(2461 ข้อความ)
- 1 คนสงสัย13 กลุ่มสกิลแห่งอนาคตที่คนที่อยากทำงาน (และอยากมีงานทำ) ในโลกอนาคตต้องมี (โดย McKinsey) . . บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของโลกอย่าง McKinsey ได้ทำการ Survey คนกว่า 18,000 คนจาก 15 ประเทศเกี่ยวกับเรื่อง “Future Skill” ที่คนต้องมีสำหรับ “Future of Work” และเขาได้สรุปออกมาได้ 4 Categories และ 13 Skill Groups . ใครที่อยากมีงานทำในโลกอนาคต ตามมาอ่านกันได้ครับ 🙂 . Note: ในบทความเขาเขียนมาเป็นแบบ Bullets ในหลายๆ ข้อผมเอามาอธิบาย ขยายความต่อเองนะครับ . #กลุ่มที่1 Cognitive (องค์ความรู้) 1. Critical Thinking – การคิดอย่างมีวิจารณญาณ มี Logic รู้ว่าเพราะสิ่งนั้นเกิด สิ่งนี้ก็เลยเกิด รู้ว่าอะไรผิด ถูกตามบริบทต่างๆ 2. Planning and ways of working – การวางแผน การบริหารจัดการงานและเวลา 3. Communication – การสื่อสาร ซึ่งรวมไปถึงการฟังอย่างตั้งใจ การถามคำถามที่ถูกต้อง และการเล่าเรื่องราวให้น่าสนใจ 4. Mental Flexibility – การมีจิตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถในการแปลงความรู้ให้เหมาะกับสถานการณ์ การปรับตัว และการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ . #กลุ่มที่2 Interpersonal (มนุษยสัมพันธ์) 5. Mobilizing Systems – ความสามารถในการเป็น Role Model ความสามารถในการเจรจาต่อรองแบบ Win-win การสร้าง Vision ต่างๆ ว่าง่ายๆ คือเป็นคนที่สามารถชักจูงคนได้ (ผมคิดว่า Skill นี้คือ Skill ที่สำคัญมากๆ ของคนที่เป็น Leader) 6. Developing Relationships – การมีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น มีอารมณ์ขัน เข้าสังคมกับผู้อื่นได้ 7. Teamwork Effectiveness – การทำงานร่วมกับผู้อื่น การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง การโค้ช (ผมคิดว่า Skill นี้คือ Skill ที่สำคัญมากๆ ของคนที่เป็น Manager) . #กลุ่มที่3 Self-leadership (ภาวะผู้นำในตัวเอง) 8. Self-awareness and self-management – มีความเข้าใจในอารมณ์ของตัวเอง ควบคุมตัวเองได้ บริหารตัวเองได้ รู้ว่าตัวเองมีจุดเด่นจุดด้อยอะไร 9. Entrepreneurship – มีความกล้าเสี่ยง กล้าทดลองทำสิ่งใหม่ๆ มีพลังและมองโลกในแง่ดี (ผมคิดว่า Skill นี้คือ Skill ที่สำคัญมากๆ ของคนที่เป็น Entrepreneur และ Intrapreneur) 10. Goals Achievement – เป็นคนที่มีความเป็นเจ้าของ ทำงานแบบเน้นผลลัพธ์ ตั้งใจ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค . #กลุ่มที่4 Digital (ดิจิทัล) 11. Digital Fluency and Citizenship – มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องดิจิทัลพื้นฐาน 12. Software Use and Development – ความสามารถในการทำความเข้าใจ ใช้ และสร้างซอฟต์แวร์ การวิเคราะห์ข้อมูล 13. Understanding Digital Systems – การเข้าใจระบบ Digital ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Data, Cybersecurity, AI, Metaverse หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะมีมาอีกในอนาคต . ทั้ง 13 Skill Groups มีประมาณนี้ครับ ซึ่งใน 13 Skill Groups มีแตกย่อยออกไปเป็นอีก 56 Foundational Skills ไปดู Skill ทั้งหมดได้ที่นี่ https://mck.co/3tnlOv1 เลยครับ . #futureskill #futureskills #futureofworkไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยดร.พิสิฐขอบิณฑบาตงบศึกษาให้สูบบุหรี่ไฟฟ้าจากกรมสรรพสามิต ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาพรบ งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 เมื่อวันที่11 มิ.ย.ที่รัฐสภา ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม ในฐานะรองประธานกรรมาธิการ ได้ขอบิณฑบาตงบศึกษาให้สูบบุหรี่ไฟฟ้าที่อธิบดีกรมสรรพสามิตเสนอ โดยชี้ให้เห็นว่า WHO และ FDA ของสหรัฐไม่รับรองว่าบุหรี่ไฟฟ้าช่วยลดการสูญบุหรี่โดยห้ามบริษัทกล่าวอ้าง ขณะนี้มีกว่า 40 ประเทศที่ห้ามสูบบุหรี่ไฟฟ้า เด็กในสหรัฐติดบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 4-5 ล้านคน ประเทศไทยแม้จะมีรายได้รัฐบาลจากบุหรี่ปีละ 6 หมื่นล้านบาท แต่ก็มีรายจ่ายรัฐบาลที่ต้องรักษาพยาบาลคนป่วย 6 หมื่นล้านบาท ความเสียหายทางเศรษฐกิจทั้งค่ายาและค่าใช้จ่ายอื่นอาจสูงถึง 2 แสนล้านบาทจึงไม่คุ้มกัน แถมมีคนเสียชีวิตปีหนึ่งๆ กว่า 9 หมื่นคนจากโรคภัยที่มากับบุหรี่ เทียบกับโควิดที่เสียชีวิต 980 กว่าคนตั้งแต่ต้นปีในประเทศไทย คนป่วยจากบุหรี่ขณะนี้สูงกว่า 1.2 ล้านคน โดยเฉพาะโรคถุงลมโป่งซึ่งคนป่วยจะมีอาการคล้ายคนจมน้ำที่หายใจไม่ออก ดังนั้น จึงขออธิบดีได้ทบทวนความคิดที่จะให้คนไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าโดยหว้งจะได้ภาษี งานนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกกำลังพยายามล้อบบี้ โดยเข้ามาแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมาธิการการเงินการคลังที่เชียงราย มีความพยายามมาที่พรรคประชาธิปัตย์ แต่ตนก็ปฏิเสธที่จะไม่พบด้วย อธิบดีกรมสรรพสามิตได้ตอบตอนท้ายว่าขอรับข้อคิดเห็นของ ดร พิสิฐ ไปพิจารณาไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเชียงใหม่กลายเป็นจุด super spread หลังพบหญิงไทยติดโควิด จริงหรืออัปเดต #โควิด19 - 28 พ.ย. 16.00 กรณีเคสที่เชียงใหม่ - หญิงไทย อายุ 29 ปี ผลตรวจเป็นโควิด-19 - มีภูมิลำเนาในเชียงใหม่ - 24 ต.ค. - 23 พ.ย. แต่มีออกไปทำงานที่เมียนมา 23 พ.ย. มีอาการไข้ ปวดหัว 24 พ.ย. มีอาการป่วยมากขึ้น เดินทางจากแม่สายมาที่เชียงใหม่ - รถตู้ จาก อ.แม่สาย - เชียงราย - รถบัสโดยสาร จากเชียงราย - เชียงใหม่ เวลา 11.00 น. - 14.50 น. - เรียกแกร็บ จากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปยังคอนโด ถึงเชียงใหม่ - ไป สถานบันเทิงย่านสันติธรรมกับเพื่อน 2 คน (สูบบุหรี่/ดื่มร่วมกัน) 25 พ.ย. 02.00 น. เข้าที่พักที่คอนโดของเพื่อน (ดื่มต่อที่ห้อง) 12.00 น. กลับคอนโดฯ ของตัวเอง (แกร๊บคาร์) 15.30 น. ไปห้างใกล้ ๆ ที่พัก (ทานอาหาร, ดูหนัง, ช้อปปิ้ง) สวมหน้ากากเป็นส่วนใหญ่ มีบางช่วงที่ไม่ได้สวมหน้ากาก 26 พ.ย. 15.30 น. เรียกรถไปส่งที่ รพ. ไปตรวจอาการป่วย ผลการซักประวัติ มีอาการจมูกไม่ได้กลิ่น ถ่ายเหลว ไม่มีไข้ ส่งตรวจเชื้อ พบเชื้อ ในคืนวันนั้น 27 พ.ย. -ส่งตรวจหาเชื้อซ้ำ พบเชื้อ ยืนยันเป็นผู้ป่วยโควิด-19 จนท. ลงพท. ติดตามสอบสวนโรค/ติดตามผู้สัมผัส จำนวนทั้งหมด 326 ราย แบ่งเป็น ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 105 ราย : - อยู่ในชุมนุม 65 ราย (คอนโดฯ ผู้ป่วย, คอนโดฯ เพื่อน, สถานบันเทิง, ห้างสรรพสินค้า) - ผู้สัมผัสในยานพาหนะ 40 ราย (เชียงราย 35 ราย : ผู้ที่เดินทางข้ามแดนด้วยกัน, รถตู้, รถบัส, คนขับแกร๊บ) ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 149 ราย : - ชุมชน 140 (ในคอนโดฯ, ในห้างฯ) - บุคคลากรทางการแพทย์ 9 ราย ผู้สัมผัสอื่น ๆ ในชุมชน 72 ราย --- ประเด็นการเข้าเมือง/กักตัว - ทางจังหวัดกำลังตรวจสอบการเข้าเมือง เพิ่ม - เป็นการเข้าเมืองอย่างไม่ถูกต้อง ทำให้ไม่มีได้รับการกักตัว - จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด (ลักลอบเข้าเมือง/พ.ร.บ.ควบคุมโรค) - แนวชายแดนไทย-เมียนมา ก็มีจุดที่แอบลักลอบเข้ามาได้ แม้จนท. จะมีลาดตระเวน จับ ผลักดันทุกวัน - ฝากให้ ปชช. ในพท. หากพบ หรือทราบว่า ผู้ใดเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ไม่ได้กักตัว หรือสงสัย ก็ให้แจ้ง จนท. ตรวจสอบได้ทันที เพื่อความปลอดภัยโควิด 2019naydoitall• 5 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยถั่วเขียวต้มขิง แก้โรคคนแก่ ปวดหลัง ปวดเข่า ท้องอืด ล้างของเสียในตับ ช่วงนี้อากาศชื้น จะเป็นไข้หวัด ไม่สบายตัวได้ง่าย แนะนำให้ทาน ถั่วเขียวต้มน้ำขิง" ได้ทั้งโปรตีนและฟอสฟอรัสจากถั่ว และ ความอบอุ่นของร่างกายจากสรรพคุณของขิง ในถั่วเขียวมีฟอสฟอรัสสูง ป้องกันกระดูกทรุดตัวและไม่ปวดหลัง รวมทั้งกระดูกข้อต่อต่างๆ กระดูกสันหลัง ซี่โครง หัวเข่า ให้เป็นปกติ เพราะถ้ากระดูกสันหลังทรุด ก็จะมาทับเส้นประสาท ทำให้ขาชา ปวดขา ปวดหลัง เดินไม่สะดวก ถ้าหมอนรองกระดูกเข่าทรุดก็จะเข่าเสื่อมต้องผ่าออกใส่ของเทียมเข้าไปแทน บำรุงได้ด้วยกินอาหารที่มีฟอสฟอรัส เช่น ถั่วเขียว ถั่วงอก หรือกินวุ้นเส้นที่ทำมาจากถั่วเขียว 100% เช่น กินผัดถั่วงอกประจำตัวจะสูง ถั่วงอกก็มีฟอสฟอรัสอยู่ด้วยทำให้ตัวสูง เมื่อตัวสูงความจำก็จะดีไปด้วย โรคคนสูงอายุคือ "โรคที่ขาดฟอสฟอรัส" จะปวดหลัง หมอนรองกระดูกทรุด เหงือกร่น มาจากการขาดฟอสฟอรัสทั้งสิ้น นอนทับแขน ทับไหล่ ตื่นขึ้นมาเจ็บ ให้กินถั่วเขียวต้ม เวลาเดินแล้วปวดหลัง ก็เพราะขาดฟอสฟอรัส การกินถั่วเขียวยังช่วยบำรุงตับอีกด้วย เวลาต้มถั่วเขียว ให้ใส่ขิงไปด้วยเพิ่มพลังหยาง ขับลม และทำให้ไม่มีอาการท้องอืด แนะนำเมนู 1.ถั่วเขียว 500 กรัม 2.น้ำตาล 350 กรัม (จะใส่น้อยหน่อยก็ได้ เพราะไม่ได้เพิ่มสรรพคุณ แค่ช่วยให้กินง่ายขึ้น แนะนำให้ใช้น้ำตาลมะพร้าว หรือ ใส่ลูกหล่อฮั๊งก้วย จะอร่อยอีกแบบ เพราะเป็นน้ำตาลที่ไม่กระตุ้นเบาหวานด้วย) 3.ขิงแก่หั่นแว่น 40 กรัม 4.น้ำสะอาด วิธีทำ แช่ถั่วเขียวในน้ำ 3 ชั่วโมง แล้วนำต้มจนสุกเปื่อย จึงใส่น้ำตาลตามลงไป (น้ำตาลต้องใส่หลังจากถั่วสุก) ใส่ขิงตามลงไป เคี่ยวต่ออีก 7-8 นาที ปิดไฟ ตักใส่ถ้วยพร้อมเสริฟ รับประทานร้อนๆ จะชื่นใจ มีประโยชน์มากๆความสวยความงามไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยทีวีประกาศระดับ 3 แล้ว... *^ปชส.ครับ.ด่วน ไวรัส H3N2 ถึงเชียงใหม่แล้ว ไวรัสตัวใหม่จากวูฮั่น ประเทศจีนทีมีความรุนแรงทำให้เสียชีวิตในเวลาอันสั้น มีผู้ที่เดินทางเข้ามายังสนามบินฯ ซึ่งถูกตรวจพบเชื้อที่สงสัยนี้..ได้ที่สนามบินเชียงใหม่ 3 ราย และได้ถูกนำตัวไปโรงพยาบาลแล้ว จึงขอช่วยกันระมัดระวังภัยจากโรคร้ายแรงนี้ อีกทั้งให้มีการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อดังกล่าวนี้ด้วย..*ควรจัดเตรียมหน้ากากอนามัยพกพาติดตัวไปด้วย กระทรวงสาธารณะสุขแจ้งเตือนว่า: ไข้หวัดใหญ่ครั้งนี้มีความร้ายแรงมาก มีวิธีป้องกันคือ ต้องรักษาความชุ่มชื้นของเยื่อเมือกลำคอ อย่าให้ลำคอแห้ง ดังนั้นห้ามทนกระหายน้ำ เพราะถ้าเยื่อเมือกลำคอแห้ง เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายได้ เมื่อรู้สึกกระหายน้ำก็ดื่ม ไม่ต้องคำนึงหรือทนกระหายแม้พักนึง แต่ละครั้งให้ดื่มน้ำอุ่น 50-80 ซีซี สำหรับเด็กดื่ม 30-50 ซีซี ควรจะเตรียมน้ำไว้ใกล้มือพร้อมดื่ม ไม่จำเป็นต้องดื่มมากๆ เอาแค่ทำให้เยื่อเมือกลำคอไม่แห้งเป็นใช้ได้ ละเว้นไปสถานที่ที่มีคนหนาแน่นชั่วคราว นั่งรถไฟฟ้าหรือรถโดยสารมวลชน ถ้าจำเป็นก็ให้ใส่หน้ากากอนามัย ของทอดอาหารรสจัดงดรับประทานชั่วคราว กินวิตามินซีให้ครบถ้วน (โปรดแชร์ข้อความนี้ให้กับกลุ่มผู้ปกครองทั้งหลายด้วยครับ) ศูนย์ควบคุมโรคระบาดแจ้งถึงจุดเด่นของไข้หวัดใหญ่ดังนี้: 1 มีไข้ขึ้นอย่างรวดเร็วและลดยาก ไข้ลดแล้วก็ขึ้นอีก 2 หลังเป็นไข้ ก็จะเริ่มไอ และเป็นต่อเนื่องนาน 3 เด็กจะเป็นกันมาก 4 ผู้ใหญ่มีอาการหลอดลมรุนแรง พ่วงด้วยปวดศีรษะและลำตัว 5 การระบาดรุนแรง ขอให้ผู้ปกครองทุกท่านใส่ใจป้องกันทั้งเด็กและผู้สูงวัยในครอบครัว ขณะนี้เป็นระยะระบาดที่สูงสุด สะดวกก็ช่วยกันแชร์ครับไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยขอความข้างต้น...ในฐานะที่ผมทำงานด้านวิศวโยธา....ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงกล่าวคือ ความชื้นที่หยุดการเคลื่อนตัวในท่อดัทท์จะสะสมเมื่อเทียบอายุการหยุดการทำงานกระทันหันเป็นระยะเวลาเกือบ 2 เดือน เชื้อราอันประกอร์บด้วยความแห้งของอากาศที่ไม่มีการหมุนเวียน(ปิดเครื่องการทำงานมานาน)จะสะสมในแนวท่อดัทท์เป็นแผ่นยางๆตลอดความยาวของท่อในทุกๆชั้นของห้าง....(อันตรายอยู่ตรงจุดนี้)....เมื่อห้างเปิดใช้งาน(ให้สังเกตุผนังภายในร้านทุกร้านเลือกดูจุดที่สูงๆจะเห็นคราบของเชื้อราเกาะติดในผนังและพื้นทั่วไป(สอนค้าทุกชนิดจะขึ้นราย้ำทุกชนิด...แต่ทางห้างจะทำความสะอาดไม่ให้เรามองเห็นเพื่อเปิดห้าง....ในจุดที่อันตรายที่สุดเมื่อห้างเปิด ทางห้สงจะเปิดแอร์ในห้างทุกชั้น เมื่อเครื่องเดินระบบการถ่ายเทหมุนเวียนภายในห้าง คอยร้อนและคอยเย็นของระบบทำงานหมุนเวียนถ่ายเทความเย็นลงสู่พื้น อากาศภายในห้างจะมีการหมุนเวียนผ่านท่อดัทท์(ท่อส่งความเย็น)....จังหวะนี้แหละที่เชื้อราที่จับภายในผิวท่อดัทท์จะถูกแรงลมภายในท่อดันให้เชื้อราลอยออกมาพร้อมๆกับความเย็นและส่งผ่านช่องแอร์ลงสู่พื้นอย่างต่อเนื่องการหมุนเวียนของความเย็นจะปะปนกับเชื้อราลอยอยู่ในห้าง เราจะหายใจเอาเชื้อราเข้าสู่ปอดโดยไม่รู้ตัวครับ อธิบายง่ายๆคงเข้าใจในระดับหนึ่งนะครับ....ถ้าเป็นผม....ผมแนะนำให้ห้างเปิดสัก 7 วีน แล้วค่อยเข้าไปภายในห้าง...เพื่อปล่อยให้เชื้อราที่ปลิวอยู่ในอากาศภายในห้างให้เหลือน้อยที่สุดและเจือจางน้อยที่สุด...หวังว่าคงเป็นประโยชน์แก่ทุกท่าน...ขอบคุณบทความข้างต้นที่นำเสนอให้เห็นถึงภัยของเชื้อราหลังจากที่มีการสั่งปิดห้างฯกระทันหัน(บทเรียนที่รัฐฯไม่ควรมองข้ามก่อนการสั่งการให้ยุติ....แบบกระทันหัน)ไม่ระบุชื่อ• 6 ปีที่แล้ว1 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยพายุหมาเหล่าเข้าไทยกรณี พายุหมาเหล่า จ่อเข้าไทย 28-30 ต.ค. นี้สภาพอากาศstd48384• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย"เมล็ดมะละกอ" มีประโยชน์มากกว่าที่คิดป้องกันมะเร็ง เนื่องด้วยเมล็ดมะละกอ อุดมไปด้วยสารไอโซไทโอไซยาเนท (isothiocyanate) และ กรด Palmitic & Oleic ที่เชื่อกันว่า มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับอาการต่อมลูกหมาก ปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเม็ดเลือดขาวstd48456• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอุดร โควิดอุดรธานี พบผู้ติดเชื้อโควิดรายแรก ชายไทยอายุ 30 เปิดไทม์ไลน์ผู้เสี่ยงกว่า 500 คนโควิด 2019qweasd• 5 ปีที่แล้วmeter: true2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยปล้นครั้งประวัติศาสตร์! ทะลวงทุกระบบ “ขโมยเพชร” มหาศาล ตามของคืนไม่ได้จนวันนี้ผู้เขียน กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม เผยแพร่ วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2566 ย้อนกลับไปเมื่อต้นปี 2003 มีข่าวครึกโครมดังไปทั่วโลกกับเหตุการณ์ “ขโมยเพชร” ที่นับได้ว่าเป็นการโจรกรรรมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และน่าจะบอกได้ว่าเป็นการโจรกรรมที่เกิดในพื้นที่ซึ่งมีระบบป้องกันดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก จนเคยเชื่อกันว่า “ไม่สามารถถูกเจาะได้” แอนต์เวิร์ป ไดมอนด์ เซ็นเตอร์ (Antwerp Diamond Center) เป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์รวมเพชรของโลก ตั้งอยู่ในประเทศเบลเยียม ภายในมีตู้เซฟจำนวนเกือบ 200 ตู้ในห้องนิรภัย ซึ่งอยู่ลึกลงไปในใต้ดิน 2 ชั้น เก็บเพชรและเครื่องประดับอัญมณีของผู้เช่าตู้เซฟ มูลค่ารวมแล้วหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐ มีระบบรักษาความปลอดภัยหลายชั้น รายงานข่าวบางแห่งบ่งชี้ตัวเลขระดับชั้นของการรักษาความปลอดภัยว่ามีมากถึง 10 ชั้น และต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนกว่าจะไปถึงขั้นเปิดตู้เซฟได้ ทุกตู้ยังต้องเปิดด้วยรหัสและกุญแจเช่นเดียวกับประตูห้องนิรภัย ซึ่งทำให้เป็นที่มั่นใจในความปลอดภัยสำหรับผู้มาเช่าตู้เซฟ สถานที่แห่งนี้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยแน่นหนาและทันสมัย แถมเพียบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย มีกล้องวงจรปิดทุกซอกทุกมุม มีสัญญาณเตือนภัยแทบทุกระบบที่มนุษย์ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาติดตั้งอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเซนเซอร์จับความเคลื่อนไหวและการสั่นสะเทือน เซนเซอร์จับความร้อนจากร่างกายมนุษย์ เซนเซอร์จับแสง มีแม้กระทั่งอุปกรณ์ตรวจจับแบบแม่เหล็ก ซึ่งทันทีที่ประตูนิรภัยหนา 1 ฟุตเปิดในเวลาที่ไม่ควรเปิด สัญญาณเตือนภัยจะแจ้งเหตุทันที รวมทั้งมีเครื่องกีดขวางยานพาหนะยุคไฮเทค มีกลไกบังคับให้หุบหายลงใต้ดิน และโผล่กลับขึ้นมาทำหน้าที่ของมันได้ทุกเวลา ที่สำคัญยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีตำรวจนัก และเจ้าหน้าที่ก็พร้อมปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อได้รับแจ้งการก่อเหตุ ผู้ก่อการ “ขโมยเพชร” ก่อนหน้าเกิดคดีโจรกรรมเพชร 2 ปี คือในปี 2001 เชื่อว่าแผนปฏิบัติการการโจรกรรมได้เริ่มขึ้นอย่างแนบเนียนโดยชายวัยกลางคนชาวตูริน ประเทศอิตาลี ชื่อ ลีโอนาร์โด โนทาร์บาร์โทโล ซึ่งเดินทางเข้ามาในเมืองแอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยียม ที่ตั้งของไดมอนด์ เซ็นเตอร์ ฉากหน้าเขาคือนักออกแบบเครื่องประดับ นักธุรกิจค้าเพชร เข้ามาเช่าออฟฟิศและตู้เซฟที่ไดมอนด์ เซ็นเตอร์ เพื่อเปิดเป็นสำนักงานประกอบธุรกิจค้าเพชร ที่นี่นอกจากจะมีตู้เซฟให้เช่าแล้ว ยังมีห้องเพื่อใช้เป็นสำนักงานธุรกิจค้าอัญมณีของเหล่านักธุรกิจใช้เช่าอีกด้วย โนทาร์บาร์โทโลแฝงตัวเข้ามาเพื่อสำรวจเก็บรายละเอียดของสำนักงานนี้ เขาใช้เวลาเก็บข้อมูลต่างๆ ทั้งระบบความปลอดภัย กิจวัตรในแต่ละวันของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ส่วนต่างๆ ของอาคาร และเส้นทาง โดยรายละเอียดทั้งหมดที่ได้มา เขาใช้การจดจำ จากนั้นจะนำมาเขียนบันทึกในห้องทำงาน โนทาร์บาร์โทโลใช้เวลาร่วม 2 ปีแฝงตัวและเก็บข้อมูลในสถานที่แห่งนี้ แน่นอนว่าโนทาร์บาร์โทโลคงไม่ปฏิบัติการเพียงลำพัง เขามีผู้ร่วมขบวนการอีกคือ เอลิโอ ดอโนริโอ ผู้เชี่ยวชาญสัญญาณเตือนภัย คนช่างคิดที่สามารถเอาชนะมาตรการรักษาความปลอดภัยหลายระบบ เฟอร์ดนานโด ฟิน็อตโต อาชญากรมืออาชีพมากประสบการณ์ และ ปิเอโตร ทาวาโน เพื่อนเก่าแก่ที่โนทาร์บาร์โทโลไว้ใจ โนทาร์บาร์โทโลเล่ารายละเอียดทุกอย่างที่เขาเก็บข้อมูลมาให้ผู้ร่วมก่อการฟังอย่างละเอียด รวมทั้งร่วมวางแผนกันภายในร้านกาแฟนในตูรินเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต พวกเขาใช้เวลาเตรียมการรวม 27 เดือน นานกว่าระยะเวลาในหนังโจรกรรมแบบฮอลลีวูด ที่มักเล่าว่าสมาชิกแก๊งใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์ ปฏิบัติการ “ขโมยเพชร” ครั้งประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นในวันหยุดสุดสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ ปี 2003 