รายการความเห็น
12620 ความเห็น
◑ มีเนื้อหาที่เป็นจริงบางส่วน
naruemonjoy
การแพทย์แผนไทยประยุกต์ศิริราช บอกว่าไม่ควรรับประทานเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันหรือป้องกันไข้หวัด ให้ใช้ในกรณีรักษาบรรเทาอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หากใช้ติดกัน 3 วัน แล้วอาการไม่ดีขึ้น ต้องหยุดรับประทาน และหากแพ้หรือมีอาการรุนแรงมากขึ้นต้องหยุดใช้ทันที ถ้ายังไม่ป่วยก็อย่ารับประทานเป็นอันตรายได้
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
naruemonjoy
อันนี้สั้นกว่าค่ะ ข้อมูลจากไทยพีบีเอส: รายชื่อเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพื่อสุขอนามัยสำหรับล้างมือ ที่ถูก อย.เพิกถอนใบรับจดแจ้งและให้เรียกเก็บคืน จำนวน 24 รายการ
เจลล้างมือ แฮนด์ ซานิไทเซอร์ เลขที่จดแจ้ง 10-1-5738056
เจลล้างมือโพรโพลิส แฮนด์ สเปรย์ เลขที่จดแจ้ง 10-1-5835759
แฮนด์ คลีนเนอร์ เลขที่จดแจ้ง 10-1-5853494
เดอะ สแตนดาร์ด คลีนนิ่ง วอเตอร์ เลขที่จดแจ้ง 10-1-5936359
แฮนด์ เจลเนเจอร์ซอฟท์ เลขที่จดแจ้ง 10-1-5950870
แฮนด์ แซนนิไทเซอร์ เลขที่จดแจ้ง 10-1-6010046068
แอลกอฮอล์เจล เลขที่จดแจ้ง 10-1-6010058407
แอลกอฮอล์ แฮนด์เจล เลขที่จดแจ้ง 10-1-6100027004
แอลกอฮอล์เจล เลขที่จดแจ้ง 10-1-6100039262
เพอร์ฟูม แฮนด์คลีนเจล เฟรนซ์ ราชเบอรี่ เลขที่จดแจ้ง 10-2-5833623
เพอร์ฟูมแฮนด์ คลีนเจล เกรซพีโอนี เลขที่จดแจ้ง 10-2-5833624
เพอร์ฟูมแฮนด์ คลีนเจล ออเรนทอล แมนดาริน เลขที่จดแจ้ง 10-2-5833625
เพอร์ฟูมแฮนด์คลีนเจล เพียวกรีนที เลขที่จดแจ้ง 10-2-5833626
เพอร์ฟูมแฮนด์ คลีนเจล ซูการ์พีช เลขที่จดแจ้ง 10-2-5833627
อินซแท็นท์ แฮนด์ แซนนิไทเซอร์ เลขที่จดแจ้ง 10-2-5842067
สมาร์ทเตอร์เจลล้างมือ กลิ่นเชียร์ฟูลบลู เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010030159
เจลล้างมือกลิ่นเชียร์ฟูลบลู เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010030161
เจลล้างมือกลิ่นชาร์มมิ่งพิ้งค์ เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010030162
ลาเวนเดอร์แฮนด์ แซนิไทเซอร์ เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010031630
พิ้งค์บลอสซั่ม มอยเจอร์ไรซิ่ง แฮนด์เจล เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010033612
พิ้งค์บลอสซั่ม มอยเจอร์ไรซิ่ง แฮนด์เจล เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010033613
ลาเวนเดอร์โลชั่น เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010036457
รีเฟรซซิ่ง แฮนด์เจล เลขที่จดแจ้ง 10-2-6100051706
แฮนด์เจลแคร์ เลขที่จดแจ้ง 12-1-630000347
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
naruemonjoy
รายชื่อเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพื่อสุขอนามัยสำหรับล้างมือ ที่ถูก อย.เพิกถอนใบรับจดแจ้งและให้เรียกเก็บคืน จำนวน 24 รายการ
เจลล้างมือ แฮนด์ ซานิไทเซอร์ เลขที่จดแจ้ง 10-1-5738056
เจลล้างมือโพรโพลิส แฮนด์ สเปรย์ เลขที่จดแจ้ง 10-1-5835759
แฮนด์ คลีนเนอร์ เลขที่จดแจ้ง 10-1-5853494
เดอะ สแตนดาร์ด คลีนนิ่ง วอเตอร์ เลขที่จดแจ้ง 10-1-5936359
แฮนด์ เจลเนเจอร์ซอฟท์ เลขที่จดแจ้ง 10-1-5950870
แฮนด์ แซนนิไทเซอร์ เลขที่จดแจ้ง 10-1-6010046068
แอลกอฮอล์เจล เลขที่จดแจ้ง 10-1-6010058407
แอลกอฮอล์ แฮนด์เจล เลขที่จดแจ้ง 10-1-6100027004
แอลกอฮอล์เจล เลขที่จดแจ้ง 10-1-6100039262
เพอร์ฟูม แฮนด์คลีนเจล เฟรนซ์ ราชเบอรี่ เลขที่จดแจ้ง 10-2-5833623
เพอร์ฟูมแฮนด์ คลีนเจล เกรซพีโอนี เลขที่จดแจ้ง 10-2-5833624
เพอร์ฟูมแฮนด์ คลีนเจล ออเรนทอล แมนดาริน เลขที่จดแจ้ง 10-2-5833625
เพอร์ฟูมแฮนด์คลีนเจล เพียวกรีนที เลขที่จดแจ้ง 10-2-5833626
เพอร์ฟูมแฮนด์ คลีนเจล ซูการ์พีช เลขที่จดแจ้ง 10-2-5833627
อินซแท็นท์ แฮนด์ แซนนิไทเซอร์ เลขที่จดแจ้ง 10-2-5842067
สมาร์ทเตอร์เจลล้างมือ กลิ่นเชียร์ฟูลบลู เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010030159
เจลล้างมือกลิ่นเชียร์ฟูลบลู เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010030161
เจลล้างมือกลิ่นชาร์มมิ่งพิ้งค์ เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010030162
ลาเวนเดอร์แฮนด์ แซนิไทเซอร์ เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010031630
พิ้งค์บลอสซั่ม มอยเจอร์ไรซิ่ง แฮนด์เจล เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010033612
พิ้งค์บลอสซั่ม มอยเจอร์ไรซิ่ง แฮนด์เจล เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010033613
ลาเวนเดอร์โลชั่น เลขที่จดแจ้ง 10-2-6010036457
รีเฟรซซิ่ง แฮนด์เจล เลขที่จดแจ้ง 10-2-6100051706
แฮนด์เจลแคร์ เลขที่จดแจ้ง 12-1-6300003473
ใช้ใน 0 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
Tanapat
พบข้อมูลเหล่านี้ จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อที่ หลายแห่ง
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
Tanapat
ข้อมูลนี้เป็นจริง พบได้จบแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
Ad.tar
นวัตกรรมสเปรย์มีชื่อว่า ชีลด์พลัส โพรเทคติ้ง สเปรย์ (Shield+ Protecting Spray) เป็นผลงานวิจัยของ ทีมวิจัย ผศ. ดร. ภญ. จิตติมา ลัคนากุล คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
Ad.tar
ข้อมูลนี้ นำเสนอความจริง ว่ากรณนี้เป็นการหลอกลวง
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
naruemonjoy
เฟซบุ๊กเพจ “เลี้ยงลูกตามใจหมอ” กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ถ้าคนแพ็กเป็นโรคนี้ แล้วจามลงมาบนพัสดุของเรา ก็อาจมีไวรัสปนเปื้อน และมีชีวิตบนผิวที่แห้งๆ ที่อุณหภูมิห้องนานประมาณ 1 สัปดาห์ และอาจนานกว่านั้นหากเป็นของเหลว ซึ่งเวลาสั่งของจากจีน กว่าจะมาถึงก็ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ดังนั้นก็ค่อนข้างปลอดภัย
ส่วนการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่า ก็เหมือนป้องกันไข้หวัดใหญ่บวกอาหารเป็นพิษ คือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ถือตัว ไม่สัมผัสคนป่วย และใส่หน้ากากอนามัย
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
anonymous
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขออกมาให้ข้อเท็จจริงว่า การยืนตากแดดนานๆอาจส่งผลเสียมากกว่า โดยปกติเชื้อไวรัสโคโรนาจะตายก็ต่อเมื่อโดนความร้อนที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป จะต้องยืนตากแดดนานขนาดไหนถึงจะฆ่าเชื้อ ทางที่ดีป้องกันตัวเองด้วยวิธีสวมหน้ากากอนามัย กินร้อน ช้อนตัวเอง ล้างมือบ่อยๆน่าจะดีที่สุด
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
anonymous
ทาง Bangkokbusclub.com ชุมชนคนรักรถเมล์ได้ออกมาแจกแจง timeline การทำงานของพนักงานขับรถท่านที่เสียชีวิตนี้แล้วด้วยในเฟสบุค ผู้สงสัยว่าได้ร่วมเดินทางในเวลานั้นๆสามารถเข้าไปเชควันเวลาได้
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
naruemonjoy
พฤติกรรมดื่มสุราแก้วเดียวกัน สูบบุหรี่มวนเดียวกัน ก็ติดโควิด 19 ได้เหมือนกัน ถ้าอีกคนป่วย
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
admin
การใช้ใบขี้เหล็กรักษาอาการนอนไม่หลับ แกงขี้เหล็กที่คนไทยรู้จักกันดี สามารถกินกันได้อย่างสนิทใจ และมีฤทธิ์ระบายอ่อนๆ ช่วยไม่ให้ท้องผูก และนอนหลับสบายอีกด้วย ต่อมามีการค้นพบว่าใบขี้เหล็กยังมีสารยาซึ่งออกฤทธิ์ช่วยให้นอนหลับ จึงมีความพยายามที่จะทำใบขี้เหล็กให้เป็นยา สมุนไพรสำเร็จรูปที่ใช้ง่ายเป็นชนิดเม็ด และกระบวนการผลิตก็กระทำกันอย่างง่ายๆ โดยใช้ใบขี้เหล็กตากแห้ง บดเป็นผงแล้วทำเป็นเม็ดขึ้นมาเลย ซึ่งแม้แต่องค์กรรัฐวิสาหกิจทางด้านเภสัชกรรมก็ยังเป็นผู้นำหน้าในการผลิตขี้เหล็กเม็ดขึ้นมาวางจำหน่ายในท้องตลาดหลังจากได้ติดตามค้นคว้ากันอยู่พักหนึ่ง ก็มีผลยืนยันออกมาว่า ผู้คนที่มีเอนไซม์ตับเพิ่มขึ้นสูงเหล่านั้นต้องพิษจากสารบางอย่างในใบขี้เหล็กนั่นเอง เป็นผลให้ต้องมีการประกาศให้เลิกใช้ยาเม็ดขี้เหล็กไปทั่วประเทศ
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด
admin
สะเดาเป็นพืชสมุนไพรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ต้านการเกิดโรคมะเร็งได้ โดยปรุงเป็นอาหาร ส่วนเมนูที่แนะนำในช่วงฤดูกาลนี้คือ สะเดาลวกจิ้มน้ำพริก สะเดาน้ำปลาหวาน เนื่องจากช่วงนี้สะเดาออกผลผลิตมามากมีขายในตลาดทุกท้องที่ สะเดามีวิตามินและสารสำคัญต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย มีสรรพคุณแก้ไข้ เจริญอาหาร ลดการอักเสบ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยต้านมะเร็ง สำหรับวิธีการลวกสะเดาตามภูมิปัญญาพื้นบ้านทำได้ง่าย ๆ คือ ลวกในน้ำเดือดหรือน้ำข้าวร้อน ๆ ประมาณ 1 นาที เพื่อลดความขม หากต้องการเก็บสะเดาไว้รับประทานนาน ๆ ให้นำสะเดาที่ลวกไปตากแดดให้แห้งสนิท เก็บไว้ในภาชนะที่สะอาดและโปร่งแสง เมื่อต้องการจะรับประทานก็นำมาลวกน้ำร้อนอีกครั้ง
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
admin
กินข้าวโพดต้ม กำจัดเซลล์มะเร็ง จริงเหรอ? เรื่องนี้ก็หลายปีแล้วอีกเหมือนกัน แชร์กันว่า มีงานวิจัยพบว่า "กินข้าวโพดต้มทุกวัน จะมีกรดเฟลรุลิก (Ferulic acid) ช่วยป้องกันรักษามะเร็งได้" .... กรดเฟลรุลิก มันแค่สารต้านอนุมูลอิสระตัวหนึ่ง ไม่ได้ดีเว่อร์ขนาดจะรักษามะเร็งได้อย่างนั้นหรอกนะงานวิจัยนั้นพบว่าในข้าวโพดหวานที่ต้มสุกแล้ว จะมีกรดเฟลรุลิก เยอะขึ้นกว่าข้าวโพดที่ยังไม่ต้ม .... ซึ่งกรดเฟลรุลิกนี้ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (anti-oxidant) ที่พบมากในธัญพืช โดยเฉพาะในรำข้าว รวมถึงในเปลือกข้าวโพด ดังนั้น ถ้าเราต้มฝักข้าวโพดทั้งฝัก ก็จะทำให้ได้กรดเฟลรุลิกนี้ออกมาเปลือกข้าวโพด มาอยู่ในเนื้อข้าวโพดด้วย ... ถ้าต้มที่อุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส นาน 50 นาที จะทำให้มีกรดเฟลรุลิกออกมาเพิ่มขึ้นถึง 53 เปอร์เซ็นต์ แต่กรดเฟลรุลิก รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ นั้น หลักๆ คือ มีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย ไม่ได้จะไปรักษามะเร็งหรือโรคอื่นๆ ตามที่หลายคนเข้าใจกันนะ
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
admin
"กุ้งสด รักษามะเร็ง ไม่ได้นะ"ไม่รู้ไปเอาความเชื่อนี้มาจากไหนกันนะเนี่ย บอกว่า "“กุ้งสด มีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็ง กินกุ้งแช่น้ำปลาจะเป็นอาหารที่สามารถช่วยรักษาโรคมะเร็งได้" ... ไปกันใหญ่แล้วนะครับ ไม่จริงครับ ! แน่นอนว่า ไม่มีรายงานการวิจัยทางคลินิกใด ที่บ่งบอกถึงการนำกุ้งสดมาใช้เพื่อรักษาโรคมะเร็ง และที่สำคัญ การรับประทานอาหารทะเลสด ที่ปรุงแบบสุก ๆ ดิบ ๆ อย่างกุ้งแช่น้ำปลา อาจก่อให้เกิดอันตราย จากการได้รับเชื้อโรคที่ทำให้ท้องเสียได้ หรือติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับได้นะ .. ควรกินกุ้งและเนื้อสัตว์อื่นๆ ที่ผ่านการทำให้สุกแล้วครับ
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
admin
กินน้ำผึ้ง ก็อ้วนได้ครับ จากที่แชร์กันว่า "การรับประทานน้ำผึ้ง จะช่วยลดความอ้วนได้" นั้น ... ไม่เป็นความจริง การทานน้ำผึ้งไม่ได้ช่วยลดน้ำหนัก แถมถ้าทานในปริมาณที่มากเกินไป ยังจะส่งผลให้น้ำหนักตัวเราเพิ่มขึ้นได้ง่าย และอาจเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย เพราะในน้ำผึ้งมีส่วนประกอบหลัก คือ น้ำตาลฟรุกโตส มีสรรพคุณหลักเป็นสารให้ความหวาน ดังนั้น ถ้าจะทานน้ำผึ้ง ให้ทานในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะได้ประโยชน์ ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย บรรเทาอาการเจ็บคอ ช่วยคลายความเหนื่อยล้า อ่อนเพลียจากการทำงานหรือเล่นกีฬา
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
admin
กินฉี่ ไม่ได้รักษาโรค แถมอาจเป็นอันตรายด้วยจากที่มีความเชื่อเผยแพร่กันว่า "การกินน้ำปัสสาวะของตัวเองนั้น เป็นยาอายุวัฒนะ บำบัดโรคร้ายได้ ดังปรากฏในตำราการแพทย์โบราณ และเป็นกระแสนิยมในต่างประเทศ มีคนดังๆ หลายคนก็ทำกัน" เรื่องนี้ "ไม่จริงนะครับ" !น้ำปัสสาวะ เป็นของเสียที่ร่างกายขับออกมา โดยที่ 95% เป็นน้ำ 2.5 % เป็นยูเรีย (ของเสีย) อีก 2.5% เป็นสารอื่นๆ ซึ่งแม้ว่าจะมีส่วนผสมของเอนไซม์และฮอร์โมนอยู่เล็กน้อย แต่ไม่มีงานวิจัยทางคลินิคที่น่าเชื่อถือรับรองว่าสามารถรักษาโรคอะไรได้ในทางตรงกันข้าม การดื่มน้ำปัสสาวะอาจนำไปสู่อันตรายหลายอย่างต่อร่างกาย ได้แก่ - หากเป็นโรคเรื้อรังอยู่ แล้วทิ้งการรักษา-หันไปดื่มน้ำปัสสาวะแทน ก็จะทำให้ไม่สามารถควบคุมการลุกลามของโรคได้ เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต - หากดื่มน้ำปัสสาวะหลังจากที่ทานยา หรือรับสารเคมีบางอย่างเข้าไป อาจได้รับสารที่เป็นพิษที่ร่างกายขับออกมา กลับเข้าสู่ร่างกายได้ - ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับ ไต และหัวใจ หรือโรคที่ต้องควบคุมปริมาณน้ำ แร่ธาตุ และสารอาหารให้เหมาะสม การดื่มน้ำปัสสาวะก็จะเสี่ยงทำให้อาการทรุดได้ สรุปว่า อย่าหลงทำตามกระแสความเชื่อเรื่องการดื่มน้ำปัสสาวะรักษาโรคครับ
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
admin
"อย่าหลงเชื่อ แผ่นดีท็อกซ์เท้า โฆษณาเกินจริง"มีการโฆษณาขาย "แผ่นดีท็อกซ์เท้า" อ้างสารพัดคุณวิเศษ ว่า ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิต ช่วยกระตุ้นการทำงานของอวัยวะภายในให้เป็นปกติ ช่วยกระตุ้นภูมิต้านทาน ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ดีขึ้น ช่วยอาการการเจ็บปวด เมื่อยล้า ลดอาการบวม ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น และช่วยให้หลับสนิทมากขึ้นช่วงเวลากลางคืน" เพียงแค่ปิดที่บริเวณฝ่าเท้าก่อนนอนเท่านั้น !! .. เป็นเรื่องจริงหรือ บอกได้เลยว่า "หลอกครับ" !! แผ่นแปะเท้าเหล่านี้ มักจะหลอกขายโดยการที่ทำมาเป็นแผ่นสีขาวๆ แล้วพอแปะเท้าไว้ข้ามวันข้ามคืน แผ่นจะกลายเป็นสีดำ ซึ่งเค้าจะอ้างว่านี่คือสารพิษ ที่ดีท็อกซ์เอาออกมาจากร่างกาย .. แต่ความจริงแล้ว มันแค่ "เหงื่อ" จากฝ่าเท้า ซึมเข้าไปในแผ่น แล้วเปลี่ยนสีสารที่อยู่ข้างในให้กลายเป็นสีดำ ที่สำคัญ แผ่นดีท็อกซ์เท้าพวกนี้ ไม่ได้ขอขึ้นทะเบียนและขออนุญาตโฆษณาจากทาง อย. แต่อย่างไร ! ดังนั้น จึงอย่าหลงเชื่อซื้อมาใช้ เพราะนอกจากจะเสียเงินโดยใช้เหตุแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ ถ้ามีสารเคมีที่อันตรายอยู่ในนั้น
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
admin
"สูตรสมุนไพรรักษาโรคไตแบบผิดๆ มาอีกแล้วครับ"บรรดาสูตรสมุนไพรรักษาโรคไต ที่โพสต์กันอยู่ในอินเทอร์เน็ตนั้น บอกได้เลยว่า เท่าที่ผ่านตามา มีแต่ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น แถมจะมีอาการหนักขึ้นอีก ... อย่างล่าสุดนี้ ก็เรื่องเก่ากลับมาแชร์ใหม่อีกแล้ว "น้ํามะตูม+ใบยอรักษาโรคไต น้ำข้าว+ไข่ขาวรักษาไต" .. ไม่จริงนะครับ !! ไม่ควรทำตาม! แต่แชร์กันไปเป็นหมื่นๆ แล้ว ประการแรก “ใบยอ” เป็นพืชที่มีฟอสฟอรัสสูง และเป็นแร่ธาตุที่คนเป็นโรคไตต้องระวังให้มาก ไม่แพ้ธาตุโพแทสเซียม และแคลเซียม เนื่องจากไตจะไม่สามารถขับแร่ธาตุดังกล่าวออกมาได้อย่างปกติ ส่งผลให้เกิดการสะสมตัวของแร่ธาตุในเลือดเพิ่มสูงขึ้น จนสามารถนำไปสู่อาการของโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา เช่น โรคกระดูกพรุน โรคนิ่วในไต หรือหากร่างกายสะสมในปริมาณมากก็สามารถนำไปสู่อาการไตวายเฉียบพลันได้ ถึงจะนำใบยอมาต้มกับ "มะตูมแห้ง" ดื่มเพื่อรักษาอาการไตเสื่อม ก็ไม่พบว่ามีงานวิจัยอะไรในรักษาโรคไตด้วยพืชทั้งสองชนิดนี้ส่วน "น้ำข้าวร้อนและไข่ขาว" นั้น ก็ใช้รักษาโรคไตไม่ได้ (มียกเว้นเฉพาะคนไข้โรคไตบางคน ที่มีไข่ขาวรั่วในปัสสาวะ แพทย์ถึงจะแนะนำให้กินไข่ขาวเพื่อทดแทนที่สูญเสียไป) อย่างมากก็แค่ช่วยบำรุงและเพิ่มไข่ขาวในเลือด ทำให้ไตดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ... และถ้ากินน้ำมาก ก็จะเกิดปัญหาจากการที่มีเกลือแร่ในร่างกายต่ำเกินไปอีก จริงๆ แล้ว ปัจจุบัน เรายังไม่มีอาหารหรือสมุนไพรอะไรที่บำรุงไตได้โดยตรง ดังนั้น คนเป็นโรคไตต้องระวังไม่กินเนื้อสัตว์มาก ไม่กินเค็มจัด หรือหวานจัดเกินไป ลดอาหารที่มีไขมันสูง และต้องออกกำลังกาย ต่างหากครับ การดูแลรักษาไตที่ถูกต้อง ควรปฏิบัติ ดังนี้ 1. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย 8-10 แก้ว (ประมาณ 2 ลิตร) ต่อวัน 2. ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด โดยเฉพาะรสหวานและเค็ม 3. ป้องกันการกระแทกบริเวณสีข้างเนื่องจากเป็นตำแหน่งของไต 4. ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ 5. งดบุหรี่ เครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของคาเฟอีน 6. ใช้ยาอย่างระมัดระวัง เนื่องจากยาบางชนิดอาจส่งผลต่อการทำงานของไต
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
admin
"ไม้หนีบ หนีบหู ไม่ได้ช่วยรักษาโรค" จากที่แชร์กันว่า "ให้ลองนำไม้หนีบผ้ามาหนีบที่ตำแหน่งต่างๆของใบหู เพื่อรักษาโรคนั้น" ... ไม่จริงนะครับ ! ใบหูนั้น เป็นกระดูกอ่อนที่หุ้มด้วยผิวหนังบางๆ อยู่บริเวณหูชั้นนอก มีหน้าที่ดักเสียงและรับเสียงเข้าสู่รูหูเท่านั้น ไม่ได้มีความเชื่อมต่อกับอวัยวะอื่นๆของร่างกาย ... ดังนั้น หากมีการหนีบหูไม่ว่าตำแหน่งใด อาจทำให้ใบหูผิดรูปไปจากเดิมได้ง่าย ยิ่งกว่านั้น การหนีบใบหูนั้น จะทำให้หลอดเลือดบริเวณใบหูตีบ เลือดไม่สามารถส่งไปเลี้ยงใบหูได้อย่างเพียงพอ ในที่สุดเนื้อเยื่อใบหูนั้นจะขาดเลือด เกิดเป็นแผลและหายช้า จึงอาจทำให้เกิดอันตรายและเกิดแผลได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยเบาหวาน สรุป ไม้หนีบมีไว้หนีบผ้า อย่าเอามาหนีบหูเล่นครับ รักษาโรคไม่ได้ แถมจะอันตรายตามมาด้วย
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
admin
น้ำมะกรูดโซดา ไม่ได้รักษาตาฝ้าฟางนะครับ สูตรน้ำสมุนไพรแอบอ้างเกินจริง "น้ำคั้นจากผลมะกรูด ผสมโซดา" อ้างว่าสามารถทำให้สายตาที่ฝ้าฟางกลับมามองเห็นได้ดี ... คือ ถึงแม้ว่าน้ำมะกรูดจะมีวิตามินซีมาก และมีวิตามินเออยู่ด้วย เสริมสุขภาพ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะกินเข้าไปแล้วถึงขนาดทำให้ "ตาหายฝ้าฟาง" อะไรได้นะครับ ยังดีนะ ที่ไม่ได้ให้เอาไปหยอดตา ไม่งั้นตาบอดแน่ๆ ครับ
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
admin
มังคุดนึ่ง ไม่ได้รักษามะเร็ง นี่ก็แชร์กันมาหลายปีแล้ว ถึงสูตรในการเอา "มังคุด" มานึ่งนานๆ บอกว่าจะทำให้สารที่อยู่ในเปลือกมังคุดนั้น ซึมเข้าไปในเนื้อมังคุดได้ กินแค่วันละผล จะป้องกันโรคได้สารพัด รวมถึงต่อต้านมะเร็งได้ด้วย ... ไม่จริงนะ แถมถ้ากินมากๆ ระวังจะมีอันตรายตามมาด้วยแม้จะมีงานวิจัยว่า สารที่ชื่อว่า แซนโทน ที่อยู่ในเปลือกมังคุดนั้น จะสามารถช่วยต้านอนุมูลอิสระ ต่อต้านการอักเสบ ต่อต้านมะเร็ง และอื่นๆ ได้ แต่สารแซนโทนนี้ เป็นสารที่ไม่ละลายน้ำ ดังนั้นการนึ่งมังคุด แม้ว่าจะทำให้เนื้อมังคุดกลายเป็นสีแดง แต่ก็ไม่ได้จะทำให้สารแซนโทนละลายออกมาอยู่ในเนื้อมังคุด นอกจากนี้ การสกัดสารแซนโทนจากเปลือกมังคุด ยังต้องใช้วิธีการผลิตโดยเฉพาะ และปัจจุบันนี้ ก็ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากเปลือกมังคุด ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นยาสำหรับมะเร็งแต่อย่างไร ในทางตรงกันข้าม เปลือกมังคุดมีสารกลุ่มแทนนินอยู่ การนำมังคุดไปนึ่งอาจทำให้สารแทนนินซึ่งละลายน้ำได้ ซึมเข้าสู่เนื้อมังคุด เมื่อรับประทานเข้าไปมากๆ อาจทำให้เกิดอาการท้องผูก และสะสมในตับและไตได้ การรับประทานมังคุดให้ได้ประโยชน์ จึงควรรับประทานผลสดมากกว่าการนำไปนึ่ง และควรกินไม่เกินวันละ 4-5 ผล เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไปครับ
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
admin
โซเชียลแห่แชร์ "มหัศจรรย์ของปัสสาวะ" อ้างกินแล้วแข็งแรง ล้างแผล หยอดตา รักษาโรค ด้าน อ.เจษฎา เบรก ชี้ น้ำปัสสาวะไม่มีประโยชน์ตามที่กล่าวอ้าง ซ้ำผู้ป่วยโรคไต หัวใจ รวมไปถึงคนที่อยู่ในช่วงกินยาอาจเป็นอันตรายได้ ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ได้สอบถามไปยัง รศ.ดร.เจษฎา อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ เปิดเผยว่า น้ำปัสสาวะไม่ได้มีประโยชน์อะไรแบบที่อ้างเลย น้ำปัสสาวะเป็นของเสียที่ร่างกายขับออกมา โดยที่ 95% เป็นน้ำ 2.5% เป็นยูเรีย (ของเสีย) อีก 2.5% เป็นสารอื่นๆ ซึ่งแม้ว่าจะมีส่วนผสมของเอนไซม์และฮอร์โมนอยู่เล็กน้อย แต่ไม่มีงานวิจัยทางคลินิกที่น่าเชื่อถือที่รับรองว่าสามารถรักษาโรคอะไรได้ ตามปกติแล้ว การกินปัสสาวะเข้าไปถ้าไม่ได้มีเชื้อโรคหรือสารเคมีปนเปื้อนอะไรก็ไม่ได้อันตราย แต่คนบางคนที่อยู่ในช่วงกินยาต่างๆ อาจจะทำให้สารที่ร่างกายขับมาเพื่อทิ้งออกกลับเข้าสู่ร่างกายอีกครั้งหนึ่ง ก็อาจเป็นอันตรายได้ รวมไปถึงคนที่มีปัญหาเรื่องโรคไตที่ต้องควบคุมปริมาณของและธาตุในร่างกาย การกินปัสสาวะเข้าไปจะทำให้แร่ธาตุเกินและเป็นอันตรายได้เช่นกัน
