(752 ข้อความ)
- 1 คนสงสัยยืนตากแดดฆ่าเชื้อโควิด-19 ในร่างกายได้ข้อความที่แชร์บนโลกออนไลน์ เสนอให้รณรงค์ชักชวนผู้คนมายืนตากแดดออกกำลังกายยามเช้าเพื่อให้แสงแดดฆ่าเชื้อโรค เพราะเชื้อโรคชอบความเย็นstd47725• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยพัสดุไปรษณีย์เป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิด-19ข่าวลือเรื่องมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากจดหมายหรือพัสดุไปรษณีย์และให้ระมัดระวังการรับจดหมายหรือพัสดุที่มาส่ง เกิดขึ้นมาก่อนแล้วในช่วงที่มีสถานการณ์ระบาดรอบแรกstd47725• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเลือดเป็นด่างมีโอกาสติดไวรัสโควิด-19 ได้น้อยลงเรื่องที่แชร์กันมากตั้งแต่ช่วงที่ไวรัสโควิด-19 เริ่มระบาดใหม่ๆ และมักถูกนำไปโยงกับความเชื่อทางศาสนา ที่อ้างว่าบุคคลใดกินเจไม่แตะต้องเนื้อสัตว์ ไวรัสโควิด-19 จะไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ได้ หรือถึงได้ก็มีอาการไม่รุนแรง เพราะอาหารเจทำให้เลือดเป็นด่าง (วัดจากค่า pH ซึ่งมีระดับตั้งแต่ 1-14 โดย 1 หมายถึงเป็นกรดรุนแรงที่สุด และ 14 หมายถึงเป็นด่างรุนแรงที่สุด) โดยอ้างชื่อแพทย์บางท่านที่หันไปทำงานด้านส่งเสริมการกินเจstd47725• 2 ปีที่แล้ว
- 2 คนสงสัยการดื่มน้ำมะนาวฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้หลายคนอาจเคยได้ยินวลี “มะนาวโซดาฆ่ามะเร็ง” ที่หมายถึงยุคหนึ่งเคยมีการส่งต่อข้อมูลบนโลกออนไลน์ว่าการดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำโซดาสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ เกิดวิกฤติไวรัสโควิด-19 มะนาวถูกยกมาเป็นยาวิเศษอีกครั้งหนึ่ง โดยช่วงเดือน มี.ค. 2563 มีการแชร์ข้อมูลว่าน้ำมะนาวสามารถฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้std47725• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยลดน้ำตามกรุ๊ปเลือดการลดน้ำหนักตามกรุ๊ปโดนการเลือกทานตามแต่ละกรุ๊ปที่เขาบอกกันความสวยความงามลดความอ้วนผู้บริโภคเฝ้าระวังstd47926• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเลือดเป็นด่าง โอกาสติดโควิดน้อยลงกรมควบคุมโรคได้ชี้แจงถึงประเด็นนี้ว่าข้อความดังกล่าวเป็นข้อมูลเกินจริงและไม่ถูกต้อง ถูกนำมาส่งต่อซ้ำๆโดยขณะนี้ยังไม่มีข้อพิสูจน์ทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ใดๆที่ยืนยันว่าการรับประทานผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นด่างมีผลในการช่วยฆ่าเชื้อไวรัส โควิด-19 ได้โควิด 2019Worsorkubpom• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเลือดเป็นด่างมีโอกาสติดโควิด-19 ได้น้อยลงเป็นเรื่องที่แชร์กันมากตั้งแต่ ไวรัสโควิด-19 เริ่มระบาดใหม่ ๆ เลยทีเดียว โดยมีการอ้างว่า คนที่กินเจ กินแต่ผักผลไม้ จะทำให้เลือดเป็นด่าง และเชื้อโควิด-19 จะไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ ได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง โดย พ.ต.ต.นพ.ธนิต จิรนันท์ธวัช อายุรแพทย์ และโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ได้อธิบายผ่านสื่อมวลชน เรื่องค่า pH ของเลือดมนุษย์ที่จะอยู่ที่ 7.35-7.45 และการบริโภคผักและผลไม้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนค่านี้ได้ นอกจากนี้ยังไม่มีข้อพิสูจน์ทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ใด ที่ยืนยันว่าการรับประทานผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นด่าง มีผลในการช่วยฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้โควิด 2019std46348• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยไขกลลวงของแก๊งมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงินออนไลน์ ก่อนตกเป็นเหยื่อ!เงินช็อต! เลยเอาเงินเก็บฉุกเฉินมาใช้ก่อน แล้วค่อยเก็บใหม่ทีหลังเมื่อตอนที่การเงินคงที่ จะได้ไม่ต้องเป็นหนี้ใครเพราะไปกู้ยืม หากทำตามวิธีที่ว่าถือเป็นเรื่องดี แต่ใช่ว่าจะมีเงินเก็บฉุกเฉินกันได้ทุกคน เพราะบางคนก็หาเช้ากินค่ำเลยไม่มีเงินเก็บ พอต้องใช้เงินเลยไป กู้เงินด่วน 30 นาที แต่โชคร้ายซ้ำสอง เจอมิจฉาชีพหลอกโอนเงินทางไลน์เข้าจนได้ เพื่อไม่ให้คุณเป็นเหยื่อ นี่คือเรื่องราวของแก๊งมิจฉาชีพหลอกโอนเงินที่คุณต้องรู้std46308• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเที่ยวแบบ VVIP : ปมจ้างตำรวจไทยนำขบวน นทท. จีน สะท้อนภาพปราบโกงล้มเหลวหรือไม่จากมหากาพย์ทุนจีนสีเทา คดีจับกุมอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช คาโต๊ะทำงานจากข้อหาเรียกรับเงินเพื่อซื้อขายตำแหน่งในกรม จนถึงล่าสุด กรณีปมจ้างตำรวจนำขบวน นทท. จีนเดินทางจากสนามบินถึงที่พักstd46517• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกัญชากัญชา” เป็นหนึ่งในพืชที่มีสารสำคัญอยู่ภายใน มนุษย์รู้จักพืชชนิดนี้นำมาใช้เป็นสรรพคุณทางยากันอย่างแพร่หลายในยุคสมัยหนึ่ง ต่อมาเมื่อกัญชาถูกควบคุมให้เป็นยาเสพติดจึงถูกระงับการใช้ในวงการแพทย์ไป แต่ก็ยังมีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยใช้เป็นยารักษาอาการบางอย่างด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านอยู่ จนเมื่อมีนักวิทยาศาสตร์ ได้มาไขปริศนาจนเกิดเป็นองค์ความรู้เกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์สมัยใหม่ จน “กัญชา” กลับมาเป็นพืชที่ได้รับความสนใจอีกครั้ง รวมถึงในประเทศไทยได้อนุญาตให้ ปลูกและนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ และปลดล๊อคให้บางส่วนของกัญชา ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษอีกต่อไปdiazp121phoenix• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยโคแฟคเตือนข่าวลวงโควิดวนซ้ำ วอนหยุดแชร์ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่นอกจากนำมาสู่โรคระบาดโควิด19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกแล้ว ยังนำมาสู่ภาวะการระบาดของข้อมูลข่าวสาร (Infodemic) ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือที่เรียกกันติดปากว่าข่าวลวง (fake news) เพิ่มอย่างมากมายทั่วโลกด้วย . โคแฟค เผย 5 ข่าวลวงโควิดวนซ้ำระบาดรอบใหม่ แนะสังคมร่วมสกัดไวรัสข่าวสารด้วยความจริงร่วมโควิด 2019supinya• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยคนตายจากโควิด-19กี่คนhttps://cofact.org/article/1swm9f1jt67hdโควิด 2019gatakoy90• 3 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยเรื่องนี้น่าสนใจมาก...หากประสบผลสำเร็จ คนที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดคงจะสบายสักที...... --------‐--‐-----//------------------ มนุษย์จะมีอายุขัยเพิ่มขึ้น! ทำความรู้จัก “อนุภาคนาโน” ที่ถูกค้นพบเมื่อปีที่แล้ว และอาจทำให้ “โรคหัวใจ” กลายเป็นแค่ประวัติศาสตร์ ทุกวันนี้ เวลาได้ยินข่าวคนดังเสียชีวิต มักมีสาเหตุมาจาก “มะเร็ง” และพานคิดว่ามะเร็งน่าจะเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของมนุษย์ แต่นั่นคือความเข้าใจผิด เพราะสาเหตุการตายอันดับ 1 ของมนุษย์ปัจจุบันคือ “โรคหัวใจ” หรือชื่อเต็มๆ ก็คือ “โรคหัวใจและหลอดเลือด” มนุษย์ที่เสียชีวิตเพราะโรคกลุ่มนี้ในแต่ละปีมากถึง 30% และเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 แซงหน้ามะเร็ง 1.เราอาจสังเกตว่า “คนสมัยก่อน” มักจะไม่ได้ตายเพราะ “โรคมะเร็ง” หรือ “โรคหัวใจ” . เหตุที่ช่วงหลังมานี้ “โรคมะเร็ง” และ “โรคหัวใจ” ขึ้นอันดับ 1 และ 2 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่ามนุษย์ปัจจุบันอายุยืนขึ้น เราไม่ค่อยตายจากสงครามและโรคติดเชื้อต่างๆ แบบในอดีต พออยู่มาจนแก่ . เราจึงเผชิญหน้ากับโรคที่โดยทั่วไปใช้เวลาพัฒนาหลายสิบปีกว่าจะพัฒนาจนคร่าชีวิตผู้คนได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคตับ โรคปอด โรคไต ฯลฯ 2.ก่อนหน้านี้ โรคที่ฆ่ามนุษย์เป็นอันดับ 1 คือ “มะเร็ง” เหตุที่เป็นเช่นนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะคำว่า “มะเร็ง” นั้นกินความกว้างมากๆ เพราะเกิดจากการที่เซลล์ของอวัยวะร่างกายกลายพันธุ์เป็นเนื้อร้าย เรียกได้ว่าเกิดเนื้อร้ายส่วนไหนก็นับเป็นมะเร็งหมด พอแก่ตัวไป แนวโน้มที่เซลล์จะกลายพันธุ์ก็ยิ่งเยอะมากขึ้น . ผลในทางสถิติคนก็เลยเป็นมะเร็งกันเยอะ และในอดีตเป็นโรคที่ “ไม่มีทางรักษา” . แต่ยุคหลังๆ เริ่มมีแนวทางการรักษาใหม่ๆ เริ่มมีเทคนิคการคัดกรองที่ดีขึ้น คนก็เลย “จัดการ” กับมะเร็งได้ดีกว่าก่อนมาก ส่งผลให้ “โรคหัวใจ” เป็นโรคที่กลายเป็นภัยต่อชีวิตอันดับ 1 ของมนุษย์ 3.คำว่า “โรคหัวใจ” ในความหมายของโรคหัวใจและหลอดเลือดก็เป็นคำที่กินความกว้างมากคือ กินความตั้งแต่ภาวะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ตีบทำให้อวัยวะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ไปจนถึงภาวะผิดปกติทางกายภาพของหัวใจที่ส่งผลต่อการสูบฉีดเลือด . อย่างไรก็ดี สิ่งที่ใกล้ชิดกับโรคหัวใจที่สุดก็คือภาวะอย่าง ‘หลอดเลือดแข็งตัว’ (atherosclerosis) หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า “ไขมันเกาะผนังหลอดเลือด” ในระดับที่เรียกได้ว่า เป็นภาวะยอดฮิตที่คนจะป่วย และพัฒนาไปเป็นโรคหัวใจในที่สุด . แม้ว่าคนจะนิยมเรียกกันแบบนี้ แต่สิ่งที่ไปพอกผนังหลอดเลือดนั้นไม่ใช่ “ไขมัน” แต่คือซากเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ตายขณะที่มันพยายามจะทำลายคอเลสเตอรอลที่หลุดเข้ามาในผนังหลอดเลือด . (ซึ่งคอเลสเตรอลไม่ใช่ไขมัน ร่างกายใช้คอเลสเตอรอลเป็นพลังงานไม่ได้ ดังนั้นอย่าเข้าใจผิดๆ ว่าเวลาเรา “เบิร์น” ตอนออกกำลังกาย แล้วจะเอาคอเลสเตอรอลมาใช้ ร่างกายเราไม่ได้ทำงานอย่างนั้น) . พอซากเซลล์เม็ดเลือดขาวตายสะสมกันในผนังหลอดเลือดมากๆ หลอดเลือดก็จะหนาขึ้นและยืดหยุ่นน้อยลง เราเลยเรียกภาวะนี้ว่า “หลอดเลือดแข็งตัว” 4.ถ้าที่ว่ามาฟังเข้าใจยากไป ก็คิดซะว่าหลอดเลือดเราเป็น “ท่อ” ก็ได้ . ภาวะที่ว่ามาคือภาวะ “ท่อตัน” และพอ “ท่อตัน” เลือดก็จะไปต่อไม่ได้ ซึ่งถ้านั่นเป็นอวัยวะสำคัญอย่างหัวใจหรือสมอง เราก็จะเสียชีวิต (ทั้งนี้เวลาเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่ได้จะเรียก Heart Attack ส่วนเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ได้ จะเรียก Stroke สองภาวะนี้มีสาเหตุพื้นฐานคือ “ท่อตัน” นั่นเอง) . ดังนั้นปัญหาที่คร่าชีวิตมนุษย์แบบนับไม่ถ้วน ก็คือเรื่องง่ายๆ อย่าง “ท่อตัน” นี่เอง เพียงแต่ท่อที่ว่าคือเส้นเลือดแดงในร่างกายที่คอยส่งออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ ไปเลี้ยงอวัยวะ 5.คำถามต่อมาคือ แล้วภาวะ “ท่อตัน” นี่จัดการแค่ใส่ “น้ำยาล้างท่อ” ลงไปไม่ได้หรือ? . คำตอบคือ “ไม่ได้” เพราะฉะนั้นวิธีการรักษาจึงต้อง “ผ่าตัด” “ทำบอลลูน” และ “ทำบายพาส” กันให้วุ่นวาย . วิธีการรักษาปัจจุบันคือ ถ้า “ท่อตัน” ทำได้แต่ผ่าตัด (ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่) ซึ่งก่อนผ่าตัด เราก็ต้องระบุให้ได้ว่า “ท่อ” ตรงส่วนไหนตัน โดยการ “ฉีดสี” และทำ MRI . ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ บอกเลยว่า “แพงมาก” แม้ว่าประกันสังคมจะครอบคลุมค่ารักษา แต่ไม่ว่าจะเป็นในประเทศยุโรปหรือไทย คุณต้องผ่านกระบวนการคัดกรองอย่างละเอียด ถึงจะได้ทำการวินิจฉัยว่าคุณกำลังจะ “ท่อตัน” ตรงส่วนไหนของร่างกาย เรียกว่าผู้ป่วยจะได้ทำเมื่อจำเป็นจริงๆ เท่านั้น . ปัญหาคือทุกวันนี้ เราไม่สามารถรู้ได้ว่าร่างกายของเรา “กำลังจะท่อตัน” ตรงไหน เพราะมันไม่มีทางจะมองเห็นเส้นเลือดในร่างกายของเราด้วยการวินิจฉัยทั่วๆ ไป การไป “ตรวจสุขภาพประจำปี” ซึ่งตรวจด้วยวิธีทั่วไป ก็ไม่มีทางรู้ได้ 6.ปกติเราจะรู้ได้ว่า ตัวเรามีความเสี่ยงต่อโรคกลุ่มนี้ก็ต่อเมื่อไปตรวจสุขภาพแล้วพบว่า ค่าความดันโลหิตและคอเลสเตอรอลสูง และวิธีการ “พยุงอาการ” ของกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดหลักๆ คือเขาจะให้กิน “ยาลดความดัน” กับ “ยาลดคอเลสเตอรอล” ซึ่งต้องกินไปตลอดชีวิต . และผลหลักๆ คือการชะลอภาวะ “หลอดเลือดแข็งตัว” หรือลดความเสี่ยงของการที่คุณจะ “ท่อตัน” จนเลือดไปเลี้ยงหัวใจและสมองไม่พอ จนพิการหรือถึงแก่ความตายในที่สุด . นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งก็เน้นว่าคือการ “ชะลอ” เท่านั้น ยังไม่ใช่การ “รักษา” และที่เป็นแบบนี้ เพราะระบบสาธารณสุขไม่ว่าที่ใดในโลก ยังไม่มีต้นทุนพอที่จะจับคนทุกคนมาฉีดสีและทำ MRI เพื่อหาว่าคนๆ นั้นกำลังจะ “ท่อตัน” ตรงไหนของร่างกาย . ผลก็คือ วิธีชะลอดังกล่าวก็เลยให้กินยาไปเรื่อยๆ แทน เพราะนั่นสมเหตุสมผลในเชิงงบประมาณมากกว่า ถ้าต้องจัดการกับ “กลุ่มเสี่ยง” จำนวนมากหลักล้านคน 7.ประเด็นคือ ภาวะหลอดเลือดแข็งตัวเป็นภาวะที่แทบทุกคนที่อยู่ในสังคมสมัยใหม่แก่ตัวไปยังไงก็เป็น ไม่ว่าจะด้วยอาหาร ด้วยวิถีชีวิต และด้วยอายุที่ยืนขึ้น . เรียกได้ว่าถ้า “ท่อยังไม่ตัน” เมื่อแก่ตัวไป ทุกคนกำลังก้าวเดินไปสู่ภาวะ “ท่อกำลังจะตัน” . ดังนั้น ถ้าจะว่ากันในแง่หนึ่งแล้ว นี่คือ “โรคของทุกคน” ที่ในทางเทคนิค ในปัจจุบันยังไม่มี “ยารักษา” ใดๆ ที่จะแจกจ่ายให้ทุกๆ คนกินทีเดียวแล้วหายได้ 8.แต่ก็อย่างที่บอกไว้ในชื่อเรื่อง ต่อไปนี้โรคหัวใจอาจเป็นแค่อดีต . เพราะเมื่อต้นปี 2020 ในขณะที่ชาวโลกกำลังตื่นตระหนกกับโรคระบาดใหม่อย่างโควิด-19 นักวิจัยกลุ่มหนึ่งได้ตีพิมพ์งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ซึ่งเนื้อหาหลักๆ คือพวกเขาค้นพบอนุภาคนาโนที่จะ “คืนชีพ” ให้พวกเซลล์ภูมิคุ้มกันที่กินคอเลสเตอรอลแล้วตายในผนังหลอดเลือด ให้ฟื้นขึ้นมากินพวกคอเลสเตอรอลและซากเซลล์ที่ตายไปแล้วในผนังหลอดเลือด . ผลก็คือ สิ่งที่ไปพอกผนังหลอดเลือดจน “แข็งตัว” ก็จะค่อยๆ ลดลงไป และผนังหลอดเลือดก็จะเป็นปกติในที่สุด . หรือพูดให้มันง่ายกว่านั้น “อนุภาคนาโน” ก็คือ “น้ำยาล้างท่อ” ของ “ภาวะท่อตัน” ในหลอดเลือดนั่นเอง . เรียกได้ว่ามีอนุภาคนี้คือจบเลย เราไม่ต้องรู้ด้วยซ้ำว่า “ท่อตัน” ตรงไหน ฉีดเข้าไปในเลือด อนุภาคนี้จะค่อยๆ จัดการท่อที่ตันเอง ไม่ต่างจากที่คุณเทน้ำยาล้างท่อตอนต่อตัน คุณไม่ต้องรู้หรอกว่ามันตันตรงส่วนไหน น้ำยาจัดการให้หมด . และนี่ก็ไม่ใช่แค่คอนเซปต์ลอยๆ เพราะขณะนี้ อนุภาคนี้ทดลองในหนูสำเร็จแล้ว และก็ไม่แปลกเลยที่อีกไม่นานก็น่าจะได้ทดลองในมนุษย์แน่ๆ . ถ้าสำเร็จ ถึงตอนนั้น คนที่ต้องกินยาทุกวันไปตลอดชีวิตก็อาจไม่ต้องกินกันอีกแล้ว . และถ้ามากไปกว่านั้น นี่อาจเป็นการบอกลาโรคหัวใจและหลอดเลือดสำหรับคนแทบทั้งหมดในโลกก็เป็นได้ อ้างอิง: ScienceDaily. Nanoparticle chomps away plaques that cause heart attacks. https://bit.ly/3dzPx9V NHI. Plaque-eating nanoparticles may help prevent heart attacks. https://bit.ly/3iTUNX2 #Nanoparticle Cr.BrandThinkไม่ระบุชื่อ• 4 ปีที่แล้วmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยจากหมอ โสภณ เมฆธน อดีตปลัด สธ และผู้ช่วยรัฐมนตรี สธ Covid-19: ความหวังและความยากลำบาก Update ข่าวดีและข่าวร้าย หลังผ่านไป 18 วัน จากนี้ไปข้างหน้าเราต้องเตรียมตั้งรับกับสิ่งใด และมองย้อนหลังไปเราทำกันมาได้ขนาดไหน ผมทำกราฟมาอธิบายให้ครับ ประเมินสถานการณ์ตัวเลข ณ วันนี้: 1. ข่าวดีสำคัญ สงกรานต์ที่เงียบมาก ทำให้เราสามารถช่วยกันหนี %Increase ระดับ 40% ของ British Variant มาได้แล้ว วันนี้ตัวเลขมาอยู่ที่ 15.26% และเริ่มเข้าสู่ Negative Exponential Curve ของกราฟ %Increase เราซื้อเวลาสำเร็จระดับนึง 2. ข่าวร้าย การผ่านตัวเลขระดับ 13,000 ที่ %Increase ระดับ 15.26% ถือว่าร้ายแรงมาก แทบไม่เคยมีประเทศใดจบที่ต่ำกว่าแสนและไม่มีประเทศใดที่เจอแบบนี้ครั้งแรกแล้วระบบสาธารณสุขไม่ล่มอย่างหนัก EURO5 โดนแบบนี้ไปเมื่อ Wave#1 เอาตัวไม่รอดทั้งที่เป็น Variant ที่รุนแรงน้อยกว่านี้ ดังนั้นอย่าไปเดินตามและทำตาม EURO5 ครับ 3. ตัวเลข 13,000 ใหญ่กว่าทั้ง Wave#2 ของไทยเราที่ตัดแรงงานต่างด้าวออกไปแล้วซึ่งแค่ 9,300 เท่านั้น โดย Wave#3 นี้แทบไม่มีตัวเลขจากแรงงานต่างด้าวเลย 4. ความหวังสำคัญ ผมมีข้อมูลพอทำกราฟของ Best Case Scenario ได้แล้ว กราฟบอกเราว่า ถ้าช่วยกันสู้เต็มที่ ยังสามารถต่ำกว่าแสนได้ครับ กราฟตัวเลขจริงเปรี่ยบเทียบ 3 Wave: ข่าวร้าย: เส้นสีแดงของ Wave#3 เห็นได้ชัดเจนนะครับว่า หนักหนาสาหัสกว่า Wave 1 และ 2 แบบเทียบกันไม่ได้เลย นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมทีมงานสาธารณสุขของเราจึงทำงานหนักมากตอนนี้ และทำไมศบค.จึงต้องวางมาตรการที่เข้มข้นมาก ถึงแม้จะไม่สามารถ Lockdown ได้เพราะแรงกดดันรอบทิศก็ตาม และทุกคนควรตระหนักอย่างยิ่งและทำตามมาตรการต่างๆอย่างเคร่งครัดครับ จากข้อมูล 17 วัน ผม Fine Tune พารามิเตอร์ต่างๆของกราฟใหม่ และมองไปข้างหน้า 1 เดือนได้ตามนี้ครับ กราฟ Total Case ประเมินไปข้างหน้า 1 เดือนครึ่ง: ข่าวร้าย: 1. ถึงจะทำดีที่สุดเต็มที่ ปลายเดือนเม.ย.ก็น่าจะถึง 35,000 คือจากนี้ไปอีก 13 วันเตรียมรับอีกอย่างน้อย ประมาณ 20,000 ครับ 2. ตัวเลข Daily New Case จะยืนอยู่ระดับ 1,600 - 1,800 ไปอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ 3. ตัวเลข Daily New Case จะอยู่ระดับ >1,000 ไปจนสิ้นเดือนเม.ย. เดือนพ.ค.เราจึงจะเริ่มเห็นระดับที่ต่ำกว่าพันอย่างมีนัยะสำคัญ 4. วันที่ 18 พ.ค. เปิดเทอมตัวเลขจะอยู่แถวๆ 44,000 และมี Daily New Case ประมาณ 215 จะเป็นการตัดสินใจที่ยากมากครับ 5. วันที่ 31 พ.ค. ตัวเลขจะอยู่แถวๆ 45,500 และมี Daily New Case ประมาณ 48 จะใกล้จบถ้าไม่มีใครการ์ดตกยืนระยะไม่อยู่เสียก่อน 6. นี่คือ Best Case Scenario 7. แทบไม่เคยมีใครวิ่งตามเส้น Best Case Scenario นี้ได้ ยกเว้น จีน ออสเตรเลีย เกาหลี และประเทศไทยเราเองใน Wave#1 และ Wave #2 ช่วงเดือนม.ค. ข่าวดี: 1. อย่างน้อยวันจันทร์ที่จะถึงนี้ก็ยังอยู่แถวๆ 15,000 ซึ่งต่ำกว่า 40,000 ซึ่งเป็น Worst Case มาก 2. ถ้าช่วยกันจะสามารถจบได้ภายใน 2 เดือนโดยอยู่แถว 45,000 ครับ 3. เราเคยวิ่งตาม Curve แบบนี้สำเร็จมาแล้ว 2 ครั้ง ถ้าร่วมมือกันทำเต็มที่ครับ กราฟ %Increase ข่าวดี: %Increase ลดลงมาอยู่ที่ 15.26% แล้ว และลู่เข้าสู่กราฟ Negative Exponential ที่มี Time Constant 9.1 มาแล้ว 5 วัน ซึ่งหมายถึงเรากำลังเริ่มตั้งหลักได้และสงกรานต์ที่ผ่านมาเราก็ทำได้ดีครับ จากนี้ไปต้องรักษา Momentum ให้ได้ และอย่าให้การเริ่มกลับมาทำงานหลังวันหยุดเปลี่ยนแนวโน้มของกราฟนี้เด็ดขาด ข่าวร้าย: ไม่มีสำหรับกราฟนี้ คำแนะนำที่สำคัญที่สุด "อย่าทำแบบ EURO5 โดยเฉพาะอังกฤษ ห้ามเอาพวกเขามาเป็นบรรทัดฐานโดยเด็ดขาดครับ" สาเหตุครับ 1. พวกเขาทุกประเทศตายมาแล้วเป็นแสน ประเทศไหนยังไม่ถึงแสน เดี๋ยวก็จะถึงครับ 2. อัตราการตายของ EURO 5 อยู่ที่ 1.9 - 3.0% มากว่าเรากว่า 10 เท่า 3.อังกฤษอยู่ใน Lockdown รวมกัน 2 ครั้งกว่า 7 เดือน มากกว่าไทยเราที่อยู่ใน Full Lockdown 1.5 เดือน Semi Lockdown ประมาณ 1.5 เดือนเท่านั้น 4. เศรษฐกิจก็แย่กว่าเรา UK Annual GDP fell by 9.9% in 2020, the largest yearly fall on record 5. มีคนตายคาบ้านเยอะมากเพราะโรงพยาบาลไม่พอ โรงพยาบาลสนามก็ไม่พอ การรักษาตัวอยู่บ้านคือทางสุดท้ายเพราะจนแต้มนะครับ ไม่ใช่ทางเลือกที่ใครต้องการเลย แม้แต่ญี่ปุ่นก็ตายคาบ้านไปหลายศพเช่นกันครับ 6. อังกฤษไม่มีตัวเลขอะไรที่ดีกว่าเราเลยนะครับ ยกเว้นอัตราการฉีดวัคซีน สิ่งที่ต้องทำอย่างตั้งใจทุกฝ่ายในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า 1. ช่วยกันรักษาปกป้องระบบสาธารณสุขของเรา นี่คือ 1st Priority ครับ กำลังใจของทีมงานสาธารณสุขสำคัญมาก ครั้งนี้พวกเขาหลายคนมีโอกาสติดเชื้อและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ มันเกิดขึ้นมาแล้วทั่วโลก อย่าโกหก Timeline อย่าปล่อยปละละเลยจนติดเชื้อมากเกินไปจนล้นร.พ. 2. ภาคเอกชนใหญ่ต้องช่วยกันสร้างรพ.สนามและ Hospitel อย่าให้ต้องรักษาตัวอยู่บ้านกัน เพราะเมื่อนั้นอัตราการตายจะพุ่งสูงทันที อย่าให้ได้มีใครต้องเสียชีวิตที่บ้านโดยไม่ทันถึงมือหมอเลยนะครับ 3. ต้อง Work from Home กันอย่างจริงจังมากๆ ใครทำได้ต้องทำ คนทำไม่ได้มีเยอะครับ เขาจะเสี่ยงน้อยลง ต้องช่วยกันรักษา Momentum ของเราไปอีก 1 - 2 เดือน ให้สำเร็จครับ 4. ป้องกันการติดเชื้อในภาคอุตสาหกรรมอย่างเต็มที่ครับ โดยเฉพาะชลบุรี ระยอง 5. อย่าให้เกิด Cluster ตลาดและแรงงานต่างด้าวขึ้นมาซ้ำเติม เพราะเราไม่มีทรัพยากรจะไปปิดกรณีแบบนั้นอีกแล้ว 6. โรงเรียนจะเปิดเทอม 18 พ.ค. ต้องช่วยกันทำให้สำเร็จให้ได้ เด็กรุ่นนี้เรียนออนไลน์กันมานานมากจนแย่แล้ว มันไม่ดีกับพวกเขาเลย อย่าให้อบายมุขและความละเลยเป็นสาเหตุทำให้เด็กต้องอดไปโรงเรียนอีกเลยนะครับ 7. ยึดกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี กลับคืนมาให้ได้ และต้องรักษาหัวเมืองใหญ่ โคราช ขอนแก่น อุบล อุดร นครศรี สุราษฎร์ สงขลา เอาไว้ให้สำเร็จครับ 8. ดีเดย์วันที่ 1 มิ.ย. วัคซีนต้องปูพรมครับ ไม่งั้นโดน Wave#4 แน่ ภาคเอกชนต้องช่วยกันเสริมทัพแล้วล่ะครับ ภาครัฐอย่างเดียวเอาไม่อยู่แน่ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับทุกคนจากนี้ไปอีก 1 เดือนคือการมีวินัยและดูแลตัวเอง อย่าป่วยไข้ อย่าขับรถเร็วประมาทจนเกิดอุบัติเหตุ ระบบสาธารณสุขของเราคือด่านหน้าที่ตอนนี้ข้าศึกบุกมาเต็มกำลังจนยากแก่การรับมือแล้ว ขอเพียงพวกเรามีวินัย ดูแลตัวเอง รักษาสุขภาพ มีน้ำใจแบ่งปันช่วยเหลือ อยู่บ้านให้มากๆเข้าไว้ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยบุคลากรด่านหน้าและประเทศชาติได้มากแล้วครับ ช่วยกันครับ เรายังมีความหวังอยู่เสมอครับโควิด 2019ไม่ระบุชื่อ• 5 ปีที่แล้วmeter: mostly-true--start4 ความเห็น
- 1 คนสงสัยคนไทยที่ติดโควิด-19 ได้รับสิทธิรักษาฟรีทุกโรงพยาบาลคนไทยที่ติดโควิด-19 ได้รับสิทธิรักษาฟรีทุกโรงพยาบาล หากมีข้อสงสัยการจ่ายเงินค่ารักษา มีการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล หรือสอบถามค่ารักษา ได้ที่ สปสช. โทร. 1330 หรือ สบส. โทร .1426โควิด 2019Mrs.Doubt• 5 ปีที่แล้วmeter: true1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยwww.thaipbs.or.th/news/content/340428มีมไม่ระบุชื่อ• 2 ปีที่แล้ว1 คนว่า มีความเห็นส่วนตัวmeter: middle1 ความเห็น
- 1 คนสงสัยรวม 10 ข่าวปลอมโควิดที่มีคนหลงเชื่อมากที่สุดposttoday หน้าแรก รวม 10 ข่าวปลอมโควิดที่มีคนหลงเชื่อมากที่สุด รวม 10 ข่าวปลอมโควิดที่มีคนหลงเชื่อมากที่สุด 08 ธันวาคม 2564 แชร์ แม้ว่า 'ข่าวปลอม' จะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมมนุษย์มาอย่างยาวนาน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มันกลับถูกหยิบยกมาถกเถียงกันอย่างมาก และหลายคนเริ่มตระหนักถึงความน่ากลัวของข่าวปลอม ซึ่งสร้างความเข้าใจผิดจนนำไปสู่การกระทำที่ส่งผลร้ายในภายหลัง โดยเฉพาะในช่วงที่ ไวรัสโควิด-19 เกิดการแพร่กระจายอย่างหนัก จนคร่าชีวิตคนทั่วโลกไปมากมาย ข่าวปลอม บนโลกออนไลน์เองก็เกิดการระบาดอย่างหนักเช่นกัน เราจะไปไล่เรียงกันว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา 10 ข่าวปลอมเกี่ยวกับโควิด-19 ซึ่งนำไปสู่การเข้าใจผิดในสังคมมากมายนั้น มีข่าวอะไรกันบ้าง 1. เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช พบนักโทษติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1,300 คน เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 มีโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กระบุว่า เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชนั้นมีผู้ติดเชื้อโควิดทั้งหมดถึง 1,300 ราย โดยกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ได้ออกมาชี้แจงว่า รายงานดังกล่าวเป็นรายงานข้อมูลของวันที่ 24 ตุลาคม 2564 เวลา 16:00 น. ซึ่งพบผู้ติดเชื้อจากการตรวจ PCR+ATK จริง แต่เป็นจำนวน 347 ราย ไม่ใช่ 1,300 ราย ไม่ตรงตามโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กแต่อย่างใด 2. สหรัฐอเมริกาจะปล่อยเชื้อโควิดในประเทศไทย ผู้ที่ได้รับเชื้อจะมีอาการรุนแรงภายใน 2 ชม. และอยู่ได้ไม่เกิน 2-3 วัน ข้อมูลดังกล่าวถูกระบุว่า มีการแชร์ต่อกันในเฟซบุ๊กและในไลน์ จนสร้างความตื่นตระหนกให้ผู้ที่เข้าใจผิด ซึ่งทางกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ทำการตรวจสอบและพบว่าข้อความดังกล่าวไม่มีมูลความจริง 3. ยาฟ้าทะลายโจร สามารถกินก่อนติดเชื้อโควิด-19 ได้ แถมช่วยบำรุงรักษาตับ มีการแชร์ข้อมูลถึง ยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรว่า สามารถรับประทานกันไว้ก่อนเพื่อป้องกันติดเชื้อโควิดได้โดยไม่ทำลายตับ แต่ช่วยบำรุงรักษาตับได้อีกด้วย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) กระทรวงสาธารณสุข ตรวจสอบและพบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้นเป็นเท็จ โดยไม่พบงานวิจัยที่เชื่อมโยงในประเด็นดังกล่าวเลย ในทางกลับกัน หากใช้ฟ้าทะลายโจรติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน กลับจะยิ่งส่งผลรบกวนกับการทำงานของตับ ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง ไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อโควิด 2019ยาสมุนไพรพอเถอะบัง ตังผมหมด• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยหมูบิด เบี้ยวนัดเพื่อนหมูเกิดมาพบเชื่อโรบิดในสุกร โตมาเวลาเพื่อนชวนไปเที่ยวก็จะบิดนัดตลอดล้อเลียนสาวน้อยหมวกแดง• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยอันตรายที่คาดไม่ถึงของข่าวปลอมเรื่องมะเร็งวิทยา มะเร็งคือโรคที่ทำให้ชาวโลกเสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 รองจากโรคหัวใจ ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งถึง 18 ล้านคน (จากตัวเลขปี 2562) (1) และมีอัตราการเสียชีวิตถึง 15.7% มะเร็งเป็นที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวมากที่สุดโรคหนึ่งและทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกว่าเมื่อเป็นมะเร็งแล้วเหมือนกับถูกพิพากษาประหารชีวิตให้ตายทั้งstd48061• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยดื่มน้ำมะนาวผสมเกลือฆ่าโควิด-19 ได้ !ว่าการดื่มน้ำอุ่นผสมเกลือ น้ำสมุนไพร และน้ำมะนาว สามารถฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19std47719• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากพัสดุไปรษณีย์ไทยได้แจ้งขอให้ทุกท่านที่ได้รับจดหมาย หรือพัสดุไปรษณีย์ ให้ใส่ถุงไว้อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนเปิด หรือฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนนำเข้าบ้าน เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้วนั้น ไปรษณีย์ไทยแจ้งว่า ไม่เป็นความจริง และทางไปรษณีย์ไทยได้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรค COVID-19 อย่างเข้มงวด ตั้งแต่ผู้ปฏิบัติงาน สถานที่ รวมถึง การดูแลความสะอาดไปรษณียภัณฑ์ทุกชิ้น พร้อมพ่นยาฆ่าเชื้อรถขนส่งไปรษณีย์ทุกคัน เป็นต้นSanem Ntch• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกินเบกกิ้งโซดา ช่วยให้หายจากไข้หวัด-ไข้หวัดใหญ่"เบกกิ้งโซดา" หรือ "โซเดียมไบคาร์บอเนต" เป็นส่วนผสมหนึ่งในการทำเบเกอรี ไม่มีผลในการรักษาโรคใดๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม "โรคหวัด" นั้นสามารถหายได้เองใน 7-10 วัน การรักษาตัวเองเบื้องต้น ทำได้โดยการดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และอาจใช้ยาตามอาการที่ปรากฏ เช่น ยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก หรือยาแก้ไอ แต่หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรงขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโรค และรักษาต่อไปstd47878• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยคนผมบาง น้ำมะกรูดแก้หัวล้าน"ผมร่วง" เกิดได้หลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น เกิดจากการใช้ยา ใช้สารเคมีบางชนิด การติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา การทำงานของต่อมไร้ท่อผิดปกติ เนื้องอก หรือเกิดจากการแกะ การเกาของแต่ละบุคคล แล้วมะกรูด ช่วยรักษาผมร่วงได้จริงหรือ ความเชื่อนี้ อาจต่อยอดมาจากความจริงที่ว่า หากนำมะกรูดมาหมักผม จะช่วยให้เส้นผมเงางาม แต่ไม่ได้ช่วยแก้อาการหัวล้านแต่อย่างใด ดังนั้น หากมีปัญหาผมหลุดร่วง แบบผิดปกติ ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ควรไปปรึกษาแพทย์จะดีกว่า นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเชื่อที่ถูกส่งต่อกันทางโซเชียลมีเดียเท่านั้น ซึ่งความเชื่อผิดๆ เหล่านี้ ยังมีอีกมากมาย ดังนั้น ก่อนที่จะแชร์ หรือส่งต่อข้อมูลเหล่านี้ให้ใคร ควรเช็กก่อนทุกครั้ง ไม่อย่างนั้น ความหวังดี ก็เป็นเหมือนยาพิษดีๆ นี่เอง.atom.kanpai• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ทำให้เกิดมะเร็งเต้านมพออ่านเจอว่า เป็นมะเร็งปุ๊บ ก็ขยาดไว้ก่อน ยอมมีกลิ่นตัว แต่ไม่ยอมเป็นมะเร็ง ทั้งนี้ "กลิ่นกาย" เกิดจากแบคทีเรียบนผิวหนัง ที่เจริญเติบโตได้ดีในบริเวณที่มีเหงื่อมาก และแบคทีเรียเหล่านี้ จะผลิตสารที่มีกลิ่นออกมา จึงเกิดเป็นกลิ่นกาย ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย จึงมีสารที่ช่วยออกฤทธิ์ระงับกลิ่นกาย เช่น อะลูมิเนียมคลอโรไฮเดรต มีคุณสมบัติลดเหงื่อ โดยการอุดกั้นท่อต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อลดลง และเพิ่มน้ำหอมเป็นส่วนประกอบ ซึ่งยังไม่มีการศึกษาใดยืนยันได้ว่า สารเหล่านี้ทำให้เกิดมะเร็งเต้านมได้ แต่หากใครที่กังวล ก็อยากให้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ได้มาตรฐาน มีการปิดซีลผลิตภัณฑ์แน่นหนา หากใช้แล้วมีอาการระคายเคือง คัน แสบ แดง ให้หยุดใช้ หากไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์atom.kanpai• 2 ปีที่แล้ว
- 1 คนสงสัยกินบอแรกซ์ รักษาได้สารพัดโรคบอแรกซ์ เป็นสารเคมีชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่าโซเดียมเตตระบอเรต หรือที่รู้จักกันในชื่อผงกรอบ หรือน้ำประสานทอง เป็นสารที่ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรม เช่น ทำแก้ว เพื่อให้ทนต่อความร้อน หรือใช้เป็นสารประสานในการเชื่อมทอง ใช้เป็นส่วนประกอบยาฆ่าแมลง ใช้ชุบและเคลือบโลหะ แต่พบว่ามีผู้ลักลอบนำมาผสมในอาหาร เพื่อให้อาหารมีความหยุ่นกรอบ คงตัวได้นาน ไม่บูดเสียง่าย ดังนั้น บอแรกซ์ นับเป็นสารพิษร้ายแรงที่กฎหมายประกาศ ห้ามใส่ในอาหารทุกชนิด เพราะเป็นอันตรายกับทุกอวัยวะภายในร่างกาย โดยเฉพาะตับ ไต สมอง ระบบประสาทส่วนกลาง ระบบย่อยอาหาร และผิวหนัง ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับ บอแรกซ์ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องรุนแรง หน้าบวม ตาบวม เยื่อตาอักเสบ และหากได้รับบอแรกซ์ ในปริมาณที่มากเกินไป อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ อีกทั้ง ยังไม่พบงานวิจัย หรือมีหลักฐานที่ยืนยันแน่ชัดว่า สารบอแรกซ์สามารถรักษาโรคต่างๆ ได้อีกด้วยatom.kanpai• 2 ปีที่แล้ว

ไม่พบข้อความที่คุณค้นหา
หากคุณสงสัยว่าข้อความที่พบเป็นข่าวลวง ข่าวลือ หรือ ข้อความหลอก ที่ยังไม่พบใน Cofact กรุณาคลิกที่
สร้างข้อความ
