(1461 ข้อความ)
- 1 คนสงสัยแมลงก้นกระดกมีสารพิษชนิดเหลว เมื่อสัมผัสจะเสียชีวิตคำแนะนำเกี่ยวกับแมลงก้นกระดกมีสารพิษชนิดเหลว เมื่อสัมผัสผิวจะเสียชีวิต ห้ามใช้มือตีเด็ดขาด ทางสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า แมลงก้นกระดก มีสารพิษชื่อว่า พีเดอริน (Paederin) มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน สามารถทำลายเซลล์เนื้อเยื่อผิวหนังได้ โดยตัวเมียจะมีปริมาณสารพิษมากกว่าตัวผู้มาก เมื่อร่างกายสัมผัสกับสารพิษอาการจะมากหรือน้อยขึ้นกับปริมาณสารพิษที่สัมผัส โดยอาการจะไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่จะมีอาการหลังสัมผัสแล้วประมาณ 4-12 ชั่วโมง โดยมีลักษณะเป็นผื่นแดงหรือเป็นรอยไหม้ รูปร่างมักเป็นทางยาว ผื่นมีขอบเขตชัดเจน ทิศทางหลากหลาย อาการคันมีไม่มากนัก แต่มักจะรู้สึกแสบร้อน และมีตุ่มหนองขนาดเล็กเกิดขึ้นตามมาบริเวณที่พิษสัมผัสกับผิวหนัง หากรอยโรคเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า รอบดวงตา หรือผิวอ่อน ๆ มักจะมีอาการรุนแรงมากกว่าที่อื่น เมื่อสัมผัสกับแมลงและสารพิษพีเดอริน ให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ฟอกสบู่ อย่าเกาเพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำที่รอยโรคได้ ทั้งนี้อาการที่พบไม่ได้รุนแรงจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต ยกเว้นมีภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย หากพบว่ามีอาการรุนแรงแนะนำให้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเร่งด่วน50hibatsu46498• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยใส่ผ้าอนามัยนาน ทําให้เป็นโรคมะเร็งปากมดลูกพบคำเตือนในโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ใส่ผ้าอนามัยนาน ทําให้เป็นโรคมะเร็งปากมดลูก เป็นความเชื่อที่ผิด ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ความเชื่อนี้ไม่ถูกต้อง โดยข้อมูลวิชาการไม่พบความเกี่ยวข้องการใส่ผ้าอนามัยนานเกินไปกับการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก แม้ว่า ใส่ผ้าอนามัยนาน ทําให้เป็นโรคมะเร็งปากมดลูก จะเป็นเรื่องไม่จริง แต่การใส่ผ้าอนามัยนานเกินไป ใช้ผ้าอนามัยแผ่นเดิมตลอดทั้งวัน ไม่เปลี่ยนแผ่นใหม่เลย จะส่งผลให้เกิดอันตรายได้ เพราะการใส่ผ้าอนามัยโดยไม่เปลี่ยนจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเกิดเชื้อราได้ ควรทำตามคำแนะนำระหว่างมีประจำเดือน ดังนี้ ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 4 – 6 ชั่วโมง เปลี่ยนผ้าอนามัยตามปริมาณประจำเดือน วันไหนมามากให้เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ ช่วงใกล้หมดประจำเดือนหรือวันที่มาน้อย ก็ลดจำนวนครั้งลงได้ การใช้ผ้าอนามัยแผ่นเดียวนานเกินไป เสี่ยงเกิดการอับชื้น ไม่สะอาดได้ เมื่อเกิดอาการระคายเคือง อาการคัน ให้รีบพบแพทย์ เพราะอาจติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา หากปล่อยไว้นานเชื้อจะแพร่ไปที่ทางเดินปัสสาวะ เกิดโรคต่าง ๆ ได้std47724• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยบัณฑูร ล่ำซํา : ถึงคนรุ่นใหม่ เชื่อผม "รวยเร็ว ไม่มีจริง"หลายวันมาแล้วผมจะเขียนอะไรสักเรื่องหนึ่งที่มีเนื้อหาสาระคล้ายๆกับที่คุณบัณฑูร ลํ่าซํา อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของธนาคารกสิกรไทยเคยพูดจาเอาไว้ก็เลยลองเข้าค้นในกูเกิลในชื่อของ บัณฑูร ลํ่าซำ เผื่อจะเจอบทความหรือบทให้สัมภาษณ์ของคุณบัณฑูรเกี่ยวกับเรื่องที่ผมอยากเขียน ผลกลับกลายเป็นว่า ผมไม่เจอประเด็นที่ตั้งใจไว้ว่าจะเขียน แต่ไปเจออีกประเด็นหนึ่งที่คุณบัณฑูรพูดไว้และน่าหยิบมาเขียนมากกว่า...ขออนุญาตถ่ายทอดต่อเลยนะครับกูเกิลนำคลิปในยูทูบที่คุณ บัณฑูร ไปแสดงปาฐกถาพิเศษให้ THE STANDARD เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ปี 2565 หรือประมาณ 4 เดือนที่แล้วนี่เอง...มาลงไว้ พร้อมมีตัวอักษรบรรยายว่า “บัณฑูร ลํ่าซำ ถึงคนรุ่นใหม่ รวยเร็ว ไม่มีจริง” ผมรีบคลิก...ทั้งดูทั้งฟังหลายรอบ เพราะมีความยาวแค่ 8 นาที 44 วินาทีเท่านั้น ท่านที่สนใจเข้าดูในยูทูบได้เลย โดยพิมพ์ข้อความว่า “บัณฑูร ลํ่าซำ ถึงคนรุ่นใหม่” ก็จะปรากฏคลิปที่ว่านี้ขึ้น เนื้อหาในคลิปมี 2 ประเด็นคือ คำสอนถึงคนรุ่นใหม่ เรื่อง “รวยเร็ว ไม่มีจริง” กับ “ข้อเสนอแก้ความเหลื่อมลํ้าในประเทศไทย”std48916• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยจริงหรือคะ พอเปิดภาคเรียนช่วง ก.ค 63 แล้ว จะไม่มีการปิดเทอม ให้เรียนยาว 8 เดือนรวดถึงเดือนเมษายน 64วันเปิดภาคเรียนคือวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 โดยระยะเวลาในการเปิดเรียนประมาณ 4 เดือน เช่น ภาคเรียนที่ 1 เปิดเรียนตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 จากนั้นก็เปิดเรียนต่อ ภาคเรียนที่ 2 ในวันที่ 1 ธันวาคม 2563 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 เพื่อให้ครบตามกำหนดระยะเวลา 4 เดือนโควิด 2019naydoitall• 6 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยผู้บริโภคเฝ้าระวังแอคปลอมไม่ระบุชื่อ• 1 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 2 คนสงสัยปูติน ถือรูปร.9 เป็นภาพตัดต่อโครงการตรวจสอบข้อเท็จจริงแห่งศูนย์สื่อมวลชนศึกษาและวารสารศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งฮ่องกง (HKU Journalism) ชี้ว่าภาพประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียอัญเชิญ "พระบรมฉายาลักษณ์" ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่แชร์กันทางโลกโซเชียลของไทยเมื่อปลายเดือน ก.พ. เป็นภาพที่ถูกตัดต่อ แท้จริงแล้ว รูปต้นฉบับเดิม คือ ภาพที่ผู้นำรัสเซียถือภาพถ่ายของบิดาขณะเข้าร่วมการเดินขบวนประจำปีที่ชื่อ "การเดินสวนสนามของกรมทหารที่ไม่มีวันตาย" หรือ Immortal Regiment march เมื่อ 9 พ.ค. 2015 เพื่อรำลึกถึงบุคคลในครอบครัวที่ได้ร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 โครงการของมหาวิทยาลัยฮ่องกงที่ทำงานร่วมกับเครือข่ายผู้สอนด้านข่าวและสารสนเทศในเอเชีย (Asian Network of News & Information Educators - ANNIE) เผยแพร่การตรวจสอบนี้ทางเว็บไซต์เมื่อ 4 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยระบุในรายงานว่าเมื่อ 27 ก.พ. มีผู้โพสต์ภาพที่ถูกตัดต่อทางบัญชีเฟซบุ๊กที่ชื่อ 关羽關羽 (กวนอูกวนอู) โดยบรรยายบนภาพว่า "รัสเซียยืนหยัดได้เพราะบุญคุณของในหลวงร. 9" จนถึงช่วงเช้าตรู่ของ 3 เม.ย. ตามเวลาในไทย มีผู้เข้ามาแสดงความรู้สึกถึง 4,500 ราย ในจำนวนนั้นมีคนเข้ามา "หัวเราะ" ถึงเกือบ 500 บัญชี มีคนแชร์โพสต์นี้ไปเกือบ 500 คน และแสดงความเห็นกว่า 1,000 ครั้ง มีผู้ใช้หลายคนที่ดูเหมือนว่าเชื่อในโพสต์นี้ แต่ก็มีบางส่วนที่แสดงความเห็นเสียดสีข่าวการเมืองstd48851• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยดื่มกาแฟต้านโควิดตอนนี้ใคร ๆ ก็กลัวการติดโรคโควิด–19 เนื่องจากยังไม่มียา หรือวัคซีนที่สามารถรักษาโรคนี้ได้จริงจึงมีผู้ประกอบการบางราย หวังกอบโกยรายได้ โดยหลอกว่า กาแฟผสมสารสกัดจากธรรมชาติ สามารถต้านโรคโควิด-19 ได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง จัดเป็นการโฆษณาสรรพคุณ คุณประโยชน์ คุณภาพอาหาร โดยไม่ได้รับอนุญาต และเข้าข่ายเป็นการโฆษณาอันเป็นเท็จหรือเป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ถึงแม้กาแฟจะไม่ได้มีฤทธิ์ต้านโรคโควิด–19 แต่ใช่ว่ากาแฟจะไม่มีประโยชน์ เนื่องจากกาแฟมีสารสำคัญคือ กาเฟอีน ( Caffeine) ซึ่งช่วยให้เกิดความรู้สึกสดชื่น เพิ่มความตื่นตัวของสมอง แต่ไม่ควรดื่มเกินวันละ 300 มก. (มากกว่า 2 ถ้วย) เพราะหากดื่มมากไปอาจทำให้นอนไม่หลับ หัวใจเต้นเร็ว คลื่นไส้ปวดศีรษะได้ จะเห็นได้ว่ากาแฟมีประโยชน์ แต่ไม่สามารถต้านโรคโควิด–19ได้ ดังนั้นผู้ที่สงสัยว่ามีอาการที่คล้ายคลึงกับโรคโควิด–19 เช่น ไอ เจ็บคอ มีเสมหะ หอบเหนื่อย ไข้สูง แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ ข้อแนะนำในการป้องกันโรคโควิด–19 1. กินร้อน ช้อนตัวเอง 2. ใส่หน้ากากอนามัย 3. หมั่นล้างมือด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล 4. หลีกเลี่ยงชุมชน/สถานที่แออัด 5. กินอาหารปรุงสุกใหม่ ๆ และควรแยกสำรับอาหาร 6. เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร 7. เมื่อกลับถึงบ้านควรรีบอาบน้ำทันทีstd48363• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเรื่องโม้ๆ เกี่ยวกับการแพทย์และวิทยาศาสตร์ว่าด้วยกัญชากัญชาเป็นหนึ่งในพืชที่เป็นประเด็นโต้เถียงกันมายาวนาน จึงไม่น่าแปลกใจที่มันจะเป็นต้นเหตุของเรื่องหลอกลวง ตำนานเล่าขานที่ปั่นกันขึ้นมา และข่าวปลอมมากมาย ทั้งหมดล้วนแต่ส่งผลกระทบในด้านใดด้านหนึ่งต่อการรับรู้ของสาธารณชนต่อการใช้กัญชาและสถานะของมัน ต่อไปนี้คือ "เรื่องโม้ๆ" ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และการแพทย์ของกัญชา ที่แพร่หลายในต่างประเทศ (และอาจกระทบต่อทัศนะของคนไทยเราด้วย) 1. เรื่องโกหกเกี่ยวกับบริษัทมอนซานโตตัดแต่งพันธุกรรมกัญชา มีเรื่องหลอกลวงแพร่ทางอินเทอร์เน็ตในปี 2015 โดยอ้างว่าบริษัท Monsanto กำลังสร้างกัญชาดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อจัดหากัญชามากพอป้อนให้กับอุตสาหกรรมกัญชา (1) เรื่องหลอกลวงนี้สร้างขึ้นโดยเว็บไซต์ข่าวปลอมเสียดสี World News Daily Report เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2015 ซึ่ง Monsanto ตอบโต้ด้วยการ "การปฏิเสธแบบหัวชนฝา" ผ่านเว็บ "Myths About Monsanto" ที่คอยแก้ข่าวปลอมและเรื่องโกหกเกี่ยวกับบริษัท ซึ่งมักจะถูกโจมตีว่าทำการตัดแต่งพันธุกรรมเพื่อสนองตอบอุตสาหกรรมเกษตร แม้ว่ามันจะเป็นข่าวปลอม แต่สร้างความตื่นตูมให้กับวงการกัญชาอย่างมาก เช่น เว็บไซต์เกี่ยวกับกัญชา High Times รายงานว่า "นักวิทยาศาสตร์กำลังทำงานเพื่อสร้างแผนที่โครงสร้าง DNA ที่สมบูรณ์ของต้นกัญชา เพื่อป้องกันบริษัทเมล็ดพันธุ์ทางการเกษตรรายใหญ่ เช่น Monsanto จากการได้รับสิทธิบัตรเฉพาะสำหรับสายพันธุ์เฉพาะ" (2) สะท้อนว่า แม้จะเป็นข่าวปลอม แต่ "ชื่อเสียง" ของบริษัท Monsanto ทำให้เกิดความกังวลว่ากัญชาอาจถูกรวบหัวรวบหางโดยอุตสาหกรรมเกษตร เพื่อผูกขาดสายพันธุ์และผูกขาดการผลิต เพราะมันกำลังเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างเงินมหาศาล 2. เรื่องหลอกลวงเกี่ยวกับการทดลองกัญชาของนาซา การทดลองกัญชาของนาซาเป็นเรื่องหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตในปี 2559-2561 โดยอ้างถึงบันทึกการจ่ายเงิน 18,000 ดอลลาร์ของนาซาแก่อาสาสมัครเพื่อทำการทดลองนอนบนเตียงและให้กัญชาสูบระหว่างการทดลองเป็นเวลา 3 เดือน (หรือ 70 วัน) โดยได้เงิน 18,000 ดอลลาร์ (3) แต่นาซายืนยันว่าได้ทำการทดลองการนอนบนเตียงจริง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกัญชา แต่เรื่องหลอกลวงนี้อาจมีที่มามาจากข่าวจริงในปี 2557 โดยคอลัมนิสต์ของสำนักข่าว VICE ชื่อ แอนดรูว์ อิวานิชกิ (Andrew Iwanicki) ซึ่งเขาได้บันทึกประสบการณ์ของเขาในฐานะผู้เข้าร่วมการทดลองการนอนของนาซา เรื่องปลอมนี้ดูเหมือนจะไม่มีพิษภัยอะไร และสื่อที่แก้ข่าสค่อนข้างจะให้น้ำหนักกับมันในฐานเรื่องตลกขบขันหรือข่าวสัพเพเหระเสียมากกว่า 3. ดาวเคราะห์แห่งกัญชา Planet X637Z-43 อีกครั้งที่นาซาเข้ามาเกี่ยวข้องกับข่าวปลอมเรื่องกัญชา คราวนี้ยิ่งหลุดโลกกันไปใหญ่ Planet X637Z-43 เป็นการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตในปี 2558 โดยอ้างว่าเป็นเอกสารการค้นพบโดยนาซาเกี่ยวกับดาวเคราะห์ที่ปกคลุมไปด้วยกัญชา สันนิษฐานว่าเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ 715 ดวงที่ค้นพบโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์ในปี 2557 เรื่องราวเกิดขึ้นจากเว็บไซต์ข่าวปลอม NewsWatch28 เนื้อหาของข่าวปลอมอ้างว่ามีการค้นพบโดยนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยฮาวาย ที่พบอุกกาบาตที่มีร่องรอยของ THC หรือ Tetrahydrocannabinol (สารสำคัญในกัญชา) ถูกพบในทะเลทรายเนวาดาในปี 2553 เว็บไซต์ notallowedto.com รายงานเป็นตุป็นตะว่า “การค้นพบ THC บนเศษอุกกาบาตจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อวิทยาศาสตร์ดาราศาสตร์ หากสารเคมีที่เปลี่ยนการทำงานของสมองและส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการรับรู้ อารมณ์ หรือจิตสำนึกของมนุษย์ มีที่มาจากอวกาศแล้วจะมีบทบาทอย่างไร มีผลกระทบทางดาราศาสตร์ต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือไม่ หรือกับชีวิตบนโลกโดยรวม การค้นพบนี้ทำให้เรามีคำถามมากกว่าคำตอบ" (4) แน่นอนว่า คำตอบที่ชัดเจนที่สุดคือมันไม่ต้องตอบ เพราะมันคือเรื่องโม้ขึ้นมา 4. กรณี Marlboro M เรื่องนี้เกิดจากบทความที่อ้างว่า Philip Morris USA เจ้าของบริษัทยาสูบ Marlboro กำลังเปิดตัวบุหรี่กัญชาแนวใหม่ที่เรียกว่า Marlboro M ในรัฐโคโลราโดและรัฐวอชิงตัน แม้ว่าบทความนี้จะเป็นเรื่องปลอม แต่บทความนี้มีพื้นฐานข้อเท็จจริงบางประการ เนื่องจากบริษัทยาสูบนี้ได้แสดงความสนใจในกัญชามาตั้งแต่ปี 1970 (5) ในขณะที่บทความได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นบทความปลอม แต่คำกล่าวอ้างของบทความได้รับความเชื่ออย่างกว้างขวางเนื่องจาก มันเป็นความจริงที่บริษัทยาสูบต่างๆ ซึ่งรวมถึง Philip Morris สนใจกัญชาในฐานะผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดและอาจลงทุนในอุตสาหกรรมกัญชา ความสนใจนี้มีมานานก่อนที่กฎหมายระบุให้กัญชาเป็นสิ่งเสพติดในหสรัฐอเมริกา (และที่อื่นๆ ที่ได้รับอิทธิพลจากกฎหมายสิ่งเสพติดของอเมริกัน) จะมีผลบังคับใช้อย่างรวดเร็ว หลังการทำให้กัญชาไม่เป็นอาชญากรรม/ถูกฎหมายแล้ว มีรายงานว่า บริษัทยาสูบบางแห่งได้เริ่มลงทุนในการวิจัยกัญชาทางการแพทย์ รวมถึงการเข้าร่วมกับบริษัทการลงทุนเมล็ดพันธุ์กัญชา แม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะไม่ได้ไปไกลถึงขั้นแนะนำบุหรี่กัญชาเข้าสู่ตลาดก็ตาม (6)ยาสมุนไพรstd48466• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยเรื่องโม้ๆ เกี่ยวกับการแพทย์และวิทยาศาสตร์ว่าด้วยกัญชากัญชาเป็นหนึ่งในพืชที่เป็นประเด็นโต้เถียงกันมายาวนาน จึงไม่น่าแปลกใจที่มันจะเป็นต้นเหตุของเรื่องหลอกลวง ตำนานเล่าขานที่ปั่นกันขึ้นมา และข่าวปลอมมากมาย ทั้งหมดล้วนแต่ส่งผลกระทบในด้านใดด้านหนึ่งต่อการรับรู้ของสาธารณชนต่อการใช้กัญชาและสถานะของมัน ต่อไปนี้คือ "เรื่องโม้ๆ" ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และการแพทย์ของกัญชา ที่แพร่หลายในต่างประเทศ (และอาจกระทบต่อทัศนะของคนไทยเราด้วย) 1. เรื่องโกหกเกี่ยวกับบริษัทมอนซานโตตัดแต่งพันธุกรรมกัญชา มีเรื่องหลอกลวงแพร่ทางอินเทอร์เน็ตในปี 2015 โดยอ้างว่าบริษัท Monsanto กำลังสร้างกัญชาดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อจัดหากัญชามากพอป้อนให้กับอุตสาหกรรมกัญชา (1) เรื่องหลอกลวงนี้สร้างขึ้นโดยเว็บไซต์ข่าวปลอมเสียดสี World News Daily Report เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2015 ซึ่ง Monsanto ตอบโต้ด้วยการ "การปฏิเสธแบบหัวชนฝา" ผ่านเว็บ "Myths About Monsanto" ที่คอยแก้ข่าวปลอมและเรื่องโกหกเกี่ยวกับบริษัท ซึ่งมักจะถูกโจมตีว่าทำการตัดแต่งพันธุกรรมเพื่อสนองตอบอุตสาหกรรมเกษตร แม้ว่ามันจะเป็นข่าวปลอม แต่สร้างความตื่นตูมให้กับวงการกัญชาอย่างมาก เช่น เว็บไซต์เกี่ยวกับกัญชา High Times รายงานว่า "นักวิทยาศาสตร์กำลังทำงานเพื่อสร้างแผนที่โครงสร้าง DNA ที่สมบูรณ์ของต้นกัญชา เพื่อป้องกันบริษัทเมล็ดพันธุ์ทางการเกษตรรายใหญ่ เช่น Monsanto จากการได้รับสิทธิบัตรเฉพาะสำหรับสายพันธุ์เฉพาะ" (2) สะท้อนว่า แม้จะเป็นข่าวปลอม แต่ "ชื่อเสียง" ของบริษัท Monsanto ทำให้เกิดความกังวลว่ากัญชาอาจถูกรวบหัวรวบหางโดยอุตสาหกรรมเกษตร เพื่อผูกขาดสายพันธุ์และผูกขาดการผลิต เพราะมันกำลังเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างเงินมหาศาล 2. เรื่องหลอกลวงเกี่ยวกับการทดลองกัญชาของนาซา การทดลองกัญชาของนาซาเป็นเรื่องหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตในปี 2559-2561 โดยอ้างถึงบันทึกการจ่ายเงิน 18,000 ดอลลาร์ของนาซาแก่อาสาสมัครเพื่อทำการทดลองนอนบนเตียงและให้กัญชาสูบระหว่างการทดลองเป็นเวลา 3 เดือน (หรือ 70 วัน) โดยได้เงิน 18,000 ดอลลาร์ (3) แต่นาซายืนยันว่าได้ทำการทดลองการนอนบนเตียงจริง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกัญชา แต่เรื่องหลอกลวงนี้อาจมีที่มามาจากข่าวจริงในปี 2557 โดยคอลัมนิสต์ของสำนักข่าว VICE ชื่อ แอนดรูว์ อิวานิชกิ (Andrew Iwanicki) ซึ่งเขาได้บันทึกประสบการณ์ของเขาในฐานะผู้เข้าร่วมการทดลองการนอนของนาซา เรื่องปลอมนี้ดูเหมือนจะไม่มีพิษภัยอะไร และสื่อที่แก้ข่าสค่อนข้างจะให้น้ำหนักกับมันในฐานเรื่องตลกขบขันหรือข่าวสัพเพเหระเสียมากกว่า 3. ดาวเคราะห์แห่งกัญชา Planet X637Z-43 อีกครั้งที่นาซาเข้ามาเกี่ยวข้องกับข่าวปลอมเรื่องกัญชา คราวนี้ยิ่งหลุดโลกกันไปใหญ่ Planet X637Z-43 เป็นการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตในปี 2558 โดยอ้างว่าเป็นเอกสารการค้นพบโดยนาซาเกี่ยวกับดาวเคราะห์ที่ปกคลุมไปด้วยกัญชา สันนิษฐานว่าเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ 715 ดวงที่ค้นพบโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์ในปี 2557 เรื่องราวเกิดขึ้นจากเว็บไซต์ข่าวปลอม NewsWatch28 เนื้อหาของข่าวปลอมอ้างว่ามีการค้นพบโดยนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยฮาวาย ที่พบอุกกาบาตที่มีร่องรอยของ THC หรือ Tetrahydrocannabinol (สารสำคัญในกัญชา) ถูกพบในทะเลทรายเนวาดาในปี 2553 เว็บไซต์ notallowedto.com รายงานเป็นตุป็นตะว่า “การค้นพบ THC บนเศษอุกกาบาตจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อวิทยาศาสตร์ดาราศาสตร์ หากสารเคมีที่เปลี่ยนการทำงานของสมองและส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการรับรู้ อารมณ์ หรือจิตสำนึกของมนุษย์ มีที่มาจากอวกาศแล้วจะมีบทบาทอย่างไร มีผลกระทบทางดาราศาสตร์ต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือไม่ หรือกับชีวิตบนโลกโดยรวม การค้นพบนี้ทำให้เรามีคำถามมากกว่าคำตอบ" (4) แน่นอนว่า คำตอบที่ชัดเจนที่สุดคือมันไม่ต้องตอบ เพราะมันคือเรื่องโม้ขึ้นมา 4. กรณี Marlboro M เรื่องนี้เกิดจากบทความที่อ้างว่า Philip Morris USA เจ้าของบริษัทยาสูบ Marlboro กำลังเปิดตัวบุหรี่กัญชาแนวใหม่ที่เรียกว่า Marlboro M ในรัฐโคโลราโดและรัฐวอชิงตัน แม้ว่าบทความนี้จะเป็นเรื่องปลอม แต่บทความนี้มีพื้นฐานข้อเท็จจริงบางประการ เนื่องจากบริษัทยาสูบนี้ได้แสดงความสนใจในกัญชามาตั้งแต่ปี 1970 (5) ในขณะที่บทความได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นบทความปลอม แต่คำกล่าวอ้างของบทความได้รับความเชื่ออย่างกว้างขวางเนื่องจาก มันเป็นความจริงที่บริษัทยาสูบต่างๆ ซึ่งรวมถึง Philip Morris สนใจกัญชาในฐานะผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดและอาจลงทุนในอุตสาหกรรมกัญชา ความสนใจนี้มีมานานก่อนที่กฎหมายระบุให้กัญชาเป็นสิ่งเสพติดในหสรัฐอเมริกา (และที่อื่นๆ ที่ได้รับอิทธิพลจากกฎหมายสิ่งเสพติดของอเมริกัน) จะมีผลบังคับใช้อย่างรวดเร็ว หลังการทำให้กัญชาไม่เป็นอาชญากรรม/ถูกฎหมายแล้ว มีรายงานว่า บริษัทยาสูบบางแห่งได้เริ่มลงทุนในการวิจัยกัญชาทางการแพทย์ รวมถึงการเข้าร่วมกับบริษัทการลงทุนเมล็ดพันธุ์กัญชา แม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะไม่ได้ไปไกลถึงขั้นแนะนำบุหรี่กัญชาเข้าสู่ตลาดก็ตาม (6)std46777• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยการ Detox โดยไม่ต้องสวนก้นการ Detox โดยไม่ต้องสวนก้น เอาอะไรเข้าไปก่อกวนลำไส้ ซึ่งอาจมีโทษข้างคียง เช่น ทำลายระบบนิเวศของ แบคทีเรียดีในลำไส้ นำสู่การขาดวิตามิน B12 เว้นแต่มีข้อบ่งชี้ เช่น ท้องผูก อวัยวะขับพิษ ทั้ง 6 บทความตอนหนึ่ง ของ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ร่างกายของเรา เขาทำงานของเขาเองอยู่แล้ว โดยอาศัยอวัยวะ ขับพิษทั้ง 6 คือ (1) ตับ (2) ไต (3) ปอด (4) ลำไส้ใหญ่ (5) ต่อมเหงื่อที่ผิวหนัง (6) น้ำเหลือง ถ้าท่านอยากจะล้างพิษ ผมแนะนำให้ท่าน ช่วยให้อวัยวะ ทั้งหกนี้ ทำงานได้ดีขึ้น ดังนี้ (1) ท่านช่วย “ตับ” ของท่านได้ ด้วยการกินอาหาร ที่ตับต้องใช้ในการขจัดพิษ ที่เรียกว่า สารต้าน อนุมูลอิสระ นั่นแหละ ได้แก่ อาหารพืชที่หลากสี (เน้นสีม่วงแดง) หลากรส (เน้นรสขม) ตามฤดูกาล (เน้นเห็ด) และ เน้นขมิ้นชัน ในภาพรวมว่าเป็นสาร ต้านอนุมูลอิสระ ที่โดดเด่น นอกจากนี้ ควรขยันออกแดด เพื่อให้ไมโตคอนเดรีย ในเซลร่างกายของท่าน ทุกเซลช่วยกันสร้าง สารต้านอนุมูลอิสระ ชื่อเมลาโทนิน ขึ้นมาช่วยการทำงานของตับ (2) ท่านช่วย “ไต” ของท่านได้ ด้วยการระวัง ไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ กินเกลือให้น้อย กินยาให้น้อยที่สุด ไม่กินยาที่ทำให้ เป็นโรคไตเรื้อรัง โดยตรง เช่น ยาลดการหลั่งกรด (เช่น omeprazole) ยาแก้ปวด แก้อักเสบข้อ และอย่าฉีดสี เพื่อวินิจฉัยโรคบ่อย โดยไม่จำเป็น เพราะ สีเหล่านั้น เป็นพิษต่อไตมาก..