(2461 ข้อความ)
- 1 คนสงสัยเล็บเหลืองเป็นสัญญาณเตือนของโรคเบาหวาน โรคปอด และโรคไทรอยด์เล็บเหลืองอาจเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น กลุ่มอาการเล็บเหลือง การติดเชื้อราที่เล็บ การแพ้ยาทาเล็บ รวมถึงอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคเบาหวาน โรคปอด โรคไทรอยด์ และโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ ซึ่งอาจจำเป็นต้องเข้าพบคุณหมอเพื่อตรวจหาสาเหตุและทำการรักษาอย่างเหมาะสม ทางสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า เล็บสีเหลืองไม่ได้เป็นสัญญาณเตือนของโรคเบาหวาน โรคปอด และโรคไทรอยด์std46447• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเชียงใหม่พบจุดเสี่ยง 2 รอยเลื่อนมีพลัง พาดผ่านพื้นที่ในเมือง แม่ออน และแม่อาย จริงหรือ?จากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา พาดผ่านหลายอำเภอในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ อำเภอพร้าว แม่ออน สันกำแพง ดอยสะเก็ด แม่ริม แม่แตง เชียงดาว รวมถึง อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน และอำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย โดยเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2538 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.2 ริกเตอร์ จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ , วันที่ 13 ธันวาคม 2549 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.2 ริกเตอร์ จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ แรงสั่นสะเทือนทำให้ มีบ้านเรือนผนังร้าวในหลายอำเภอของจังหวัดเชียงใหม่thanachporn7757• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! เล็บเหลืองเป็นสัญญาณเตือนของโรคเบาหวาน โรคปอด และโรคไทรอยด์ตามที่มีข้อมูลในประเด็นเรื่องเล็บเหลืองเป็นสัญญาณเตือนของโรคเบาหวาน โรคปอด และโรคไทรอยด์ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จveedaratt45• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยhttps://vt.tiktok.com/ZS8Eh7mof/ข่าวการเมืองไม่ระบุชื่อ• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอินเดียเข้มโควิดไทย-หลายชาติเอเชีย ต้องตรวจ RT-PCR ก่อนเข้าประเทศอินเดียเข้มโควิดไทย-หลายชาติเอเชีย ต้องตรวจ RT-PCR ก่อนเข้าประเทศ จับตากระทบท่องเที่ยวไทย https://workpointtoday.com/covid-india-thai-pcr/Mrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยประโยชน์ของต้นกัญชาช่อดอก ใบ สกัดเป็นสาร CBD บริสุทธิ์ใช้เป็นสารมาตรฐานที่ใช้ในการตรวจวิเคราะห์เเละเป็นสารประกอบหลักผลิตผลิตภัณฑ์ยาหรือสมุนไพร เเละเปลือกแกน ลำต้น เส้นใยแห้ง สามารถทำเป็นเครื่องนุ่งห่ม การดาษ ได้Mxtinx260148• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยหนังตากระตุก" สัญญาณเตือนโรคร้าย จริงไหม"หนังตากระตุก" สัญญาณเตือนโรคร้ายMrs.Doubt• 3 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเตือนภัยเพจปลอมหลอกลงทุน!!เตือนภัยเพจปลอมหลอกลงทุน!!ผู้บริโภคเฝ้าระวังMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยพีท เผชิญหน้ากับเอเลี่ยน จริงหรือไม่ไม่น่าจะจริงที่มีคนเจอUFOAmree Suwanchwee• 4 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว
- 1 คนสงสัยเปิดภาพขนลุก! 'โอ่งน้ำทิพย์' พระบิดา อ้างรักษาทุกโรค-สร้างภูมิต้านทานเปิดภาพขนลุก! 'โอ่งน้ำทิพย์' พระบิดา อ้างรักษาทุกโรค-สร้างภูมิต้านทานMrs.Doubt• 4 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยกพท. ประกาศ ขยายเวลาห้ามบินเข้าไทย ถึง 30 เม.ย 2563สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ออกประกาศเรื่อง ห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 3) ตั้งแต่ วันทื่ 19 เมษายน 2563 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 23.59 น. ยกเว้น อากาศยานราชการ หรือที่ใช้ในราชการทหาร, อากาศยานที่ขอลงฉุกเฉิน, อากาศยานที่ขอลงทางเทคนิค โดยไม่มีผู้โดยสารออกจากเครื่อง, อากาศยานที่ทำการบินเพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ทำการบินทางการแพทย์ หรือการขนส่งสิ่งของเพื่อสงเคราะห์ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019, อากาศยานที่ได้รับอนุญาตให้ทำการบินรับส่งบุคคลกลับประเทศ หรือกลับภูมิลำเนา และอากาศยานขนส่งสินค้าโควิด 2019naydoitall• 6 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยWHO เผย มีวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด 70 รายการทั่วโลกองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีวัคซีนต้านไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาแล้วถึง 70 รายการทั่วโลก โดยในจำนวนนี้มีการทดลองในมนุษย์แล้ว 3 รายการโควิด 2019Ad.tar• 6 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยข่าวปลอมอย่าเชื่อ! รักษา "มะเร็งระยะสุดท้าย" ด้วยการดื่มน้ำปั่นผักจิงจูฉ่ายกรณีที่มีผู้โพสต์แนะนำผู้ที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายให้รักษาด้วยการดื่มน้ำปั่นผักจิงจูฉ่าย โดยผักจิงจูฉ่าย (Artemisia lactiflora) เป็นพืชท้องถิ่นของประเทศจีนนิยมนำมาใช้ปรุงอาหารอุดมไปด้วยวิตามิน ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด โดยยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าผักจิงจูฉ่ายช่วยรักษามะเร็งระยะสุดท้ายในมนุษย์ได้std48314• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยข่าวปลอม อย่าแชร์! ร่างกายอักเสบ ตัวร้อน เสี่ยงเส้นเลือดสมองแตกได้ตามที่มีการแชร์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องร่างกายอักเสบ ตัวร้อน เสี่ยงเส้นเลือดสมองแตกได้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จstd47941• 2 ปีที่แล้ว2 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ
- 1 คนสงสัยร่างกายอักเสบ ตัวร้อน เสี่ยงเส้นเลือดสมองแตกได้จากที่มีการให้ข้อมูลโดยระบุว่า ร่างกายอักเสบ ตัวร้อน เสี่ยงเส้นเลือดสมองแตกได้Nattawipa Sophonrat• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยการยืนตากแดดนั้นสามารถฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ให้แสงแดดชะโลมทั่วตัววันละ 20 นาทีทุกวัน (หรือมากที่สุดเท่าที่จะทำได้) แสงแดดจะไปเสริมภูมิคุ้มกันฆ่าเชื้อโควิด-19สุขภาพโควิด 2019std47762• 2 ปีที่แล้วmeter: false1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยเสื้อผ้าไม่ตรงปกสั่งเสื้อผ้าให้แฟนแต่ได้ของไม่ตรงปก วันที่ 22 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Supatra Sopa ได้โพสต์ภาพเสื้อที่สั่งมาจากร้านค้าออนไลน์ ซึ่งได้มาไม่ตรงตามที่ตนเองสั่งไว้ พร้อมระบุข้อความว่า สั่งเสื้อคอจีน ไม่ได้สั่งเสื้อคนทำสวน แบบนี้พ่อใส่แล้วค่ะ ไม่ใช่ผัวใส่ บล็อกเบอร์ เฟซอีก ไม่แจ้งความหรอก เดี๋ยวพวกพี่ตำรวจ จะมีภาระเพิ่มแอคปลอมstd48919• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยนอนกลางวันเยอะสมองเสื่อมนอนกลางวันเยอะทำให้สมองเสื่อมจริงไหมstd47777• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยแก๊สระเบิดที่ร้านอาหารปิ้งย่างในนครอิ๋นชวน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 31 คน ขณะที่ตำรวจควบคุมตัวผู้เกี่ยวข้อง 9 คนวันนี้ (22 มิ.ย.2566) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เกิดเหตุระเบิดที่ร้านอาหารแบบปิ้งย่างหรือบาร์บีคิว ในนครอิ๋นชวน เมืองเอกของเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เหตุระเบิดเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 20.40 น.ของวันที่ 21 มิ.ย.ตามเวลาท้องถิ่น บนถนนที่พลุกพล่านในเขตซิงชิ่งของอิ๋นชวน โดยมีก๊าซปิโตรเลียมเหลวรั่วไหลจากพื้นที่ของร้านอาหารดังกล่าว คณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย ระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตรวม 38 คน ซึ่งได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตแล้ว 31 คน แม้จะมีความพยายามดำเนินงานกู้ภัย ขณะที่มีผู้บาดเจ็บอีก 7 คน ในจำนวนนี้มีอาการสาหัส 1 คนผู้บริโภคเฝ้าระวังNontawattahom• 3 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยกัญชาดีสำหรับผู้สูงอายุจริงหรือค่ะปราชญ์ชาวบ้านเดินหน้าแจก "กัญชา" พ่อเฒ่าวัย 98 โชว์ฟิตกินแล้วแข็งแรง โดยจะใช้ใบกัญชาต้มจิบเป็นน้ำชาทุกวัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง เดินไปไหนมาไหนสะดวกโดยไม่ต้องมีคนช่วยพยุง และยังไม่มีโรคประจำตัวยาสมุนไพรkulanit1363• 3 ปีที่แล้วmeter: middle2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยการนอนดึกทำให้อายุขัยสั้นลงจริงหรือไม่?การที่เรานอนดึกเป็นประจำเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพร่างกายหรือไม่เพราะอะไรNuwa Wee• 4 ปีที่แล้วmeter: true2 ความเห็น
- 1 คนสงสัยวัยรุ่นเฮ!เปิดเงื่อนไขรัฐแจก5พัน เที่ยววันหยุดสงกรานต์วัยรุ่นเฮ!เปิดเงื่อนไขรัฐแจก5พัน เที่ยววันหยุดสงกรานต์Mrs.Doubt• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจริงหรือไม่ที่เด็กมีแนวโน้มติดเชื้อโควิด-19 น้อยกว่าผู้ใหญ่ส่วนตัวรู้สึกว่าเด็กน่าจะติดโควิดง่ายกว่าผู้ใหญ่ แต่ไปเจอโพสข่าวหนึ่งบอกตามหัวข้อที่กล่าวมา จึงสงสัยโควิด 2019DC6 MUEY• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 2 คนสงสัยใครชอบกินมะม่วงต้องอ่าน!!! เปิดอนาคตวงการแพทย์ คิดไม่ถึงว่า "มะม่วง" จะส่งผลต่อร่างกายขนาดนี้ ถ้าไม่อ่าน ระวังคุยกับคนทั้งโลกไม่รู้เรื่อง!!! ถ้าพูดถึงผลไม้ที่คนไทยนิยมทานกันอย่างแพร่หลาย เชื่อว่าหนึ่งในตัวเลือกของคุณต้องมี "มะม่วง" อยู่อย่างแน่นอน ทั้งมะม่วงเปรี้ยว มะม่วงมัน มะม่วงน้ำปลาหวาน แต่ละเมนูทำเอาเปรี้ยวปากทั้งนั้น แต่ความเด็ดของมะม่วงไม่ได้มีดีแค่รสชาติเท่านั้น แต่มะม่วงยังมีประโยชน์ต่อร่างกายชนิดที่คุณคาดไม่ถึงเลยทีเดียว มะม่วงนั้นไม่ว่าจะกินตอนดิบหรือสุกแล้วก็อร่อยไม่แพ้กัน แต่ก็มีหลายคนไม่ชอบทาน เพราะเชื่อว่ามะม่วงมีแป้งเยอะ ทานแล้วจะทำให้อ้วน หารู้ไม่ว่ามะม่วงนี่ล่ะคือผลไม้มากคุณประโยชน์ที่รู้แล้วต้องกรี๊ด วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปพบกับข้อมูลคุณประโยชน์ของมะม่วงอันน่าตื่นตาตื่นใจ ว่าจะดีจริงหรือไม่ รับประทานแล้วจะอ้วนหรือเปล่า ต้องอ่านไม่งั้นเดี๋ยวคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องนะ มะม่วง เป็นผลไม้ที่มีไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอล และโซเดียมต่ำ และยังเป็นแหล่งอาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ วิตามินบี 6 วิตามินเอ และวิตามินซี รวมทั้งโพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี นอกจากนี้ก็ยังมีเควอซิทิน (Quercetin) เบต้าแคโรทีน (Beta Carotine) กรดโฟลิก และ แอสตรากาลิน (astragalin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีทรงพลัง ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคหัวใจ ริ้วรอยก่อนวัย โรคมะเร็ง หรือภาวะเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระ ลองมาดูกันสิว่ามะม่วง มีแร่ธาตุและวิตามินที่มีประโยชน์ขนาดนี้ แล้วคุณประโยชน์จะมีมากขนาดไหนกัน บอกได้เลยว่าเพียบ ! 1. ช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต มะม่วงเป็นผลไม้ที่สามารถลดระดับความดันโลหิตได้ เพราะในมะม่วงมีสารอาหารที่สำคัญต่อระบบการไหลเวียนของเลือดอย่างโพแทสเซียมและแมกนีเซียม ทำให้ระดับความดันโลหิตถูกควบคุมให้อยู่ในระดับที่ปกติ นอกจากนี้มะม่วงยังมีวิตามินอีที่ช่วยเสริมสร้างฮอร์โมนเพศอีกด้วย 2. ป้องกันโรคมะเร็ง สารประกอบฟีนอล ที่พบในมะม่วงอย่างเช่น เควอซิทิน (Quercetin) ไอโซเควอซิทริน (isoquercitrin) แอสตรากาลิน (astragalin) ไฟเซติน (fisetin) เมทิลแกทเลท (methylgallat) มีฤทธิ์เป็นสารต้านนุมูลอิสระที่ทำหน้าที่ในการตอต้านการเกิดโรคมะเร็ง นอกจากนี้ในมะม่วงก็ยังมีเพคติน (pectin) สูง และมีผลการวิจัยพบว่าสารเพคตินนี่ล่ะที่มีผลต่อการป้องกันการเกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหารได้ 3. ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารขอแนะนำให้รับประทานมะม่วงเลยล่ะ เพราะในมะม่วงนั้นมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยสลายโปรตีนให้ง่ายต่อการดูดซึมของร่างกาย ขณะที่ไฟเบอร์ในมะม่วงก็สามารถช่วยในการย่อยอาหารได้อีกด้วย 4. ป้องกันโรคหัวใจ วิตามินเอและวิตามินอีในมะม่วงรวมทั้งซีลีเนียม (Selenium) สามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ ไม่เพียงเท่านั้นในมะม่วงยังมีวิตามินบี 6 ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจด้วยการลดระดับโฮโมซิสเตอีน (Homocysteine) เพราะเจ้าโฮโมซิสเตอีนนี่เป็นกรดอะมิโนที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับผนังหลอดเลือดได้ อันเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจนั่นเอง 5. ลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) ในร่างกาย เพคตินและวิตามินซีในมะม่วงเป็นพระเอกที่ขาดไม่ได้เลย เพราะสารอาหารทั้ง 2 ชนิดนี้สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดีในร่างกายได้ แต่ทั้งนี้ผู้ที่ป่วยด้วยโรคไขมันในเลือดสูงก็ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนจะรับประทานจะดีกว่า 6. บำรุงสมอง วิตามินบี 6 ในมะม่วงนอกจากจะช่วยป้องกันโรคหัวใจแล้ว ก็ยังช่วยป้องกันและสร้างเสริมการทำงานของสมอง เพราะเจ้าวิตามินบี 6 นี้มีส่วนสำคัญในการทำงานของสารสื่อประสาทที่มีส่วนช่วยในการกำหนดอารมณ์และรูปแบบในการนอนหลับ การเติมมะม่วงลงไปในอาหารจะช่วยให้ร่างกายได้รับกลูตาไมน์ (Glutamine) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้สมองสามารถจดจำและมีสมาดีขึ้น และยังทำให้เซลล์สมองตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย 7. รักษาโรคเบาหวาน โรคเบาหวาน วิธีการดูแลตัวเองที่ดีที่สุดคืออการไม่รับประทานของหวาน ซึ่งมะม่วงก็เป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงแต่ขอบอกไว้เลยว่ามะม่วงนี่ล่ะช่วยรักษาโรคเบาหวานได้ เพียงแค่นำใบมะม่วง 10-15 ใบแช่ลงในน้ำอุ่นและปิดฝาให้สนิททิ้งไว้ข้ามคืน จากนั้นในตอนเช้านำน้ำนี้มาดื่มในขณะที่ท้องว่าง จะสามารถช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดได้ วิธีนี้สามารถรับประทานได้ทั้งคนที่เป็นเบาหวานหรือไม่เป็นก็ได้หากผู้ที่มีสุขภาพปกติดื่มน้ำแช่ใบมะม่วงก็จะยิ่งช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้ดียิ่งขึ้น 8. บำรุงสายตา มะม่วงมีวิตามินเอสูง ดังนั้นจึงช่วยบำรุงสายตาให้ยังใสปิ๊งปั๊งอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยป้องการการเสื่อมของจอประสาทตาเมื่ออายุมากขึ้นได้อีกด้วยค่ะ 9. บำรุงผิวพรรณ ต้องยกความดีความชอบให้กับวิตามินเออีกครั้งเพราะวิตามินเอในมะม่วงนั้นมีคุณประโยชน์เพียบพร้อมจริง ๆ แม้แต่ในเรื่องผิวพรรณ การรับประทานมะม่วงทำให้เราได้รับวิตามินเอที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในเนื้อเยื่อและผิวหนัง ช่วยให้การอุดตันของรูขุมขนลดลงส่งผลให้ผิวพรรณเรียบเนียนได้ 10. รักษาสิว หากใครไม่ชอบทานมะม่วงแต่ก็อยากรักษาสิวให้หายโดยไม่พึ่งยาละก็ลองหันมาใช้มะม่วงในการรักษาได้ค่ะ เพราะเนื้อมะม่วงนี้แม้เราจะไม่ได้รับประทานแต่ก็สามารถใช้บำรุงผิวพรรณ ลดสิวบนใบหน้าที่กวนใจได้ เพียงฝานมะม่วงบาง ๆ วางใบหน้าทิ้งไว้ 30 นาที จากนั้นล้างออก วิตามินเอในมะม่วงก็ช่วยลดการเกิดสิวได้เป็นปลิดทิ้งเลย 11. รักษาโรคโลหิตจางในหญิงที่ตั้งครรภ์ มะม่วงเปรี้ยว ๆ ถือเป็นของที่ถูกใจว่าที่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก เพราะช่วยรักษาอาการแพ้ท้องได้เป็นอย่างดี แต่อย่าเพิ่งคิดว่ามะม่วงมีดีเพียงแค่นั้น เพราะมะม่วงก็มีธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อหญิงที่กำลังตั้งครรภ์เช่นเดียวกันเพราะหญิงตั้งครรภ์นั้นมักจะเกิดภาวะโลหิตจางได้ง่าย และการรับประทานมะม่วงก็จะช่วยให้ธาตุเหล็กอันเป็นสาเหตุของโรคโลหิตจางมีระดับสูงขึ้นอยู่ในเกณฑ์ปกติ 12. สร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย มะม่วงมีสารเบต้าแคโรทีมเช่นเดียวกับผักผลไม้มีสีส้มและสีเหลืองอื่น ๆ เช่น แครอท เป็นต้น โดยสารเบต้าแคโรทีนนั้นเป็นสารแคโรทีนอยด์อันมีคุณสมบัติในการสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ฉะนั้นถ้าไม่อยากป่วยง่ายก็ควรจะรับประทานมะม่วงเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับสารพิษและแบคทีเรียต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น โอ้โห! ประโยชน์ดีเพียบพร้อมขนาดนี้ จะให้เมินมะม่วงก็คงจะไม่ใช่เรื่องแล้วใช่ไหมล่ะ แต่จะเลือกมะม่วงดิบหรือมะม่วงสุกก็ว่ากันไป ที่สำคัญคือห้ามลืมว่ามะม่วงสุกมีน้ำตาลสูง ไม่อยากอ้วนละก็อย่ารับประทานจนเกินพอดีละ ไม่อย่างนั้นจะได้รอบเอวหนา ๆ มาเพิ่มด้วยจะร้องไม่ออกนะจะบอกให้ นี่คือข้อดีของมะม่วง เมื่อผู้ป่วย เป็นโรคมะเร็งเราจะให้เข้าคอร์สกินข้าวสวยมะม่วงเกลือผลไม้อื่นๆ 10 วัน ทุกคน กินผ่านวิกฤตของอาการป่วยได้ เพราะมันคือยาฆ่าเชื้อ และมีแร่ธาตุวิตามิน เสริมให้กับร่างกายครบถ้วนสมบูรณ์แล้วร่างกายฟื้นขึ้นมาเร็วและสามารถขับของเสีย จนร่างกายมีภูมิต้านทานสู้กับโรคได้สุขภาพมะเร็งยาสมุนไพรไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยจริงหรือบทความนี้เขียนโดย Kobayashi Koichi มหาวิทยาลัยนาโกย่าKobayashi Koichi ศาสตราจารย์ญี่ปุ่น วิเคราะห์อเมริกา น่าศึกษายิ่ง สื่อญี่ปุ่น: ภายใน 10 ปีสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะล่มสลาย เหมือนอดีตสหภาพโซเวียต! วารสารวิชาการชื่อ "Izu View the World" ตีพิมพ์บทความของ Kobayashi Koichi ศาสตราจารย์ด้านการเมืองระหว่างประเทศ แห่งมหาวิทยาลัยนาโกย่า บทความนี้เชื่อว่า ภายใน 10 ปีข้างหน้าสหรัฐฯมีแนวโน้ม ที่จะแตกแยกและล่มสลายอย่างกะทันหัน! เมื่อบทความนี้เผยแพร่ออกไป ก็ทำให้เกิดความฮือฮาไปทั่วโลกทันที บทความที่ลงหัวข้อนี้ "A Split United States and the Split of the United States" เชื่อว่ามีความขัดแย้งสามอย่าง ในสหรัฐอเมริกา ที่ไม่มีทางเอาชนะได้ และข้ามผ่านไม่ได้ โดยฝังรากลึก ซึ่งจะส่งเสริมสหรัฐอเมริกาให้มีอำนาจ อยู่ยงคงกระพัน เช่นเดียวกับอดีตสหภาพโซเวียต แต่ในที่สุดก็จะนำไปสู่การสลายตัว ที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ เป็นเพียงวิถีการสูญพันธุ์ของพวกมันเกิดขึ้น ในทิศทางตรงกันข้าม 1. ความขัดแย้งทั้งสามนี้ ได้แก่ 1) การเหยียดผิวที่ฝังรากลึกความขัดแย้งทางเชื้อชาติ 2); พลังของกลไกภายในของระบบประชาธิปไตยอเมริกัน กำลังอ่อนล้ามากขึ้นเรื่อย ๆ 3) การเรียกร้องเสรีภาพมากเกินไปของผู้คน และความขัดแย้งระหว่างความเป็นจริง และความสามารถที่จะให้ได้ ความขัดแย้งทั้งสามนี้ กลายเป็นโรคเรื้อรังที่สังคมอเมริกัน ไม่สามารถรักษาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความขัดแย้งทางเชื้อชาติ และความแตกแยกทางเชื้อชาติเป็นอุปสรรคของคนอเมริกัน? เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในเมืองเคโนชา รัฐวิสคอนซิน เจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวยิงปืนถึงเจ็ดนัด เข้าที่ด้านหลังของชายผิวดำ เพราะเขาปฏิเสธที่จะให้สอบปากคำ ทำให้เกิดการจลาจลตามมา ต่อมามีวัยรุ่นผิวขาวอีกคน ยิงใส่ผู้ชุมนุมบริเวณ "สำนักงานคุ้มครอง" ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บสาหัส 1 ราย เหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้เกิดการประท้วงระดับชาติอีกครั้ง ห่างจากคดีตำรวจปราบจลาจล "จอร์จ ฟลอยด์" ในรัฐมินนิโซตา เพียงสามเดือน มันเกิดอะไรขึ้นกับสหรัฐอเมริกา? การจลาจลทางเชื้อชาติเกิดขึ้นหลายครั้ง ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา แต่ความแตกต่างคือ ในอดีตส่วนใหญ่กระจุกตัว อยู่ในถิ่นฐานของคนผิวดำ แต่ขณะนี้ ด้วยความแพร่หลายของโทรศัพท์มือถือ การสื่อสารแบบใหม่ ความดึงดูดทางอารมณ์ร่วมของมวลชน และความสามารถในการระดมคนในสังคมอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ อาจจุดชนวนลุกลามทั่วสหรัฐอเมริกาในทันที ในทางกลับกัน กลุ่มคนผิวขาวหัวรุนแรง ได้เพิ่มความยึดโยงกันเหนียวแน่นขึ้น และมีการขยายตัวของพวกเขาด้วยเช่นกัน กองกำลังติดอาวุธ ได้โลดแล่นไปตามท้องถนน ด้วยปืนไรเฟิลอัตโนมัติ และบางครั้ง ตำรวจก็มองว่า พวกเขาเป็นตัวช่วย ในการรักษาระเบียบสังคม เป็นผลให้เกิดการจลาจลทางชาติพันธุ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น กองกำลังติดอาวุธผิวขาวหัวรุนแรง มีความหยิ่งผยองมากขึ้น และประธานาธิบดีทรัมป์ก็จุดฟืนโหมไฟตลอดทั้งวัน สร้างความแตกแยกทั้งภายในและภายนอก ปรากฏการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมกัน เป็นเพียงอุบัติเหตุหรือไม่? หรือเป็นอาการของการเสื่อมถอย ในโครงสร้างของอเมริกา? เมื่อปี 2019 การสำรวจของสถาบัน Brookings ในสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยรายงาน เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนทางชาติพันธุ์ ของประชากรในสหรัฐอเมริกา เห็นได้ชัดว่าเหมือนคำถามมากมาย ได้รับคำตอบ ในปี 1980 ชาวอเมริกันผิวขาว คิดเป็น 79.6% ของประชากร ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำ รวมถึงชาวลาติน ชาวเอเชียและคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่คนผิวขาว ในปี 2018 คนผิวขาวคิดเป็น 60.4% ส่วนคนที่ไม่ใช่คนผิวขาว คิดเป็นเกือบ 40% เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป40ปี ประชากรคนผิวขาวลดลง 20% ส่วนประชากรอายุต่ำกว่า 15 ปี ในปี 1980 คนผิวขาวคิดเป็น 73% แต่ในปี 2018 คนผิวขาวมีสัดส่วนเพียง 49.9% ลดลง เหลือไม่ถึงครึ่งหนึ่ง จากแนวโน้มดังกล่าว อีกประมาณ 20 ปีข้างหน้า ประชากรผิวขาวจะเหลือน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรในประเทศและคนผิวขาว อายุต่ำกว่า 30 ปีจะกลายเป็นชนกลุ่มน้อย ที่ชัดเจน การเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณ ในโครงสร้างทางประชากรนี้ จะเปลี่ยนการเมืองอเมริกันโดยพื้นฐาน มีประเด็นสำคัญสองประการ ประการหนึ่งคือจากรัฐบาลกลางไปจนถึงระดับท้องถิ่น คนที่ไม่ใช่คนผิวขาว จะควบคุมอำนาจ ได้มากขึ้น ประการที่สองคือ คนที่ไม่ใช่คนผิวขาว จะแก้ไขการแจกจ่ายทรัพยากรทางเศรษฐกิจและสังคม ให้ยุติธรรมเสียใหม่ ผ่านการออกเป็นกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงพื้นฐาน ของอำนาจทางการเมือง และทรัพยากรทางสังคมและเศรษฐกิจ จะทำให้ความแตกแยกทางสังคมรุนแรงขึ้น และนำมาซึ่งความทุกข์ทรมาน การเติบโตอย่างรวดเร็ว ของกลุ่มคนผิวขาวที่ก้าวร้าวในปัจจุบัน รวมถึงการเกิดกระแสนิยมของทรัมป์ เป็นผลิตผลมาจากความกลัวกังวลของคนผิวขาว ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปัจจุบัน ไม่ว่าใครจะชนะ อีกฝ่ายจะตกอยู่ในความสิ้นหวัง และความโกรธที่ฉุนเฉียว ทางออกที่สหรัฐฯสามารถทำได้คือ การเมืองแบบตัวแทนของอเมริกาที่เกิดจากการผสมผสาน ระหว่างลัทธิเสรีนิยม ปัจเจกนิยม และทุนนิยมและปักใจเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่า นี่คือแนวทางการปกครอง ที่มีคุณธรรมสูงสุด และมีประสิทธิผลสูงสุด สำหรับมนุษยชาติในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม โรคไวรัสโควิด ที่ระบาดไปทั่วโลก ได้ทำลายภาพลวงตานี้ เผยให้เห็นความจริงว่า สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ มีผลการดำเนินงาน แย่ที่สุดในโลก การปกครองแบบอเมริกัน ไม่เพียงแต่ไม่ช่วย แต่ยังทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก นอกจากนี้ยังช่วยให้ความเจ็บป่วย ทางเชื้อชาติเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมดั้งเดิมสามารถเกิดขึ้นพร้อมกัน และไม่สามารถควบคุมได้ แม้จากมุมมองของการเมืองเชิงประชากร ที่เรียบง่าย ประเทศใดในโลกที่สามารถรักษาเอกภาพของการเมือง และดินแดนไว้ได้เป็นเวลานาน โดยไม่มีเชื้อชาติประชากร เป็นคนส่วนใหญ่ที่มั่นคง? ไม่มีเลย ด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์ ของอเมริกันผิวดำ ที่ถูกค้ามนุษย์กดขี่ และเลือกปฏิบัติ โดยคนผิวขาว ความแตกแยกครั้งใหญ่ในอนาคตในสหรัฐอเมริกา จะเต็มไปด้วยความเกลียดชังและการเสียเลือดเนื้อ และมีความเป็นไปได้มาก ที่จะระเบิดเป็นสงครามกลางเมือง ในทันที สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ มีอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุดในโลก การแตกสลายของสหรัฐอเมริกานั้น ร้ายแรงกว่าอดีตสหภาพโซเวียตมาก มันจะเป็นความหายนะของมนุษยชาติซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดเดาได้ เมื่อสามสิบปีที่แล้วระหว่างเรากับคนรุ่นนี้ ดูเหมือนว่าการอพยพไปยังสหรัฐอเมริกาเป็นจุดหมายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในแผนที่เส้นทางสู่ความสำเร็จในชีวิต เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ในอีก 20 ปีข้างหน้าเส้นทางการอพยพจะถูกย้อนกลับ และชาวอเมริกันจำนวนมากอาจต้องการย้ายไปประเทศอื่น ภายใน 10 ปีสหรัฐอเมริกาจะล่มสลายหรือไม่? ゚ สิ่งนี้ฟังดูเหมือนนิทานอาหรับราตรี ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกเหลือเชื่อ เช่นเดียวกับการสลายตัวของสหภาพโซเวียต ในตอนนั้น มันเกินความคาดหมายของผู้คน อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ก็เป็นเช่นนี้ เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนเสมอ! คุณไม่มีทางรู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นการล่มสลายและการสลายตัวของสหรัฐอเมริกาโดยเนื้อแท้ แล้วแต่สวรรค์จะเป็นอะไร? ภาพยนตร์เรื่อง "Loying Gorge" ที่ถ่ายทำในปี 1971 มีการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับสวรรค์และมนุษยชาติ "ความดีและความชั่วจะได้รับการตอบแทน "ชาติบ้านเมืองและหน่วยงานทางการเมืองก็เหมือนกับบุคคล หากทำสิ่งเลวร้ายไม่เลิกก็จะได้รับการแก้แค้นจากพระเจ้าด้วย สหรัฐอเมริกา? ตามคำพูดของคนทั่วไป มันไม่ได้ทำสิ่งที่ดีเลย ในช่วง 200 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้ง ประเทศ ที่ชอบกำหนดเจตจำนงของตนเองบังคับต่อชาติอื่น ชาติที่ชอบที่จะทำลายชาติอื่น องค์กรทางการเมืองที่ขยายไปทุกหนทุกแห่ง ครอบงำผู้คนและอวดความแข็งแกร่งไปทุกหนทุกแห่ง ในที่สุดก็จะมีวันแห่งความเหนื่อยล้า บางทีนี่อาจเป็นกฎแห่งประวัติศาสตร์มากกว่า! ด้วยวิธีนี้ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ความเป็นจริงหรือตรรกะ สหรัฐฯดูเหมือนจะ "รุดหน้าสู่ความหายนะ" โดย: Kobayashi Koichi มหาวิทยาลัยนาโกย่าข่าวการเมือง เสียดสีnaydoitall• 5 ปีที่แล้ว2 คนว่า ไม่อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบ1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ
