1 คนสงสัย
วันไหว้พระจันทร์
ปีนี้ตรงกับวัน อังคาร ที่ 21 กันยายน 2564
เป็นเทศกาลตามวัฒนธรรมจีนที่มีขึ้นในกลางฤดูใบไม้ร่วง เพื่อเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยว จะมีขึ้นในคืนวันเพ็ญเดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 21 กันยายน 2564 และในเทศกาลไหว้พระจันทร์นี้ ชาวจีนจะเฉลิมฉลองด้วยการไหว้ดวงจันทร์ในเวลากลางคืน ในบางประเทศ เช่น ฮ่องกง, ไต้หวัน, สิงคโปร์ หรือเวียดนาม จะจัดเป็นประเพณีใหญ่ มีการเฉลิมฉลองด้วยโคมไฟสีแดง เป็นสีสันยามค่ำคืน หรือบางแห่งอาจมีการเชิดมังกร ทั้งนี้จะมีชื่อเรียกต่างกันออกไปตามแต่ท้องถิ่น
ขนมไหว้พระจันทร์
นอกจากนี้แล้ว ยังมีขนมชนิดหนึ่ง เรียกว่า "ขนมไหว้พระจันทร์" ที่มีสันฐานกลมคล้ายขนมเค้ก ทำจากแป้ง มีไส้ต่างๆ เป็นธัญพืช ใช้เซ่นไหว้และรับประทานกันจนเป็นเอกลักษณ์สำหรับเทศกาลนี้ แต่ชาวสนุก! ดูดวงรู้หรือไม่ว่าประวัติความเป็นมาของวันไหว้พระจันทร์มีที่มาที่ไปอย่างไร...

ประวัติของวันไหว้พระจันทร์
เทศกาลไหว้พระจันทร์ของทุกปี (วันที่ 15 เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน) ทุกๆ ครัวเรือนจะซื้อขนมไหว้พระจันทร์มาไหว้พระจันทร์ พร้อมกับการชมพระจันทร์จนกลายเป็นประเพณีของจีนตลอดมา สำหรับประเพณีรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ในวันไหว้พระจันทร์นั้น เกิดขึ้นเมื่อสมัยมองโกลเข้ามาปกครองแผ่นดินจีน เมื่อชาวมองโกลกดขี่ข่มเหงและทำร้ายชาวจีนอย่างโหดเหี้ยม และเพื่อควบคุมดูแลชาวจีนอย่างใกล้ชิด ชาวมองโกลจึงส่งทหารของตนไปประจำอยู่ในบ้านของชาวจีนครอบครัวละ 1 คน เป็นอันว่าชาวจีนทุกๆ ครัวเรือนต่างต้องเลี้ยงดูทหารมองโกล 1 คน ทหารมองโกลเหล่านี้ยังก่อกรรมทำชั่วไปหมด

ทำให้ชาวจีนขุ่นเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง ต่อมาท่านหลิวปั๋วเวิน คิดได้วิธีหนึ่ง คือ ให้นำกระดาษเขียนข้อความ แล้วสอดไส้ไว้ในขนม เรียกร้องให้ชาวจีนทุกคนลงมือสังหารทหารมองโกลที่ประจำอยู่ในบ้านของตน อย่างพร้อมเพรียงกันในวันเพ็ญเดือนแปด ทั้งนี้เพื่อให้ชาวจีนที่ไปซื้อขนมมารับประทานกัน ต่างได้อ่านข้อความดังกล่าวและช่วยกันกระจายข่าวนี้ออกไป เพื่อก่อการปฏิวัติโดยพร้อมเพรียงกัน ณ วันเพ็ญเดือนแปด ทำให้สามารถโค่นล้มอำนาจการปกครองของมองโกลในที่สุด

เพื่อเป็นการฉลอง และรำลึกการกอบกู้แผ่นดินที่ประสบความสำเร็จ ประเพณีรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ในวันเทศกาลดังกล่าวจึงมีการสืบทอดกันตลอดมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าแห่งหนใดที่มีชาวจีนเดินทางไปถึงก็จะพาประเพณีรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ ไปด้วย สำหรับขนมไหว้พระจันทร์ที่แพร่หลายในไทยนั้น เป็นแบบของกวางตุ้งโดยส่วนใหญ่ หลายปีที่ผ่านมา ขนมไหว้พระจันทร์ที่ผลิตในไทย ไม่ว่าด้านคุณภาพ รสชาติ และการบรรจุล้วนมีระดับที่สูงขึ้น 

ขนมไหว้พระจันทร์
ซึ่งขนมไหว้พระจันทร์ในปัจจุบันขนมไหว้พระจันทร์ได้มีการดัดแปลงทั้งรสชาติและรูปร่างหน้าตาให้ดูทันสมัยหลากหลายไส้มากขึ้น แต่ก่อนที่เราจะไปทราบว่าไส้ต่างๆ ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดมีอะไรบ้างเรามารู้กันสักนิดว่า "ขนมไหว้พระจันทร์" ทำไมต้องเป็นทรงกลม คำตอบก็คือเพราะขนมไหว้พระจันทร์เป็นขนมที่เราใช้ไหว้พระจันทร์ จึงต้องทำออกมาในลักษณะทรงกลมคล้ายดวงจันทร์นั่นเอง ส่วนตัวขนมจะทำจากแป้งและใส่ไส้เอาไว้ภายใน เจ้าไส้ที่ว่านี่แหละที่เป็นจุดเด่นที่ทำให้ขนมไหว้พระจันทร์มีจุดเด่นต่างกันออกไป ซึ่งส่วนใหญ่หากเป็นแบบต้นตำหรับจะเป็นธัญพืชต่างๆ เช่น ทุเรียน, เมล็ดบัว, แมคคาเดเมีย, พุทราจีน เป็นต้น
ขนมไหว้พระจันทร์มีไส้อะไรบ้าง
ขนมทรงกลม สามารถใส่ไส้ได้หลากหลาย แต่ขนมแบบดั้งเดิมจะนิยมใช้เป็นไส้ธัญพืชและเนื้อของผลไม้กวนหลากรส มักใช้เป็นผลไม้ที่เก็บไว้ได้นานผ่านการแปรรูปแล้วเช่น ทุเรียนกวน, เมล็ดบัว, ถั่วกวนต่างๆ ส่วนในปัจจุบันมีการดัดแปลงไส้ต่างๆ ให้มีความหลากหลาย มากยิ่งขึ้น โดยการเพิ่มเนื้อสัตว์ต่างๆ เข้าไป เช่น ขนมไว้พระจันทร์ไส้หมูแฮม ไส้ไข่เค็ม ไส้หมูแดงและหมูหยองเป็นต้น

แต่ในปัจจุบันก็ได้มีการดัดแปลงทำให้ทันสมัยและรับประทานง่ายขึ้นด้วยการทำไส้ที่หลากหลายเช่น ชาเขียว อัลมอลด์ ช็อกโกแลต ครีมคัสตาร์ด หรือบางแห่งก็จะทำออกมาคล้ายๆ ขนมโมจิ มีสีสันและรูปทรงน่ารับประทานมากขึ้นนั่นเอง พอเรารู้จักที่มาที่ไปประวัติวันไหวพระจันทร์กันแล้ว และได้รู้ถึงเรื่องราวของขนมไหว้พระจันทร์กันไปพอสมควรสิ่งต่อไปก็คือ ขั้นตอนของการไหว้พระจันทร์ต้องทำอย่างไร?

ขั้นตอนพิธีการไหว้พระจันทร์
พิธีไหว้พระจันทร์จะไหว้กลางแจ้งหลังพระอาทิตย์ตกดินหรือเริ่มตอนหัวค่ำ (เมื่อเห็นพระจันทร์ก็สามารถไหว้ได้เลย) การตั้งโต๊ะจะจัดให้เรียบร้อยก่อนพระจันทร์ลอยสูงเกินขอบฟ้า และเก็บก่อนที่พระจันทร์เลยหัวไปหรือเมื่อเทียนดอกใหญ่ดับลง สถานที่ไหว้พระจันทร์อาจเป็นลานบ้านหรือดาดฟ้าก็ได้

เครื่องบวงสรวงที่ใช้จะไหว้ด้วยของเจเหมือนไหว้เจ้าแม่กวนอิม ซึ่งไหว้พระจันทร์เพื่อให้มีคู่ คนจีนจะถวายอาหารเป็นเลขคู่ แต่บางคนอาจถวายอย่างละ 5 ก็ได้ ของไหว้ควรเป็นของแห้ง เพราะการไหว้พระจันทร์จะทำพิธีในตอนกลางคืน หากไหว้ด้วยของสดอาจเน่าเสียได้ง่าย

ของไหว้ประกอบไปด้วย
น้ำชาหรือใบชา 4 ถ้วย
อาหารเจ 4 อย่าง เช่น วุ้นเส้น, ดอกไม้จีน, เห็ดหูหนู, เห็ดหอม, ฟองเต้าหู้ เป็นต้น
ขนมหวาน 4 อย่าง เช่น ขนมไหว้พระจันทร์ ขนมเปี้ยะ สาคูแดง 4 ถ้วย ขนมโก๋สีขาว
ผลไม้ 4 อย่าง ควรเป็นผลไม้ที่เป็นมงคล เช่น
- ทับทิม ที่มีเมล็ดมากมาย หมายถึง การมีลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง
- แอปเปิ้ล หมายถึง ความสงบสุข สันติ
- ส้มโอ หัวเผือก
- องุ่น หมายถึง มีแต่ความเพิ่มพูน
- ส้ม หมายถึง เป็นสิ่งมหามงคล
- สาลี่ หมายถึง มีแต่เรื่องดีๆ สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต
ดอกไม้สด 1 คู่ ธูป 3 ดอก หรือ 5 ดอก เทียน 1 คู่ และกระถางธูป
ของใช้ส่วนตัวของผู้หญิง เช่น ชุดเครื่องแป้ง เครื่องสำอาง เครื่องประดับ เครื่องแต่งกายของผู้หญิง
โคมไฟ เพื่อให้มีชีวิตที่สว่างไสว
อ้อย 1 คู่ สำหรับทำเป็นซุ้ม
กระดาษไหว้พระจันทร์ กระดาษเงิน กระดาษทอง เช่น ค้อซี, กอจี๊, เนี้ยเก็ง, โป๊ยเซียนตี่เอี๊ย คือ กระดาษเงินกระดาษทอง, เนี้ยเพ้า คือ ชุดเจ้าแม่พระจันทร์
จากนั้นนำขอทั้งหมดมาจัดวาง เริ่มจากการตั้งโต๊ะ มีซุ้มประตูที่ทำจากต้นอ้อยผูกโคมไฟไว้กับต้นอ้อยให้สวยงาม วางกระถางธูป เทียนไว้ด้านหน้าสุด ดอกไม้วางไว้สองข้าง ผลไม้จัดตามความสวยงาม ส่วนขนมไหว้พระจันทร์ที่จัดเรียงเป็นชั้น วางขนมโก๋ และขนมหวานต่างๆ รอบโต๊ะวางประดับประดาด้วยกระดาษลวดลายที่มี อย่างไรก็ดีการจัดตั้งโต๊ะนั้นไม่ตายตัวเสมอไป แล้วแต่ใครมีวิธีการที่ต่างกันไปเน้นความสวยงามเป็นหลัก จากนั้นก็ไหว้อธิษฐานขอพรต่อพระจันทร์
บทสวดไถ่อิมแชกุงเสี่ยเก็ง “พระคัมภีร์แม่พระจันทร์”

ไถ่ อิม ผ่อ สัก เฮี่ยง ตัง ไล๊
โชย เต๊ง ตี่ เง็ก กิ๋ว เต่ง ไค
จับ บ่วง โป้ย โซย จู ผ่อ สัก
จู ฮุก ผ่อ สัก เหลียง เปียง ไป๊
จู จุง ฮุก เก่ง บ่อ ฮุ๊ง ตี่
ฉุก จุ้ย โน๊ย ฮวย หมั๋ว ตี่ ไค
ท้าว ตั่ว ฉีก จั๊ง จู ป้อ ถะ
พั๊ว ซอ สี่ ไก่ งั้ง กวง เม็ง
เจก ฮุก ป่อ ตับ ที ตี่ อึง
หยี่ ฮุกป่อ ตับ แป๋ บ้อ อึง
ต่อ แซ แป่ บ้อ เจ็ง ฮก ซิ่ว
ก่วย สี่ แป่ บ้อ จ๋า เถี่ยว แซ
นำ มอ ฮุก นำ มอ หวบ
นำ มอ ออ นี ถ่อ ฮุก
ที ล๊อ ซี๊ง ตี่ หล่อ ซี๊ง
นั๊ง หลี่ หลั่ง หลั่ง หลี่ ซิง
เจก เฉียก ใจ เอียง ฮ่วย อุ่ย ติ๊ง
อู่ หนั่ง เนี่ยม ติ๊ก ฉีก เพียง ไถ่ อิม เก็ง
แซ ซี่ ปุก ตะ ตี่ เง็ก มึ๊ง
ถ้าหากใครที่ไม่สะดวกจะเตรียมของมากมายดังที่กล่าวไว้ สามารถใช้เพียงขนมไหว้พระจันทร์หรือขนมอื่นๆ ร่วมด้วยแต่ต้องเป็นขนมรูปทรงกลม รวมไปถึงของใช้ที่จำเป็นสำหรับผู้หญิง และโหลหรือชามใส่น้ำตั้งเอาไว้เพื่อให้เป็นแสงสะท้อนจากเงาจันทร์เสมือนว่าเราได้อาบแสงจันทร์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ไหว้นั่นเอง

และสุดท้ายสิ่งที่หลายๆ คนหรือหลายๆ ครอบครัวจะได้จากการไหว้ใน วันไหว้พระจันทร์ ก็คือสมาชิกในครอบครัวได้มาอยู่พร้อมหน้ากันเพราะวันดีๆ แบบนี้จะมีเพียงปีละครั้ง นอกจากนี้ยังจะได้รับประทานอาหารพร้อมหน้ากันภายใต้พระจันทร์เต็มดวง อันเป็นการนำความสุขสมบูรณ์มาสู่สมาชิกครอบครัวได้เป็นอย่างดี นับว่ามีคุณค่าแก่การสืบทอดและเผยแพร่ตลอดไป
ไม่ระบุชื่อ
 •  3 ปีที่แล้ว
meter: true
1 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)
Thanathun. เลือกให้ข้อความนี้✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด

เหตุผล

วันไหว้พระจันทร์ ปีนี้ตรงกับวัน อังคาร ที่ 21 กันยายน 2564 วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินทางจันทรคติของทุกปี ผู้คนทั่วโลกหลายร้อยล้านคนต่า

ที่มา

https://www.sanook.com/horoscope/69721/
https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/958544