ไล่เลี่ยกับช่วงวันวาเลนไทน์ ช่วงวันหยุด ไดมอนด์ เซนเตอร์ แห่งนี้หยุดทำการ ไม่มีการเปิดห้องนิรภัยและตู้เซฟทุกกรณี หากเปิดนอกเวลาทำการเช่นนี้สัญญาณเตือนภัยจะทำงานทันที แต่โนทาร์บาร์โทโลกลับเลือกใช้เวลานี้ปฏิบัติการ เนื่องจากปลอดคนและมีเวลาให้ปฏิบัติการได้มาก การเจาะระบบป้องกัน (โดยคร่าว) ด้วยระบบป้องกันภัยที่ทันสมัยและแน่นหนามาก การเจาะเข้าไปในตู้เซฟจึงต้องผ่านระบบป้องกันหลายด่าน ทั้งการใส่รหัสผ่าน ล็อกกุญแจ เซนเซอร์สนามแม่เหล็ก เซนเซอร์ตรวจจับความร้อน เซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว และเซนเซอร์แสง รายละเอียดมีข้อปลีกย่อยมากมาย ข้อมูลในที่นี้บอกเล่าอย่างคร่าวๆ โดยส่วนหนึ่งมาจากหลักฐานและการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมผู้เชี่ยวชาญ โนทาร์บาร์โทโลและพวกจำเป็นต้องกำจัดอุปสรรคทีละด่าน ซึ่งผ่านการจำลองสถานการณ์ซักซ้อมมาอย่างดี พวกเขาเริ่มแผนการในช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ ทาวาโนทำหน้าที่เฝ้าติดตามฟังวิทยุสื่อสารของตำรวจ ทราบความเคลื่อนไหวของตำรวจจากวิทยุสื่อสาร เขาทำหน้าที่อยู่ที่ห้องพักของโนทาร์บาร์โทโล ส่วนโนทาร์บาร์โทโลกับพวกอีก 2 คน สวมถุงมือยาง ขับรถผ่านป้อมตำรวจ ประตูชั้นจอดรถเปิดขึ้น เขาหยุดรถชิดขอบทาง แต่ละคนพาดถุงบนไหล่ มุดผ่านใต้ขอบประตูม้วน พวกเขาใช้กุญแจดอกพิเศษที่ทำขึ้นเพื่อไขกุญแจประตูทางเข้า เดินลงบันไดถึงหน้าห้องนิรภัย ดอโนริโอใช้แผ่นเหล็กรูปตัวทีประกบแท่งแม่เหล็กทั้งสองที่ติดอยู่บานประตูและขอบประตูด้วยเทปกาวสองหน้า แล้วดึงมันหลุดออกมาโดยแท่งแม่เหล็กไม่แยกจากกัน สัญญาณแจ้งเตือนจึงไม่ดังขึ้น ช่วยให้เปิดห้องนิรภัยกว้างระดับหนึ่ง และสามารถแทรกตัวเข้าไปได้โดยปลอดสัญญาณแจ้งเตือน ตำรวจเชื่อว่าดอโนริโอติดตั้งกล้องวิดีโอเพื่อใช้บันทึกการหมุนรหัสประตูห้องนิรภัย แต่ทฤษฎีของตำรวจมีผู้แย้งว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะมีอุปกรณ์บังรอบตัวหมุนรหัส ป้องกันไม่ให้คนอื่นเห็นเลข ข้อสันนิษฐานอื่นก็คือ โนทาร์บาร์โทโลอาจได้รหัสมาโดยวิธีอื่น หรืออีกทฤษฎีหนึ่งที่น่าสนใจคือ ประตูห้องนิรภัยนี้ไม่เคลียร์รหัสให้เอง หากเปิดแล้วต้องหมุนเคลียร์รหัสเอง ทั้งนี้ผู้ดูแลอาจลืมหรือขี้เกียจเคลียร์รหัส (เก่า) ทำให้รหัสคาอยู่ที่เดิม เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้กุญแจเพียงดอกเดียวเปิดประตูนิรภัยได้ ภายหลังตำรวจสรุปว่าคนร้ายใช้ชะแลงยาว 2 ฟุต งัดประตูห้องเก็บของ เพราะกุญแจที่ทำมาใช้การไม่ได้ (เสียงน่าจะดังมาก แต่ไม่มีสัญญาณเตือนภัย เนื่องจากในพื้นที่ไม่ได้ใช้การตรวจจับเสียง เพราะมองว่า หากมีคนทำของตก สัญญาณย่อมดังขึ้นทุกครั้ง) แต่ในห้องเก็บของมีกุญแจประตูนิรภัย จึงสามารถเปิดห้องนิรภัยได้ ข้างในห้องมืดสนิท และมีเครื่องตรวจจับแสงทำงานอยู่ พวกเขาใช้เทปกาว 2-3 ชิ้นปิดเซนเซอร์แสง แล้วทำการเปิดไฟ ด่านต่อมาคือเซนเซอร์ตรวจจับความร้อน พวกเขาเอาชนะมันด้วยการใช้สเปรย์ตกแต่งทรงผมฉีดใส่เครื่องจนทำให้เครื่องรวนไม่สามารถใช้งานได้ ส่วนเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวพวกเขาใช้แผ่นโฟมวางทับตัวเซ็นเซอร์ไม่ให้มันทำงาน ด่านสุดท้ายคือเปิดประตูตู้เซฟ พวกเขาประกอบอุปกรณ์ดึงฝาตู้เซฟที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง ซึ่งแยกชิ้นส่วนใส่กระเป๋ามา และนำมาประกอบกันตรงกลางห้องนิรภัย เมื่อประกอบเสร็จพวกเขาก็ใช้อุปกรณ์ดังกล่าวเปิดตู้เซฟได้ หลังจากจัดการกับอุปสรรคแต่ละด่านเรียบร้อยแล้ว โนทาร์บาร์โทโลและพวกได้แบ่งหน้าที่กัน คนหนึ่งเปิดตู้เซฟให้เร็วที่สุด อีกสองคนทำหน้าที่แยกของมีค่า ทั้งเพชร นาฬิกา เครื่องประดับ และเงินสด แยกใส่ถุงอย่างละถุง โนทาร์บาร์โทโลเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเอาอะไรกลับไป และจะปล่อยสิ่งของอะไรไว้บ้างโดยประเมินจากมูลค่าของแต่ละชิ้น โดยรวมแล้วพวกเขาเปิดตู้เซฟได้ 109 ตู้ จาก 189 ตู้ เชื่อกันว่าทรัพย์สินที่กลุ่มนักโจรกรรมกวาดไปได้มีมูลค่ารวมกว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตัวเลขมูลค่าของทรัพย์สินที่หายไปยังเป็นที่ถกเถียง จากปากของกลุ่มผู้ก่อการอ้างว่ามูลค่าของทรัพย์สินที่พวกเขาฉกไปอยู่แค่ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอ้างว่าการโจรกรรมเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่ใหญ่กว่าเพื่อเคลมเงินประกัน) ขณะที่การออกจากสถานที่เกิดเหตุก็ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาต้องขนสมบัติที่หนักกลับไปพร้อมกับเครื่องมืออุปกรณ์ เดิมทีแล้ว “แก๊งตูริน” นี้จะเก็บทุกอย่างกลับไปเพื่อไม่ให้ตำรวจเก็บหลักฐาน แต่ครั้งนี้พวกเขาจำเป็นต้องทิ้งอุปกรณ์ โดยเช็ดถูให้สะอาดลบร่องรอยอื่นก่อน การหิ้วถุงเพชรขึ้นบันไดขณะออกจากสถานที่เกิดเหตุหลังจากคนดูต้นทางรายงานว่าปลอดโปร่งแล้วก็ต้องหิ้วถุงโดยก้าวอย่างระมัดระวังมากที่สุด ถุงเพชรอย่างเดียวก็หนักเข้าไปถึง 44 ปอนด์ (ราว 20 กิโลกรัม) ขณะที่แบกขึ้นไป คนร้ายอีกรายใช้กุญแจปลอมเข้าไปเปิดประตูห้องควบคุมระบบรักษาความปลอดภัย เอาเทปบันทึกภาพการก่อเหตุออกจากเครื่อง และใส่เทปเปล่าไปแทน เขายังมองหาเทปเก่าโดยเลือกช่วงเดือนที่ผ่านมาอีก 4 ม้วน เป็นเทปบันทึกภาพช่วงที่สมาชิกเข้ามาทำลายระบบเตือนภัยแม่เหล็กไปด้วย เมื่อคนดูต้นทางแจ้งว่าปลอดภัย พวกเขาก็ออกมาใส่ของที่ท้ายรถที่มาจอดเทียบชิดขอบทาง พวกเขานั่งเบียดกันในรถและขับหายไปตามถนน โฉมหน้าลีโอนาร์โด โนทาร์บาร์โทโล วัย 51 ปีหลังถูกจับกุมเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003 ฉากหลังเป็น Diamond Center ใน Antwerp ประเทศเบลเยียม เมื่อ 18 ก.พ. 2013 หลังเกิดเหตุโจรกรรมเพชร (ภาพจาก STRINGER / BELGA / WIM HENDRIX /AFP) เรื่องเล็กในการ “ขโมยเพชร” ที่พลาดมหันต์ แม้พวกเขาจะทำการสำเร็จ แต่ปัญหาของพวกเขาคือการกำจัดขยะที่เป็นร่องรอยจากปฏิบัติการทั้งหมด ท้ายที่สุดแล้วนักโจรกรรมอัจฉริยะระดับโลกต้องถึงจุดจบ โดยมีหลักฐานคือ “ถุงขยะ” หลังจาก “ขโมยเพชร” แล้ว พวกคนร้ายขับรถซึ่งมีถุงขยะอันบรรจุอุปกรณ์และสิ่งของที่เหลือใช้จากปฏิบัติการเต็มรถไปตามไฮเวย์ด้วยความกระวนกระวาย จนเลือกทิ้งถุงขยะโดยเร็วที่สุดเมื่อออกจากเมือง เลี่ยงความเสี่ยงโดนตำรวจเรียกจอดหากละเมิดกฎจราจร การทิ้งขยะตามสถานที่ส่วนบุคคลหรือเอกชนก็เป็นเรื่องเสี่ยง เพราะเจ้าของกิจการในเบลเยียมจริงจังกับการใช้ถังขยะโดยไม่ได้รับอนุญาต หลายแห่งล็อกฝาถัง หรือติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณถังขยะ ปั๊มน้ำมันบนไฮเวย์แทบทุกแห่งมีป้ายห้ามทิ้งสิ่งของส่วนตัว ขณะที่การเผาถุงก็ย่อมมีควันไฟที่เรียกความสนใจจากเจ้าหน้าที่ไฮเวย์ ในถุงพวกนี้มีถุงขยะที่ยัดถุงจากร้านค้าซึ่งดันมีใบเสร็จ ซองเอกสาร และเอกสารอื่นจากไดมอนด์ เซ็นเตอร์ และเลือกทิ้งข้างทางหลวงตรงถนนทางเข้าป่าฟลอร์ดัมบอส แต่แล้วดันมีผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินละแวกนั้นที่รักษ์สิ่งแวดล้อมมาพบถุงขยะ และคู่สามีภรรยาคือกลุ่มที่โทรศัพท์แจ้งตำรวจ (แม้แต่คำถามว่า ใครกันแน่ที่รู้ว่าถุงขยะเกี่ยวกับการโจรกรรมที่เป็นข่าวดังเวลานั้น และออกไอเดียให้โทรศัพท์หาตำรวจ ก็ยังเป็นที่ถกเถียงว่า สรุปแล้วเป็นสามีคือออกุสต์ ฟาน ดัมป์ หรือภรรยาของเขากันแน่) ถุงที่ฟาน ดัมป์ พบคือหลักฐานสำคัญที่ทางการแกะรอยได้อย่างรวดเร็วกว่าที่คิด ทำให้ผู้ก่อการทั้ง 4 คนถูกจับในที่สุด โดยเฉพาะใบเสร็จที่เมื่อตำรวจนำไปสอบถามกับแคชเชียร์ พนักงานจำได้ทันที และให้รูปพรรณกับตำรวจซึ่งเชื่อว่าเป็นดอโนริโอ และฟิน็อตโต ขณะที่ตำรวจเบลเยียมส่งข้อมูลผู้ต้องสงสัยให้ตำรวจสากล โนทาร์บาร์โทโลและพวกยังฉลองความสำเร็จ และกำลังเดินทางหลบหนี แต่เหลือสิ่งที่เขาต้องทำคือทำลายร่องรอยที่เหลือในแอนต์เวิร์ป อีกทั้งคืนรถเช่า และทำความสะอาดห้องพักซึ่งจากมาอย่างรีบร้อน และยังต้องรูดบัตรผ่านเข้า-ออกไดมอนด์ เซ็นเตอร์ เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อเป็นหลักฐาน เพราะตำรวจจะต้องตรวจสอบว่าผู้เช่ารายใดที่หายไปเลยหลังเกิดเหตุ เมื่อตำรวจตรวจสอบหลักฐานการเข้า-ออกของโนทาร์บาร์โทโล ก็พบว่าเขาอยู่ในกลุ่มสุดท้ายที่ออกจากอาคารก่อนวันเกิดเหตุ จึงนำภาพวิดีโอหลายชั่วโมงมาดู แล้วพบว่า หนุ่มใหญ่ชาวอิตาเลียนเข้า-ออกห้องนิรภัยทุกวันตลอดสัปดาห์ก่อนหน้าเกิดเหตุ ตำรวจเชื่อว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจรกรรม โนทาร์บาร์โทโลมั่นใจว่าไม่มีอะไรที่พาดพิงมาถึงเขา แม้ว่าในข่าวจะมีเรื่องพบถุงขยะแล้ว แต่เขาไม่รู้ว่า เพื่อนร่วมงานฉีกใบจ้างงานติดตั้งกล้องที่ออฟฟิศของเขาแล้วโยนลงถังขยะในครัว ไม่รู้ว่าตำรวจค้นออฟฟิศและตู้เซฟของเขา การกลับที่เกิดเหตุย่อมเหมือนกับการฆ่าตัวตาย แต่โนทาร์บาร์โทโลมั่นใจ และความมั่นใจนั่นเองทำให้เขาโดนรวบตัว ทันทีที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในบูธด้านหน้าเห็นเขาก็คว้าโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่โดยพลัน ช่วงแรกเขายังคิดว่าตำรวจไม่มีหลักฐานพอ และยังเป็นเพียงพยาน แถมยังตีบทงง ไม่เข้าใจว่าควบคุมตัวผู้บริสุทธิ์อย่างเขาทำไม โนทาร์บาร์โทโลมีคำตอบให้ทุกคำถาม แต่ท้ายที่สุดก็จนกับหลักฐานหลายอย่าง ทั้งดีเอ็นเอบนแซนด์วิชไส้กรอกที่โนทาร์บาร์โทโลทำกินเอง แต่กินครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งโยนทิ้งถังขยะในครัวขณะเตรียมขนของหนีไปอิตาลี และมันไปโผล่ในถังขยะใกล้ป่าฟลอร์ดัมบอส และยังพบดีเอ็นเอของผู้ร่วมก่อการอีกหลายจุดที่เชื่อมเข้ากับหลักฐานการโจรกรรม แม้ว่าคนร้ายจะถูกจับกุมได้ แต่เพชรที่ถูกปล้นก็ไม่ได้กลับคืนสู่เจ้าของ เพราะไม่มีคนร้ายคนไหนบอกถึงที่อยู่ของเพชรที่ปล้นมา ช่วงที่โนทาร์บาร์โทโลอยู่ในคุกยังให้สัมภาษณ์แก่นิตยสารไวร์ด (Wired) ว่า การปล้นทั้งหมดเกิดจากแผนที่ผู้เช่าตู้เซฟซึ่งเป็นพ่อค้าเพชรชาวยิวหวังใช้เรียกค่าประกันจากไดมอนด์ เซ็นเตอร์ โดยที่พวกเขาซึ่งมีผู้เช่าตู้เซฟร่วมแผนการด้วยประมาณ 50-60 ราย จะไม่เอาเพชรหรือของมีค่าใส่ไว้ในตู้เซฟ และวางแผนการปล้นโดยจำลองห้องนิรภัยขึ้นมา แล้วเข้าปล้น เขายังกล่าวต่ออีกว่าแผนการครั้งนี้โดนพ่อค้าเพชรชาวยิวหักหลัง แต่มีหลายคนวิเคราะห์ว่าข้อมูลนี้เป็นเรื่องโกหกของโนทาร์บาร์โทโล เพราะสิ่งที่เขาเล่าย้อนแย้งอย่างมาก อีกทั้งเรื่องที่มีผู้เช่าตู้เซฟวางแผนร่วมกันนั้น ผู้เช่าตู้เซฟเห็นว่าเป็นเรื่องตลกที่ไม่มีทางเกิดขึ้น การที่โนทาร์บาร์โทโลให้สัมภาษณ์เช่นนี้ก็เพื่อโยนความผิดให้กับผู้อื่นหรือปกปิดข้อมูลและร่องรอย โนทาร์บาร์โทโลยังต้องการให้นำเรื่องราวของเขาไปทำภาพยนตร์ เพราะเขาหวังส่วนแบ่งรายได้จากสิทธิ์ของข้อมูลเพื่อนำไปใช้อย่างสบายหลังออกจากคุก อีกทั้งเป็นเงินที่ได้มาโดยถูกกฎหมาย และใช้ชีวิตอย่างหรูหราได้โดยอ้างแหล่งที่มาของเงินจากส่วนแบ่งการนำเรื่องราวไปสร้างเป็นภาพยนตร์ (ทั้งที่เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่มีวันเผยเรื่องจริง) ท้ายที่สุดแม้ว่าเขาจะถูกศาลตัดสินจำคุก 10 ปี และรับโทษติดคุก เขาก็ยังไม่ได้บอกที่ซ่อนอัญมณีและแผนการปล้น เขากับพวกอีก 3 คน ถูกปล่อยตัวก่อนกำหนด และหลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตแบบเงียบๆ ทั้งนี้ศาลได้ตัดสินคดีจนถึงที่สุดแล้ว คดีนี้จึงจบลง เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับคดีให้ความเห็นเมื่อปี 2009 ว่า แม้แต่โนทาร์บาร์โทโลนำเพชรหรือทรัพย์สินที่ปล้นมาขายก็อาจไม่สามารถแจ้งจับได้อีก เพราะไม่สามารถฟ้องซ้ำคดีที่ศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาด นอกเหนือจากมีหลักฐานใหม่ แต่สิ่งที่ทำได้เบื้องต้นคือแค่ยึดเป็นของกลางไว้ และอาจดำเนินคดีในอิตาลีเกี่ยวกับการฟอกเงิน ในขณะที่กลุ่มเจ้าของทรัพย์สินที่ถูกปล้นไปก็ไม่หวังกันแล้วว่าจะได้ของกลับคืน คนในแวดวงเพชรยังรู้สึกโกรธกับบทสรุป เมื่อพวกคนร้ายติดคุกไม่นาน ทรัพย์สินก็ไม่สามารถติดตามกลับมาได้ ที่สำคัญบทสรุปของเรื่องนี้ยังออกมาว่าการทำงานหนักของเจ้าหน้าที่เพื่อติดตามคนร้ายและดำเนินคดี แลกมากับการจองจำผู้ก่อเหตุเพียงไม่กี่ปี และยังพิสูจน์อีกว่า ความเสี่ยง ความยากลำบาก การถูกจับและจองจำ อาจคุ้มค่ากับชีวิตหลังผ่านคดี เมื่อพวกที่ก่อการอาจใช้ชีวิตที่เหลือได้อย่างราบรื่นและสุขสบายจากสิ่งที่ได้จากการโจรกรรมมีม เสียดสีputilp148• 2 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยพระบิดาแจ้งจับผู้ว่าฯ พาหมอปลาบุกอาศรม ตรวจผลิตภัณฑ์เจอเชื้อโรคอื้อพระบิดา ยังไม่หมดฤทธิ์ ส่งทนายความแจ้งดำเนินคดีผวจ.ชัยภูมิ ที่นำทีมบุกตำหนักฐานบุกรุกเคหสถานและเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ด้านสธ.เผยผลตรวจปลาร้าแซ่บหลายและผลิตภัณฑ์อื่น เจอเชื้อรากับเชื้อโรคที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคยาสมุนไพรผู้บริโภคเฝ้าระวังstd48187• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสงกรานต์เป็นของเขรม???เป็นประเพณีขึ้นปีใหม่ของไทย ซึ่งจะมีการเล่นสาดน้ำ แต่ทางเขมรมีการใช้คำว่า “สงกรานต์” ตามคำไทย แทนคำเดิม คือ “โจล-ชนัม-ทเม็ย” ซึ่งอันที่จริง ประเพณีสงกรานต์เป็นประเพณีร่วมของคนในพื้นที่อุษาคเนย์ ที่ได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย แต่ถ้าถามถึงสงกรานต์ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จนนักท่องเที่ยวแห่แหนเดินทางมา ก็คงไม่พ้น Songkran Festival Day ของไทยอย่างแน่นอนภาคอีสานภาคตะวันออก มีม เสียดสีstd48037• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยช้างเป็นสัตว์กัมพูชา????กัมพูชาได้นำคลิปช้างป่ากินอ้อยในประเทศไทย ไปลงเว็บไซต์ต่างชาติ ก่อนโพสต์อวดความน่ารัก ซ้ำอธิบายว่าเป็นสัตว์กัมพูชา ทั้งที่มีป้ายภาษาไทยเตือน “ระวังช้างป่าข้ามถนน” ปรากฏเด่นในคลิป.std48037• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเขรมเคลมว่าบัวขาวเป็นคนเขรมนักมวยไทยชื่อก้องโลก ก็ถูกเคลมว่าเป็นคนเขมร ก่อนที่บัวขาวจะออกมายันว่า ชาติพันธุ์ บัวขาว คือ คนไทย เชื้อสายกูย ไม่ใช่คนเขมร ตามที่เข้าใจกัน ชาวส่วย บางทีก็เรียก “กูย” พร้อมทวงค่าตัวไฟต์ล่าสุดที่ยังค้างอยู่ 2.2 ล้านบาท ที่ชกที่เขมรstd48037• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยครีมดั้งโด่งเชื่อได้จริงไหมไม่คฝ เพราะจมูกของคนเรานั้นมีโครงสร้างหลักคือกระดูกที่แข็งแรง ดังนั้น ครีมที่ทำให้ดั้งโด่งจึงไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูกstd47756• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่งโฆษณาทางสื่อโซเชียลเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วันWaraluk Chucheep• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัย#Misleading การทำข่าวหรือคอนเทนต์โดยจงใจให้เข้าใจผิด เป็น 1 ใน 7 รูปแบบของ #FakeNews วันนี้ #ThaiPBS โดนนำภาพบรรยากาศกิจกรรม MUSIC ◎ ARTS ◎ PEOPLES เมื่อ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา ไปโพสต์เป็นภาพประกอบการชุมนุม คนละเรื่อง คนละเหตุการณ์ คนละช่วงเวลา และทีมข่าวได้นำเสนอข่าวชี้แจงต่อสาธารณชนแล้ว แต่ก็ทำให้เราได้ Guideline การปรับ template ภาพข่าวก่อนโพสต์ เพื่อเป็นการป้องกันโดยเฉพาะในสถานการณ์การอ่อนไหว มากำหนดเพิ่มในทีม "กรณีภาพถ่ายกิจกรรมที่มีการรวมตัวของผู้คนจำนวนมาก ๆ การตีความเหตุการณ์ในภาพถ้ามีความคลุมเครือ และมองว่าเสี่ยงกับการหยิบไปบิดเบือนได้ นอกจากลายน้ำแล้ว ขอให้ระบุชื่อกิจกรรม, เหตุการณ์, สถานที่และวันเวลากำกับลงบนภาพทุกภาพไว้ด้วย" #คิดก่อนแชร์ #เช็กก่อนเชื่อ ✅ ข่าวชี้แจงการนำภาพงานดนตรี-ศิลปะ ไปโพสต์โยงชุมนุมการเมือง https://news.thaipbs.or.th/content/318692 ✅ ลิงก์ original ของไทยพีบีเอสที่เราโพสต์ FB : https://thaip.bs/rOwo9f0 TWT : www.twitter.com/ThaiPBS/status/1560951154594705409ข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยประกาศแล้ว! คำพิพากษาจําคุก 'แม้ว' 5 ปี คดีหุ้นชินคอร์ป https://www.thaipost.net/main/detail/89849ไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 2 คนสงสัยจริงหรือไม่ที่นักวิจัยจีนค้นพบว่าเชื้อไวรัสโรค COVID 19 ออกมาจากห้องทดลอง ออกแบบมาให้รักษายาก?เพจที่แชร์กันมานั้น คือ Mtoday.co.th เป็นเพจข่าวปลอม ไม่น่าเชื่อถือ อ้างอิง: เฟสบุค: อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์โควิด 2019naruemonjoy• 6 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยวิธีทำให้หน้าขาว ภายใน 3 วัน ด้วยเคล็ดลับบูสต์ผิวกระจ่างใสแบบเร่งด่วนวิธีทำให้หน้าขาว ภายใน 3 วัน สำหรับใครที่มีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส อยากกู้คืนความสวยให้ใบหน้าไว ๆ เรามีวิธีทำให้หน้าขาว เร็วที่สุด มาบอกต่อstd48428• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยแว่นกรองแสงสีฟ้า ช่วยได้จริงไหม? จำเป็นต้องใส่จริงหรือเปล่ามีการใช้งานอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์มากขึ้นในทุกช่วงวัย ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอแสงสีฟ้าที่มาจากอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน ทำให้ แว่นกรองแสงสีฟ้า มีความต้องการในท้องตลาดมากขึ้นstd47912• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกลโกงบนออนไลน์หลอกลวงเข้าเว็บไซต์ใส่ข้อมูลละแฮ็คเอาบัญชีธนาคารstd47712• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยสอบเข้าต้องเตรียมตัวอย่างไรพูดถึงการเตรียมตัวสอบ สิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำกันคือะไรบ้างครับ A. อ่านหนังสือ B. ทำช็อตโน้ต C. เรียนพิเศษ ติวเสริม D. ฝึกทำโจทย์ ข้อสอบย้อนหลัง สิ่งที่คนทำกันมากสุดคือ A รองลงมาคือ B กับ C ส่วน D มักตั้งใจจะทำหลังจากทำอันแรกๆเสร็จ คนที่ได้ทำข้อ D ได้มากพอจึงมีน้อยมาก คุณเป็นคนกลุ่มไหนครับ?std48459• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยhttps://youtu.be/nLS4EibzW_Eโควิด 2019ข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยยีห้อยาสีฟันที่โฆษณาเกินจริงผลิตภัณฑ์ ทรีดี พรีเมี่ยม พลัส ทูธเพสท์ (3D PREMIUM PLUS TOOTHPASTE) ชื่อการค้า เอทีเค (ATK) เลขที่ใบรับจดแจ้ง 10-1-6400019767 อวดอ้างจัดการหินปูน… ฟันเหลือง กลิ่นปาก ร้อนใน และคราบบุหรี่ชากาแฟผู้บริโภคเฝ้าระวังstd47982• 2 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ
