13223 ข้อความ
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชวนลงทุนหุ้น รับปันผล 30,000 บาทต่อเดือนจากที่มีข้อมูลด้านการเงินเกี่ยวกับเรื่องตลาดหลักทรัพย์ฯ ชวนลงทุนหุ้น รับปันผล 30,000 บาทต่อเดือน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่าเพจดังกล่าว เป็นข้อมูลเท็จstd48074• 1 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! กฟผ. ชวนลงทุนกองทุนพลังงานหมุนเวียน ผ่าน LINE OAตามที่มีการส่งต่อข้อความเกี่ยวกับเรื่อง กฟผ. ชวนลงทุนกองทุนพลังงานหมุนเวียน ผ่าน LINE OA ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กระทรวงพลังงาน พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จtanchanuk2551• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยโรคมะเร็ง” ที่สุดแห่งข่าวปลอม การหลอกลวงที่เล่นกับความหวัง9 เดือนที่ผ่านมา กับการตรวจสอบข้อมูลข่าวปลอมที่ถูกนำมาแชร์บนโลกออนไลน์ของเว็บไซต์ “ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมโรคมะเร็ง” หรือ Anti Fake Cancer News (AFCN) ซึ่งสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ ตั้งขึ้นมาเพื่อทำงานเชิงรุกบนโซเชียลมีเดีย ประสานกับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม Anti Fake News Center (AFNC) ประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้รับการตอบรับจากสังคมเป็นอย่างมาก มีประสิทธิผลเป็นที่น่าพอใจ เพราะในหลายๆประเด็นเมื่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งออกมาให้ความชัดเจน ก็สามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับชาวบ้านได้ในทันทีstd48064• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! สรรพสามิตเตรียมแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษีใหม่ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลบนสื่อโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับเรื่องสรรพสามิตเตรียมแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษีใหม่ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง พบว่าข้อมูลที่ปรากฏนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีผู้โพสต์เฟซบุ๊กโดยระบุว่า สรรพสามิตเตรียมแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษีใหม่ ทางกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า กรมฯ ไม่มีนโยบายในการปฏิรูปโครงสร้างภาษีใหม่แต่อย่างใด ซึ่งนโยบายการจัดเก็บภาษีนั้น กรมฯ จะมุ่งเน้นการจัดทำนโยบายสำหรับสินค้า หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับ ESG/BCG โดยจะมีการกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตให้ชัดเจน จากนั้นจึงจะกำหนดอัตราภาษี ทั้งนี้ หากสินค้า หรือบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่มีผลกระทบต่อสังคม และมีธรรมาภิบาล จะถูกจัดเก็บภาษีในอัตราที่ต่ำ หรืออาจจะไม่ถูกจัดเก็บภาษีเลย แต่ถ้าเป็นสินค้าที่ทำลายสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล จะมีหลักการในการจัดเก็บภาษีให้สูงขึ้น ซึ่งกรมสรรพสามิตได้ดำเนินการศึกษาเพื่อพัฒนาปรับปรุงนโยบายภาษีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อบรรลุเป้าหมายองค์กรstd48089• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยโควิด-19 : นมตราหมี ยาฆ่าพยาธิ และน้ำมันหอมระเหย กับข่าวปลอมการรักษาไวรัสในอินโดนีเซียในขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตากำลังพุ่งสูงในอินโดนีเซีย ข้อมูลเท็จเกี่ยวการรักษาและป้องกันการติดเชื้อแพร่สะพัดในโลกออนไลน์เพิ่มสูงเป็นเงาตามตัวstd48081• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผลิตภัณฑ์อาการเสริมผลิตภัณฑ์อาหารเสริม "เซ็กซ์ อิท อัพ" อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงและรหัส อย. เป็นเลขปลอมอย. เพิกถอนstd48076• 1 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชวนลงทุนหุ้น รับปันผล 30,000 บาทต่อเดือนจากที่มีข้อมูลด้านการเงินเกี่ยวกับเรื่องตลาดหลักทรัพย์ฯ ชวนลงทุนหุ้น รับปันผล 30,000 บาทต่อเดือน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่าเพจดังกล่าว เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีผู้โพสต์เชิญชวนโดยระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชวนลงทุนหุ้น รับปันผล 30,000 บาทต่อเดือน ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้เชิญชวนลงทุนหุ้นโดยให้รับเงินปันผล 30,000 บาทต่อเดือนแต่อย่างใด และเพจดังกล่าวที่ลงโฆษณานั้นมีการแอบอ้างชื่อ โลโก้ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตอีกด้วยstd48089• 1 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยข่าวลวงเรื่องกัญชารักษามะเร็งในอเมริกาShi S และคณะได้ตีพิมพ์งานวิจัยเพื่อประเมินแนวโน้มการแพร่กระจายข่าวลวงเรื่องกัญชารักษามะเร็ง ในวารสารวิชาการทางการแพทย์ Cureus เดือนมกราคม 2019มะเร็งยาสมุนไพรstd48081• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเทคนิคการทำ IF ให้ถูกวิธี ลดจริง ไม่ทรมาน และไม่เสียสุขภาพการทำ IF เป็นเทคนิคการลดน้ำหนัก และลดไขมันที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน แต่หลายครั้งที่อ่านรีวิวพบว่าบางคนทำแล้วเห็นผลไว บางคนทำแล้วไม่เห็นผล แถมยังโยโย่ นั่นเป็นเพราะการทำ IF ไม่ดีหรือเปล่า? สำหรับมือใหม่หัดทำ IF และคนที่ทำ IF มาพักได้ใหญ่ๆ แต่รู้สึกทรมานกับการอดอาหาร เครียด วิตกกังวล หรือมีอาการโยโย่ นั่นอาจเป็นเพราะคุณกำลังทำ IF ผิดวิธี วันนี้ OfficeMate จะพาไปขจัดความเชื่อผิดๆ ของการทำ IF พร้อมเทคนิคการทำ IF แบบถูกต้อง ทำแล้วเห็นผล ลดจริง แถมไม่ทรมาน ไปดูกันเลย! IF คืออะไร? IF เรียกเต็มๆ ว่า Intermittent Fasting การทำ IF เป็นเทคนิคการลดน้ำหนัก และลดไขมันโดยจำกัดเวลาการกินอาหาร ช่วงที่กิน เราเรียกว่า Feeding และช่วงอดอาหารจะเรียกว่า Fasting ในช่วง Fasting หรือช่วงที่อดอาหารนั้น ตามหลักการแล้วจะสามารถดื่มได้แต่น้ำเปล่า หรือกาแฟดำที่ไม่ใส่น้ำตาล เมื่อเราอดอาหาร ร่างกายจะได้หยุดพักจากการย่อย ระดับอินซูลินในร่างกายจะลดลง ส่งผลให้ระดับโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) เพิ่มสูงขึ้น (ฮอร์โมน 2 ตัวนี้ ทำงานคนละเวลากัน) ซึ่งโกรทฮอร์โมนนี้ มีส่วนช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกาย ช่วยเบิร์นไขมัน และร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเองอย่างเต็มที่ การทำ IF จึงช่วยลดน้ำหนัก และลดไขมันที่สะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายลงได้ ประโยชน์ของการทำ IF ช่วยลดน้ำหนัก และลดไขมันสะสม ช่วยลดระดับไขมันในเลือด ช่วยลดการอักเสบของร่างกาย เนื่องจากร่างกายมีเวลาซ่อมแซมตัวเองเพิ่มขึ้น ในช่วง Fasting ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคอ้วน โรคหัวใจ เบาหวาน ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ทำให้สุขภาพดีขึ้น ร่างกายตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลินได้ดีขึ้น (ร่างกายดื้ออินซูลิน เป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน้อย• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยน้ำตาล เป็นสาเหตุทำให้มะเร็งโตหรือไม่ความคิดที่ว่าเซลล์มะเร็งเจริญเติบโตใน น้ำตาล มีมาตั้งแต่ปี 1924 ของ ดร. Otto Warburg’s ในชื่อเรื่องว่า “On Metabolism of Tumors” Warburg ซึ่งได้รับรางวัลโนเบล ในสาขานักชีววิทยาด้านเซลล์ ในงานวิจัยที่มหาวิทยาลัย Duke เซลล์มะเร็งจะใช้น้ำตาลในอัตราที่สูงเพื่อที่จะไม่ทำตามคำสั่งของเซลล์เพื่อที่จะถูกทำลาย ตามวงจรเหมือนเซลล์ทั่วไป ที่จะตายลงเมื่อถึงเวลา ทำให้มีความเชื่อว่าการงดกินน้ำตาลจะทำให้เซลล์มะเร็งไม่เติบโต อันที่จริงแล้วการงดน้ำตาลโดยเด็ดขาด จะทำให้เซลล์ปกติเองก็อ่อนแอไปด้วย เพราะเซลล์ปกติก็ต้องการน้ำตาลในมื้ออาหารเช่นกัน การทำให้เซลล์ทั้งหมดขาดน้ำตาลจะไม่ฆ่าหรือป้องกันมะเร็งอย่างที่คิด แต่อาจจะทำให้เราขาดภาวะสมดุลทางโภชนาการของ ร่างกายอ่อนแอ และอาจเป็นสาเหตุการลุกลามของมะเร็งมากกว่า สิ่งที่ควรปฏิบัติ คือเราควรรับประทานน้ำตาลธรรมชาติบ้างในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำผลไม้ธรรมชาติ แต่ควรลดการเติมแต่งจากน้ำตาลเสริม เช่น ขนมหวาน การทานกาแฟเติมน้ำตาลมากๆ กล่าวง่ายๆ การทานน้ำตาลเกินความจำเป็นของร่างกาย จะเป็นการไปเสริมการเติบโตของมะเร็ง แต่หากเราทานน้ำตาลธรรมชาติเพียงพอแก่ร่างกายไปใช้ ย่อมทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารเพียงพอและแข็งแรงขึ้นเช่นกัน เพราะฉะนั้นผู้ป่วยมะเร็งไม่ควรทานอาหารรสหวานจัด และรวมถึงผู้ที่ยังไม่ป่วย จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงมะเร็ง และโรคอื่น ๆ อีกมากมายเช่นกันน้อย• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเล่นมือถือจนหน้าเบี้ยวที่ 6 มี.ค.66 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย | Anti-Fake News Center Thailand แจ้งว่า ตามที่มีข้อมูลในสื่อออนไลน์เกี่ยวกับเรื่องเล่นมือถือนาน ๆ ทำให้หน้าเบี้ยวผิดรูป ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีข้อมูลเตือนว่าการเล่นมือถือเป็นระยะเวลานาน จนทำให้พักผ่อนน้อย ส่งผลให้ปลายประสาทที่เลี้ยงใบหน้าอักเสบ หน้าผิดรูป ทางกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า การพักผ่อนน้อย หรือการเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ๆ ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก และปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคนี้ที่ชัดเจน โดยเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ทำหน้าที่เลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า เมื่อมีความผิดปกติของเส้นประสาทจะทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง หรือมีลักษณะขยับไม่ได้ เช่น หลับตาไม่สนิท มุมปากตก ยิ้มไม่ขึ้น มักเป็นใบหน้าครึ่งซีกใดซีกหนึ่ง สาเหตุการเกิดมีหลายปัจจัย เช่น เกิดตามหลังอุบัติเหตุบริเวณเส้นประสาทโดยตรง, การติดเชื้อบริเวณต่อมน้ำลายใกล้ๆเส้นประสาท, การพบเนื้องอกกดเบียดเส้นประสาท หรือเกิดจากการอักเสบของตัวเส้นประสาทเอง (Bell’s palsy) เป็นต้น สำหรับภาวะเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบ หรือ Bell’s palsy นั้น การอักเสบของเส้นประสาทดังกล่าวเกิดขึ้นเอง โดยไม่ได้มีสาเหตุที่สรุปได้ชัดเจน แต่อาจสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัสเริม หรืองูสวัด ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ด้วยอาการกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตครึ่งซีกที่เกิดขึ้นเร็วระยะเวลาภายใน 48 ชั่วโมง เช่น กล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีกใดซีกหนึ่งอ่อนแรง ขยับไม่ได้ เช่น หลับตาไม่สนิท มุมปากตก รับประทานอาหารและดื่มน้ำลำบาก ร่วมกับอาจมีอาการหูข้างนั้นได้ยินเสียงก้องกว่าปกติ รับรสผิดปกติ เป็นต้น เมื่อมีอาการผิดปกติที่สงสัยภาวะดังกล่าว ควรรีบมาพบแพทย์ โดยการรักษาโรคนี้ประกอบด้วยการรักษาด้วยยาหากผู้ป่วยมาพบแพทย์ในช่วงแรกที่มีอาการ ซึ่งจะทำให้การฟื้นตัวดีขึ้น ร่วมกับการทำกายภาพบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าในระยะยาว ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่งหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการแพทย์ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.dms.go.th หรือโทร 02 5906000 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : การเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ๆ การพักผ่อนน้อย ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก เนื่องจากปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคนี้ที่ชัดเจน หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขแอคปลอมNutt Tahom• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! กินเม็ดชานมไข่มุก ทำให้เป็นโรคมะเร็งจากที่มีการแชร์ข้อความบนสื่อออนไลน์ว่าเม็ดไข่มุกบางยี่ห้อจากไต้หวันนั้นมีสารสไตรีน และสารกลุ่มโพลีคลอรีนเนตเต็ดไบฟีนีล (Polychlorinated Biphenyls ;PCBs) ซึ่งทำให้เกิดมะเร็งได้ ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง จากที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคไต้หวันได้มีการตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่ามีสารสไตรีน (Styrene) แต่พบสารอะซิโตฟีโนน (Acetophenone) และสารประกอบกลุ่มโพลีโบรมีนเนตเต็ดไบฟีนีล (Polybrominated Biphenyl;PBBs) ซึ่งมีปริมาณน้อยมาก แต่ไม่ใช่สารประกอบกลุ่มโพลีคลอรีนเนตเต็ดไบฟีนีล (Polychlorinated Biphenyls ;PCBs) จึงไม่ได้ทำให้เป็นมะเร็งอย่างที่ได้มีการแชร์ โดยเม็ดชานมไข่มุกทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง การกินเม็ดชานมไข่มุกก็เหมือนการกินแป้ง จึงยังสามารถกินชานมไข่มุกได้เหมือนเดิม แต่สิ่งที่น่ากลัว คือการกินชานมไข่มุกในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจได้ เพราะนอกจากในเม็ดไข่มุกจะประกอบไปด้วยแป้งมันสำปะหลังแล้วนั้น ในน้ำชานมยังประกอบไปด้วยน้ำตาล น้ำเชื่อม ครีมเทียม นมข้นหวาน ซึ่งจัดได้ว่าชานมไข่มุก เป็นเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่สูง และมีคุณค่าทางสารอาหารน้อย จึงควรกินชานมไข่มุกนาน ๆ ครั้งเท่านั้น หรือหากต้องการกินอาจลดปริมาณน้ำตาล หลีกเลี่ยงการใส่ครีมเทียมในชานมไข่มุกมีมน้อย• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม! เล่นมือถือนานๆ ทำให้หน้าเบี้ยวผิดรูปวันที่ 6 มี.ค.66 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย | Anti-Fake News Center Thailand แจ้งว่า ตามที่มีข้อมูลในสื่อออนไลน์เกี่ยวกับเรื่องเล่นมือถือนาน ๆ ทำให้หน้าเบี้ยวผิดรูป ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีข้อมูลเตือนว่าการเล่นมือถือเป็นระยะเวลานาน จนทำให้พักผ่อนน้อย ส่งผลให้ปลายประสาทที่เลี้ยงใบหน้าอักเสบ หน้าผิดรูป ทางกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า การพักผ่อนน้อย หรือการเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ๆ ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก และปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคนี้ที่ชัดเจน โดยเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ทำหน้าที่เลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า เมื่อมีความผิดปกติของเส้นประสาทจะทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง หรือมีลักษณะขยับไม่ได้ เช่น หลับตาไม่สนิท มุมปากตก ยิ้มไม่ขึ้น มักเป็นใบหน้าครึ่งซีกใดซีกหนึ่ง สาเหตุการเกิดมีหลายปัจจัย เช่น เกิดตามหลังอุบัติเหตุบริเวณเส้นประสาทโดยตรง, การติดเชื้อบริเวณต่อมน้ำลายใกล้ๆเส้นประสาท, การพบเนื้องอกกดเบียดเส้นประสาท หรือเกิดจากการอักเสบของตัวเส้นประสาทเอง (Bell’s palsy) เป็นต้น สำหรับภาวะเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบ หรือ Bell’s palsy นั้น การอักเสบของเส้นประสาทดังกล่าวเกิดขึ้นเอง โดยไม่ได้มีสาเหตุที่สรุปได้ชัดเจน แต่อาจสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัสเริม หรืองูสวัด ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ด้วยอาการกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตครึ่งซีกที่เกิดขึ้นเร็วระยะเวลาภายใน 48 ชั่วโมง เช่น กล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีกใดซีกหนึ่งอ่อนแรง ขยับไม่ได้ เช่น หลับตาไม่สนิท มุมปากตก รับประทานอาหารและดื่มน้ำลำบาก ร่วมกับอาจมีอาการหูข้างนั้นได้ยินเสียงก้องกว่าปกติ รับรสผิดปกติ เป็นต้น เมื่อมีอาการผิดปกติที่สงสัยภาวะดังกล่าว ควรรีบมาพบแพทย์ โดยการรักษาโรคนี้ประกอบด้วยการรักษาด้วยยาหากผู้ป่วยมาพบแพทย์ในช่วงแรกที่มีอาการ ซึ่งจะทำให้การฟื้นตัวดีขึ้น ร่วมกับการทำกายภาพบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าในระยะยาว ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่งหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการแพทย์ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.dms.go.th หรือโทร 02 5906000 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : การเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ๆ การพักผ่อนน้อย ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก เนื่องจากปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคนี้ที่ชัดเจน หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารล้อเลียนน้อย• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! เล่นมือถือนาน ๆ ทำให้หน้าเบี้ยวผิดรูปจากกรณีที่มีการเตือนภัยว่าการเล่นมือถือเป็นระยะเวลานาน จนทำให้พักผ่อนน้อย ส่งผลให้ปลายประสาทที่เลี้ยงใบหน้าอักเสบ หน้าผิดรูป ทางกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขได้ชี้แจงว่า การพักผ่อนน้อย หรือการเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานๆ ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก และปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคนี้ที่ชัดเจน โดยเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ทำหน้าที่เลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า เมื่อมีความผิดปกติของเส้นประสาทจะทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง หรือมีลักษณะขยับไม่ได้ เช่น หลับตาไม่สนิท มุมปากตก ยิ้มไม่ขึ้น มักเป็นใบหน้าครึ่งซีกใดซีกหนึ่ง สาเหตุการเกิดมีหลายปัจจัย เช่น เกิดตามหลังอุบัติเหตุบริเวณเส้นประสาทโดยตรง, การติดเชื้อบริเวณต่อมน้ำลายใกล้ๆเส้นประสาท, การพบเนื้องอกกดเบียดเส้นประสาท หรือเกิดจากการอักเสบของตัวเส้นประสาทเอง (Bell’s palsy) เป็นต้น สำหรับภาวะเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบ หรือ Bell’s palsy นั้น การอักเสบของเส้นประสาทดังกล่าวเกิดขึ้นเอง โดยไม่ได้มีสาเหตุที่สรุปได้ชัดเจน แต่อาจสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัสเริม หรืองูสวัด ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ด้วยอาการกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตครึ่งซีกที่เกิดขึ้นเร็วระยะเวลาภายใน 48 ชั่วโมง เช่นกล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีกใดซีกหนึ่งอ่อนแรง ขยับไม่ได้ เช่น หลับตาไม่สนิท มุมปากตก รับประทานอาหารและดื่มน้ำลำบาก ร่วมกับอาจมีอาการหูข้างนั้นได้ยินเสียงก้องกว่าปกติ รับรสผิดปกติ เป็นต้น เมื่อมีอาการผิดปกติที่สงสัยภาวะดังกล่าว ควรรีบมาพบแพทย์ โดยการรักษาโรคนี้ประกอบด้วยการรักษาด้วยยาหากผู้ป่วยมาพบแพทย์ในช่วงแรกที่มีอาการ ซึ่งจะทำให้การฟื้นตัวดีขึ้น ร่วมกับการทำกายภาพบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าในระยะยาวมีมน้อย• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสรุปที่มาที่ไปสวดมนต์ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19ที่มาที่ไป สวดมนต์ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 – เมื่อวันที่ 18 มีนาคม นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า จะมีการขอมติมหาเถรสมาคมที่จะประชุมในวันที่ 20 มีนาคม ให้วัดทั่วประเทศสวดมนต์บทรัตนสูตร ตามโบราณ เชื่อว่า บทสวดนี้จะปัดเป่าสิ่งไม่ดี โรคภัยไข้เจ็บให้พ้นจากประเทศไทย นายเทวัญ คาดว่า จะเริ่มในวันที่ 25 มีนาคม เวลา 16.00 น. โดยได้ทำหนังสือกราบทูลเชิญสมเด็จพระสังฆราช เป็นองค์ประธาน ทั้งนี้จะไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าไปในพระอุโบสถ แต่หากประชาชนอยู่ด้านนอกพระอุโบสถจะต้องอยู่ห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร พร้อมมีการมาตรการคัดกรอง แต่อยากขอให้ประชาชนรับฟังที่บ้าน เพราะจะมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์และระบบออนไลน์ – บ่ายวันเดียวกัน นายเทวัญ ได้ชี้แจงเรื่องการสวดมนต์ในระหว่างการแถลงข่าวของศูนย์โควิด-19 ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า จะเป็นการสวดมนต์บทโพชฌังคปริตร ที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เมื่อเวลาที่มีผู้ใดเจ็บไข้ได้ป่วย และเป็นการให้กำลังใจกัน ซึ่งทราบกันอยู่แล้วว่าประเทศไทยก็มีการสวดมนต์เช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จึงทำเรื่องไปที่ มหาเถรสมาคม ซึ่งได้มีการหารือกันเป็นการภายในแล้ว ว่า มหาเถรสมาคมก็มีความเห็นด้วย แต่การสวดจะมีพระสงฆ์ 9 รูป นั่งห่างกัน 1 เมตร ในพระอุโบสถจะไม่เปิดให้ประชาชนไปฟัง จะใช้วิธีถ่ายทอดสด – ช่วงค่ำวันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้แชร์รูปกราฟฟิกจากเพจลุงตู่ตูน พร้อมมีคำบรรยายว่า “ชี้แจงกรณีสวดมนต์ไล่โควิด เป็นดำริของ สมเด็จพระสังฆราช มีเฉพาะพระร่วมสวด 9 รูป ภายในพระอุโบสถ ไม่มีคนร่วมฟัง ถ่ายทอดทางโทรทัศน์-สื่อโซเชียล ในวันที่ 25 มี.ค.นี้” – วันที่ 19 มีนาคม ทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามข้อเท็จจริง กับสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ได้ความว่า “เรื่องการสวดมนต์บทรัตนสูตรขอให้รอฟังจากมติมหาเถรสมาคมที่จะประชุมในวันพรุ่งนี้” – ทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบข้อเท็จจริงในการเผยแพร่ข้อความบนเพจเฟซบุ๊ก สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (สำนักพุทธฯ) กับนายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้อธิบายดังนี้ – การสวดมนต์บทรัตนสูตร เป็นการสวดมนต์สมัยพุทธกาล โดยพระพุทธเจ้าให้พระอานนท์สวด สมัยนั้นมีการแพร่ระบาดของโรคห่า การสวดมนต์เพื่อให้ชาวบ้านมีสติ ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท – สำนักพุทธฯ จะนำเรื่องการสวดบทรัตนสูตรเข้าสู่การพิจารณาของมหาเถรสมาคม เพื่อขอความอนุเคราะห์ทุกวัดได้สวดบทรัตนสูตรหลังพระทำวัตรเย็นโดยไม่มีประชาชนเข้าไปร่วมสวดด้วย หากประชาชนต้องการเรียนรู้บทสวดนี้สามารถค้นบทสวดได้จากเว็บไซต์ และให้สวดอยู่ที่บ้าน โดยจะต้องรอมติจากมหาเถรสมาคมในวันที่ 20 มีนาคมนี้ก่อนว่ามหาเถรสมาคมจะมีมติอย่างไร ย้ำว่า พระสวดเองไม่มีประชาชนเข้าไปร่วม สำนักพุทธฯ มีหน้าที่ทำในเชิงธุรกิจ – ผอ.ณรงค์ กล่าวด้วยว่า ไม่ใช่ว่ามนต์นี้สวดรัตนสูตรแล้วโควิดจะหายไป เราไม่เคยให้ข่าวว่า สวดมนต์ต้านโควิดเลย เป็นการสรุปของผู้สื่อข่าวเองหรือเปล่าเราไม่ทราบ ยืนยันการสวดมนต์ครั้งนี้เป็นการเสริมสร้างขวัญและกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนชาวพุทธศาสนิกชนให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท มีสติ ระลึก รู้ จะได้เรียนรู้เท่ากันกับการแพร่ระบาดของโลกนี้ ทุกๆ โรคถ้าเรามีสติไม่ตื่นตระหนก ก็ทำให้เราไม่แพร่ระบาดโรคออกไป ส่วนรูปในเพจเฟซบุ๊กสำนักพุทธฯ นั้น ผอ.ณรงค์ ระบุว่า ไม่รู้ว่า รูปนี้มาจากไหน อย่างไร .- วันนี้ทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถาม นายเทวัญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอีกครั้งว่า เป็นดำริของสมเด็จพระสังฆราช หรือไม่ นายเทวัญ ตอบว่า “ไม่ใช่ สำนักพุทธฯ ทำเรื่องเสนอมหาเถรสมาคมให้อนุมัติ” แท็กที่เกี่ยวข้อง COVID19 วัด สวดมนต์ โควิด-19 Writer TODAY PODCAST LISTEN ON Spotify LISTEN ON Podbean LISTEN ON Youtube LISTEN ON Apple Podcasts บทความที่เกี่ยวข้อง คุยกับ 'ยูโอบี ประเทศไทย' ทำไมธนาคารถึงสำคัญ เมื่อเป็นเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า 19 มี.ค. 2563 การเงิน ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ เปิดประชุมรัฐสภา 19 มี.ค. 2563 ในประเทศ ศาลสั่งจำคุก 'ประสิทธิ์ เจียวก๊ก' 1,115 ปี ให้ชดใช้กว่าพันล้านบาท คดีหลอกลงทุนกระเป๋าแบรนด์เนม 19 มี.ค. 2563 อาชญากรรม วิจัยแฉ YouTube ละเมิดกฎตัวเอง ในการวาง ads ตามเว็บไซต์นอก Google โต้กลับ ไม่เป็นความจริง 19 มี.ค. 2563 MEDIA เปิดตัว realme 11 Pro Series 5G ชูกล้อง OIS SuperZoom 200 ล้านพิกเซล ซูมไม่เสียรายละเอียด ราคาเริ่มต้น 12,999 บาท 19 มี.ค. 2563 TECH 'พลายศักดิ์สุรินทร์' คืนแรกในไทย หลังกลับจากศรีลังกา อารมณ์ดีสงบนิ่งปกติ 19 มี.ค. 2563 ข่าวสังคม ‘สมยศ’ ลาออกตามคำสั่ง ‘ประวิตร’ หวั่นเป็นเหตุ FIFA แบน ‘ทีมชาติไทย’ 19 มี.ค. 2563 กีฬา เปิดภาพล่าสุด 'พลายศักดิ์สุรินทร์' ศรีลังกา ทำบุญก่อนส่งกลับไทย 2 ก.ค.นี้ 19 มี.ค. 2563 ข่าวสังคม YouTube ทดสอบปิดไม่ให้ดูวิดีโอ ถ้าใช้ตัวบล็อกโฆษณา บีบให้ปิดตัวบล็อก หรือไม่ก็สมัคร YouTube Premium 19 มี.ค. 2563 TECH “คิมอูบิน” มอบเงินบริจาคให้มูลนิธิโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในวัยเด็กของเกาหลีใต้ ข่าวบันเทิง Onteera | Writer 19 มี.ค. 2563 Advertisement SHARE AM Entertainment ต้นสังกัดของหนุ่มคิมอูบิน เปิดเผยว่า หนุ่มคิมอูบินได้ตัดสินใจมอบเงินที่ได้รับจากการทำหน้าที่บรรยายสารคดีพิเศษ “Humanimal” ทางช่อง MBC ให้กับ มูลนิธิโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในวัยเด็กของเกาหลีใต้ (Korea Childhood Leukemia Foundation) หลังได้ทราบว่าเด็กที่ต้องต่อสู้กับอาการป่วยจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอจากการบำบัด ในขณะที่สภาวะการขาดแคลนหน้ากากอนามัยซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ป้องกันเชื้อโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ เลขาธิการมูลนิธิเปิดเผยว่า ทางมูลนิธิกำลังประสบปัญหาในการดูแลเด็กๆที่ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว เนื่องจากการหน้ากากอนามัยที่ขาดแคลนและมีราคาแพงขึ้นหลังจากเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ทางมูลนิธิขอบคุณหนุ่มคิมอูบินที่ให้ความช่วยเหลือกับทางมูลนิธิเป็นอย่างมาก ขณะที่มูลนิธิวางแผนที่จะใช้เงินบริจาคของหนุ่มคิมอูบิน เพื่อซื้ออุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลสำหรับผู้ป่วยและให้การสนับสนุนฉุกเฉินสำหรับครอบครัวของผู้ป่วยโรคมะเร็ง ก่อนหน้านี้ หนุ่มคิมอูบิน ตรวจพบอาการป่วยจากโรคมะเร็งโพรงจมูกเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2017 ที่ผ่านมา และหยุดพักกิจกรรมในวงการบันเทิงเพื่อรักษาโรคมะเร็งในโพรงจมูกกว่า 2 ปีจนหายดีก่อนจะกลับมารับงานในวงการบันเทิงเมื่อปลายปี 2019 ที่ผ่านมา ช้อมูล Soompi Koreaboo แท็กที่เกี่ยวข้อง Humanimal Korea Childhood Leukemia Foundation คิมอูบิน มูลนิธิโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในวัยเด็กของเกาหลีใต้ PODCAST LISTEN ON Spotify LISTEN ON Podbean LISTEN ON Youtube LISTEN ON Apple Podcasts บทความที่เกี่ยวข้อง 'Television Off' ส่งเพลงคลั่งรักสุดหวานผ่านซิงเกิลใหม่ ‘TV Show’ 19 มี.ค. 2563 ข่าวบันเทิง ‘T-POP CAMPUS TOUR 2023’ เปิดประเดิมความสนุกจัดเต็มที่แรกบุกรั้ว 'มหาวิทยาลัยขอนแก่น' 19 มี.ค. 2563 ข่าวบันเทิง สนุกสุดประทับใจ It's Gonna Be Tilly Birds คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของ 'Tilly Birds' 19 มี.ค. 2563 ข่าวบันเทิง ‘INDICATE’ ยิ้มรับฟีดแบค ‘รักนำทาง’ เพลงรักผิดหวัง แต่ไม่เศร้า 19 มี.ค. 2563 ข่าวบันเทิง 'The Moon ปฏิบัติการพิชิตจันทร์' ปล่อยทีเซอร์แรก พร้อมฉาย 24 ส.ค.นี้ 19 มี.ค. 2563 ข่าวบันเทิง 'ทูพี' เซอร์ไพรส์ ปล่อยซิงเกิลใหม่ ‘ขออีกคืน’ เพลงรักของคนแอบหลงรัก 19 มี.ค. 2563 ข่าวบันเทิง ‘The White Hair Cut’ ยอมเปลือยชีวิตในเพลง ‘ได้เวลาเเยกย้าย’ เศร้าให้สุดเเล้วหยุดที่อยู่คนเดียว 19 มี.ค. 2563 ข่าวบันเทิง ‘Mask Singer 12’ รอบไฟนอล จัดเต็มความสุข เพื่อเป็นการขอบคุณแฟนๆรายการ 19 มี.ค. 2563 ข่าวบันเทิง "ซัน-ป๊อปปี้" บินตรงเปิดคอนเสิร์ตที่สวิตเซอร์แลนด์ แฟนๆ แห่ต้อนรับอย่างอบอุ่น 19 มี.ค. 2563 ข่าวบันเทิง กำลังโหลดบทความถัดไป... © 2020 workpointTODAY Designed by Cleverse Categories NEWS BUSINESS HEALTH & LIFE PODCAST VIDEO PROJECT รายการ TV TO ONLINE PRIVACY POLICY Social Media Facebook Twitter Instagram Youtube Tiktok ติดต่อโฆษณา 02-833-2359 advertorial@workpointnews.com บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง จำกัด 99 หมู่ 2 ต.บางพูน อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี 12000 Thailand Web Stat เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเมีมShoyo Zx• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกินเหล้าแล้วหายเป็นโรคหวัดแอลกอฮอล์มีฤทธิ์กดภูมิต้านทานในร่างกาย อีกทั้งยังอาจไปละลายตัวยารักษาอาการหวัดที่คุณกินเข้าไปอีกด้วย ดังนั้นหากรู้ตัวว่ากำลังป่วยอยู่ ก็ลด ละ เลิก จากสุรา รวมทั้งเครื่องดื่มแอลกฮอล์ทุกชนิดจะดีกว่าแอคปลอมNutt Tahom• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! เล่นมือถือนาน ๆ ทำให้หน้าเบี้ยวผิดรูปตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเตือนภัยในสื่อสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับประเด็นเรื่องเล่นมือถือนานๆ ทำให้หน้าเบี้ยวผิดรูป ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีการเตือนภัยว่าการเล่นมือถือเป็นระยะเวลานาน จนทำให้พักผ่อนน้อย ส่งผลให้ปลายประสาทที่เลี้ยงใบหน้าอักเสบ หน้าผิดรูป ทางกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขได้ชี้แจงว่า การพักผ่อนน้อย หรือการเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานๆ ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก และปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคนี้ที่ชัดเจน โดยเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ทำหน้าที่เลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า เมื่อมีความผิดปกติของเส้นประสาทจะทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง หรือมีลักษณะขยับไม่ได้ เช่น หลับตาไม่สนิท มุมปากตก ยิ้มไม่ขึ้น มักเป็นใบหน้าครึ่งซีกใดซีกหนึ่ง สาเหตุการเกิดมีหลายปัจจัย เช่น เกิดตามหลังอุบัติเหตุบริเวณเส้นประสาทโดยตรง, การติดเชื้อบริเวณต่อมน้ำลายใกล้ๆเส้นประสาท, การพบเนื้องอกกดเบียดเส้นประสาท หรือเกิดจากการอักเสบของตัวเส้นประสาทเอง (Bell’s palsy) เป็นต้น สำหรับภาวะเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบ หรือ Bell’s palsy นั้น การอักเสบของเส้นประสาทดังกล่าวเกิดขึ้นเอง โดยไม่ได้มีสาเหตุที่สรุปได้ชัดเจน แต่อาจสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัสเริม หรืองูสวัด ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ด้วยอาการกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตครึ่งซีกที่เกิดขึ้นเร็วระยะเวลาภายใน 48 ชั่วโมง เช่นกล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีกใดซีกหนึ่งอ่อนแรง ขยับไม่ได้ เช่น หลับตาไม่สนิท มุมปากตก รับประทานอาหารและดื่มน้ำลำบาก ร่วมกับอาจมีอาการหูข้างนั้นได้ยินเสียงก้องกว่าปกติ รับรสผิดปกติ เป็นต้น เมื่อมีอาการผิดปกติที่สงสัยภาวะดังกล่าว ควรรีบมาพบแพทย์ โดยการรักษาโรคนี้ประกอบด้วยการรักษาด้วยยาหากผู้ป่วยมาพบแพทย์ในช่วงแรกที่มีอาการ ซึ่งจะทำให้การฟื้นตัวดีขึ้น ร่วมกับการทำกายภาพบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าในระยะยาว ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่งหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆและเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการแพทย์ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.dms.go.th หรือโทร 02 5906000 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : การเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ๆ การพักผ่อนน้อย ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก เนื่องจากปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคนี้ที่ชัดเจน หน่วยงานที่ตรวจสอบ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข AFNCAFNCTHAILANDข่าวปลอมศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมหน้าเบี้ยวเล่นมือถือโทรศัพท์มือถือ ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง website 2378 ข่าวปลอม อย่าแชร์! กินเม็ดชานมไข่มุก ทำให้เป็นโรคมะเร็ง ข่าวปลอม ผลิตภัณฑ์สุขภาพ 2 กรกฎาคม 2566 | 16:30 น. website 2374 ข่าวปลอม อย่าแชร์! อาหารอุ่นไมโครเวฟ อันตรายแถมเสี่ยงมะเร็ง ข่าวปลอม ผลิตภัณฑ์สุขภาพ 2 กรกฎาคม 2566 | 13:30 น. ข่าวล่าสุด website 2384 ข่าวปลอม อย่าแชร์! ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชวนลงทุนหุ้น รับปันผล 30,000 บาทต่อเดือน การเงิน-หุ้น website 2383 ข่าวปลอม อย่าแชร์! กรมการจัดหางาน เปิดโครงการ “ไม่เลือกงาน ไม่ยากจน” ให้คนไทยมีรายได้เสริม นโยบายรัฐบาล-ข่าวสาร website 2382 สธ. เปิดตัวรถฟอกไตเคลื่อนที่นวัตกรรมต้นแบบคันแรกของไทย จริงหรือ? นโยบายรัฐบาล-ข่าวสาร website 2381 ข่าวปลอม อย่าแชร์! เพจ SAO Trading ในเครือของ AOT เปิดให้ลงทุนเริ่มต้น 1,000 บาท การเงิน-หุ้น website 2380 ข่าวปลอม อย่าแชร์! กรมพัฒนาธุรกิจฯ รับสมัครพนักงานนำเที่ยว รายได้ 1,500 บาท/วัน นโยบายรัฐบาล-ข่าวสาร เมนูหลัก หน้าแรก แจ้งเบาะแสข่าวและติดตาม คลังความรู้ ข่าวสาร ดาวน์โหลดคู่มือประชาชน เกี่ยวกับการใช้งาน ตัวช่วยเหลือในการเข้าถึงเว็บไซต์ นโยบายรักษาความลับข้อมูลส่วนตัว line facebook twiter twiter twiter call สายด่วน : 1111 ต่อ 87 Logo Copyright © 2023 ANTI-FAKE NEWS CENTER THAILAND ขออนุญาตใช้คุกกี้เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอเนื้อหาที่ดีให้กับท่าน ทั้งนี้ ท่านมั่นใจได้ว่าเราจะดูแลและรักษาความปลอดภัยข้อมูลของท่านเป็นอสุขภาพสุริยนต์ พักแดงพันธ์• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยเล่นโทรศัพท์ตอนฟ้าร้อง จะโดนฟ้าผ่าไหม ?หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องบอกต่อกันมานานแล้วว่า การคุยหรือเล่นโทรศัพท์มือถือตอนฝนตก ฟ้าร้อง เป็นอันตราย เพราะเสี่ยงทำให้โดนฟ้าผ่าได้ ซึ่งก็มีทั้งคนที่เชื่อและทำตาม ไม่กล้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใช้ตอนฟ้าร้อง แต่บางคนก็ยังไม่ค่อยเชื่อเต็มร้อย โดยในวันนี้เราจะพาไปคลายข้อสงสัยนี้พร้อม ๆ กัน จะได้รู้กันเสียทีว่าเป็นเรื่องจริงหรือแค่ความเชื่อกันแน่ ความเชื่อเรื่องเล่นโทรศัพท์จะโดนฟ้าผ่า มาจากไหน ? สำหรับที่มาของความเชื่อดังกล่าวนั้น มาจากข่าวที่มีคนถูกฟ้าผ่าเสียชีวิต แล้วพบว่าโทรศัพท์ที่อยู่กับตัวผู้ตายมีรอยไหม้หรือระเบิด ทำให้คนพากันตั้งข้อสงสัยว่า โทรศัพท์เป็นต้นเหตุที่ทำให้ฟ้าผ่าลงมา โดยมีสัญญาณโทรศัพท์เป็นตัวล่อฟ้านั่นเอง หลายคนจึงเกิดความหวาดกลัว ไม่กล้าใช้โทรศัพท์ตอนฝนตก ฟ้าร้อง หรือบางคนอาจถึงขั้นปิดเครื่องไปเลยก็มี เล่นโทรศัพท์ตอนฟ้าร้อง จะโดนฟ้าผ่าจริงหรือ ? เคยมีการพิสูจน์เพื่อยืนยันในเรื่องนี้มาแล้ว ด้วยการนำโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่องไปวางไว้บริเวณที่มีฟ้าผ่า โดยเครื่องแรกปิดเครื่องไว้ เครื่องที่สองเปิดเครื่องและมีสายเข้า ส่วนเครื่องสุดท้ายมีสายเข้าและตั้งให้รับสายอัตโนมัติ ซึ่งผลออกมาพบว่าไม่มีโทรศัพท์เครื่องใดถูกฟ้าผ่าเลย นั่นก็เป็นเพราะว่าสัญญาณและตัวเครื่องโทรศัพท์มือถือไม่ได้มีแรงเหนี่ยวนำไฟฟ้ามากพอที่จะทำให้ฟ้าผ่าลงมาได้นั่นเอง จึงสามารถสรุปได้ว่าการเล่นโทรศัพท์ตอนฟ้าร้องแล้วจะโดนฟ้าผ่านั้นไม่เป็นความจริงมีมShoyo Zx• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยดื่มนม ก็ทำให้อ้วนจริงหรือ?ข้อเท็จจริงคือ เพราะการดื่มนมไม่ได้ทำให้อ้วนอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจ เนื่องจากมีไขมันเพียง 3.8% ซึ่งถือว่าน้อยมากหากเทียบกับอาหารชนิดอื่น ๆ แต่หากกังวลเรื่องความอ้วนก็สามารถดื่มนมพร่องมันเนยหรือนมไม่มีไขมันที่มีแคลเซียมสูง ๆ แทนก็ได้ แต่ในผลิตภัณฑ์จากนมบางชนิดถ้ารับประทานมาก อาจจะทำให้น้ำหนักเพิ่มได้ โดยเฉพาะ ชีส เนยแข็ง ไอศกรีม เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จัดอยู่ในอาหารประเภทไขมันอิ่มตัว ทั้งนี้ ‘นม’ อาหารที่มีโปรตีนและแคลเซียมสูง มีความสำคัญมากในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง เพราะร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ดีที่สุดและยังเป็นแหล่งรวมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียมคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และวิตามินบี 12 ฯลฯ ยังมีอีกหลายเรื่องที่เกี่ยวกับนมที่เป็นข้อถกเถียงกัน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ เรื่องของ ‘นม’ ที่คุณอาจไม่รู้จริง http://llln.me/xjPz0sPมีมShoyo Zx• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม! เล่นมือถือนานทำให้หน้าเบี้ยวผิดรูปวันที่ 6 มี.ค.66 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย | Anti-Fake News Center Thailand แจ้งว่า ตามที่มีข้อมูลในสื่อออนไลน์เกี่ยวกับเรื่องเล่นมือถือนาน ๆ ทำให้หน้าเบี้ยวผิดรูป ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีข้อมูลเตือนว่าการเล่นมือถือเป็นระยะเวลานาน จนทำให้พักผ่อนน้อย ส่งผลให้ปลายประสาทที่เลี้ยงใบหน้าอักเสบ หน้าผิดรูป ทางกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า การพักผ่อนน้อย หรือการเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ๆ ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก และปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคนี้ที่ชัดเจน โดยเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ทำหน้าที่เลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า เมื่อมีความผิดปกติของเส้นประสาทจะทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง หรือมีลักษณะขยับไม่ได้ เช่น หลับตาไม่สนิท มุมปากตก ยิ้มไม่ขึ้น มักเป็นใบหน้าครึ่งซีกใดซีกหนึ่ง สาเหตุการเกิดมีหลายปัจจัย เช่น เกิดตามหลังอุบัติเหตุบริเวณเส้นประสาทโดยตรง, การติดเชื้อบริเวณต่อมน้ำลายใกล้ๆเส้นประสาท, การพบเนื้องอกกดเบียดเส้นประสาท หรือเกิดจากการอักเสบของตัวเส้นประสาทเอง (Bell’s palsy) เป็นต้น สำหรับภาวะเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบ หรือ Bell’s palsy นั้น การอักเสบของเส้นประสาทดังกล่าวเกิดขึ้นเอง โดยไม่ได้มีสาเหตุที่สรุปได้ชัดเจน แต่อาจสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัสเริม หรืองูสวัด ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ด้วยอาการกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตครึ่งซีกที่เกิดขึ้นเร็วระยะเวลาภายใน 48 ชั่วโมง เช่น กล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีกใดซีกหนึ่งอ่อนแรง ขยับไม่ได้ เช่น หลับตาไม่สนิท มุมปากตก รับประทานอาหารและดื่มน้ำลำบาก ร่วมกับอาจมีอาการหูข้างนั้นได้ยินเสียงก้องกว่าปกติ รับรสผิดปกติ เป็นต้น เมื่อมีอาการผิดปกติที่สงสัยภาวะดังกล่าว ควรรีบมาพบแพทย์ โดยการรักษาโรคนี้ประกอบด้วยการรักษาด้วยยาหากผู้ป่วยมาพบแพทย์ในช่วงแรกที่มีอาการ ซึ่งจะทำให้การฟื้นตัวดีขึ้น ร่วมกับการทำกายภาพบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าในระยะยาว ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่งหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการแพทย์ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.dms.go.th หรือโทร 02 5906000 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : การเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ๆ การพักผ่อนน้อย ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก เนื่องจากปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคนี้ที่ชัดเจน หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขมีมShoyo Zx• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเมาค้างมาทางนี้ 10 วิธีแก้แฮงค์กาแฟดำ เอสเพรสโซ่สักช็อต หรืออเมริกาโน่ร้อนสักแก้ว ช่วยแก้แฮงค์ให้ดีขึ้นได้มาก คาเฟอีนในกาแฟจะช่วยกระตุ้นคุณให้ฟื้นจากอาการมึนหัว และขับปัสสาวะ ทำให้แอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย ไข่ต้ม ขนมปัง กับน้ำส้มคั้น ตื่นมารองท้องด้วยไข่ต้ม ที่มีโปรตีนช่วยการดักจับสารพิษ ขนมปัง ตัวช่วยดูดซับสารพิษ และป้องกันการอาเจียน ตามด้วยน้ำส้มคั้นสักแก้ว เพราะวิตามินซีในน้ำส้ม จะช่วยลดการเวียนหัว แก้แฮงค์ และชดเชยภาวะขาดน้ำหลังการดื่มหนักได้อีกด้วย น้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น หรือน้ำผึ้ง ก็ช่วยแก้อาการเมาค้างได้เช่นกัน และเป็นที่นิยมของคนทั่วไป แถมยังช่วยลดปริมาณสารตกค้างในตับได้อีกด้วย เครื่องดื่มวิตามิน ที่มีส่วนผสมของวิตามินบี และวิตามินซี จะเป็นตัวช่วยอย่างดี หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อ หรือร้านขายยาทั่วไป เพราะวิตามินดังกล่าวสามารถช่วยลดอาการเมาค้างได้มาก และควรดื่มน้ำเปล่ามากๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไปหลังจากการดื่มหนัก น้ำเกลือแร่ เมื่อร่างกายสูญเสียน้ำไปมาก เพราะแอลกอฮอล์ สายปาร์ตี้ควรมีน้ำเกลือแร่ ชนิดละลายน้ำไว้เป็นตัวช่วยฟื้นฟูอาการขาดน้ำด้วย และควรติดตัวไว้จิบทั้งวันเพื่อแก้แฮงค์ และเติมน้ำให้ร่างกายอย่างต่อเนื่อง และทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น น้ำขิง เครื่องดื่มสมุนไพร ก็ช่วยแก้แฮงค์ได้เป็นอย่างดี น้ำขิงจะช่วยฟื้นฟูร่างกาย ระบบหายใจ และป้องกันอาการปวดหัวที่จะมาได้ในระดับหนึ่ง และยังเป็นตัวช่วยขับแอลกอฮอล์ออกมาทางระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดี กล้วยหอม โพเทสเซียมในกล้วยหอม จะช่วยป้องกันการขาดน้ำ และเคลือบกระเพาะไปในตัว ทำให้ร่างกายดูดซึมแอลกอฮอล์ได้น้อย และขับออกมาได้เร็วยิ่งขึ้น ใบโหระพา ลองนำมาขยี้ หรือบด ผสมน้ำร้อน หรือชาร้อนทิ้งไว้ 5 นาที จากนั้นกรองเอาแต่น้ำมาดื่ม วิธีนี้ช่วยแก้แฮงค์ และลดอาการคลื่นไส้ได้เป็นอย่างดี นมช็อกโกแลต ช่วยป้องกันอาการเมาค้างได้อย่างดี แถมไม่ทำให้เกิดอาการปวดหัวอย่างแรงเมื่อตื่นขึ้นมาอีกด้วย ออกกำลังกายเบาๆ เพื่อขับแอลกอฮอล์ เช่น วิ่ง วิดพื้น ให้ร่างกายได้เหงื่อ จะเป็นการขับแอลกกอฮอล์ออกมาจากร่างกาย ช่วบแก้แฮงค์ และทำให้ร่างกายรู้สึกกระปี่กระเปร่าขึ้นเซ' บาย• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเมาค้างมาทางนี้ 10 วิธีแก้แฮงค์เมาค้างเกิดขึ้นเพราะ เราดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มากเกินไป หลังจากนั้นร่างกายก็จะแสดงปฏิกิริยาต่อต้านแอลกอฮอล์ขึ้นมา ซึ่งมีระดับความรุนแรงแตกต่างกันไป ตามสภาพร่างกาย หรือการเตรียมตัวของแต่ละคน อาการ ได้แก่ อาการขาดน้ำ ปวดหัว หงุดหงิด คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย บางคนนอนไม่หลับ ลิ้นขาดรสสัมผัส ขมปากขมคอ มีไข้ ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ทำให้เกิดอาการซึมเศร้า และวิตกกังวลตามมา 10 วิธีแก้เมาค้าง กาแฟดำ เอสเพรสโซ่สักช็อต หรืออเมริกาโน่ร้อนสักแก้ว ช่วยแก้แฮงค์ให้ดีขึ้นได้มาก คาเฟอีนในกาแฟจะช่วยกระตุ้นคุณให้ฟื้นจากอาการมึนหัว และขับปัสสาวะ ทำให้แอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย ไข่ต้ม ขนมปัง กับน้ำส้มคั้น ตื่นมารองท้องด้วยไข่ต้ม ที่มีโปรตีนช่วยการดักจับสารพิษ ขนมปัง ตัวช่วยดูดซับสารพิษ และป้องกันการอาเจียน ตามด้วยน้ำส้มคั้นสักแก้ว เพราะวิตามินซีในน้ำส้ม จะช่วยลดการเวียนหัว แก้แฮงค์ และชดเชยภาวะขาดน้ำหลังการดื่มหนักได้อีกด้วย น้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น หรือน้ำผึ้ง ก็ช่วยแก้อาการเมาค้างได้เช่นกัน และเป็นที่นิยมของคนทั่วไป แถมยังช่วยลดปริมาณสารตกค้างในตับได้อีกด้วย เครื่องดื่มวิตามิน ที่มีส่วนผสมของวิตามินบี และวิตามินซี จะเป็นตัวช่วยอย่างดี หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อ หรือร้านขายยาทั่วไป เพราะวิตามินดังกล่าวสามารถช่วยลดอาการเมาค้างได้มาก และควรดื่มน้ำเปล่ามากๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไปหลังจากการดื่มหนัก น้ำเกลือแร่ เมื่อร่างกายสูญเสียน้ำไปมาก เพราะแอลกอฮอล์ สายปาร์ตี้ควรมีน้ำเกลือแร่ ชนิดละลายน้ำไว้เป็นตัวช่วยฟื้นฟูอาการขาดน้ำด้วย และควรติดตัวไว้จิบทั้งวันเพื่อแก้แฮงค์ และเติมน้ำให้ร่างกายอย่างต่อเนื่อง และทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น น้ำขิง เครื่องดื่มสมุนไพร ก็ช่วยแก้แฮงค์ได้เป็นอย่างดี น้ำขิงจะช่วยฟื้นฟูร่างกาย ระบบหายใจ และป้องกันอาการปวดหัวที่จะมาได้ในระดับหนึ่ง และยังเป็นตัวช่วยขับแอลกอฮอล์ออกมาทางระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดี กล้วยหอม โพเทสเซียมในกล้วยหอม จะช่วยป้องกันการขาดน้ำ และเคลือบกระเพาะไปในตัว ทำให้ร่างกายดูดซึมแอลกอฮอล์ได้น้อย และขับออกมาได้เร็วยิ่งขึ้น ใบโหระพา ลองนำมาขยี้ หรือบด ผสมน้ำร้อน หรือชาร้อนทิ้งไว้ 5 นาที จากนั้นกรองเอาแต่น้ำมาดื่ม วิธีนี้ช่วยแก้แฮงค์ และลดอาการคลื่นไส้ได้เป็นอย่างดี นมช็อกโกแลต ช่วยป้องกันอาการเมาค้างได้อย่างดี แถมไม่ทำให้เกิดอาการปวดหัวอย่างแรงเมื่อตื่นขึ้นมาอีกด้วย ออกกำลังกายเบาๆ เพื่อขับแอลกอฮอล์ เช่น วิ่ง วิดพื้น ให้ร่างกายได้เหงื่อ จะเป็นการขับแอลกกอฮอล์ออกมาจากร่างกาย ช่วบแก้แฮงค์ และทำให้ร่างกายรู้สึกกระปี่กระเปร่าขึ้น แต่ละวิธีมีมShoyo Zx• 1 ปีที่แล้ว
- 6 คนสงสัยเมาค้างมาทางนี้ 10 วิธีแก้แฮงค์เมาค้างเกิดขึ้นเพราะ เราดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มากเกินไป หลังจากนั้นร่างกายก็จะแสดงปฏิกิริยาต่อต้านแอลกอฮอล์ขึ้นมา ซึ่งมีระดับความรุนแรงแตกต่างกันไป ตามสภาพร่างกาย หรือการเตรียมตัวของแต่ละคน อาการ ได้แก่ อาการขาดน้ำ ปวดหัว หงุดหงิด คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย บางคนนอนไม่หลับ ลิ้นขาดรสสัมผัส ขมปากขมคอ มีไข้ ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ทำให้เกิดอาการซึมเศร้า และวิตกกังวลตามมา 10 วิธีแก้เมาค้าง กาแฟดำ เอสเพรสโซ่สักช็อต หรืออเมริกาโน่ร้อนสักแก้ว ช่วยแก้แฮงค์ให้ดีขึ้นได้มาก คาเฟอีนในกาแฟจะช่วยกระตุ้นคุณให้ฟื้นจากอาการมึนหัว และขับปัสสาวะ ทำให้แอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย ไข่ต้ม ขนมปัง กับน้ำส้มคั้น ตื่นมารองท้องด้วยไข่ต้ม ที่มีโปรตีนช่วยการดักจับสารพิษ ขนมปัง ตัวช่วยดูดซับสารพิษ และป้องกันการอาเจียน ตามด้วยน้ำส้มคั้นสักแก้ว เพราะวิตามินซีในน้ำส้ม จะช่วยลดการเวียนหัว แก้แฮงค์ และชดเชยภาวะขาดน้ำหลังการดื่มหนักได้อีกด้วย น้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น หรือน้ำผึ้ง ก็ช่วยแก้อาการเมาค้างได้เช่นกัน และเป็นที่นิยมของคนทั่วไป แถมยังช่วยลดปริมาณสารตกค้างในตับได้อีกด้วย เครื่องดื่มวิตามิน ที่มีส่วนผสมของวิตามินบี และวิตามินซี จะเป็นตัวช่วยอย่างดี หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อ หรือร้านขายยาทั่วไป เพราะวิตามินดังกล่าวสามารถช่วยลดอาการเมาค้างได้มาก และควรดื่มน้ำเปล่ามากๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไปหลังจากการดื่มหนัก น้ำเกลือแร่ เมื่อร่างกายสูญเสียน้ำไปมาก เพราะแอลกอฮอล์ สายปาร์ตี้ควรมีน้ำเกลือแร่ ชนิดละลายน้ำไว้เป็นตัวช่วยฟื้นฟูอาการขาดน้ำด้วย และควรติดตัวไว้จิบทั้งวันเพื่อแก้แฮงค์ และเติมน้ำให้ร่างกายอย่างต่อเนื่อง และทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น น้ำขิง เครื่องดื่มสมุนไพร ก็ช่วยแก้แฮงค์ได้เป็นอย่างดี น้ำขิงจะช่วยฟื้นฟูร่างกาย ระบบหายใจ และป้องกันอาการปวดหัวที่จะมาได้ในระดับหนึ่ง และยังเป็นตัวช่วยขับแอลกอฮอล์ออกมาทางระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดี กล้วยหอม โพเทสเซียมในกล้วยหอม จะช่วยป้องกันการขาดน้ำ และเคลือบกระเพาะไปในตัว ทำให้ร่างกายดูดซึมแอลกอฮอล์ได้น้อย และขับออกมาได้เร็วยิ่งขึ้น ใบโหระพา ลองนำมาขยี้ หรือบด ผสมน้ำร้อน หรือชาร้อนทิ้งไว้ 5 นาที จากนั้นกรองเอาแต่น้ำมาดื่ม วิธีนี้ช่วยแก้แฮงค์ และลดอาการคลื่นไส้ได้เป็นอย่างดี นมช็อกโกแลต ช่วยป้องกันอาการเมาค้างได้อย่างดี แถมไม่ทำให้เกิดอาการปวดหัวอย่างแรงเมื่อตื่นขึ้นมาอีกด้วย ออกกำลังกายเบาๆ เพื่อขับแอลกอฮอล์ เช่น วิ่ง วิดพื้น ให้ร่างกายได้เหงื่อ จะเป็นการขับแอลกกอฮอล์ออกมาจากร่างกาย ช่วบแก้แฮงค์ และทำให้ร่างกายรู้สึกกระปี่กระเปร่าขึ้นมีมNontawattahom• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยน้ำตาลเทียมทำให้เกิดการก่อตัวของโรคมะเร็งมีผู้โพสต์ให้ข้อมูลว่า น้ำตาลเทียมทำให้เกิดการก่อตัวของโรคมะเร็ง ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า การบริโภคน้ำตาลเทียมไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งในมนุษย์ ซึ่งน้ำตาลเทียม หรือสารให้ความหวาน (Artificial Sweeteners) เป็นวัตถุเจือปนอาหารที่ผลิตขึ้นมาเพื่อแต่งเติมรสชาติหวานให้กับอาหารและเครื่องดื่มแทนน้ำตาลธรรมชาติ โดยตัวอย่างน้ำตาลเทียมที่ได้รับการยอมรับจากองค์กรด้านอาหารและยาในหลายประเทศว่า มีความปลอดภัยสามารถใช้เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลได้ เช่น แอสปาร์แตม ขัณฑสกร หรือแซคคาริน , น้ำตาลหญ้าหวาน หรือสตีเวียมะเร็งผู้บริโภคเฝ้าระวังkotchakorn• 1 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเล่นมือถือจนหน้าเบี้ยวมีการออกมายอกต่อกันว่าหากเล่นมือถือนานๆจะทำให้หน้าเบี้ยวได้std48001• 1 ปีที่แล้ว