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
admin
เอาไม้หนีบ หนีบจมูก ให้ดั้งโด่งขึ้น อาจเป็นอันตรายนะครับเห็นภาพนี้แชร์เข้ามาในกลุ่ม หว้ากอ ที่เป็นสมาชิกอยู่ แล้วก็น่าตกใจ ว่าความเชื่อเรื่องการเอา ไม้หนีบ หนีบจมูกให้ดั้งโด่ง" ยังมีอยู่ในสังคมไทย .... มันนอกจากได้ผลบางเล็กน้อย เพราะอาจทำให้เกิดพังผืดขึ้นบริเวณสันจมูก แต่ก็ไม่น่าจะสวยงาม แถมอาจจะเป็นอันตรายต่อเนื้อเยื่อและกระดูกอ่อนที่จมูกด้วยนะครับ ไม่ควรทำตามนะ ลองอ่านความเห็นของ พล.ต.ท.นพ.อรรถพันธ์ พรมณฑารัตน์ นายกสมาคมศัลยกรรมและเวชศาสตร์เพื่อการเสริมสวยประเทศไทย ที่เคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องลักษณะคล้ายๆกันเอาไว้ ด้านหลังนี้ นะครับพล.ต.ท.นพ.อรรถพันธ์ ได้เปิดเผยกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ถึงกรณีดังกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่การนำที่หนีบผ้ามาหนีบจมูกทำให้จมูกมีสันขึ้นมาจริง เนื่องจากร่างกายคนเราจะสร้างเนื้อเยื่อเมื่อนำที่หนีบไปบีบมันไว้ แม้ว่าเราบีบเนื้อเยื่ออะไรก็แล้วแต่ถ้าบีบไปนานๆ ร่างกายก็จะมีเนื้อเยื่อ เหมือนกับการที่จับปากกา ดินสอ ที่นิ้วก็จะมีรอยด้าน เช่นเดียวกันหากมีการบีบและกดไว้นานๆร่างกายก็จะสร้างเนื้อเยื่อตรงบริเวณที่ถูกบีบถูกกด เพราะร่างกายรู้สึกว่ากำลังถูกทำร้าย จึงเป็นการป้องกันตัวเองส่วนหนึ่งให้มันแข็งแรงขึ้นเวลาบีบกดมันจะได้ไม่มีปัญหา “กรณีนี้ถ้าเกิดสาววัยรุ่นทำเป็นประจำ หนีบอยู่กับที่เป็นระยะเวลานาน โดยที่ผิวหนังไม่ช้ำ หรือไม่ถลอกไปซะก่อนจากไม้หนีบ มีจังหวะที่ดี และร่างกายสามารถสร้างพังผืดได้ง่ายก็อาจจะเกิดเนื้อเยื่อพังผืดตรงบริเวณที่ถูกหนีบ พอสร้างไปสักพักหนึ่งก็อาจจะทำให้บริเวณนั้นดูนูนหนา แต่อย่างไรก็ตาม คงไม่ได้โด่งสวยอะไร เพียงแต่บริเวณนั้นดูนูนขึ้นมานิดหน่อยแค่นั้นเอง โด่งนิดหน่อยตามธรรมชาติที่มันจะสร้างเนื้อเยื่อพังผืดขึ้นมาตรงที่ถูกหนีบ คงไม่สามารถที่จะทำให้ทรงสวยเหมือนกับการเสริมจมูกด้วยการผ่าตัดและก็ใส่แท่งซิลิโคน อาจช่วยได้นิดเดียว อาจจะไม่ได้ดูแล้วเห็นชัด” นายกสมาคมศัลยกรรมและเวชศาสตร์ฯ กล่าว เด็กๆ มักจะโดนผู้ใหญ่ดึงจมูกให้ดั้งโด่งช่วยได้หรือไม่ ?คุณหมออรรถพันธ์ อธิบายว่า การดึงแค่ระยะเวลานิดเดียวไม่มีทางที่จะทำให้ดั้งโด่งขึ้นได้ โดยต้องบีบไว้นานๆ เหมือนกับการใช้ที่หนีบผ้า แต่ว่าจะต้องทำทั้งวัน สำหรับผู้ใหญ่ก็ต้องบีบจมูกตรงดั้งของเด็กไว้นานเพียงพอ ถึงจะบอกได้ว่าการดึงจมูกให้เด็กใช้ได้ผล ทั้งนี้ เวลาเด็กโตขึ้น ตัวเด็กเองก็จะมีจมูกโด่งของตามธรรมชาติของตัวเอง โดยที่ไม่เกี่ยวกับการดึงดั้งตั้งแต่เด็กๆ หนีบไปนานๆ ระวังเป็นแผล มีวิธีทำจมูกให้โด่งตามธรรมชาติหรือไม่ ? นายกสมาคมศัลยกรรมและเวชศาสตร์ฯ ชี้แจงว่า ไม่น่าจะมีวิธีการทำจมูกโด่งตามธรรมชาติ แต่ถ้าทำให้โด่งนิดหน่อยก็น่าจะได้ ส่วนการใช้ที่หนีบผ้ามาหนีบจมูกอาจจะทำให้จมูกเป็นสันขึ้นมานิดหนึ่งได้ แต่ถ้าหากต้องการให้จมูกโด่งเป็นสันอย่างสวยงามต้องทำศัลยกรรมปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อความปลอดภัยจะดีที่สุด ใช้ที่หนีบผ้ามาหนีบจมูก อันตรายแค่ไหน ?คุณหมออรรถพันธ์ เผยว่า ร่างกายบริเวณที่โดนหนีบ จะทำให้เป็นรอยหรืออาจจะถลอก ถ้าหากใช้กระดาษทิชชูหรือผ้ารองก็ย่อมได้ แต่ว่าต้องใช้ระยะเวลาในการหนีบนาน ส่วนจะได้ผลมีดั้งโด่งหรือไม่นั้นต้องขึ้นอยู่กับเนื้อเยื่อของร่างกายแต่ละบุคคล ซึ่งบอกไม่ได้ว่าจะต้องใช้ระยะเวลาในการหนีบนานเท่าไหร่ หรือทำแล้วได้ผลจริงหรือไม่ เนื่องจากวิธีการดังกล่าวไม่ได้เป็นวิธีการมาตรฐาน เป็นเพียงแค่วิธีลองทำเท่านั้นเอง อาจจะส่งผลให้จมูกเบี้ยวไม่สวยงามเหมือนที่ศัลยแพทย์ทำก็ได้ อย่างไรก็ตามพล.ต.ท.นพ.อรรถพันธ์ ให้ความเห็นว่า ไม่แนะนำให้ใช้ที่หนีบผ้ามาหนีบจมูก เพราะเป็นวิธีที่ไม่ได้มาตรฐาน อีกทั้งอาจทำให้จมูกถลอกหรือเกิดแผลขึ้นมาได้ ซึ่งจะทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ ต้องรักษาจมูกกันอีกนาน.
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว
❌ มีเนื้อหาที่หลอกลวง
admin
ไม่ควรดื่มเหล้าเบียร์แก้เครียด หรือป้องกันโรคซึมเศร้าครับ เห็นเพจนี้เขาโพสต์ว่า การดื่มสุราอย่างเบียร์ ทำให้ช่วยคลายเครียดและป้องกันโรคซึมเศร้าได้ แต่เขาไม่ได้ระบุว่าอ้างอิงมาจากงานวิจัยไหน ... ความจริงแล้ว การดื่มแอลกอฮอล์ "ไม่ได้" เป็นผลดีต่อการลดความเครียดนะครับ รวมทั้งเป็นผลเสียต่อโรคซึมเศร้าด้วย !!จากผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Alcoholism: Clinical & Experimental Research ศึกษาเรื่อง "การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลเพื่อคลายความเครียด" นั้น แสดงให้เห็นว่า แอลกอฮอล์กับความเครียดนั้นมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันจริง โดยหลังจากเกิดความเครียดแล้ว หัวใจจะเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตจะเพิ่มสูงขึ้น และเกิดการปล่อยฮอร์โมนคอร์ติโซล (cortisol) ซึ่งภาวะเหล่านี้จะสลายตัวลงในเวลาที่ต่างกัน ฉะนั้น การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ก็อาจส่งผลกระทบที่ต่างกันกับผู้ดื่มแต่ละคน ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เจ้าตัวดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลังเกิดความเครียด งานวิจัยพบว่า แอลกอฮอล์จะเปลี่ยนวิธีการปรกติที่ร่างกายตอบโต้กับความเครียด โดยลดการปล่อยฮอร์โมนคอร์ติโซลลง แต่ยืดเวลาที่รู้สึกเครียดออกไปอีก แถมความเครียดยังย้อนกลับมาลดความรู้สึกสบายๆ จากการดื่มแอลกอฮอล์ ความเครียดทำให้กระหายอยากดื่มแอลกอฮอลเพิ่มขึ้น และอาจไปเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดโรคติดสุราได้แล้วที่อ้างว่าสามารถป้องกันโรคซึมเศร้าได้นั้น ถึงแม้ว่า โรคซึมเศร้าจะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่แต่ปัจจัยหนึ่งที่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าได้นั้น คือ การดื่มแอลกอฮอล์และการใช้สารเสพติด ดังนั้น การพึ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสารเสพติด เพื่อให้ลืมความเสียใจและความเครียดจากเรื่องต่างๆ ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง แถมยังกลับอาจจะทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าตามมาได้ด้วยครับ
ใช้ใน 1 ข้อความ・5 ปีที่แล้ว