวน 1,540,000 โดส

ข้อสรุปพิจารณายกระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยทั่วราชอาณาจักร วัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นการแพร่ระบาดและลดการเสียชีวิต และลดผู้ป่วยอาการหนัก โดยการปรับสีของพื้นที่ ดังนี้ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดจาก 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัดเดิม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี ฉะเชิงเทรา นครปฐม นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา ยะลา สงขลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร 16 จังหวัดใหม่ ได้แก่ กาญจนบุรี ตาก นครนายก นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบูรณ์ ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง เพชรบุรี

เนื่องจากมีเว็บไซต์ปลอมแอบอ้างการเปิดลงทะเบียนจองวัคชีนไฟเซอร์ (Pfizer) และชำระเงิน กับโรงพยาบาลกรุงเทพ จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า โรงพยาบาลฯ ยังไม่ได้ทำการเปิดให้ลงทะเบียนจองวัคซีนไฟเซอร์ แต่อย่างใด และขอให้ติดตามข่าวสารผ่านช่องทางการสื่อสารของโรงพยาบาลกรุงเทพเท่านั้น เพื่อป้องกันข้อมูลที่ผิดพลาดและมิจฉาชีพ

"ผู้เดินทางต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับการอนุมัติโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) หรือสำนักงานยาแห่งยุโรป (EMA) ได้แก่ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา แอสตร้าเซนเนก้า เจนเซ่น (จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน) ซิโนฟาร์ม และซิโนแวค สำหรับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่ผลิตในยุโรป อินเดีย และเกาหลีใต้ จะได้รับการยอมรับเช่นเดียวกัน แต่ยังไม่ครอบคลุมถึงวัคซีนชนิดนี้ที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ (SBS) เนื่องจากยังไม่ได้รับการอนุมัติจาก WHO หรือ EMA"

โควิดสายพันธุ์ แลมบ์ดา “พบครั้งแรกที่ประเทศเปรู” ได้มีการจัดให้โควิดสายพันธุ์ “แลมบ์ดา” เป็น “สายพันธุ์ที่อยู่ในประเภทต้องให้ความสนใจ” (Variant of Interest; VOI) ต่างจากสายพันธุ์ “เดลตา”ที่จัดอยู่ในประเภท “ไวรัสกลายพันธุ์ที่น่าเป็นห่วง” (Variant of Concern; VOC) ปัจจุบันมีการระบาดเกือบ 30 ประเทศ โดยพบในยุโรป 11 ประเทศ พบในแถบอเมริกาใต้ 10 ประเทศ โซนเอเชีย 2 ประเทศ ซึ่งคือ อิสราเอล และตุรกี โควิดสายพันธุ์ “แลมบ์ดา” มีลักษณะการกลายพันธุ์แบบใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีการพบเห็น แต่สายพันธุ์นี้ “สามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสได้เร็ว” เทียบเท่ากับ “เดลตา” และมีการแพร่เชื้อได้มากกว่า “อัลฟา” และ “แกมมา” มีการวิจัยที่ยังไม่ได้ทำการตรวจสอบของชิลีเปิดเผยว่า “วัคซีนประเภท mRNA” เช่น ไฟเซอร์ (Pfizer) หรือโมเดอร์นา (Moderna) สามารถช่วยกระตุ้นการตอบสนองภูมิคุ้มกันได้ดี แต่ในแง่ของประสิทธิภาพจะยังสูงคงเดิมหรือลดลงหรือไม่ ยังไม่มีตัวเลขระบุออกมาอย่างเป็นที่ชัดเจน

เขียนขึ้นมาลอยไป ไม่มีแหล่งอ้างอิงที่สามารถยืนยันได้

ข่าวพบสายพันธุ์แลมบ์ดาระบาดในเขตมีนบุรี และขอให้ประชาชนล็อกดาวน์ตัวเอง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

ไม่จริง เนื่องจาก เป็นนกฮัมมิ่งเบิร์ด มีอยู่จริงในธรรมชาติ นกไม่ได้มีเก้าหัว ไม่ใช่การเปลี่ยนในส่วนหัวแต่อย่างใด แต่เกิดจากการหักเหของแสง และ ทิศทางของแสง

การไม่ให้ญาตินำของฝากไปเยี่ยมทุกกรณี ถือเป็นมาตรการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ระหว่างพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสนาม ที่ไม่อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมทุกกรณี แต่สามารถนำของเยี่ยมฝากไว้ได้ตามเวลา และสถานที่ที่โรงพยาบาลกำหนด

กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยข้อมูลเทียบอาการโควิด-19 ของสายพันธุ์ต่างๆ ที่ระบาดในประเทศไทย ทั้งสายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย), อัลฟ่า (อังกฤษ), เบต้า (แอฟริกา) และสายพันธุ์ S ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดระลอกแรกในไทย ทั้งนี้ สายพันธุ์เดลต้าพบอาการส่วนใหญ่ มีน้ำมูก เจ็บคอ ปวดศีรษะ มีอาการคล้ายหวัดธรรมดา ไม่ค่อยพบการสูญเสียการรับรส สายพันธุ์อัลฟ่า มีไข้ ปวดเมื่อย ไอ เจ็บคอ หนาวสั่น อาเจียนหรือท้องเสีย ปวดศีรษะ มีน้ำมูก การรับรสหรือได้กลิ่นผิดปกติ สายพันธุ์เบต้า เจ็บคอ ปวดเมื่อย ปวดศีรษะ ท้องเสีย ตาแดง มีผื่นขึ้นที่ผิวหนัง นิ้วมือนิ้วเท้าเปลี่ยนสี การรับรสหรือได้กลิ่นผิดปกติ สายพันธุ์ S ไอต่อเนื่อง ลิ้นรับรสไม่ได้ จมูกไม่ได้กลิ่น หายใจลำบาก หอบเหนื่อย มีไข้ อุณหภูมิ 37.5 องศาเซลเซียส

ไม่ได้เป็นการจัดฉากว่าติดโควิด แต่มีคนเข้าใจว่าเป็นเ่ช่นนั้น ค้นพบต่อมาเป็นชายเร่ร่อนที่มีอาการชักจากการเมาสุรา แต่ไม่ได้ติดเชื้อโควิด สรุป ไม่ได้ติดโควิด และ ไม่ได้จัดฉาก From https://www.facebook.com/141108613290/posts/10159951394443291/?d=n 1. สองวันก่อน ่มีชายคนนึงชักเกร็งข้างถนน แล้วคนรอบๆกลัวไม่กล้าเข้าไปช่วย รอจน จนท กู้ภัยและตำรวจมาช่วยเหลือเขา ได้ความว่า เป็นชายเร่ร่อน มีปัญหาชักเกร็งจากเหล้า ไม่ใช่โควิด และ จนท ให้ความช่วยเหลือเขาแล้ว สื่อก็รายงานข่าวไปตามนั้นหลายช่อง 2. วันนี้ตอนเช้า มีชายคนนึงเอาคลิปข่าวดังกล่าว มาบอกว่า มันเป็นเรื่องแหกตา ไม่ใช่ความจริง เป็นการจัดฉากจ้างนักแสดงมาแกล้งชัก แล้วให้คนถ่ายภาพมาลงเฟซบอกว่าเป็นโควิด แล้วบอกว่านี่คือการสร้างละครขึ้นมาโจมตีรัฐบาล https://www.facebook.com/DramaAdd/photos/a.411063588290/10159950757778291/ 3. มีคนเชื่อที่ไอ้คนนั้นพูด ก็แชร์ๆกันไป แล้วพูดกันใหญ่ว่า นี่ไงเป็นการกุข่าวเพื่อทำให้รัฐบาลดูไม่ดี จริงๆแล้วสถานการณ์โควิดมันไม่ถึงขนาดนั้น ไอ้พวกที่บอกว่านอนตายข้างถนนนี่มันจัดฉากแสดงละครทั้งนั้น 4. มีพวกที่เห็นด้วยกับความคิดนี้ เอาภาพของหลายๆเคสมาผสมกันมั่วไปหมด ทั้งเคสที่ตายจากโควิด ตายเพราะโรคประจำตัว มายำรวมกันแล้วบอกว่า พวกนี้ไม่ตาย เป็นแค่นักแสดง พอถ่ายภาพเสร็จ ก็ลุกเดินปร๋อ (แต่หลายๆเคสที่มันหยิบภาพมาอ้างอิง ตาย หรืออาการสาหัส) https://www.facebook.com/DramaAdd/photos/a.411063588290/10159951355098291/ 5.บางสำนักข่าว และบางคนที่มีตำแหน่งทางการเมือง รับลูกเอาประเด็นนี้ไปขยายต่อ เรียกร้องให้มีการตรวจสอบและดำเนินคดีกับพวกที่จัดฉากพวกนี้ 6.โป๊ะแตก หลังความจริงปรากฏ ต้นเรื่องที่เปิดประเด็นจัดฉากคนแรก ก็ลบโพสไป 7. แต่หลายๆคนก็ยังเอาเรื่องนี้มากลบเกลื่อนเคสที่ล้มตายที่บ้าน เคสที่ล้มตายข้างถนน ที่เราเห็นกันแทบทุกวัน เหมือนพยายามปฎิเสธความตายของผู้คนเหล่านั้น ด้วยการกุข่าว "กระบวนการจัดฉาก" นี้

ลิงค์ต้นทางมีคนโพสต์ว่าคนนอกกลางถนนเป็นการเล่นละคร ข้อเท็จจริงคือเป็นคนเมานอนชักจริง ไม่ได้จัดฉากละคร แต่ก็ไม่ได้เป็นโรคโควิดเช่นกัน