13184 ข้อความ
- 1 คนสงสัยนักศึกษา-นักกิจกรรม ชายแดนใต้ผิดหวัง พิธา ไม่ได้รับเสียงโหวตเป็นนายกฯ รวมตัวแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการลงมติของ ส.ว. จริงหรือไม่ ?นักศึกษา-นักกิจกรรม ชายแดนใต้ผิดหวัง พิธา ไม่ได้รับเสียงโหวตเป็นนายกฯ รวมตัวแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการลงมติของ ส.ว.ข่าวการเมืองภาคใต้Abd Zaaq• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวการเมืองภาคใต้ไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวการเมือง เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผู้บริโภคเฝ้าระวังมีมไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยยกเลิกใช้บัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านแล้วยกเลิกใช้บัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านแล้วMrs.Doubt• 1 ปีที่แล้วmeter: mostly-true--middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวการเมืองมีมล้อเลียนไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยฝนตกหนัก น้ำท่วมสวนนงนุชภาคตะวันออก สภาพอากาศผู้บริโภคเฝ้าระวังPotter• 1 ปีที่แล้วmeter: false2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เข้าแจ้งความเวทีสัมมนาแยกปาตานีกว่า 10 คนกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เข้าแจ้งความเวทีสัมมนาแยกปาตานีกราวรูดกว่า 10 คนข่าวการเมืองภาคใต้Abd Zaaq• 1 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยดูค่าอาหาร ของ สส และ สว ที่รัฐสภา คนละ 2,500 บาท/คน/วัน...มันกินอะไรกันขนาดนั้น.มาดูค่าอาหาร ของ สส และ สว ที่รัฐสภา คนละ 2,500 บาท/คน/วัน...มันกินอะไรกันขนาดนั้น. -สส 500 คน 500×2500= 1,250,000 บาท/วัน สว.=250 คน 250×2500= 625,000 บ/วัน สว+สส=750 คน หนี่งเดือน =750×2500×30=56,250,000 บ/เดือน.... สมมุติ หนึ่งปี.มีประชุม 8 เดือน =8×56,250,000 =450,000,000 บาท 4 ปี =450,000,000×4=1,800,000,000 บ (หนึ่งพันแปดร้อยล้านบาท) สรุปมันเข้ากินกันอย่างจริงจัง.และจริงใจ อยากไปรับทำอาหารเลี้ยง สส.สว. ที่สภามากๆ เส้นคงใหญ่.แบ่งกำไรเข้ากระเป๋าใคร สืบเอาเองนะครับ เบี้ยคนชรา 600 บ/คน/เดือน = คนละ 20 บาท/วัน ค่าอาหารเด็กนักเรียน 20 บ/ วัน รัฐบาลใจดีเพิ่มให้เป็น 21 บ/วัน ...เยี่ยมจริงๆ. ขอให้เจริญๆนะ.. ขอขอบคุณ.ท่าน สส.ที่มาเผยให้ทราบ พวกเราจึงควรเผยแพร่ต่อไป.ข่าวการเมืองมีม เสียดสีMrs.Doubt• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยส.ส.เขต 2 ชลบุรี ขาดคุณสมบัติการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ชลบุรี เนื่องจากไม่ไปเลือกตั้งท้องถิ่นข่าวการเมืองเลือกตั้งภาคตะวันออกPotter• 1 ปีที่แล้วmeter: mostly-false--middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยกทพ. ขยายเวลา ลดค่าผ่านทางพิเศษด่านพระราม 9-1 สำหรับรถทุกประเภทไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย@แจ้งให้ทราบค่ะ กลุ่มเก่าสแปมเยอะเชิญทุกคนเข้ากลุ่มใหม่กันนะคะ line.me/ti/g2/qpUjEeBGfvdCGIhZvYUJGZpP-SyY_FBuCKuvkQ?utm_source=invitation&utm_mediumแอคปลอมไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยมีมไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยขออนุญาตนะคะ🙏🏻 ตอนนี้รับพรีออเดอร์ของแรนด์เนม รายได้ต่อวัน5,000-10,000+บาท พี่ๆน้องๆคนไหนอยากมีรายได้ หรือสนใจสินค้าแบรนด์เนม สนใจเข้ากลุ่ม กดลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ🛍 line.me/ti/g2/fdFyeYW5Lk5RBfdaKFS0oHMJdXoi2oCwLxxRigผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยhttps://line.me/ti/p/ElKuHRdwsbการเงินแอคปลอมไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยฎีกาออกมาแล้ว จอดรถตามห้างสรรพสินค้าฎีกาออกมาแล้ว จอดรถตามห้างสรรพสินค้า ถึงแม้ว่าจะไม่มีบัตรจอดรถก็ตาม ถ้ากลัวรถหาย มีข้อแนะนำดังนี้ 1.เมื่อขับรถเข้าจอดในห้างใดหรือเข้าพักในโรงแรมหรือรีสอร์ทใด ไม่ว่าในกรุงเทพหรือต่างจังหวัด เราควรจะถ่ายภาพรถให้เห็นป้ายทะเบียนและให้เห็นสภาพสถานที่จอดให้ชัดเจนว่าเป็นที่ใดด้วยโทรศัพท์มือถือ 2.ถ้ารถหายในห้างอย่าเพิ่งโวยวาย ถ้ายังไม่มีใบเสร็จในการซื้อสินค้าให้รีบเข้าซื้อสินค้าในสรรพสินค้าพื่อให้ได้ใบเสร็จว่าเราได้เข้ามาใช้บริการซื้อสินค้าในห้าง 3.จากนั้นแจ้งห้างว่ารถหายกับแจ้งความกับตำรวจถ่ายสำเนาใบเสร็จให้ไปแต่เราเก็บใบเสร็จตัวจริงไว้ ถ้าห้างฯไม่จ่ายจะได้ใช้ใบเสร็จกับภาพถ่ายรถในโทรศัพท์มือถือเป็นพยานหลักฐานในการฟ้องร้องทางศาล ซึ่งต้องฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันรถหาย ถ้าเกิน 1 ปี คดีจะขาดอายุความ 4.ชนะคดีแน่นอน เพราะมีฎีกาที่7471/2556 รองรับแล้ว #รถหายในห้างสรรพสินค้าผู้บริโภคเฝ้าระวังMrs.Doubt• 1 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยไททันไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว2 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยตัวเเทนผู้ส่งสารพระเจ้าของศาสนาคริสต์การประกาศเป็นบุญราศี (อังกฤษ: Beatification) คือกระบวนการที่คริสตจักรโรมันคาทอลิกกำหนดขึ้นเพื่อรับรองว่าบุคคลหนึ่งได้เข้าสู่สวรรค์และสามารถวอนขอพรจากพระเป็นเจ้าแทนมนุษย์บนโลกได้ กระบวนการนี้ถือเป็นขั้นตอนที่สี่ของการประกาศเป็นนักบุญ ประวัติ แก้ไข แต่เดิมการประกาศเป็นบุญราศีเป็นกระบวนการที่แต่ละมุขมณฑลดำเนินการเอง และมักจะเป็นการยกย่องมรณสักขีในท้องถิ่นนั้น ๆ ตั้งแต่ ค.ศ. 1983 เป็นต้นมาศาสนจักรคาทอลิกกำหนดว่าต้องมีปาฏิหาริย์หนึ่งอย่างที่ (เชื่อว่า) เกิดจากการที่ผู้นั้นได้อ้อนวอนขอพรพระเจ้าตามการอธิษฐานของคริสต์ศาสนิกชน ในกรณีที่ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นมรณสักขี ศาสนจักรจะดำเนินการประกาศเป็นบุญราศีให้โดยไม่จำเป็นต้องมีเรื่องปาฏิหาริย์มารับรองความศักดิ์สิทธิ์ เพราะถือว่าการพลิชีพเพื่อยืนยันความเชื่อในคริสต์ศาสนาถือเป็นวีรคุณธรรมที่แสดงความศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว ความเคารพและการเฉลิมฉลองบุญราศีจะจำกัดเฉพาะภายในภูมิภาคหรือประชาคมที่บุญราศีนั้นเคยเกี่ยวข้องขณะยังมีชีวิตอยู่ จนเมื่อได้รับการประกาศเป็นนักบุญแล้วจึงจะได้รับความเคารพและจัดงานฉลองจากคริสต์ศาสนิกชนได้ทั่วโลก[1] เช่น คริสตจักรโรมันคาทอลิกในประเทศไทยกำหนดให้ฉลองเจ็ดบุญราศีมรณสักขีแห่งสองคอนในวันที่ 16 ธันวาคม[2] และฉลองบุญราศีนิโคลัส บุญเกิด กฤษบำรุง ในวันที่ 12 มกราคม[3] บุญราศีชาวไทย แก้ไข ชาวไทยได้รับการประกาศเป็นบุญราศี 2 ครั้ง รวม 8 องค์ ได้แก่ เจ็ดบุญราศีมรณสักขีแห่งสองคอน ผู้สร้างวีรกรรมความศรัทธาเมื่อ ค.ศ. 1940 ในสมัยที่ไทยมีกรณีพิพาทอินโดจีนกับฝรั่งเศส กรณีดินแดนในแถบอินโดจีน ช่วงนั้นมีคนไทยหลายคนเข้าใจผิดว่าศาสนาคริสต์เป็นศาสนาของฝรั่งเศส ทางการไทยจึงได้มีคำสั่งให้ชาวบ้านเลิกนับถือศาสนาคริสต์ แต่มีชาวบ้านอยู่ 7 คนที่ไม่ยอมละทิ้งศาสนา นำโดยนายสีฟอง อ่อนพิทักษ์ (อายุ 33 ปี) , ภคินี 2 รูปคือ ซิสเตอร์พิลา ทิพย์สุข (อายุ 31 ปี) และซิสเตอร์คำบาง สีฟอง (อายุ 23 ปี) , สตรีสูงวัย 1 ท่านคือนางพุดทา ว่องไว (อายุ 59 ปี) , และเด็กสาวอีก 3 ท่านคือ นางสาวบุดสี ว่องไว (อายุ 16 ปี ), นางสาวคำไพ ว่องไว (อายุ 15 ปี) และเด็กหญิงพร ว่องไว (อายุ 14 ปี) ทั้งหมดถูกยื่นคำขาดว่าจะต้องถูกฆ่า หากไม่ยอมละทิ้งศาสนาคริสต์ ทั้ง 7 คนจึงพร้อมใจกันยอมสละชีวิตที่ป่าศักดิ์สิทธิ์ โดยมีตำรวจเป็นคนคร่าชีวิต ปี 1989 สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ได้ประกาศสดุดีให้ทั้ง 7 คน เป็น "บุญราศีมรณสักขี" หมายถึง คริสตชนผู้ที่ประกอบกรรมดีและพลีชีพเพื่อประกาศยืนยันความเชื่อในพระเจ้าไม่ยอมละทิ้งศาสนา อีกทั้งประกาศให้มีพิธีรำลึกบุญราศีสองคอนทั้ง 7 ในวันที่ 16 ธันวาคม โดยมีการฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในมหาวิหารนักบุญเปโตร กรุงโรม ซึ่งหลังจากการสถาปนาบุญราศีทั้ง 7 แล้ว โบสถ์สองคอน จึงได้จัดงานชุมนุมครั้งใหญ่ เพื่อฉลองบุญราศีที่ประเทศไทย เรียกงานนี้ว่า “งานสันติร่วมจิตใจเดียว” ในปีต่อ ๆ มา จัดเป็นงานวันรำลึกบุญราศีทั้ง 7 แต่เพื่อความสะดวกแก่ผู้ที่สนใจอยากไปร่วมงาน การฉลองที่โบสถ์สองคอนจึงกำหนดให้จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ใกล้เคียงกับวันที่ 16 ธันวาคมที่สุด [4] บุญราศีนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง[5] เกิดเมื่อวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1895 และรับศีลล้างบาปวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1895 ที่โบสถ์นักบุญเปโตร สามพราน นครปฐม และรับศีลอนุกรมเป็นบาทหลวง โดยมุขนายกเรอเน-มารี-โฌแซ็ฟ แปโร เมื่อวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1926 ที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก กรุงเทพฯ บาทหลวงบุญเกิดทำงานอภิบาลที่โบสถ์หลายแห่ง คือ อาสนวิหารแม่พระบังเกิด บางนกแขวก, โบสถ์เซนต์นิโคลาส พิษณุโลก, อาสนวิหารพระหฤทัย เชียงใหม่, โบสถ์คาทอลิกในลำปาง, อาสนวิหารแม่พระประจักษ์ที่เมืองลูร์ด นครราชสีมา และโบสถ์นักบุญเทเรซา โนนแก้ว บาทหลวงบุญเกิดถูกจับในวันสมโภชพระคริสต์แสดงองค์ หลังจากประกอบศาสนกิจที่โบสถ์นักบุญยอแซฟ บ้านหัน เมื่อวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 1941 ในข้อหาเป็นกบฏภายนอกราชอาณาจักร ถูกตัดสินจำคุก 15 ปี ระหว่างอยู่ในคุกที่เรือนจำกลางบางขวางเป็นปีที่สาม ท่านป่วยเป็นวัณโรคเป็นเวลา 9 เดือน และถึงแก่กรรมในคุกนั้นเอง เมื่อวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 1944 รวมอายุ 49 ปี ศพของท่านถูกนำไปฝังไว้ที่วัดบางแพรกซึ่งเป็นวัดที่อยู่ใกล้เรือนจำ หลังจากนั้นในเดือนมีนาคม มุขนายกเรอเน-มารี-โฌแซ็ฟ แปโรจึงได้รับอนุญาตให้นำศพของท่านมาฝังที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก กรุงเทพฯ บาทหลวงนิโคลาสเป็นบาทหลวงที่เอาใจใส่งานอภิบาล มีใจเมตตาต่อคนยากจน และมีความกระตือรือร้นในการประกาศข่าวดี ระหว่างที่อยู่ในคุก ท่านได้สอนคำสอนและโปรดศีลล้างบาปให้นักโทษด้วยกันที่ใกล้ตายจำนวน 68 คน พระคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู ได้เสนอกรณีของท่านให้สมณะกระทรวงการสถาปนานักบุญพิจารณา หลังจากตรวจสอบอย่างถ้วนถี่ชัดแจ้งว่าท่านเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ พลีชีพเพราะเห็นแก่ความเชื่อในพระเป็นเจ้า สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ได้ประกาศรับรองความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน เมื่อวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 2000 และประกอบพิธีสถาปนาเป็นบุญราศีมรณสักขี ในวันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 2000 ณ มหาวิหารนักบุญเปโตร กรุงโรม ประเทศอิตาลีข่าวการเมืองภาคอีสานputilp148• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยปล้นครั้งประวัติศาสตร์! ทะลวงทุกระบบ “ขโมยเพชร” มหาศาล ตามของคืนไม่ได้จนวันนี้ผู้เขียน กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม เผยแพร่ วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2566 ย้อนกลับไปเมื่อต้นปี 2003 มีข่าวครึกโครมดังไปทั่วโลกกับเหตุการณ์ “ขโมยเพชร” ที่นับได้ว่าเป็นการโจรกรรรมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และน่าจะบอกได้ว่าเป็นการโจรกรรมที่เกิดในพื้นที่ซึ่งมีระบบป้องกันดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก จนเคยเชื่อกันว่า “ไม่สามารถถูกเจาะได้” แอนต์เวิร์ป ไดมอนด์ เซ็นเตอร์ (Antwerp Diamond Center) เป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์รวมเพชรของโลก ตั้งอยู่ในประเทศเบลเยียม ภายในมีตู้เซฟจำนวนเกือบ 200 ตู้ในห้องนิรภัย ซึ่งอยู่ลึกลงไปในใต้ดิน 2 ชั้น เก็บเพชรและเครื่องประดับอัญมณีของผู้เช่าตู้เซฟ มูลค่ารวมแล้วหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐ มีระบบรักษาความปลอดภัยหลายชั้น รายงานข่าวบางแห่งบ่งชี้ตัวเลขระดับชั้นของการรักษาความปลอดภัยว่ามีมากถึง 10 ชั้น และต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนกว่าจะไปถึงขั้นเปิดตู้เซฟได้ ทุกตู้ยังต้องเปิดด้วยรหัสและกุญแจเช่นเดียวกับประตูห้องนิรภัย ซึ่งทำให้เป็นที่มั่นใจในความปลอดภัยสำหรับผู้มาเช่าตู้เซฟ สถานที่แห่งนี้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยแน่นหนาและทันสมัย แถมเพียบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย มีกล้องวงจรปิดทุกซอกทุกมุม มีสัญญาณเตือนภัยแทบทุกระบบที่มนุษย์ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาติดตั้งอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเซนเซอร์จับความเคลื่อนไหวและการสั่นสะเทือน เซนเซอร์จับความร้อนจากร่างกายมนุษย์ เซนเซอร์จับแสง มีแม้กระทั่งอุปกรณ์ตรวจจับแบบแม่เหล็ก ซึ่งทันทีที่ประตูนิรภัยหนา 1 ฟุตเปิดในเวลาที่ไม่ควรเปิด สัญญาณเตือนภัยจะแจ้งเหตุทันที รวมทั้งมีเครื่องกีดขวางยานพาหนะยุคไฮเทค มีกลไกบังคับให้หุบหายลงใต้ดิน และโผล่กลับขึ้นมาทำหน้าที่ของมันได้ทุกเวลา ที่สำคัญยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีตำรวจนัก และเจ้าหน้าที่ก็พร้อมปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อได้รับแจ้งการก่อเหตุ ผู้ก่อการ “ขโมยเพชร” ก่อนหน้าเกิดคดีโจรกรรมเพชร 2 ปี คือในปี 2001 เชื่อว่าแผนปฏิบัติการการโจรกรรมได้เริ่มขึ้นอย่างแนบเนียนโดยชายวัยกลางคนชาวตูริน ประเทศอิตาลี ชื่อ ลีโอนาร์โด โนทาร์บาร์โทโล ซึ่งเดินทางเข้ามาในเมืองแอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยียม ที่ตั้งของไดมอนด์ เซ็นเตอร์ ฉากหน้าเขาคือนักออกแบบเครื่องประดับ นักธุรกิจค้าเพชร เข้ามาเช่าออฟฟิศและตู้เซฟที่ไดมอนด์ เซ็นเตอร์ เพื่อเปิดเป็นสำนักงานประกอบธุรกิจค้าเพชร ที่นี่นอกจากจะมีตู้เซฟให้เช่าแล้ว ยังมีห้องเพื่อใช้เป็นสำนักงานธุรกิจค้าอัญมณีของเหล่านักธุรกิจใช้เช่าอีกด้วย โนทาร์บาร์โทโลแฝงตัวเข้ามาเพื่อสำรวจเก็บรายละเอียดของสำนักงานนี้ เขาใช้เวลาเก็บข้อมูลต่างๆ ทั้งระบบความปลอดภัย กิจวัตรในแต่ละวันของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ส่วนต่างๆ ของอาคาร และเส้นทาง โดยรายละเอียดทั้งหมดที่ได้มา เขาใช้การจดจำ จากนั้นจะนำมาเขียนบันทึกในห้องทำงาน โนทาร์บาร์โทโลใช้เวลาร่วม 2 ปีแฝงตัวและเก็บข้อมูลในสถานที่แห่งนี้ แน่นอนว่าโนทาร์บาร์โทโลคงไม่ปฏิบัติการเพียงลำพัง เขามีผู้ร่วมขบวนการอีกคือ เอลิโอ ดอโนริโอ ผู้เชี่ยวชาญสัญญาณเตือนภัย คนช่างคิดที่สามารถเอาชนะมาตรการรักษาความปลอดภัยหลายระบบ เฟอร์ดนานโด ฟิน็อตโต อาชญากรมืออาชีพมากประสบการณ์ และ ปิเอโตร ทาวาโน เพื่อนเก่าแก่ที่โนทาร์บาร์โทโลไว้ใจ โนทาร์บาร์โทโลเล่ารายละเอียดทุกอย่างที่เขาเก็บข้อมูลมาให้ผู้ร่วมก่อการฟังอย่างละเอียด รวมทั้งร่วมวางแผนกันภายในร้านกาแฟนในตูรินเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต พวกเขาใช้เวลาเตรียมการรวม 27 เดือน นานกว่าระยะเวลาในหนังโจรกรรมแบบฮอลลีวูด ที่มักเล่าว่าสมาชิกแก๊งใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์ ปฏิบัติการ “ขโมยเพชร” ครั้งประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นในวันหยุดสุดสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ ปี 2003 ไล่เลี่ยกับช่วงวันวาเลนไทน์ ช่วงวันหยุด ไดมอนด์ เซนเตอร์ แห่งนี้หยุดทำการ ไม่มีการเปิดห้องนิรภัยและตู้เซฟทุกกรณี หากเปิดนอกเวลาทำการเช่นนี้สัญญาณเตือนภัยจะทำงานทันที แต่โนทาร์บาร์โทโลกลับเลือกใช้เวลานี้ปฏิบัติการ เนื่องจากปลอดคนและมีเวลาให้ปฏิบัติการได้มาก การเจาะระบบป้องกัน (โดยคร่าว) ด้วยระบบป้องกันภัยที่ทันสมัยและแน่นหนามาก การเจาะเข้าไปในตู้เซฟจึงต้องผ่านระบบป้องกันหลายด่าน ทั้งการใส่รหัสผ่าน ล็อกกุญแจ เซนเซอร์สนามแม่เหล็ก เซนเซอร์ตรวจจับความร้อน เซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว และเซนเซอร์แสง รายละเอียดมีข้อปลีกย่อยมากมาย ข้อมูลในที่นี้บอกเล่าอย่างคร่าวๆ โดยส่วนหนึ่งมาจากหลักฐานและการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมผู้เชี่ยวชาญ โนทาร์บาร์โทโลและพวกจำเป็นต้องกำจัดอุปสรรคทีละด่าน ซึ่งผ่านการจำลองสถานการณ์ซักซ้อมมาอย่างดี พวกเขาเริ่มแผนการในช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ ทาวาโนทำหน้าที่เฝ้าติดตามฟังวิทยุสื่อสารของตำรวจ ทราบความเคลื่อนไหวของตำรวจจากวิทยุสื่อสาร เขาทำหน้าที่อยู่ที่ห้องพักของโนทาร์บาร์โทโล ส่วนโนทาร์บาร์โทโลกับพวกอีก 2 คน สวมถุงมือยาง ขับรถผ่านป้อมตำรวจ ประตูชั้นจอดรถเปิดขึ้น เขาหยุดรถชิดขอบทาง แต่ละคนพาดถุงบนไหล่ มุดผ่านใต้ขอบประตูม้วน พวกเขาใช้กุญแจดอกพิเศษที่ทำขึ้นเพื่อไขกุญแจประตูทางเข้า เดินลงบันไดถึงหน้าห้องนิรภัย ดอโนริโอใช้แผ่นเหล็กรูปตัวทีประกบแท่งแม่เหล็กทั้งสองที่ติดอยู่บานประตูและขอบประตูด้วยเทปกาวสองหน้า แล้วดึงมันหลุดออกมาโดยแท่งแม่เหล็กไม่แยกจากกัน สัญญาณแจ้งเตือนจึงไม่ดังขึ้น ช่วยให้เปิดห้องนิรภัยกว้างระดับหนึ่ง และสามารถแทรกตัวเข้าไปได้โดยปลอดสัญญาณแจ้งเตือน ตำรวจเชื่อว่าดอโนริโอติดตั้งกล้องวิดีโอเพื่อใช้บันทึกการหมุนรหัสประตูห้องนิรภัย แต่ทฤษฎีของตำรวจมีผู้แย้งว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะมีอุปกรณ์บังรอบตัวหมุนรหัส ป้องกันไม่ให้คนอื่นเห็นเลข ข้อสันนิษฐานอื่นก็คือ โนทาร์บาร์โทโลอาจได้รหัสมาโดยวิธีอื่น หรืออีกทฤษฎีหนึ่งที่น่าสนใจคือ ประตูห้องนิรภัยนี้ไม่เคลียร์รหัสให้เอง หากเปิดแล้วต้องหมุนเคลียร์รหัสเอง ทั้งนี้ผู้ดูแลอาจลืมหรือขี้เกียจเคลียร์รหัส (เก่า) ทำให้รหัสคาอยู่ที่เดิม เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้กุญแจเพียงดอกเดียวเปิดประตูนิรภัยได้ ภายหลังตำรวจสรุปว่าคนร้ายใช้ชะแลงยาว 2 ฟุต งัดประตูห้องเก็บของ เพราะกุญแจที่ทำมาใช้การไม่ได้ (เสียงน่าจะดังมาก แต่ไม่มีสัญญาณเตือนภัย เนื่องจากในพื้นที่ไม่ได้ใช้การตรวจจับเสียง เพราะมองว่า หากมีคนทำของตก สัญญาณย่อมดังขึ้นทุกครั้ง) แต่ในห้องเก็บของมีกุญแจประตูนิรภัย จึงสามารถเปิดห้องนิรภัยได้ ข้างในห้องมืดสนิท และมีเครื่องตรวจจับแสงทำงานอยู่ พวกเขาใช้เทปกาว 2-3 ชิ้นปิดเซนเซอร์แสง แล้วทำการเปิดไฟ ด่านต่อมาคือเซนเซอร์ตรวจจับความร้อน พวกเขาเอาชนะมันด้วยการใช้สเปรย์ตกแต่งทรงผมฉีดใส่เครื่องจนทำให้เครื่องรวนไม่สามารถใช้งานได้ ส่วนเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวพวกเขาใช้แผ่นโฟมวางทับตัวเซ็นเซอร์ไม่ให้มันทำงาน ด่านสุดท้ายคือเปิดประตูตู้เซฟ พวกเขาประกอบอุปกรณ์ดึงฝาตู้เซฟที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง ซึ่งแยกชิ้นส่วนใส่กระเป๋ามา และนำมาประกอบกันตรงกลางห้องนิรภัย เมื่อประกอบเสร็จพวกเขาก็ใช้อุปกรณ์ดังกล่าวเปิดตู้เซฟได้ หลังจากจัดการกับอุปสรรคแต่ละด่านเรียบร้อยแล้ว โนทาร์บาร์โทโลและพวกได้แบ่งหน้าที่กัน คนหนึ่งเปิดตู้เซฟให้เร็วที่สุด อีกสองคนทำหน้าที่แยกของมีค่า ทั้งเพชร นาฬิกา เครื่องประดับ และเงินสด แยกใส่ถุงอย่างละถุง โนทาร์บาร์โทโลเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเอาอะไรกลับไป และจะปล่อยสิ่งของอะไรไว้บ้างโดยประเมินจากมูลค่าของแต่ละชิ้น โดยรวมแล้วพวกเขาเปิดตู้เซฟได้ 109 ตู้ จาก 189 ตู้ เชื่อกันว่าทรัพย์สินที่กลุ่มนักโจรกรรมกวาดไปได้มีมูลค่ารวมกว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตัวเลขมูลค่าของทรัพย์สินที่หายไปยังเป็นที่ถกเถียง จากปากของกลุ่มผู้ก่อการอ้างว่ามูลค่าของทรัพย์สินที่พวกเขาฉกไปอยู่แค่ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอ้างว่าการโจรกรรมเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่ใหญ่กว่าเพื่อเคลมเงินประกัน) ขณะที่การออกจากสถานที่เกิดเหตุก็ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาต้องขนสมบัติที่หนักกลับไปพร้อมกับเครื่องมืออุปกรณ์ เดิมทีแล้ว “แก๊งตูริน” นี้จะเก็บทุกอย่างกลับไปเพื่อไม่ให้ตำรวจเก็บหลักฐาน แต่ครั้งนี้พวกเขาจำเป็นต้องทิ้งอุปกรณ์ โดยเช็ดถูให้สะอาดลบร่องรอยอื่นก่อน การหิ้วถุงเพชรขึ้นบันไดขณะออกจากสถานที่เกิดเหตุหลังจากคนดูต้นทางรายงานว่าปลอดโปร่งแล้วก็ต้องหิ้วถุงโดยก้าวอย่างระมัดระวังมากที่สุด ถุงเพชรอย่างเดียวก็หนักเข้าไปถึง 44 ปอนด์ (ราว 20 กิโลกรัม) ขณะที่แบกขึ้นไป คนร้ายอีกรายใช้กุญแจปลอมเข้าไปเปิดประตูห้องควบคุมระบบรักษาความปลอดภัย เอาเทปบันทึกภาพการก่อเหตุออกจากเครื่อง และใส่เทปเปล่าไปแทน เขายังมองหาเทปเก่าโดยเลือกช่วงเดือนที่ผ่านมาอีก 4 ม้วน เป็นเทปบันทึกภาพช่วงที่สมาชิกเข้ามาทำลายระบบเตือนภัยแม่เหล็กไปด้วย เมื่อคนดูต้นทางแจ้งว่าปลอดภัย พวกเขาก็ออกมาใส่ของที่ท้ายรถที่มาจอดเทียบชิดขอบทาง พวกเขานั่งเบียดกันในรถและขับหายไปตามถนน โฉมหน้าลีโอนาร์โด โนทาร์บาร์โทโล วัย 51 ปีหลังถูกจับกุมเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003 ฉากหลังเป็น Diamond Center ใน Antwerp ประเทศเบลเยียม เมื่อ 18 ก.พ. 2013 หลังเกิดเหตุโจรกรรมเพชร (ภาพจาก STRINGER / BELGA / WIM HENDRIX /AFP) เรื่องเล็กในการ “ขโมยเพชร” ที่พลาดมหันต์ แม้พวกเขาจะทำการสำเร็จ แต่ปัญหาของพวกเขาคือการกำจัดขยะที่เป็นร่องรอยจากปฏิบัติการทั้งหมด ท้ายที่สุดแล้วนักโจรกรรมอัจฉริยะระดับโลกต้องถึงจุดจบ โดยมีหลักฐานคือ “ถุงขยะ” หลังจาก “ขโมยเพชร” แล้ว พวกคนร้ายขับรถซึ่งมีถุงขยะอันบรรจุอุปกรณ์และสิ่งของที่เหลือใช้จากปฏิบัติการเต็มรถไปตามไฮเวย์ด้วยความกระวนกระวาย จนเลือกทิ้งถุงขยะโดยเร็วที่สุดเมื่อออกจากเมือง เลี่ยงความเสี่ยงโดนตำรวจเรียกจอดหากละเมิดกฎจราจร การทิ้งขยะตามสถานที่ส่วนบุคคลหรือเอกชนก็เป็นเรื่องเสี่ยง เพราะเจ้าของกิจการในเบลเยียมจริงจังกับการใช้ถังขยะโดยไม่ได้รับอนุญาต หลายแห่งล็อกฝาถัง หรือติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณถังขยะ ปั๊มน้ำมันบนไฮเวย์แทบทุกแห่งมีป้ายห้ามทิ้งสิ่งของส่วนตัว ขณะที่การเผาถุงก็ย่อมมีควันไฟที่เรียกความสนใจจากเจ้าหน้าที่ไฮเวย์ ในถุงพวกนี้มีถุงขยะที่ยัดถุงจากร้านค้าซึ่งดันมีใบเสร็จ ซองเอกสาร และเอกสารอื่นจากไดมอนด์ เซ็นเตอร์ และเลือกทิ้งข้างทางหลวงตรงถนนทางเข้าป่าฟลอร์ดัมบอส แต่แล้วดันมีผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินละแวกนั้นที่รักษ์สิ่งแวดล้อมมาพบถุงขยะ และคู่สามีภรรยาคือกลุ่มที่โทรศัพท์แจ้งตำรวจ (แม้แต่คำถามว่า ใครกันแน่ที่รู้ว่าถุงขยะเกี่ยวกับการโจรกรรมที่เป็นข่าวดังเวลานั้น และออกไอเดียให้โทรศัพท์หาตำรวจ ก็ยังเป็นที่ถกเถียงว่า สรุปแล้วเป็นสามีคือออกุสต์ ฟาน ดัมป์ หรือภรรยาของเขากันแน่) ถุงที่ฟาน ดัมป์ พบคือหลักฐานสำคัญที่ทางการแกะรอยได้อย่างรวดเร็วกว่าที่คิด ทำให้ผู้ก่อการทั้ง 4 คนถูกจับในที่สุด โดยเฉพาะใบเสร็จที่เมื่อตำรวจนำไปสอบถามกับแคชเชียร์ พนักงานจำได้ทันที และให้รูปพรรณกับตำรวจซึ่งเชื่อว่าเป็นดอโนริโอ และฟิน็อตโต ขณะที่ตำรวจเบลเยียมส่งข้อมูลผู้ต้องสงสัยให้ตำรวจสากล โนทาร์บาร์โทโลและพวกยังฉลองความสำเร็จ และกำลังเดินทางหลบหนี แต่เหลือสิ่งที่เขาต้องทำคือทำลายร่องรอยที่เหลือในแอนต์เวิร์ป อีกทั้งคืนรถเช่า และทำความสะอาดห้องพักซึ่งจากมาอย่างรีบร้อน และยังต้องรูดบัตรผ่านเข้า-ออกไดมอนด์ เซ็นเตอร์ เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อเป็นหลักฐาน เพราะตำรวจจะต้องตรวจสอบว่าผู้เช่ารายใดที่หายไปเลยหลังเกิดเหตุ เมื่อตำรวจตรวจสอบหลักฐานการเข้า-ออกของโนทาร์บาร์โทโล ก็พบว่าเขาอยู่ในกลุ่มสุดท้ายที่ออกจากอาคารก่อนวันเกิดเหตุ จึงนำภาพวิดีโอหลายชั่วโมงมาดู แล้วพบว่า หนุ่มใหญ่ชาวอิตาเลียนเข้า-ออกห้องนิรภัยทุกวันตลอดสัปดาห์ก่อนหน้าเกิดเหตุ ตำรวจเชื่อว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจรกรรม โนทาร์บาร์โทโลมั่นใจว่าไม่มีอะไรที่พาดพิงมาถึงเขา แม้ว่าในข่าวจะมีเรื่องพบถุงขยะแล้ว แต่เขาไม่รู้ว่า เพื่อนร่วมงานฉีกใบจ้างงานติดตั้งกล้องที่ออฟฟิศของเขาแล้วโยนลงถังขยะในครัว ไม่รู้ว่าตำรวจค้นออฟฟิศและตู้เซฟของเขา การกลับที่เกิดเหตุย่อมเหมือนกับการฆ่าตัวตาย แต่โนทาร์บาร์โทโลมั่นใจ และความมั่นใจนั่นเองทำให้เขาโดนรวบตัว ทันทีที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในบูธด้านหน้าเห็นเขาก็คว้าโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่โดยพลัน ช่วงแรกเขายังคิดว่าตำรวจไม่มีหลักฐานพอ และยังเป็นเพียงพยาน แถมยังตีบทงง ไม่เข้าใจว่าควบคุมตัวผู้บริสุทธิ์อย่างเขาทำไม โนทาร์บาร์โทโลมีคำตอบให้ทุกคำถาม แต่ท้ายที่สุดก็จนกับหลักฐานหลายอย่าง ทั้งดีเอ็นเอบนแซนด์วิชไส้กรอกที่โนทาร์บาร์โทโลทำกินเอง แต่กินครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งโยนทิ้งถังขยะในครัวขณะเตรียมขนของหนีไปอิตาลี และมันไปโผล่ในถังขยะใกล้ป่าฟลอร์ดัมบอส และยังพบดีเอ็นเอของผู้ร่วมก่อการอีกหลายจุดที่เชื่อมเข้ากับหลักฐานการโจรกรรม แม้ว่าคนร้ายจะถูกจับกุมได้ แต่เพชรที่ถูกปล้นก็ไม่ได้กลับคืนสู่เจ้าของ เพราะไม่มีคนร้ายคนไหนบอกถึงที่อยู่ของเพชรที่ปล้นมา ช่วงที่โนทาร์บาร์โทโลอยู่ในคุกยังให้สัมภาษณ์แก่นิตยสารไวร์ด (Wired) ว่า การปล้นทั้งหมดเกิดจากแผนที่ผู้เช่าตู้เซฟซึ่งเป็นพ่อค้าเพชรชาวยิวหวังใช้เรียกค่าประกันจากไดมอนด์ เซ็นเตอร์ โดยที่พวกเขาซึ่งมีผู้เช่าตู้เซฟร่วมแผนการด้วยประมาณ 50-60 ราย จะไม่เอาเพชรหรือของมีค่าใส่ไว้ในตู้เซฟ และวางแผนการปล้นโดยจำลองห้องนิรภัยขึ้นมา แล้วเข้าปล้น เขายังกล่าวต่ออีกว่าแผนการครั้งนี้โดนพ่อค้าเพชรชาวยิวหักหลัง แต่มีหลายคนวิเคราะห์ว่าข้อมูลนี้เป็นเรื่องโกหกของโนทาร์บาร์โทโล เพราะสิ่งที่เขาเล่าย้อนแย้งอย่างมาก อีกทั้งเรื่องที่มีผู้เช่าตู้เซฟวางแผนร่วมกันนั้น ผู้เช่าตู้เซฟเห็นว่าเป็นเรื่องตลกที่ไม่มีทางเกิดขึ้น การที่โนทาร์บาร์โทโลให้สัมภาษณ์เช่นนี้ก็เพื่อโยนความผิดให้กับผู้อื่นหรือปกปิดข้อมูลและร่องรอย โนทาร์บาร์โทโลยังต้องการให้นำเรื่องราวของเขาไปทำภาพยนตร์ เพราะเขาหวังส่วนแบ่งรายได้จากสิทธิ์ของข้อมูลเพื่อนำไปใช้อย่างสบายหลังออกจากคุก อีกทั้งเป็นเงินที่ได้มาโดยถูกกฎหมาย และใช้ชีวิตอย่างหรูหราได้โดยอ้างแหล่งที่มาของเงินจากส่วนแบ่งการนำเรื่องราวไปสร้างเป็นภาพยนตร์ (ทั้งที่เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่มีวันเผยเรื่องจริง) ท้ายที่สุดแม้ว่าเขาจะถูกศาลตัดสินจำคุก 10 ปี และรับโทษติดคุก เขาก็ยังไม่ได้บอกที่ซ่อนอัญมณีและแผนการปล้น เขากับพวกอีก 3 คน ถูกปล่อยตัวก่อนกำหนด และหลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตแบบเงียบๆ ทั้งนี้ศาลได้ตัดสินคดีจนถึงที่สุดแล้ว คดีนี้จึงจบลง เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับคดีให้ความเห็นเมื่อปี 2009 ว่า แม้แต่โนทาร์บาร์โทโลนำเพชรหรือทรัพย์สินที่ปล้นมาขายก็อาจไม่สามารถแจ้งจับได้อีก เพราะไม่สามารถฟ้องซ้ำคดีที่ศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาด นอกเหนือจากมีหลักฐานใหม่ แต่สิ่งที่ทำได้เบื้องต้นคือแค่ยึดเป็นของกลางไว้ และอาจดำเนินคดีในอิตาลีเกี่ยวกับการฟอกเงิน ในขณะที่กลุ่มเจ้าของทรัพย์สินที่ถูกปล้นไปก็ไม่หวังกันแล้วว่าจะได้ของกลับคืน คนในแวดวงเพชรยังรู้สึกโกรธกับบทสรุป เมื่อพวกคนร้ายติดคุกไม่นาน ทรัพย์สินก็ไม่สามารถติดตามกลับมาได้ ที่สำคัญบทสรุปของเรื่องนี้ยังออกมาว่าการทำงานหนักของเจ้าหน้าที่เพื่อติดตามคนร้ายและดำเนินคดี แลกมากับการจองจำผู้ก่อเหตุเพียงไม่กี่ปี และยังพิสูจน์อีกว่า ความเสี่ยง ความยากลำบาก การถูกจับและจองจำ อาจคุ้มค่ากับชีวิตหลังผ่านคดี เมื่อพวกที่ก่อการอาจใช้ชีวิตที่เหลือได้อย่างราบรื่นและสุขสบายจากสิ่งที่ได้จากการโจรกรรมมีม เสียดสีputilp148• 1 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยผู้เชี่ยวชาญเรือดำน้ำ ชี้ 5 คนในเรือไททัน รู้ชะตากรรม แค่ 1 นาทีก่อนตายผู้เชี่ยวชาญเรื่องเรือดำน้ำชาวสเปน วิเคราะห์ 5 ผู้โดยสารในเรือดำน้ำไททัน รู้ชะตากรรม แค่ 1 นาทีก่อนจะเสียชีวิตทั้งหมด จากการระเบิดสู่ภายใน (implosion) เมื่อ 12 ก.ค. 2566 สำนักข่าวต่างประเทศ นาย โฮเซ่ ลูอิส มาร์ติน ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือดำน้ำชาวสเปน วิเคราะห์ช่วงนาทีสุดท้ายของเรือดำน้ำไททัน ที่เกิดระเบิดสู่ภายใน ขณะดำลงไปชมซากเรือไททานิก เมื่อ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมาว่า ผู้โดยสารในเรือดำน้ำ 5 คน รู้ชะตากรรมของตัวเอง แค่เพียงประมาณ 1 นาทีเท่านั้น ก่อนจะเสียชีวิต ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือดำน้ำชาวสเปน วิเคราะห์ว่า การเดินทางของเรือดำน้ำไททัน ซึ่งความจริงเป็นเพียง ยานดำน้ำ (submersible) เพื่อไปชมซากเรือไททานิก ที่จมอยู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติกนั้น ‘เหมือนกับบอลลูน’ หลังตกอย่างอิสระลงมาประมาณ 3,000 ฟุต หรือราว 914 เมตร อันเนื่องมาจากเกิดความเปลี่ยนแปลงความดันอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าช่วงสุดท้ายของเรือไททัน จะใช้เวลาประมาณ 48-71 วินาที ซึ่งผู้โดยสารทั้ง 5 คนในเรือรู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น นอกจากนั้น นายมาร์ติน ยังได้แบ่งปันทฤษฎีจุดจบเรือไททันของบริษัทโอเชียนเกต จากการวิเคราะห์ของเขา ระหว่างให้สัมภาษณ์กับนสพ.สเปน ‘Nius’ ว่า จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นขณะที่เรือไททันดำลงไปได้ลึกประมาณ 1,700 เมตร (5,500 ฟุต) ซึ่งขณะนั้น ระบบไฟฟ้าของเรือดำน้ำล้มเหลว และทำให้ไม่มีพลังขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์ จนทำให้เรือไททันขาดการติดต่อกับเรือแม่ โพลาร์ พรินซ์ ซึ่งความลึกระดับนั้นมีเเรงดันน้ำที่อัดเรือสามารถทำให้วงเเหวนชั้นนอกออกมาเเละห้องโดยสารบิดเบี้ยวได้อย่างง่ายดายputilp148• 1 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยElon Muskท้าต่อยกับMark Zuckerberg เหตุเเซะเรื่องappใหม่จะมาเเข่งด้วยหลังจากทะเลาะกันมาหลายปี ในอนาคตอันใกล้นี้เราอาจได้เห็นศึกการดวลหมัดระหว่างมหาเศรษฐีเทคโนโลยี อีลอน มัสก์ และมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เมื่อวานนี้ (21 มิถุนายน) อีลอน มัสก์ ได้ทวีตว่า เขาพร้อมที่จะต่อสู้ในกรง (Cage match) กับมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งเมตา หลังจากนั้นในเวลาไม่นาน อินสตาแกรมของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ได้อัปโหลดสตอรี่ที่เป็นภาพแคปเจอร์สกรีนทวีตข้างต้นของอีลอน มัสก์ พร้อมกับพิมพ์ข้อความว่า “ส่งที่อยู่มา” (Send me location) ศึกมวยกรงของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก และอีลอน มัสก์ อาจเกิดขึ้น เมื่อดูจากอายุและสภาพร่างกายแล้ว ถ้าหากแมตช์หยุดโลกของวงการเทคโนโลยีเกิดขึ้น ควรต้องกล่าวว่า มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ได้เปรียบมากพอสมควร เนื่องจากซัคเคอร์เบิร์กเพิ่งอายุแค่ 39 ปี อีกทั้งในช่วงหลัง ซัคเคอร์เบิร์ก ได้ฝึกปรือศาสตร์ด้านการต่อสู้แบบยิว-ยิตสู อย่างเข้มข้น ขณะที่ อีลอน มัสก์ ในเวลานี้อายุถึง 51 ปีแล้ว แต่ก็อาจมีความได้เปรียบในเรื่องของรูปร่าง (Physical size) นอกจากนี้แล้ว มัสก์ เคยบอกว่าด้วยความที่ตัวเขาเติบโตจากแอฟริกาใต้ เขาได้ผ่านการต่อสู้แบบจริงจังมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก และอีลอน มัสก์ ต่างมีปัญหาไม่ลงรอยกันมานานแล้ว โดยเฉพาะในหัวข้อของปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งมัสก์เชื่อว่าปัญญาประดิษฐ์อาจทำลายล้างมนุษยชาติได้ แต่ซัคเคอร์เบิร์กไม่เชื่อกับแนวความคิดดังกล่าว และต้องการใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อสนับสนุนการทำงานของมนุษย์.มีม เสียดสีputilp148• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยปัสสาวะกลางคืนบ่อยทำให้ไขมันอุดตันข่าวปลอม อย่าแชร์! ❌ หากกลางคืนปัสสาวะบ่อย สัญญาณบอกไขมันสะสมในช่องท้อง . ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อออนไลน์เรื่องหากกลางคืนปัสสาวะบ่อย สัญญาณบอกไขมันสะสมในช่องท้อง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบ โดยโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ . จากกรณีที่มีผู้โพสต์ภาพให้ความรู้ว่า หากกลางคืนปัสสาวะบ่อย ท้องอืด นอนหลับยากแสดงว่า ไขมันเริ่มสะสมช่องท้องนั้น ทางโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า บทความดังกล่าวไม่มีความสัมพันธ์กัน ที่อธิบายได้ตามความรู้ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน โดยการปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืนกับไขมันสะสมในช่องท้องไม่ได้สัมพันธ์กัน ทั้งทางทฤษฎี และจากการศึกษาวิจัยใด ๆ . ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากโรงพยาบาลราชวิถี สามารถติดตามได้ที่ www.rajavithi.go.th หรือ โทร. 02-206-2900 . บทสรุปของเรื่องนี้คือ : บทความดังกล่าวไม่มีความสัมพันธ์กัน ที่สามารถอธิบายได้ตามความรู้ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน โดยการปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืนกับไขมันสะสมในช่องท้องไม่ได้สัมพันธ์กัน ทั้งทางทฤษฎี และจากการศึกษาวิจัยใด ๆ . หน่วยงานที่ตรวจสอบ : โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข . 📌 ช่องทางการติดตามและแจ้งเบาะแสข่าวปลอม @antifakenewscenter สายด่วน : ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน 1111 ต่อ 87 . #ข่าวปลอม #ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม #AntiFakeNewsCenter #AFNCThailand #ข่าวสุขภาพ #ปัสสาวะตอนกลางคืน #ไขมันสะสม #โรคอ้วนลดความอ้วนpapangpc150563• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจากการตรวจพบ"เนื้อหมูเถื่อน"บริเวณท่าเรือแหลมฉบัง เตรียมใช้งบหลวงทำลายของกลาง 12 ล้านบาทภาคตะวันออกPotter• 1 ปีที่แล้วmeter: false2 ความเห็น