ก (3) ท่านช่วย “ปอด” ของท่านได้ ด้วยการ ฝึกหายใจให้ลึก ฝึกกลั้นหายใจนิดหนึ่ง ขณะลมเต็มปอด ฝึกหายใจออก ให้ยาวกว่า การหายใจเข้า เพื่อเอาลมค้างออกมา ให้มากที่สุด ใช้วิธีนับ 4-4-8 อย่างที่ผมเคยสอน ในบล็อกก่อนๆ ก็ได้ (เข้า 1 2 3 4, กลั้นไว้ 1 2 3 4 ออก 1 2 3 4 5 6 7 8 ) และขยันพาตัวเอง ไปอยู่ในบรรยากาศธรรมชาติ อากาศดีๆ (4) ท่านช่วย “ลำไส้ใหญ่” ของท่านได้ ด้วยการเอาใจใส่ เลี้ยงดูชุมชนจุลินทรีย์ (microbiomes) ในลำไส้ของท่าน ให้เจริญเติบโต หลากหลาย เพราะพวกเขา เป็นผู้ขับพิษ ที่แท้จริงของท่าน วิธีเลี้ยง ก็คือ กินของที่พวกเขา ใช้เป็นอาหาร (prebiotic) เช่น กากต่างๆ และถั่วต่างๆ และ ขยันกินอาหาร ที่มีจุลินทรีย์ (probiotic) เช่น อาหารหมักๆดองๆ ชาหมัก เป็นต้น (5) ท่านช่วย “ต่อมเหงื่อบนผิวหนัง” ของท่านได้ ด้วยการขยันออกกำลังกาย ให้เหงื่อออกมากๆ ขณะเดียวกัน ก็ดื่มน้ำตามไม่ให้ขาด ถ้ามีซาวน่า ก็ขยันอบซาวน่า ให้เหงื่อไหลโทรมกาย ก็ช่วยได้ (6) ท่านช่วย “ระบบน้ำเหลือง” ของท่านได้ ด้วยการขยัน ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว อย่างน้อย ให้ขยันเดินทั้งวัน วิ่งเหยาะๆบ้าง เมื่อมีโอกาส เพราะการขยับแขนขา เป็นปัจจัยเดียว ที่จะขับเคลื่อน การไหลเวียน ของน้ำเหลือง เอาของเสียไปทิ้งได้ ทำทั้งหกอย่าง นี่แหละ เป็นการ “ดีท๊อกซ์” ที่ได้ผลดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด ไม่ต้องไปเสียเงิน ฉีดอะไรที่เสี่ยงๆเข้าตัวเอง ทุกเดือนเลย นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ บรรณานุกรม 1. Knudston ML, Wyse DG, Galbraith PD, et al. Chelation therapy for ischemic heart disease, a randomized controlled trial. JAMA. 2002;287(4):481-486.Mrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยhttps://www.youtube.com/watch?v=3kPENmaFZ-4ข่าวการเมืองมีม เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย4 วิธี นอนหลับไวขึ้นไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยอาการและอาการแสดงของฝีดาษลิงอาการในระยะแรกของผู้ป่วยได้แก่ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ มีไข้ อ่อนเพลียโดยอาจเป็นอาการคล้ายคลึงกับที่พบในผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่โรคที่มีอาการคล้ายคลึงกันได้แก่ อีสุกอีใส หัด และฝีดาษ แต่จะมีความแตกต่างตรงที่ผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงมักมีต่อมน้ำเหลืองโตร่วมด้วยโดยจะพบที่ต่อมน้ำเหลืองหลังหู ใต้ขากรรไกร คอ หรือขาหนีบ โดยจะพบก่อนที่จะมีผื่นหลังมีไข้ได้ 2-3 วัน ผู้ป่วยจะมีผื่นที่มีลักษณะเฉพาะ มักขึ้นที่ใบหน้าก่อนบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย เช่น ฝ่ามือ ฝ่าเท้า โดยมักพบที่ส่วนนอกของร่างกายมากกว่าตำแหน่งอื่นผู้ป่วยประมาณสามในสี่จะมีรอยโรคที่ฝ่ามือฝ่าเท้า สองในสามจะมีในปาก หนึ่งในสามจะมีที่อวัยวะเพศ และหนึ่งในห้าจะมีที่ตา รอยโรคในระยะแรกเริ่มจะเป็นผื่นจุดแบน (macule) จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นตุ่มนูน (papule) เป็นตุ่มน้ำใส (vesicle) เป็นตุ่มหนอง (pustule) ตามลำดับ ก่อนที่จะกลายเป็นสะเก็ดและหลุดลอกออกไปในที่สุดผู้ป่วยอาจมีรอยโรคได้ตั้งแต่มีเล็กน้อย 2-3 จุด ไปจนถึงมีมากหลายพันจุด ซึ่งหากมีมากๆ บางครั้งรอยโรคหลายๆ อันอาจรวมกันเป็นรอยโรคขนาดใหญ่ได้ ผื่นในตำแหน่งต่างๆ ของร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามระยะที่ตรงกันและมีลักษณะเหมือนผื่นที่พบในโรคฝีดาษระยะที่มีผื่นมักเป็นอยู่ประมาณ 10 วันโดยผู้ป่วยอาจยังคงรู้สึกไม่สบายตัวอยู่ 2-4 สัปดาห์[1] หลังจากหายแล้วบริเวณที่เคยเป็นผื่นจะมีรอยจางอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนที่จะกลายเป็นแผลเป็นสีเข้มpocky18b• 3 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยอาการฝีดาษลิงระยะเวลาฟักตัวของโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) จะใช้ระยะเวลาในการฟักตัวประมาณ 7-14 วัน ผู้ติดเชื้อจะมีอาการแสดงต่างๆ ดังนี้ มีไข้ ไข้สูง ปวดตัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ปวดกระบอกตา ต่อมน้ำเหลืองโตทั่วร่างกาย อาการต่อมน้ำเหลืองโต ถือเป็นจุดเด่นที่สังเกตได้ของโรคไข้ฝีดาษลิง สามารถเกิดขึ้นได้ตามจุดต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะจุดที่ไปสัมผัสโรคตามผิวหนัง เช่น คอ ไหปลาร้า ข้อศอก รักแร้ เป็นต้น หรือผ่านทางเยื่อบุทางเดินหายใจ จากการพูดคุย สัมผัสใกล้ชิด การจูบ ได้เช่นกัน ซึ่งอาการต่อมน้ำเหลืองโตนี้จะเป็นอาการที่แตกต่างจากโรคไข้สุกใส (Chickenpox) ที่เป็นไข้ออกผื่นลักษณะเดียวกัน มีผื่น ตุ่มหนอง หลังจากที่มีไข้มาประมาณ 3 วัน จะเข้าสู่ช่วงระยะออกผื่น โดยลักษณะผื่นของโรคฝีดาษลิงจะกินเวลานานประมาณ 2-4 สัปดาห์ โดยผื่นมักจะขึ้นที่บริเวณใบหน้า แขน และขา มากกว่าที่ลำตัว โดยลักษณะของผื่นจะเริ่มจาก จุดแดงๆ กลมๆ หลังจากนั้นผื่นจะกลายเป็น ตุ่มน้ำใส และ กลายเป็นตุ่มหนอง และกลายเป็นสะเก็ด ในเวลาต่อมา ซึ่งในช่วงที่ผื่นเป็นตุ่มน้ำใส และตุ่มหนอง จะเป็นช่วงระยะเวลาที่สามารถแพร่เชื้อได้สูงสุด หากผื่นเริ่มตกสะเก็ดแล้ว จะถือว่าพ้นจากระยะการแพร่เชื้อ ผื่นของโรคฝีดาษลิงจะกินลึกถึงชั้นผิวหนังด้านใน ทำให้หลังจากผื่นตกสะเก็ดจะทำเกิดรอยโรคหรือรอยแผลเป็นได้nattikasaunsawatsuga• 3 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยภาพ “4 นักบินสาว F-16 แห่งกองทัพไทย”ไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยมีผลแล้ว!ขับบนทางด่วนไม่เกิน 100 กม./ชม. ฝ่าฝืนมีโทษปรับ !มีผลแล้ว!ขับบนทางด่วนไม่เกิน 100 กม./ชม. ฝ่าฝืนมีโทษปรับ ! การทางพิเศษแห่งประเทศไทย เผยกฎกระทรวงกำหนดความเร็วในทางพิเศษ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2565 ครอบคลุมรถทุกชนิด ได้แก่ รถยนต์ 4 ล้อ, รถบรรทุก และรถโรงเรียน-รับส่งนักเรียน ที่ใช้ทางด่วนทั้งทางยกระดับและระดับดิน ดังนี้ ความเร็วบนทางด่วน “ทางยกระดับ” รถยนต์ 4 ล้อ ขับได้ไม่เกิน 100 กม./ชม. รถบรรทุก (>2.2 ตัน) และ รถโดยสาร (>15 คน) ไม่เกิน 80 กม./ชม. รถโรงเรียน-รับส่งนักเรียน ไม่เกิน 80 กม./ชม. กำหนดความเร็ว “ระดับดิน” รถยนต์ 4 ล้อ ขับได้ไม่เกิน 110 กม./ชม. รถบรรทุก (>2.2 ตัน) และ รถโดยสาร (>15 คน) ไม่เกิน 90 กม./ชม. รถโรงเรียน-รับส่งนักเรียน ไม่เกิน 90 กม./ชม. โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย จะมีการปรับปรุงป้ายจราจร ให้สอดคล้องกับการกำหนดอัตราความเร็วใหม่ เพราะตามกำหนดความเร็วเดิมบนทางพิเศษนั้น กำหนดให้ทางด่วนในเขตเมือง ขับได้ไม่เกิน 80 กม./ชม. และทางด่วนนอกเขตเมือง ขับได้ไม่เกิน 90 กม./ชม. ทั้งนี้ หากมีการฝ่าฝืนขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จะถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 67 ผู้ขับขี่ต้องขับรถด้วยอัตราความเร็วตามที่กำหนดในกฎกระทรวงหรือตามเครื่องหมายจราจรที่ได้ติดตั้งไว้ในทาง ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาทMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยวัคซีนคุ้มกันการติดเชื้อในกระแสโลหิตสำหรับผู้สูงวัย อายุ 50 ปีขึ้นไป ฉีดเข็มเดียวป้องกันตลอดชีวิต(เสาวภาฉีดยา) *เพียงส่งต่อ ก็ได้บุญแล้วค่ะ..** วัคซีนคุ้มกันการติดเชื้อในกระแสโลหิตสำหรับผู้สูงวัย อายุ 50 ปีขึ้นไป ฉีดเข็มเดียวป้องกันตลอดชีวิต สภากาชาด (ฝั่งสวนงู) มีบริการฉีดวัคซีน Pneunococci vaccine ป้องกันปอดบวมและติดเชื้อในกระแสเลือด สำหรับผู้สูงวัย 50 ปีขึ้นไป ฉีดเข็มเดียวป้องกันตลอดชีวิต เข็มละ 2,300 บาท (เบิกไม่ได้ ) มีคนไปรับบริการมาก เดินเข้าไปติดต่อเลย วันเสาร์และวันหยุดราชการก็ทำการ (ควรโทรถามก่อน เพราะอาจขาด vaccine ที่จอดรถสะดวก ให้บอกยามว่าจะไปฉีด vaccine สถานเสาวภา ) โทร022520161-4 ต่อ132 สว. จะตายด้วยเชื้อติดในกระแสโลหิตประจำ ควรฉีดอย่างยิ่ง สถานเสาวภา สภากาชาดไทย บริการวันทำการ 08.30-12.00 น. และ 13.00-16.30 น. วันเสาร์ และวันหยุดพิเศษ 8.30-12.00 น. วันอาทิตย์ปิดทำการ สอบถาม 022520161-4 ต่อ 132 ราคาถูกกว่าเอกชนเกือบเท่าตัว เรียนเชิญใช้บริการค่ะ มีบางตัวปรับราคาค่ะ 1. งูสวัด 4,750 ฿ 2. ปอดบวม 2,300 ฿ 3. หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ 300 ฿ / 4 สายพันธุ์ 500 ฿ ค่าบริการทางการแพทย์ 50 ฿ ค่าทำบัตรสำหรับคนไข้ใหม่ 20 ฿ เปิดวันจันทร์ - วันศุกร์ 08.30 น. - 16.30 น. พักกลางวัน 12.00น. - 13.00น. วันเสาร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 8.30 น. - 12.00 น วันอาทิตย์ปิด เข้ากรุงเทพ ก็แวะมาฉีดคุ้มกันร่างกายนะMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัย(เสาวภาฉีดยา) *เพียงส่งต่อ ก็ได้บุญแล้วค่ะ..** วัคซีนคุ้มกันการติดเชื้อในกระแสโลหิตสำหรับผู้สูงวัย อายุ 50 ปีขึ้นไป ฉีดเข็มเดียวป้องกันตลอดชีวิต สภากาชาด (ฝั่งสวนงู) มีบริการฉีดวัคซีน Pneunococci vaccine ป้องกันปอดบวมและติดเชื้อในกระแสเลือด สำหรับผู้สูงวัย 50 ปีขึ้นไป ฉีดเข็มเดียวป้องกันตลอดชีวิต เข็มละ 2,300 บาท (เบิกไม่ได้ ) มีคนไปรับบริการมาก เดินเข้าไปติดต่อเลย วันเสาร์และวันหยุดราชการก็ทำการ (ควรโทรถามก่อน เพราะอาจขาด vaccine ที่จอดรถสะดวก ให้บอกยามว่าจะไปฉีด vaccine สถานเสาวภา ) โทร022520161-4 ต่อ132 สว. จะตายด้วยเชื้อติดในกระแสโลหิตประจำ ควรฉีดอย่างยิ่ง สถานเสาวภา สภากาชาดไทย บริการวันทำการ 08.30-12.00 น. และ 13.00-16.30 น. วันเสาร์ และวันหยุดพิเศษ 8.30-12.00 น. วันอาทิตย์ปิดทำการ สอบถาม 022520161-4 ต่อ 132 ราคาถูกกว่าเอกชนเกือบเท่าตัว เรียนเชิญใช้บริการค่ะ มีบางตัวปรับราคาค่ะ 1. งูสวัด 4,750 ฿ 2. ปอดบวม 2,300 ฿ 3. หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ 300 ฿ / 4 สายพันธุ์ 500 ฿ ค่าบริการทางการแพทย์ 50 ฿ ค่าทำบัตรสำหรับคนไข้ใหม่ 20 ฿ เปิดวันจันทร์ - วันศุกร์ 08.30 น. - 16.30 น. พักกลางวัน 12.00น. - 13.00น. วันเสาร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 8.30 น. - 12.00 น วันอาทิตย์ปิด เข้ากรุงเทพ ก็แวะมาฉีดคุ้มกันร่างกายนะผู้บริโภคเฝ้าระวังไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสปสช. เปิดสายด่วน 1330 ให้ประชาชน 4 จังหวัดนำร่องภาคอีสานภาคเหนือภาคใต้ไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยสงกรานต์นี้ จอดรถฟรีที่ 4 สนามบินทั่วไทยไม่ระบุชื่อ• 8 เดือนที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยงานศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลต่อการป้องกันการติดเชื้อของ #วัคซีนโควิด ไฟเซอร์และ AstraZeneca: 1. วัคซีน 2 ชนิดมีประสิทธิผล (Effectiveness)ใกล้เคียงกันทั้งหลังโดส 1 และ esp หลังโดส 2 2. ประสิทธิผลของการให้วัคซีน 2 โดสดีกว่า 1 โดสมาก (61/69 กับ 79/80%) 3.การศึกษานี้ทำในช่วงมีสายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) ระบาด สรุป 1. วัคซีนทั้ง 2 ชนิดป้องกันการติดเชื้อ #โควิด ได้ 2. ประสิทธิผลป้องกันการติดเชื้อหลังเข็ม 2 ใกล้เคียงกัน —> ควรร่น AZ เข็ม1 และ 2 มาใกล้กันขึ้น เช่น 8 wks (รวมทั้งเพิ่มผลในการป้องกันเชื้อเดลต้า - อินเดีย: paper อื่น) 3. วัคซีนทั้งสองชนิดป้องการติดเชื้อไวรัสอัลฟา (B.1.1.7/ สายพันธุ์ที่พบครั้งที่อังกฤษ) ได้ 4. การศึกษานี้เป็น real-world experience (จำนวนอาสาสมัคร 383,812) ไม่ใช่การศึกษาใน clinical trial 5. เป็นการศึกษาแรกที่แสดงให้เห็นผลของการป้องกันการติดเชื้อ ไม่ใช่ป้องกันโรคอย่างเดียว cr. Pokrath Hunsasuta https://www.nature.com/articles/s41591-021-01410-wไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยทั้ง 4 คนนี้เป็นนักบิน f16 จริงหรือไม่ระบุชื่อ• 4 เดือนที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเตือนภัยเครื่องบิน C-135 4 ลำ จะตกที่สมุยมีม เสียดสีไม่ระบุชื่อ• 7 เดือนที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยชาวเน็ตถกประเด็น ขายของออนไลน์ทำไมรวย รายได้หลักแสน กำไรนับหมื่นต่อวันชาวเน็ตถกประเด็น ขายของออนไลน์ทำไมถึงรวย รายได้หลักแสน กำไรนับหมื่นต่อวัน พนักงานออฟฟิศมีเศร้าเงินเดือนไม่เยอะ แต่ทำงานเกินรายรับสมาชิกเว็บไซต์พันทิป หมายเลข 5317076 ตั้งกระทู้ ทำไมขายของออนไลน์ เงินมันดีจังเลยคะ โดยระบุว่า เพื่อนเราขาย Luxury Goods หรือ สินค้าแบรนด์เนม เปิดมา 1 ปีทุกวันนี้เฉลี่ยได้เดือนละ ล้านกว่า ช่วงไหนพีคๆ ทำการตลาดก็ 1.8 ล้านได้ พวกร้านดังๆ ติดลมบน ยอดเดือนนึงก็ 10-15 ล้าน เปิดบริษัทกันเป็นว่าเล่นยกตัวอย่างเพื่อนเรา วันนึงยอดได้มา 50,000 ก็ได้กำไรวันละ 20,000 เราทำงานคิดว่าเดือนนึง 6-70,000 คิดว่าไม่แย่แล้ว สำหรับอายุ 25 เพื่อนเราทำ 3-4 วันได้เท่าเรา 30 วัน หรือเราต้องทำเป็นปี ถึงจะเท่าเพื่อนเราเดือนนึงมีมstd48916• 2 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยรัฐบาลเก็บภาษีรถกระบะ 2 ประตู หรือ กระบะแค็บ เท่า 4 ประตูไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ