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่ ให้ร่วมบุญช่วยช้าง มีการแนบเลขบัญชี เป็นเรื่องจริงหรือไม่
    21-4-64 พระครูอ๊อด วัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่ พระครูอ๊อด เป็นเจ้าภาพ 200,000 บาท #ไม่รู้ว่าจะช่วยเจ้าได้หรือไม่ #ครั้งหนึ่งในชีวิตไถ่ชีวิตช้าง #ฝากบุญใหญ่ให้ญาติธรรมทั้งหลาย #วันนี้ไปดูช้างเห็นแล้วสงสารอยากจะไถ่ชีวิตช้างเชือกนี้มาก เหมือนเขาอยากให้เราช่วยปลดโซ่พันธนาการออกจากเท้าให้ สังเกตุเห็นเอางวงจับที่โซ่หลายครั้ง เลยถามเจ้าของเขาก็อยากจะขาย เลี้ยงไม่ไหวเพราะพิษโควิด #หากไถ่ชีวิตช้างเชือกนี้ได้คงจะเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ และจะขอน้อมถวายให้เป็นมรดกแห่งความเมตตาเป็นพุทธบูชาในวันวิสาขบูชา (วันพุธที่ 26 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้) และจะมอบช้างเชือกนี้ ให้เป็นมรดกของแผ่นดินเพื่ออนุรักษ์ ต่อไป ช้างอายุแค่ 8 ปี ราคา 1,180,000 บาท (หนึ่งล้านหนึ่งแสนแปดหมื่นบาท) #วันนี้เลยตัดสินใจ รวบรวมปัจจัยที่โยมถวายพระครูอ๊อดมา จากการเทศน์ การบรรยาย งานสวด และ การสอนหนังสือ มาเททำบุญไถ่ชีวิตให้เจ้าทั้งหมดเลยนะ จำนวน 200,000 บาท #ใจอยากทำก็ทำ ทำแล้วสุขใจพระครูอ๊อดไม่คิดอะไรมาก #แค่อยากให้โยมที่ถวายปัจจัยพระครูอ๊อดมาได้บุญมากๆ แอบตั้งชื่อช้างเชือกนี้ไว้ในใจว่า #เจ้าพลแสน (วาสนาพระครูอ๊อดยังน้อย ไม่รู้จะช่วยเจ้าได้แค่ไหนนะ) #ร่วมบุญได้ที่ "ธ.กรุงไทย 540-0-18694-7" #สอบถามราละเอียดได้ที่ 0808500184 พระครูสังฆรักษ์วีรวัฒน์ วีรวฑฺฒโน (พระครูอ๊อด) วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่ ร่วมบุญได้ไม่เกินวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 นี้ (วันที่ 26 พฤษภาคม คือ วันวิสาขาบูชา) #อานิสงส์ช่วยเหลือชีวิตเป็นทาน 1. เป็นผู้ต่อชีวิต ย่อมได้ชีวิตที่ยืนยาว ปลอดภัย มีความสุข และตราบใด ที่ยังไม่สิ้นอายุขัยบุคคลนั้น จะไม่มีกรรมใดๆมาตัดรอนได้ 2. สัตว์ที่พ้นจากที่คุมขังแล้ว อยู่ด้วยความปลอดภัยย่อมดีใจ ปลาบปลื้มใจ ฉันใด บุคคลผู้ให้ชีวิตสัตว์เป็นทาน ก็ย่อมได้รับความปลาบปลื้มใจฉันนั้น 3. ผู้ไห้ชีวิตสัตว์เป็นทานอยู่เป็นนิจ เขาเหล่านี้ย่อมพบแต่มิตร ปราศจากศัตรูมาแผ้วพาน 4.การช่วยให้สรรพสัตว์พ้นจากที่คุมขัง และอันตราย ย่อมส่งผลให้สามารถหลุดพ้น จากเครื่องพันธนาการน้อยใหญ่ ทั้งหลาย #ขออานิสงส์แห่งบุญใหญ่ครั้งนี้จงเกิดแก่ญาติธรรมทุกท่านและครอบครัวอย่างมหาศาล 1 แชร์ 1 บุญใหญ่
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    #อย่าหยิบดอกไม้จันทน์ให้ใคร. มีเหตุผล
    #อย่าหยิบดอกไม้จันทน์ให้ใคร. มีเหตุผล เรื่อง "ความเชื่อความถือ" โบราณของดอกไม้จันทน์ ในวันฌาปนกิจศพคุณพ่อเพื่อนที่ฌาปนสถาน มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งถามผมว่า ทราบไหมว่าทำไมเขาห้ามหยิบดอกไม้จันทน์ใหักัน ผมก็ตอบแบบเดาๆว่า น่าจะส่งให้คนตายเท่านั้นมั้งครับ ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน มาค้นหาเรื่องเล่าแต่เก่าก่อน เออ ! ใช่จริงด้วย เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง - งานศพ เขาไม่หยิบดอกไม้จันทน์เผื่อ ให้ใคร หรือหยิบให้ใคร ต่างคนต่างหยิบเพราะ ดอกไม้จันทน์เป็นของสูง (ไม้จันทน์เป็นไม้ศักดิ์สิทธ์) ..เพื่อส่งให้คนตายเท่านั้น การหยิบส่งให้ใครนั้น เสมือนหยิบยื่นความเศร้า/ความตายให้ - อีกประการหนึ่งเขาไม่ชม ดอกไม้จันทน์ว่า "สวย" เพราะเปรียบเสมือนคนชมอยากได้ดอกไม้จันทน์ ..ข้อนี้ เพิ่งรู้ เพื่อนของเพื่อนทีที่ไปทำดอกไม้จันทน์เพื่อใช้ในงานพระราชทานเพลิงศพ เขาชมกันว่า "ฝีมือดี" แล้วบอกไว้ว่า อย่าชมว่าสวยนะครับ เขาถือ เล่าสู่กันฟังนะ..เพิ่งรู้เหมือนกัน ฉะนั้น เจ้าภาพงานศพก็ไม่ควรเอาดอกไม้จันทน์ไปแจกให้แขก และมันยังทำให้ลำบากใจที่ต้องดูแล ระมัดระวัง จะตกหล่น หาที่เก็บ บางครั้งก็เผลอรับไหว้กันอีก ควรจัดไว้ทางขึ้นเมรุจะเหมาะกว่าค่ะ และถ้าจำเป็นต้องทักทายกันในขณะถือดอกไม้จันทน์ ก็เอาแค่โค้งคำนับและกล่าวทักทาย ไม่ควรยกมือไหว้ขณะที่ดอกไม้จันทน์อยู่ในมือ ผู้รู้แนะนำมา
    Mrs.Doubt
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ข้อความนี้ พระเทพฯ ทรงให้สัมภาษณ์ จริงหรือไม่
    ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึงพ่ออยู่หัว ร.9 พระเทพฯ ทรงกล่าวให้สัมภาษณ์ 1. จากนี้ไปประเทศไทยของเราจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีก อาจมีหลายสิ่งเปลี่ยนไป รอยต่อของคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่อาจชัดเจนขึ้น มันคือการเปลี่ยนผ่านในวันที่พ่อไม่อยู่ ทุกคนมีสิทธิ์เสียใจ และควรเสียใจ ทุกคนมีสิทธิ์กลัว และควรกลัว แต่จงตระหนัก เตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงด้วยสติปัญญา 2. พ่อคือตัวแทนของความพอเพียง เป็นต้นฉบับของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในวันที่ประเทศไทยกำลังถูกปั่นด้วยกระแสความโลภ จงหยิบภูมิปัญญาของท่านมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จดจำหลอดยาสีฟันของท่านไว้ จดจำการแต่งกายที่เรียบง่ายของท่านไว้ อะไรที่ประหยัดได้จงประหยัด อะไรที่พึ่งพาตนเองได้จงพึ่งพา อะไรที่แบ่งปันได้จงแบ่งปัน เมื่อยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้แล้ว เราจะพึ่งพาผู้อื่นน้อยลง 3. พ่อเป็นผู้มีความเพียรดุจพระมหาชนก ท่านเป็นผู้ว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรโดยไม่เคยถามว่าเมื่อไหร่จะถึงฝั่ง ความคิดเช่นนี้ทำให้ท่านทำงานที่ยิ่งใหญ่ได้ ฝากถึงคนไทย อย่าทำงานด้วยตัณหา อย่าขับเคลื่อนชีวิตด้วยความอยากมี อยากได้ อยากเป็น อย่าให้อำนาจวัตถุบังตาจนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี จงขับเคลื่อนชีวิตและการงานด้วยฉันทะ ความรัก ความเมตตา ด้วยประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เหมือนที่พ่อเคยทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง 4. พ่อยืนเคียงข้างคนยากจนเสมอ คนจนอยู่ที่ไหนท่านก็อยู่ที่นั้น ท่านเดินทางบุกป่าฝ่าดงไปเยี่ยมพวกเขาถึงบ้าน เป็นพระราชาผู้อยู่ง่าย กินง่าย ไม่ยึดติดความหรูหรา เมื่อพ่อไม่อยู่แล้ว เราอย่าหลงลืมปณิธานข้อนี้ อย่าทอดทิ้งคนยากจน จงหยิบยื่นโอกาสให้ผู้ด้อยกว่า อย่าใช้ช่องว่างกฎหมายซ้ำเติมและเอาเปรียบผู้อื่น 5. ไม่มีท่าน เราจะมานั่งทะเลาะกันเหมือนในอดีตไม่ได้ เพราะไม่มีใครที่จะมาห้ามเราได้ ไม่มีใครอีกแล้วที่เราจะเกรงใจ รับฟังเหมือนที่เคยรับฟังท่าน ถ้าทุกฝ่ายไม่คิดถึงข้อนี้ให้มาก ถ้ายังเอาแต่ความคิดตนเป็นใหญ่ ประเทศไทยที่เรารัก ย่อมตกอยู่ในฐานะอันตราย เมื่อพ่อไม่อยู่แล้ว จงรักและถนอมน้ำใจกันให้มากกว่าที่ผ่านมา 6. สิ่งที่พ่อทิ้งไว้ ไม่ใช่เพียงอิฐ หิน ปูน ทราย แต่เป็นความรู้ขั้นปรีชาญาณ เราอาจรักษาร่างกายท่านไว้ไม่ได้ เพราะนั่นคือกฎธรรมชาติ แต่เราสามารถรักษาภูมิปัญญาของท่านไว้ได้ จงค้นคว้าข้อมูลทางเทคนิคต่างๆ ฝนเทียมเกิดได้อย่างไร กังหันน้ำชัยพัฒนาคืออะไร มันมีความน่าทึ่งยังไงในมิติทางวิศวกรรม การเพาะปลูกโดยไม่พึ่งสารเคมีทำได้อย่างไร การพัฒนาดิน รักษาน้ำ ชุบชีวิตป่าเป็นอย่างไร ทำไมท่านไม่สนับสนุนให้ปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำไมท่านจึงส่งเสริมให้ชาวบ้านรู้จักการห่มดิน ท่านเคยสร้างรากฐานอันใดไว้ให้วงการเกษตรกรรมของชาติ สิ่งเหล่านี้ควรสนับสนุนให้มีการร่ำเรียนกันเป็นระบบ ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย ถ้าเราทำเช่นนี้ได้ภูมิปัญญาที่ท่านคิดค้นมาหลายสิบปีจะไม่สูญหายไปจากสังคมไทย 7. จากนี้ไปจะมีคนอีกมาก ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง อาจมีคนที่ไม่เข้าใจท่านออกมาพูดในสิ่งที่เราไม่ชอบ จงใช้สติ อดทน ไม่โต้ตอบ เหมือนที่ท่านได้กระทำมาชั่วชีวิต พระพุทธเจ้าตรัสไว้เสมอ ไม่เคยมีสันติภาพใด เกิดจากความรุนแรงและคำด่าทอ 8. พ่อเป็นผู้ค้ำชูศาสนาโดยแท้จริง ไม่ใช่ด้วยคำพูด หรือแค่เม็ดเงินบริจาค แต่ท่านคือผู้พิสูจน์ธรรมะด้วยกายใจ ในฐานะผู้ปฏิบัติธรรม ท่านคือนักภาวนาที่หาตัวจับยาก เป็นผู้มีอานาปานสติเป็นวิหารธรรม ทำไมพ่อทำงานหนัก แต่ยังมีเวลาภาวนา ทำไมเราทำงานน้อยกว่าท่าน แต่เรากลับอ้างว่าเราไม่มีเวลา สิ่งนี้ต้องคิดให้มาก เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเอง 9. พ่อคือครูผู้ยิ่งใหญ่ที่สอนด้วยชีวิตและการกระทำ ชีวิตคือธรรมะ และธรรมะก็คือชีวิตที่ตั้งอยู่ในความธรรมดาที่เกิดขึ้นกับเราทุกคน พ่อกำลังบอกเราว่า จงดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท ทำให้ดีที่สุดในวันนี้ จะไม่ต้องติดค้างเสียใจในภายหลัง 10. แม้วันนี้พ่อจะไม่อยู่ แต่ขอให้ชาวไทยจงวางใจว่า สถานที่ที่ท่านเดินทางไปนั้น น่าอยู่และงดงามกว่านี้หลายเท่า ท่านคือพระโพธิสัตว์ผู้ผ่านมาสร้างแสงสว่าง การเกิดของท่านในชาตินี้เป็นการเกิดที่สมศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และเราทั้งหลายควรภูมิใจไปกับท่าน ท่านคงไม่อยากให้เราคนไทยถูกทับถมด้วยทะเลแห่งความเศร้า อย่าทิ้งหน้าที่ อย่าทิ้งการงาน และสิ่งต่างๆ ที่รับผิดชอบอยู่ จงตั้งสติให้มั่นคง เป็นกำลังสมาธิ เป็นความสว่างเบิกบาน เพื่อน้อมส่งท่านสู่สวรรค์คาลัย ด้วยหัวใจแห่งความรักของเราชาวไทยทุกคน… อ่านจบ อดไม่ได้ที่จะแชร์ต่อ เพราะเป็นประโยชน์มากๆ ควรจดจำให้ขึ้นใจ..ทิ้งไม่ได้แม้แต่ข้อเดียว..เลยคัดลอกมาให้ทุกท่านได้อ่านด้วยกัน นะคะ.. เขียนด้วยความรัก สำนึก และบูชาตลอดไป อ่านแล้วน้ำตาไหล 😭 😭
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ซอยอรุณมักกินนอน
    ถ่ายทอดมาเล่าให้ฟังอีกต่อนะคะ “จะเล่าเรื่องที่ซาบซึ้ง ที่สุดในรอบปีนี้ เรื่องนึงของเรา ให้ฟังนะ.. เมื่อวานท่านฑูตออสเตรเลีย ซึ่งครบกำหนดวาระประจำประเทศไทย ต้องเข้าวังฯกราบบังคมทูลลา ในหลวง ท่านทูตก็เป็นกังวลว่า จะคุยอะไรกับในหลวงของเราดี? ก็เลยมาปรึกษากับคนไทยในสถานทูตชื่อพี่แอล ๆ ก็เลยบอกว่า โดยปรกติทุกคนก็จะคุยแต่เรื่องเครียด ๆ ระวังตัวกัน ท่านทูตก็คุยเรื่องโจ๊ก ของชื่อท่าน ให้ในหลวง ท่านฟังสิ เพราะท่านทูตคนนี้ ท่านชื่อ Mr. Arun McKinnon ท่านก็รับฟัง เพราะท่านทูตคนนี้ตัวใหญ่ อ้วนมาก ๆ เรื่องโจ๊ก ก็คือ..เวลาไปที่ไหน ๆ..คนไทยก็จะเรียกท่านว่า นายอลัน มัก-กิน-นอน ท่านก็เอาโจ๊กนี้ไปเล่า สนทนาให้ในหลวงฟัง และ..กราบบังคมทูลว่า..ถนนซอยที่ข้าง ๆ สถานทูตญี่ปุ่น ตัดเข้าไปถึงสถานทูตออสเตรเลีย ยังไม่มีชื่อซอยเลย เพราะข้าง ๆ กำลังก่อสร้างเป็นศูนย์การค้าใหญ่ เต็มพื้นที่ไปจรดสี่แยกวิทยุ อยู่ตอนนี้.. มาวันนี้..เมื่อกี้นี้..สำนักพระราชวังโทรมาหาพี่แอล (หน้าห้องท่านทูต) แจ้งให้ทราบว่า ในหลวงโปรดเกล้า พระราชทาน "ชื่อซอย" ที่จะเข้ามายังสถานทูต ตามที่ท่านทูตขอไป!!!!คือ "ซอยอรุณมักกินนอน”
    Mrs.Doubt
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    หนังสือเรียนวิชาอิสลาม ระบุ ห้ามไหว้ผู้มีพระคุณ เพราะผิดหลักศาสนา เป็นความจริงหรือไม่
    ได้ข่าวมา
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    Covid-19: Alert Code Red - We are under attack! เรากำลังโดน Wave#2 โจมตีแบบ Full-Scale ครับ เตือนภัยระดับสูงมากนะครับ เวลาได้หมดลงแล้ว มันชัดแล้วว่าเรากำลังโดนโจมตีแบบ Exponential จาก Wave#2 ซึ่งถ้าเราทุกคนยังไม่ทำอะไรที่เข้มงวดขึ้นกว่านี้อย่างมากถึงมากที่สุด อีกไม่เกิน 1 เดือน เราจะเผชิญกับหายนะทางเศรษฐกิจและสุขภาพ ในแบบที่ยากยิ่งแก่การจินตนาการครับ ต้องย้ำนะครับ ตั้งแต่จบ WW2 มา นี่คือสถานการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดบนโลกนี้ และรวมถึงในประเทศนี้ด้วยครับ ก้าวข้ามเส้นอันตราย: เราได้ก้าวข้ามสถานการณ์ในระดับเดียวกับเมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2020 ของ Wave#1 มาแล้ว ตอนนั้นผู้ติดเชื้อสะสม 599 โดยมี %Increase ระดับ 20% เราตัดสินใจ Lockdown เข้มงวดทั้นที และจบได้ภายใน 56 วัน ณ วันนี้ Wave#2 เฉพาะแค่ติดเชื้อในประเทศไม่รวมแรงงานต่างด้าว ก้าวข้ามเส้นนั้นมาแล้ว โดยแตะระดับ 603 คน ที่ %Increase สูงถึง 28.57% ซึ่งร้ายแรงมากและแสดงถึงการโจมตีแบบ Exponential ในรูปแบบของ Wave#2 แบบเดียวกับที่ Virus เข้าโจมตียุโรป ความล้มเหลวของ Soft Lockdown ในยุโรป และความพ่ายแพ้ของเยอรมนี: ยุโรปโดยเฉพาะเยอรมนีเคยชนะ Wave#1 มาอย่างมั่นใจ เมื่อ Wave#2 มาถึงจึงใช้การต่อสู้ที่เบาลงโดยใช้แค่ Soft Lockdown สุดท้าย EURO5 เข้าสู่หลักล้านกันทั่วหน้า พร้อมกับผู้เสียชีวิตจำนวนมากภายในเวลาไม่ถึงสองเดือน เยอรมนีถูกโจมตีแบบแทบไม่ทันตั้งตัว ตัวเลขวิ่งจาก 400,000 ไปเป็น 1,000,000 ภายในเวลาแค่ 35 วัน และผู้เสียชีวิตจาก 9,000 ของ Wave#1 กลายมาเป็น 31,000 เยอรมนีสูญเสีย 20,000 ชีวิตในเวลาแค่ 2 เดือน ทั้งๆที่เป็นประเทศที่เตรียมตัวมาพร้อมมากๆ ไทย กับ Soft Lockdown ที่ไม่เป็นผล: นับตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. ผ่านมาแล้ว 11 วัน เราทยอยทำ Soft Lockdown ทีและพื้นที่ และตัวเลข %Increase ก็ยังไม่ลดลงไปต่ำกว่า 30% อย่างมีนัยยะสำคัญ ผมคิดว่าตัวเลขได้บอกเราชัดเจนว่า "หมดเวลาแล้ว" แต่ต้องกราบเรียนทีมงานสาธารณสุขทุกท่านครับว่าไม่มีเหตุผลใดที่เราจะต้องเสียใจกับ Soft Lockdown ที่ไม่ได้ผล เพราะมันไม่เคยได้ผลเลยเมื่อเผชิญหน้ากับ Wave#2 ไม่ว่าจะในยุโรป ญี่ปุ่น เมียนมาร์ หรือมาเลเซีย ทุกประเทศทำไปได้แค่จุดนึง ระบบสาธารณสุขล่ม ก็ต้องกลืนเลือดแล้ว Full-Scale Lockdown ครับ ผมว่าเราได้พยายามเต็มที่อย่างดีที่สุดแล้วครับ มองตัวเลขไปข้างหน้า ถ้า %Incrase ยังเป็น 30% และข่าวร้าย: ผมทำกราฟของ %Increase และ Total Case มาให้ดูนะครับ ของไทยที่ไม่รวมแรงงานต่างด้าวคือสีม่วง เส้นสีม่วงประคือเส้นพยากรณ์ถ้าเรายังไม่ทำอะไรที่ดีกว่านี้ สีเขียวคือไทยที่รวมแรงงานต่างด้าว และสีแดงคือเมียนมาร์ ส่วนสีเหลืองคือดานัง ซึ่งเราไม่ต้องมองแล้วครับเราไม่มีทางทำได้แล้ว ข่าวร้ายที่ 1: กราฟเราตอนนี้ แย่กว่า Wave#2 ของเมียนมาร์ครับ %Increase พอๆกัน แต่เราเปิดที่ตัวเลขสูงกว่ามาก และเมียนมาร์หลังจากนี้กราฟจะลดลงเพราะเขาทำ Hyper Lockdown ที่ย่างกุ้งครับ ข่าวร้ายที่ 2: เราเข้าสู่ Exponential ที่จุดพุ่งขึ้นชันแล้วครับ Golden Period ได้ผ่านไปแล้ว ข่าวร้ายที่ 3 ตัวเลขที่เราจะเห็น ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป: กรณี Wave#2 ไม่รวมแรงงานต่างด้าว 1 ม.ค. ตัวเลขระดับ 1,400 คน 8 ม.ค. ตัวเลขระดับ 10,000 คน 16 ม.ค. ตัวเลขระดับ 100,000 คน 31 ม.ค. ตัวเลขระดับ 1,000,000 คน ผมคิดว่า ไม่มีทางที่เราจะหยุดไวรัสตัวนี้ได้ด้วย Soft Lockdown ยุโรปลองมาแล้ว สุดท้ายก็ต้องไป Lockdown ที่ตัวเลขหลักล้าน เพราะสู้ไม่ไหวจริงๆ และเสียหายหนักมาก หลายคนอาจจะคิดว่าพอติดไปเยอะๆเดี๋ยวตัวเลขต่อวันมันจะอิ่มตัว ก็ลองกัน แล้วสุดท้ายมันก็ขึ้นไปได้เรื่อยๆเป็นวันละหมื่น หลายหมื่น เป็นแสน จนต้องยอมแพ้ เตรียมพร้อมครับ สำหรับการเจ็บแต่จบ: ผมคิดว่า รัฐบาลกำลังชั่งใจว่าจะ Lockdown ก่อนหรือหลังปีใหม่นะครับ ผมคิดว่าพวกเราทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้แน่นอน ทุกท่านที่เดินทางไปเที่ยวปีใหม่ ฉลองกันในที่ต่างๆ ผมแนะนำแบบนี้ครับ 1. ดื่มด่ำกับมันให้เต็มที่ อย่างมีสติ เพื่อเตรียมพลังใจสำหรับ Stay Home 2. หลังปีใหม่เดินทางไปที่ที่ท่านคิดว่าจะอยู่ที่นั่นอีก 3 เดือน 3. ทำธุระสำคัญ หาหมอ ตัดผม ซื้อของที่จะทำให้การอยู่บ้านมีความสุข 4. เมื่อจะออกจากโรงแรม จะออกจากร้านอาหาร ช่วยกันทิปให้มากๆ พนักงานเหล่านั้น พวกเขาจะลำบากไปอีกหลายเดือน เราจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเขาไปอีกนาน 5. Work From Home ทันทีหลังปีใหม่ มีคนจำนวนมากที่ยังไงก็ต้องเดินทางไปทำงาน การ WFH ของท่านจะช่วยลดความเสี่ยงของคนที่เขาไม่มีทางเลือก 6. ส่งกำลังใจให้ทีมงานสาธารณสุขของเรามากๆ พวกเขาคือด่านหน้า และศึกนี้หนักหนาสาหัสอย่างยิ่ง แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยตั้งแต่เราตั้งโรงเรียนแพทย์มาครับ ผมอยากจะย้ำอีกครั้งครับว่า แม้เราจะไม่มีทาง Save ปีใหม่ วันเด็ก และตรุษจีนได้แล้ว แต่ผมเชื่อว่า เรายัง Save สงกรานต์ปีหน้าได้อยู่ เรายังไม่สายเกินไปที่จะหยุด Virus ตัวนี้ครับ ช่วยกันครับ อยู่บ้าน WFH ดูแลกันและกัน ส่งกำลังใจผู้คนที่ต่อสู้ แล้วอีก 3 เดือนเราจะเตรียมออกมาฉลองปีใหม่ด้วยกันครับ "สงกรานต์" ปีใหม่ไทยของพวกเราครับ #Saveสงกรานต์
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    อือฮา แห่บูชาน้ำผุดใต้ต้นลำใย เชื่อป่วยไข้ดื่มกิน ทารักษาโรคหายขาด
    ฮือฮาบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ผุดใต้ต้นลำไย ลานหน้าบ้าน 2 ตายาย ชาวบ้านแห่ตักกิน-บูชากราบไหว้ ทาตามตัวรักษาโรค เชื่อหายขาด อาการดีขึ้น เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.62 ที่บ้านเลขที่ 112 หมู่ที่ 17 บ้านดงเจริญ ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นบ้านของ นายบุตร-นางแสงหล้า ทิศอุ่น พ่ออุ้ย-แม่อุ้ย วัย 70 ปี บรรยากาศคึกคักเกือบจะตลอดทั้งวัน หลังบริเวณใต้ต้นลำไย มีน้ำผุดออกมาลักษณะคล้ายตาน้ำ แล้วมีเสียงร่ำลือบอกต่อๆกันว่า เมื่อไปกราบไหว้บูชาตักมาดื่ม หรือทาตามจุดที่เจ็บปวดคัดยอก จะหายหรืออาการดีขึ้น ชึ่งเจ้าของบ้าน ต้องเอาไม้ไผ่มาล้อมไว้ และใช้ปูนก่อเป็นบ่อ แล้วต่อท่อให้น้ำไหลออกมาลงในภาชนะต่างๆ ที่มีคนนำมารองรับน้ำเอาไว้ เพื่อให้ตักเอาไปใช้ได้สะดวก พร้อมตั้งกองผ้าป่าเปิดให้คนที่มาขอรับน้ำ ร่วมทำบุญยกช่อฟ้าวัดใกล้บ้าน ซึ่งก็มีคนร่วมทำบุญกันมากน้อยตามศรัทธา
    std46349
     •  10 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    (ประกาศ)อันตรายสูงสุด มีผู้พยายามสร้างสงครามศาสนาในไทย (see-no-evil ) (newspaper)ข้อมูลข่าวสาร…ทางสื่อสังคมออนไลน์…ที่ออกมามากในช่วงหลัง … โดยเฉพาะ เกี่ยวกับศาสนาอิสลามนั้น…ส่วนใหญ่ไม่ตรงตามความเป็นจริง…หรือ เป็นข้อมูลเท็จ…ที่มีการเสริมเพิ่มความเท็จเข้าไปค่อนข้างมาก…มีลักษณะ…เป็นการนำเข้าข้อมูล…และ…เป็นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ…ผ่านระบบคอมพิวเตอร์…ซึ่งเป็นความผิดทางอาญาตามกฎหมาย…ผู้ที่ส่งต่อข้อมูลต่างๆดังกล่าว ย่อมจะมีความผิดไปด้วย…จึงต้องระวังในการส่งต่อให้มาก ~ เช่น ข้อมูลเท็จที่ว่า… รัฐบาลชุดปัจจุบัน …ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี …ได้สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างมัสยิด และมัสยิดกลางประจำจังหวัด…จำนวนหลายแห่ง ตลอดจนตั้งเงินเดือนโต๊ะอิหม่าม เดือนละ 18,000 บาท และ คณะกรรมการประจำมัสยิดมีเงินเดือนทุกคน นั้น กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้ชี้แจงว่า ข่าวสารดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นเรื่องเท็จ และเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง จึงขอให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อประชาชนทุกคนจะได้ทราบความจริง ดังนี้ 1.มัสยิดกลางประจำจังหวัด…ที่กล่าวอ้างถึงในสื่อสังคมออนไลน์ข้างต้น มีข้อเท็จจริง ดังนี้ 1.1 มัสยิดกลาง…ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช …ก่อสร้างด้วยงบประมาณแผ่นดิน จำนวน 104 ล้านบาทเศษ แต่เป็นโครงการที่ผูกพันมาจากการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีในขณะนั้น (พ.ศ.2555) มิใช่ รัฐบาลในปัจจุบัน โดยเป็นงบผูกพัน 3 ปี พ.ศ.2557-2559 ซึ่งมอบหมายให้กรมการปกครอง เป็นหน่วยขอรับงบประมาณ และโอนจัดสรรให้แก่ จ.นครศรีธรรมราช มิได้เป็นการอนุมัติของ ครม.ชุดปัจจุบันแต่อย่างใด 1.2 มัสยิดกลางประจำจังหวัดนนทบุรี …เป็นการก่อสร้างอาคารศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลาม…จังหวัดนนทบุรี …ซึ่งก่อสร้างด้วยงบประมาณ…ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี จำนวน 85 ล้านบาท …มิได้เกิดจากการอนุมัติของ ครม.ชุดปัจจุบัน 1.3 มัสยิดกลางประจำจังหวัดปัตตานี …จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดยะลา เป็นมัสยิดกลาง…ที่มีมาแต่ดั้งเดิมแล้ว บางแห่งสร้างมาตั้งแต่ พ.ศ.2424 พ.ศ.2468 และ พ.ศ.2497 โดยเงินส่วนใหญ่…ที่ใช้ในการก่อสร้าง…ก็มาจากเงินบริจาคของประชาชนในพื้นที่ …แต่อาจมีการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลในขณะนั้นบ้าง …ตามนโยบายด้านความมั่นคง …มิใช่การก่อสร้างขึ้นใหม่แต่อย่างใด… ซึ่งรัฐบาลในยุคต่อๆ มา (หลายรัฐบาล) ได้จัดสรรงบประมาณ…เพื่อการบูรณะและต่อเติมให้มีความมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัย…ต่อชาวไทยมุสลิม…ที่มาประกอบกิจกรรมทางศาสนา …ซึ่งใช้งบประมาณจำนวน 22 ล้านบาทบ้าง 28 ล้านบาทบ้าง สูงสุดประมาณ 35 ล้านบาทเท่านั้น มิใช่ เป็นเงินจำนวนมาก ที่กล่าวอ้างโจมตี 1.4 มัสยิดกลางประจำจังหวัดภูเก็ต …มีจุดประสงค์ให้เป็นศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามจังหวัดภูเก็ต…และศูนย์พัฒนาอาหารฮาลาล …ไม่ใช่อาคารมัสยิดกลางประจำจังหวัด …ก่อสร้างโดยงบประมาณขององค์ปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดภูเก็ต …และเงินบริจาคของประชาชนในจังหวัดภูเก็ต …จำนวน 250 ล้านบาทเศษ…มิใช่ งบประมาณจากรัฐบาล 1.5 สำหรับจังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด และ จังหวัดบึงกาฬ ยังไม่มีมัสยิดกลาง จะมีเฉพาะมัสยิดทั่วๆ ไป ซึ่งมาจากเงินบริจาคของประชาชนเท่านั้น 2. เนื่องจากผู้นำศาสนาอิสลาม…มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540 ในการดูแลพี่น้องชาวไทยมุสลิมในเรื่องต่างๆ เช่น การจัดทำทะเบียนสัปปุรุษ การสอนหลักธรรมศาสนาให้สัปปุรุษ การออกหนังสือรับรองการสมรสตามหลักศาสนา การจัดกิจกรรมทางศาสนา และการประนีประนอมข้อพิพาท ว่าด้วยครอบครัวและมรดกตามหลักศาสนา ดังนั้น รัฐจึงได้กำหนดให้ผู้นำทางศาสนาบางตำแหน่ง…ได้รับเงินค่าตอบแทนมาตั้งแต่ พ.ศ.2539 ซึ่งก็ได้มีการปรับปรุงค่าตอบแทนให้เหมาะสมกับสภาพทางเศรษฐกิจโดยปัจจุบัน 2.1 อิหม่าม ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 1,200 บาท 2.2 คอเต็บ และบิหลั่น เดือนละ 1,000 บาท 2.3 ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 1,900, 2,700 หรือ 3,500 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนมัสยิดในแต่ละจังหวัด 2.4 กรรมการอิสลามประจำจังหวัด และกรรมการอิสลามประจำมัสยิด ไม่มีค่าตอบแทนแต่อย่างใด 2.5 นอกจากนี้ กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และกรรมการอิสลามประจำจังหวัดได้รับค่าเบี้ยประชุมครั้งละ 1,100 บาท ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ.2547 อีกด้วย ~ อนึ่ง ได้ทราบว่า นายกฯประยุทธ์ ฯ ได้ชี้แจงว่า "ตนเองและภริยานั้น เป็นผู้นับถือศาสนาพุทธ 100% และ ห้อยพระตลอด ส่วนภริยาก็สวดมนต์ไหว้พระตลอด ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม ตามการกล่าวหาในสื่อสังคมออนไลน์ ~ ดังนั้น ข่าวสารทางสื่อสังคมออนไลน์…ในกรณีต่างๆดังกล่าว …จึงเป็นการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ…และบิดเบือนข้อเท็จจริง …เพื่อสร้างความขัดแย้งในสังคมไทย …ซึ่งเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม …อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเข้าใจผิดต่อรัฐบาลชุดปัจจุบัน …นอกจากนี้การกระทำดังกล่าว…ยังเป็นการนำเข้าข้อมูลและเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ…ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายอาญาอีกด้วย จึงเป็นสิ่งที่พวกเรา พึงต้องระวังการส่งต่อข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จด้วยนะครับ (Unity)(Unity)(Unity)(Unity)(Unity)
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ภาพรอยพยานาคเลื้อย ภาพจริงหรือ
    มีนักแสดง เฟี้ยวฟ้าว โพสต์คลิปรอยทางยาวบนพื้นสีขาว พร้อมระบุว่าเป็นรอยพญานาค ปู่อินทร์นาคราชกับแม่ย่าศรีเกศนาคีนาคราช เหตุเกิดที่สำนักปฏิบัติธรรมเทพประทานโพธิสัตว์ จ.เชียงใหม่ ที่กำลังก่อสร้างอยู่ หลังจากนั้นก็มีการทำพิธีไหว้ขอโชคลาภกัน เรื่องจริงหรือ
    anonymous
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ประวัติวันสงกรานต์ ความเป็นมาของวันสงกรานต์ ประวัติวันสงกรานต์ หรือเรื่องเล่า ตำนานของสงกรานต์นี้มีปรากฎในศิลาจารึกที่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร  เป็นเรื่องราวตำนานตั้งแต่อินเดียโบราณเล่าสืบต่อกันมา โดยย่อว่า มีบุตรของเศรษฐีคนหนึ่งชื่อ ธรรมบาลกุมาร เป็นผู้ที่รู้ภาษานกแล้ว เรียนไตรเพทจบ เมื่ออายุได้เจ็ดขวบ ได้เป็นอาจารย์บอกมงคลต่างๆ แก่มนุษย์ทั้งปวง ซึ่งในขณะนั้น โลกทั้งหลายนับถือท้าวมหาพรหมและกบิลพรหมองค์หนึ่งว่า เป็นผู้แสดงมงคลแก่มนุษย์ทั้งปวง เมื่อกบิลพรหมทราบ จึงลงมาถาม ปัญหาธรรมบาลกุมาร ๓ ข้อ สัญญาไว้ว่า ถ้าแก้ปัญหาได้จะตัดศีรษะบูชา ถ้าแก้ไม่ได้จะตัดศีรษะธรรมบาลกุมาร
          
      ธรรมบาลขอผลัด ๗ วัน ครั้นล่วงไปได้ ๖ วัน ธรรมบาลกุมารก็ยังคิดไม่ได้ จึงลงจากปราสาทไปนอนอยู่ใต้ต้นตาลสองต้น   มีนกอินทรี ๒ ตัวผัวเมียทำรังอาศัยอยู่บนต้นตาลนั้น ครั้งเวลาค่ำนางนกอินทรีจึงถามสามีว่า พรุ่งนี้จะได้อาหารแห่งใด สามีบอกว่า จะได้กินศพธรรมบาลกุมาร ซึ่งท้าวกบิลพรหมจะฆ่าเสีย เพราะทายปัญหาไม่ออก นางนกถามว่า ปัญหานั้นอย่างไรสามีจึงบอกว่า ปัญหาว่าเช้าราศีอยู่แห่งใด เที่ยงราศีอยู่แห่งใด ค่ำราศีอยู่แห่งใด นางนกถามว่า จะแก้อย่างไร สามีบอกว่า เวลาเช้าราศีอยู่หน้า มนุษย์ทั้งหลายจึงเอาน้ำล้างหน้า เวลาเที่ยงราศีอยู่อก มนุษย์ทั้งหลายจึงเอาเครื่องหอมประพรมที่อก เวลาค่ำราศีอยู่เท้า มนุษย์ทั้งหลายจึงเอาน้ำล้างเท้า รุ่งขึ้นท้าวกบิลพรหมมาถาม ปัญหาธรรมบาลกุมารก็แก้ตามที่ได้ยินมา ท้าวกบิลพรหมจึงตรัสเรียกเทพธิดาทั้ง ๗ อันเป็นบริจาริกาพระอินทร์มาพร้อมกัน แล้วบอกว่า เราจะตัดศีรษะบูชาธรรมบาลกุมาร. ศีรษะของเราถ้าจะตั้งไว้บนแผ่นดินไฟก็จะไหม้ทั่วโลก ถ้าจะทิ้งขึ้นบนอากาศ ฝนก็จะแล้ง ถ้าจะทิ้งไว้ในมหาสมุทรน้ำก็จะแห้ง จึงให้ธิดาทั้งเจ็ดนั้นเอาพานมารับศีรษะ แล้วก็ตัดศีรษะส่งให้ธิดา นางจึงเอาพานมารับพระเศียรบิดาไว้แล้ว แห่ทำประทักษิณ รอบเขาพระสุเมรุ ๖๐ นาที แล้วก็เชิญประดิษฐานไว้ในมณฑปถ้ำคัณธุลีเขาไกรลาศ บูชาด้วยเครื่องทิพย์ต่างๆ พระวิศณุกรรมก็นฤมิตรแล้วด้วย แก้วเจ็ดประการชื่อ ภควดีให้เป็นที่ประชุมเทวดา เทวดาทั้งปวงก็นำเอาเถาฉมุลาด ลงมาล้างในสระอโนดาตเจ็ดครั้งแล้วแจกกันสังเวยทุกๆ พระองค์ครั้งถึงครบกำหนด ๓๖๕ วัน โลกสมมติว่า ปีหนึ่งเป็นสงกรานต์นางเทพธิดาเจ็ดองค์ จึงผลัดเวรกันมาเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหม ออกแห่ประทักษิณเขาพระสุเมรุทุกปี แล้วกลับไปเทวโลก ซึ่งลูกสาวทั้งเจ็ดของท้าวกบิลพรหมนั้น เราสมมติเรียกว่า นางสงกรานต์ มีชื่อต่างๆ ดังนี้ ถ้าวันอาทิตย์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม ทุงษะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกทับทิม อาภรณ์แก้วปัทมราช ภักษาหารอุทุมพร (ผลมะเดื่อ) พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์ เสด็จมาบนหลังครุฑ แต่ทางล้านนาจะมีความเชื่อว่าวันอาทิตย์ ชื่อ นางแพงศรี ถ้าวันจันทร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม โคราคะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกปีบ อาภรณ์แก้วมุกดา ภักษาหารเตลัง (น้ำมัน) พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังพยัคฆ์ (เสือ) แต่ทางล้านนาจะมีความเชื่อว่าวันจันทร์ ชื่อ นางมโนรา ถ้าวันอังคารเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม รากษสเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกบัวหลวง อาภรณ์แก้วโมรา ภักษาหารโลหิต พระหัตถ์ขวาทรงตรีศูล พระหัตถ์ซ้ายทรงธนู เสด็จมาบนหลังวราหะ (หมู) แต่ทางล้านนาจะมีความเชื่อว่าวันอังคาร ชื่อ นางรากษสเทวี ถ้าวันพุธเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มณฑาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจำปา อาภรณ์แก้วไพฑูรย์ ภักษาหารนมเนย พระหัตถ์ขวาทรงเข็ม พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังคัทรภะ (ลา) แต่ทางล้านนาจะมีความเชื่อว่าวันพุธ ชื่อ นางมันทะ ถ้าวันพฤหัสบดีเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิริณีเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกมณฑา อาภรณ์แก้วมรกต ภักษาหารถั่วงา พระหัตถ์ขวาทรงขอช้าง พระหัตถ์ซ้ายทรงปืน เสด็จมาบนหลังคชสาร (ช้าง) แต่ทางล้านนาจะมีความเชื่อว่าวันพฤหัส ชื่อ นางัญญาเทพ ถ้าวันศุกร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิมิทาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจงกลนี อาภรณ์แก้วบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้ำ พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงพิณ เสด็จมาบนหลังมหิงสา (ควาย) แต่ทางล้านนาจะมีความเชื่อว่าวันศุกร์ ชื่อ นางริญโท ถ้าวันเสาร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มโหธรเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกสามหาว อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทรายพระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จมาบนหลังมยุรา (นกยูง) แต่ทางล้านนาจะมีความเชื่อว่าวันเสาร์ ชื่อ นางสามาเทวี ซึ่งในปีนี้ วันมหาสงกรานต์เป็นวันจพุธที่ ๑๔ เมษายน เวลา ๓.๓๙ น. นางสงกรานต์ จึงเป็นนางรากษสเทวี (เหตุที่ว่าเป็นเทวีประจำวันอังคารเพราะ ถือว่า เวลาเปลี่ยนย้ายยังไม่รุ่งเช้าวันใหม่)           คำว่า " สงกรานต์ " มาจากภาษาสันสฤกตว่า สํ - กรานต แปลว่า ก้าวขี้น ย่างขึ้น หรือก้าวขึ้น การย้ายที่ เคลื่อนที่ คือพระอาทิตย์ย่างขึ้น สู่ราศีใหม่ หมายถึงวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งจะอยู่ช่วงระหว่างวันที่๑๓,๑๔,๑๕,๑๖ เมษายนของทุกปี ปีนี้ วันมหาสงกรานต์เป็นวันพุธที่ ๑๔ เวลา ๓.๓๙ น. วันเนาจึงเป็นวันที่ ๑๕ วันเถลิงศก คือวันที่ ๑๖ ความหมายของคำที่เกี่ยวข้องกับสงกรานต์ มีดังนี้           สงกรานต์ ที่แปลว่า " ก้าวขึ้น " " ย่างขึ้น " นั้นหมายถึง การที่ดวงอาทิตย์ ขึ้นสู่ราศีใหม่ อันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกเดือน ที่เรียกว่าสงกรานต์เดือน แต่เมื่อครบ ๑๒ เดือนแล้วย่างขึ้นราศีเมษอีก จัดเป็นสงกรานต์ปี ถือว่าเป็น วันขึ้นปีใหม่ทางสุริยคติ ในทางโหราศาสตร์ มหาสงกรานต์ แปลว่า ก้าวขึ้นหรือย่างขึ้นครั้งใหญ่ หมายถึงสงกรานต์ปี คือปีใหม่อย่างเดียว กล่าวคือสงกรานต์หมายถึง ได้ทั้งสงกรานต์เดือนและสงกรานต์ปี แต่มหาสงกรานต์ หมายถึง สงกรานต์ปีอย่างเดียว           วันเนา แปลว่า " วันอยู่ " คำว่า " เนา " แปลว่า " อยู่ " หมายความว่าเป็นวันถัดจากวันมหาสงกรานต์มา ๑ วัน วันมหาสงกรานต์เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ย่างสู่ราศีตั้งต้นปีใหม่ วันเนาเป็นวันที่ดวงอาทิตย์เข้าที่เข้าทาง ในวันราศีตั้งต้นใหม่เรียบร้อยแล้ว คืออยู่ประจำที่แล้ว           วันเถลิงศก แปลว่า " วันขึ้นศก " เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ การที่เปลี่ยนวันขึ้นศกใหม่มาเป็นวันที่ ๓ ถัดจากวันมหาสงกรานต์ ก็เพื่อให้หมดปัญหาว่า การย่างขึ้นสู่จุดเดิม สำหรับต้นปีนั้นเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาเพราะอาจมีปัญหาติดพันเกี่ยวกับชั่วโมง นาที วินาที ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ที่จะเปลี่ยนศกถ้าเลื่อนวันเถลิงศกหรือวันขึ้นจุลศักราชใหม่มาเป็น วันที่ ๓ ก็หมายความว่า อย่างน้อยดวงอาทิตย์ได้ก้าวเข้าสู่ราศีใหม่ ไม่น้อยกว่า ๑ องศาแล้วอาจจะย่างเข้าองศาที่ ๒ หรือที่ ๓ ก็ได้ 
          วันสงกรานต์เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ซึ่งกษัตริย์สิงหศะแห่งพม่า ซึ่งเดิมบวชอยู่เป็นพระสงฆ์ และขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ ทรงตั้งขึ้นเมื่อปีกุนวันอาทิตย์ พ . ศ . ๑๑๘๑ โดยกำหนดเอาดวงอาทิตย์เข้าสู่ราศีเมษได้ ๑ องศา เดิมทีแล้ว ไทยเราใช้วันขึ้น๑ ค่ำ เดือนอ้าย(ประมาณเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม) เป็นวันขึ้นปีใหม่ (ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ “ลาลูแบร์ ยังบันทึกว่าปีใหม่ไทยคือวันขึ้น ๑ ค่ำเดือนอ้าย ) แต่ในล้านนา สุโขทัย คงใช้ตามพม่า เพราะใกล้ชิดกัน เคยเป็นเมืองขึ้นกันมา ส่วนไทยภาคกลาง คงมาใช้หลังการเสียกรุง จุลศักราช สงกรานต์จึงเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยด้วย    ในปีแรกที่กำหนดเผอิญเป็นวันที่ ๑๓ เมษายน ซึ่งอันที่จริงไม่ใช่วันที่ ๑๓ เมษายนทุกปี แต่เมื่อเป็นประเพณี ก็จำเป็นต้องเอาวันนั้นทุกปี เพื่อมิให้การประกอบพิธี ซึ่งมิได้รู้โดยละเอียดต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา วันที่ ๑๓ จึงเป็นวันสงกรานต์ของทุกปี           
          จนถึง รัชกาลที่ ๕ ทรงเปลี่ยนมาใช้ วันที่ ๑ เมษายน เป็นวันปีใหม่ต่อมา จอมพล ป.พิบูลสงคราม ในปีพ.ศ. ๒๔๘๓ จึงได้เปลี่ยนไหม่ โดยกำหนดเอาวันที่ ๑ มกราคม เป็น วันขึ้นปีใหม่ เพื่อให้เข้ากับ หลักสากลที่นานาประเทศนิยมปฏิบัติ ส่วนใดที่เป็นสิ่งที่ดี เรื่องการทำบุญให้บรรพบุรุษ การระลึกถึงบุพการี เป็นวันครอบครัว เราก็นำมาปฏิบัติได้ แต่การบอกว่า เป็นวันปีใหม่ไทย อาจารย์ยังติดๆ อยู่นิดหน่อย(ไม่อยากเป็นการระลึกถึงการเป็นประเทศเมืองขึ้น😊😊) ในปีนี้ มีปัญหาเรื่องโรคระบาด covid-19 ทำให้พวกเราต้องอยู่บ้าน ทักทายกันด้วยเทคโนโลยี ส่งใจให้กัน ให้ทุกคนแคล้วคลาดปลอดภัย อย่างไรก็ตามขอสวัสดีวันสงกรานต์ด้วยนะครับ อ. วันชัย รวยอารี ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false