1 คนสงสัย
วัคซีนป้องกันโรคมะเร็งเฉพาะส่วนบุลคล
จากการเสวนาวิชาการ Chula the Impact ครั้งที่ 7 เรื่อง “ความก้าวหน้าวัคซีนรักษามะเร็งเฉพาะรายบุคคล นวัตกรรมแห่งความหวังของสังคมไทย” ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ห้อง 111 อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ เพื่อนำเสนอความคืบหน้าล่าสุดของนวัตกรรมการรักษาโรคมะเร็งด้วยวัคซีน โดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้วางยุทธศาสตร์ในการเป็นมหาวิทยาลัยนวัตกรรมชั้นนำที่มุ่งสร้างสรรค์องค์ความรู้และผลผลิตจากงานวิจัย ตลอดจนสร้างบัณฑิตที่เป็นนวัตกร เป็นผู้นำสร้างสรรค์สังคมไทยในปัจจุบันและอนาคต จุฬาฯ มุ่งส่งเสริมให้ผลงานวิจัยจุฬาฯ เชื่อมโยงกับประชาชนคนไทยและประชาคมโลก เพื่อขับเคลื่อนให้จุฬาฯ เป็นมหาวิทยาลัยระดับชาติที่ก้าวสู่ความเป็นนานาชาติอย่างเต็มภาคภูมิ

โครงการแพทย์จุฬาฯ พัฒนางานวิจัยภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง เป็นหนึ่งในโครงการวิจัยขนาดใหญ่ของจุฬาฯ เป็นความร่วมมือระหว่างหลายคณะ สถาบัน และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนศตวรรษที่ 2 ของจุฬาฯ ช่วยขับเคลื่อนให้งานวิจัยของจุฬาฯ ก้าวกระโดด หลุดพ้นจากกับดักงานวิจัยที่ตามหลังต่างประเทศ ที่สำคัญคือเป็นงานวิจัยที่นำไปใช้ได้ผลจริง เกิดผลกระทบต่อสังคมในเชิงบวก งานวิจัยนี้ได้รับความร่วมมือบริจาคจากประชาชนจำนวนมาก ช่วยลดปัญหาในเชิงสาธารณสุขและสังคมสูงวัยที่ปัจจุบันมีจำนวนผู้ป่วยเป็นมะเร็งจำนวนมาก
Klamongkhon Klinhom
 •  2 ปีที่แล้ว
meter: true
1 ความเห็น

มะเร็ง

Joke Air เลือกให้ข้อความนี้✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด

เหตุผล

เป็นเว็บจริงหรือแหล่งข่าวที่มีความน่าเชื่อถือ วัคซีนที่ว่ายังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาวิจัย รายละเอียดตามข่าว

ที่มา

https://www.chula.ac.th/news/64312/

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 2 คนสงสัย
    ผลิตภัณฑ์ สเปรย์พ่นคอพ่นจมูกป้องกันไวรัสที่มีการโฆษณาและจำหน่ายที่จุฬาเภสัช (บริษัท จุฬา เอ็ม. ดี. จำกัด) ว่ามีความเกี่ยวข้องกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและตัวดิฉัน (ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์) หรือไม่ ดิฉันขอเรียนชี้แจงให้ทราบว่า 1. จุฬาเภสัช หรือ บริษัท จุฬา เอ็ม. ดี. จำกัด ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ แต่อย่างใด ร้านขายยาของคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีเพียงร้านเดียวคือโอสถศาลา ซึ่งมีสถานที่ตั้งอยู่หน้าคณะเท่านั้น 2. สารสกัดลำไยไซรัปที่วางจำหน่ายและกล่าวอ้างสรรพคุณว่าใช้พ่นคอและจมูกป้องกันไวรัสนั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับงานวิจัยของข้าพเจ้า 3. ประกอบกับการนำชื่อข้าพเจ้าไปกล่าวอ้างเพื่อใช้ในการโฆษณานั้นเป็นการกระทำโดยมิชอบ และไม่ได้รับอนุญาตจากข้าพเจ้าแต่ประการใด
    เรียน ทุกท่าน ตามที่ปรากฏเป็นข่าวและมีการสอบถามดิฉัน (ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ ) เข้ามาเป็นจำนวนมากถึงผลิตภัณฑ์ สเปรย์พ่นคอพ่นจมูกป้องกันไวรัสที่มีการโฆษณาและจำหน่ายที่จุฬาเภสัช (บริษัท จุฬา เอ็ม. ดี. จำกัด) ว่ามีความเกี่ยวข้องกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและตัวดิฉัน (ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์) หรือไม่ ดิฉันขอเรียนชี้แจงให้ทราบว่า 1. จุฬาเภสัช หรือ บริษัท จุฬา เอ็ม. ดี. จำกัด ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ แต่อย่างใด ร้านขายยาของคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีเพียงร้านเดียวคือโอสถศาลา ซึ่งมีสถานที่ตั้งอยู่หน้าคณะเท่านั้น 2. สารสกัดลำไยไซรัปที่วางจำหน่ายและกล่าวอ้างสรรพคุณว่าใช้พ่นคอและจมูกป้องกันไวรัสนั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับงานวิจัยของข้าพเจ้า 3. ประกอบกับการนำชื่อข้าพเจ้าไปกล่าวอ้างเพื่อใช้ในการโฆษณานั้นเป็นการกระทำโดยมิชอบ และไม่ได้รับอนุญาตจากข้าพเจ้าแต่ประการใด จึงเรียนชี้แจงมาเพื่อทราบ และโปรดใช้วิจารณญาณ ในการ ใช้หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวด้วย ขอบคุณค่ะ ด้วยความเคารพ ศ. ภญ. ดร. พรอนงค์ อร่ามวิทย์
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ทีมวิจัยจุฬาฯ คิดค้นสเปรย์ใช้สำหรับพ่นหน้ากากผ้า ช่วยกันน้ำ-กรองเชื้อโรค เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19
    ทีมวิจัย ผศ.ดร.ภญ.จิตติมา ลัคนากุล คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คิดค้นนวัตกรรมสเปรย์มีชื่อว่า ชีลด์พลัส โพรเทคติ้ง สเปรย์ (Shield+ Protecting Spray) ปราศจากสารที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ใช้สำหรับพ่นหน้ากากผ้า โดยสเปรย์จะทำหน้าที่เป็นตัวกรองของหน้ากากผ้า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัส น้ำและละอองสารคัดหลั่ง สเปรย์ดังกล่าว ได้ผ่านการวิจัยและทดสอบประสิทธิภาพเปรียบเทียบระหว่างหน้ากากผ้าก่อนสเปรย์และหลังสเปรย์ พบว่า หน้ากากผ้าที่ผ่านการพ่นสเปรย์ด้วย Shield+ Protecting Spray เกิดการเชื่อมต่อของเส้นใยผ้ามากขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอนเพิ่มขึ้น 83% และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกรองเชื้อโรคในน้ำลายและในอากาศได้มากขึ้น 93% และ 142% ตามลำดับ นอกจากคุณสมบัติในการกรองอนุภาคและเชื้อโรคแล้ว หน้ากากผ้าที่ผ่านการใช้สเปรย์ยังพบว่ามีคุณสมบัติในการกันน้ำที่ดีกว่า สเปรย์นี้จึงสามารถใช้เพิ่มประสิทธิผลของหน้ากากผ้าทั่วไป ทำให้ประชาชนหันมาใช้หน้ากากผ้าแทนหน้ากากอนามัยได้อย่างมั่นใจ เปิดโอกาสให้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์มีเหลือเพียงพอให้บุคลากรทางการแพทย์และช่วยลดปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลน และยังเป็นการช่วยลดขยะได้ ในขณะนี้ทางทีมวิจัยและเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนได้เริ่มผลิต 10,000 ขวด พ่นหน้ากากได้ประมาณ 240,000 ชิ้น โดยแจกให้กับบุคคลเบื้องหลังที่ทำงานหนักเพื่อตอบสนองนโยบายการหยุดเชื้อเพื่อชาติ ซึ่งประกอบด้วย ทีมสนับสนุนบริการทางการแพทย์ พนักงานขับรถส่งของให้กับโรงพยาบาล ตำรวจและทหารประจำด่านสกัด COVID-19 และพนักงานเก็บขยะที่ช่วยดูแลจัดการของเสียจากครัวเรือน อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการสนับสนุนทีมงานวิจัยของจุฬาฯ ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจร่วมบริจาคได้ที่ https://taejai.com/th/d/savethailandspraymask/ โดยเงินบริจาคที่ได้รับจะถูกนำไปใช้ในการผลิต Shield+ Protecting Spray เพื่อนำไปแจกจ่าย และส่งเสริมให้มีการใช้หน้ากากผ้าแทนหน้ากากอนามัยในบุคคลทั่วไป ภายใต้สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในขณะนี้
    anonymous
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    นิสิตจุฬาถูกลอยแพจากหอพัก ! “หรือหอพักมีไว้เพื่อเป็นที่ขูดรีดเอาเปรียบนิสิต ไม่ใช่มีไว้เพื่อสนับสนุนการศึกษา?” สิทธิทางการศึกษาของลูกหลานชนชั้นกลาง คนจน และคนในต่างจังหวัด ซึ่งมีโอกาสน้อยอยู่แล้วในระบบการศึกษาราคาแพง ยังต้องมาเผชิญกับค่าหอพักราคาแพงอีก จึงถูกกีดกันออกไปอย่างสิ้นเชิง หอพัก U-Center จุฬาฯ แจ้งให้นิสิตย้ายออกกะทันหัน . การจะหาห้องพักราคาดีใกล้มหา’ลัยใจกลางเมืองอย่างจุฬาลงกรณ์อาจไม่ใช่เรื่องง่าย ประเด็นหอพักราคาถูกที่มีไม่เพียงพอสำหรับนิสิตก็เป็นปัญหาที่ถูกพูดถึงอยู่เสมอ . หอพักของจุฬาฯ มีไม่มาก มีหอพักในจุฬาฯ ที่รองรับนิสิตได้เพียง 3,320 คน (จากนิสิตปริญญาตรีอย่างน้อย 26,000 คน) และหอพักนอกจุฬา ได้แก่ หอพักเรือนวิรัชมิตร (CU I-House) และหอพักพวงชมพู (U-Center) ที่ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับหอพักภายนอก . แต่เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่ผ่านมา หอพักพวงชมพู หรือที่รู้จักกันในนาม ‘หอยู’ ประกาศกะทันหันให้นิสิตที่อยู่อาศัยเข้าพักได้ถึงแค่วันที่ 31 พฤษภาคมนี้เท่านั้น และให้ย้ายของออกจากหอพักภายในวันดังกล่าว . “เนื่องจากหอพักพวงชมพู (โครงการ U-Center 1,2) จะสิ้นสุดสัญญาเช่ากับสำนักงานทรัพย์สินจุฬาฯ ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ดังนั้น นิสิตที่พักอยู่ในหอพักพวงชมพูสามารถพักได้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 เป็นวันสุดท้าย” . “บริษัทฯ จะทำการปิดอาคาร U-Center 1 และ U-Center 2 เพื่อปรับปรุงอาคารใหม่ทั้งหมด โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป โดยบริษัท LPP จะเป็นผู้เข้ามาดำเนินการบริหารต่อ” คือข้อความที่ปรากฎบนประกาศ . นอกจากทำเลที่สะดวกต่อการเดินทางไปเรียนแล้ว เหตุที่นิสิตส่วนใหญ่ชอบพักที่หอยู (U-Center) เพราะค่าเช่าหอราคาไม่แพงมากเมื่อเทียบกับหอพักอื่นๆ หากแชร์ห้องกับรูมเมตจะตกอยู่ที่ประมาณ 1,800-4,200 บาท/เดือน (ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ) . ประกาศนี้จึงส่งผลให้นิสิตจำนวนมากต้องเสียสิทธิที่จะอาศัยในหอพักราคาถูกใกล้มหาวิทยาลัย และต้องรีบหาหอพักใหม่ภายในระยะเวลาเพียงเดือนกว่าๆ เท่านั้น แถมช่วงนี้ยังเป็นช่วงสอบปลายภาคอีกด้วย . เค (นามสมมติ) นิสิตคณะอักษรศาสตร์ปี 2 บอกกับ The MATTER ว่า ทางนิสิตไม่มีใครรู้เรื่องการย้ายออกอย่างเป็นทางการเลย มีเพียงข่าวลือเท่านั้น ก่อนจะมาเป็นข่าวจริงที่แจ้งล่วงหน้าแค่เดือนกว่าๆ “เตรียมตัวไม่ทัน ยิ่งเป็นช่วงไฟนอลก็ทำให้ทุกอย่างยุ่งยากไปหมด” . “ตอนรู้ว่าต้องออกคือโกรธมาก ไม่เห็นหัวของนิสิตเลย เหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตอะไรไม่รู้ที่มาขออยู่อาศัย ทั้งๆ ที่จ่ายเงินเพื่อพักด้วยซ้ำ” เค ระบุ . หลายคนอาจตั้งคำถามว่า ทำไมไม่อยู่หออื่นของจุฬาแทน ต้องบอกก่อนว่าการอยู่หอพักในจุฬาฯ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องผ่านกระบวนการสัมภาษณ์และคัดกรอง เคเล่าว่าตนเคยสมัครหอในแล้ว แต่หอในไม่รับ ทางเลือกที่ดีที่สุดจึงเป็นหอยู (U-Center) เพราะราคาถูกและใกล้มหาวิทยาลัย . การต้องออกจากหอยู (U-Center) ทำให้นิสิตอย่างเคต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น เคเล่าว่า “ต้องไปอยู่ไกลขึ้น เสียค่าเดินทางซึ่งทำให้รายจ่ายในการใช้ชีวิตมากขึ้น จากที่ปกติก็สูงอยู่แล้ว” . “ค่าใช้จ่ายคงจะเพิ่มขึ้นมาก ปกติเวลาทานอาหารก็มักจะทานในมหา’ลัย หรือนั่งรถ ปอพ. (รถเมล์ฟรีของจุฬาฯ) จากหน้าหอไปกินข้าวที่คณะ แต่ถ้าย้ายไกลออกไป การจะทานข้าวที่คณะคงยากขึ้น ทำให้ต้องกินละแวกนั้น ซึ่งอาหารไม่ใช่ราคานักศึกษา รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางก็น่าจะเพิ่มขึ้น” . “อยากให้จุฬาฯ ช่วยหาทางเลือกหอพักอื่นๆ และเยียวยาสภาพจิตใจของนิสิตที่ถูกกระทำแบบนี้ เช่น ช่วยหาหอให้นิสิตที่ยังไม่มีที่พัก หรือช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายเบื้องต้นเพราะพื้นฐานการเงินทางบ้านของแต่ละคนไม่เท่ากัน อยากให้สนับสนุนตรงนี้ด้วย ในเมื่อคุณเลือกที่จะทิ้งเด็กกว่า 500 กว่าคนเอง” เค กล่าว . "หอพักของนิสิตมีไว้เพื่อเอื้อต่อการศึกษาของนิสิต หรือเป็นสถานที่ขูดรีดและเอาเปรียบชีวิตของนิสิตโดยกลุ่มผู้บริหารของจุฬากันแน่” นิสิตปี 2 จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งคำถาม . ทั้งนี้ The MATTER สอบถามข้อมูลผ่านไลน์ของ LPP บริษัทบริหารอสังหาริมทรัพย์ที่จะรับช่วงดูแลหอยู (U-Center) ได้ความว่า มีกำหนดปรับปรุงหอพักตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม โดยโครงสร้างห้องยังเหมือนเดิมแต่จะเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ สุขภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และนิสิตที่เคยพักจะได้อยู่ลำดับต้นๆ ที่จะนำมาพิจารณาเข้าพักในอนาคต . เมื่อถามว่าราคาจะแพงขึ้นไหม ไลน์ของ LPP ตอบว่า ราคาหอพัก “มีปรับขึ้นนิดหน่อยค่ะ รายละเอียดจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง” คำชี้แจงนี้จะได้รับการปฎิบัติหรือไม่ นิสิตยังคลางแคลงใจอยู่ เพราะข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์กรณีรื้อทุบตึกในย่านสามย่าน ผู้เช่าเดิมไม่มีโอกาสได้ย้ายกลับเข้าไปใหม่เลย หรือกรณีความพยายามยึดคืนวิทยาลัยอุเทนถวาย ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาเช่นเดียวกัน จึงเป็นที่คลางแคลงใจของบรรดานิสิตทราถูกขับไล่ให้ย้ายออกจากหออย่างกระทันหัน . . . อ้างอิงจาก https://www.facebook.com/profile.php?id=100083064352226 https://www.chula.ac.th/academics/life-at-cu/dormitory/ https://www.rcu.sa.chula.ac.th/rcu_web/index.php/aboutus http://www.sa.chula.ac.th/%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B9-u-center/ https://twitter.com/eayostudio/status/1648637984869335041/photo/1 https://www.chula.ac.th/about/overview/facts-and-stats/#:~:text=%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%20%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%AC%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C,%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%20%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%202%2C627%20%E0%B8%84%E0%B8%99 #หอยู #จุฬา #UCenter #TheMATTER
    ไม่ระบุชื่อ
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    การกระตุ้นฉีดวัคซีนภูมิสูงๆ ต้องระวัง Lymphoma (มะเร็งต่อมน้ำเหลือง)
    ส่งมาโดย อ.ภิรมย์ หมอจุฬา การกระตุ้นฉีดวัคซีนภูมิสูงๆ ต้องระวัง Lymphoma (มะเร็งต่อมน้ำเหลือง) เก็บมาฝาก แค่ให้รู้และเฝ้าระวัง ไม่ต้องตื่นกลัว คอยติดตามข่าวกันต่อไปแค่นั้น เมื่อวานและวันนี้ ห้องไลน์หมอ ผมคุยกันเรื่องนี้เยอะ มีทั้งคำเตือนจาก อจ.แพทย์ไทย และรายงานจากต่างประเทศ สรุปคร่าวๆ ได้ว่า ตอนนี้เชื้อโควิดแรงขึ้น หลายๆ คน (รวมทั้งผมเอง) ก็พยายามหาวัคซีนที่จะช่วยกระตุ้นภูมิให้สูงมากๆ ขึ้นเพื่อให้เกิดภูมิต้านทานสูง สู้กับโรคได้แบบไม่ต้องกังวล แต่ภูมิต้านทานอย่างพวก IgG หรือ แอนติบอดี้ ที่สร้างขึ้นมาในร่างกายเรานั้น มันสร้างมาจากการทำงานของเม็ดเลือดขาวชนิด Lymphocyte ถ้าได้รับการกระตุ้นมากจนเกินไป อาจจะทำให้เกิดเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้ นอกจากนี้ยังอาจต้องระวังโรค Autoimmune หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง คือ โรค SLE หรือโรคพุ่มพวงที่เรารู้จักกันดี) ดังนั้น การจะกระตุ้นให้ขึ้นมากน้อย ตอนนี้คงต้องคำนึงถึงความจำเป็นและความเสี่ยงด้วย จากเคยคิดที่จะกระตุ้นกันแบบไม่ยั้ง เอาภูมิต้านทานแบบเกราะเหล็กหนาๆ อาจจะต้องเพลาๆ ลง เมื่อคำนึงถึงความเสี่ยงต่อโรคว่าคุ้มมั้ย และจักต้องติดตามรายงานศึกษาจากทั่วโลกตลอดจนปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ซึ่งแน่นอนว่าเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ข้อมูลข้างล่างนี้ คือที่หมอๆคุยปรึกษากัน โดยส่วนตัว ก็เคยคิดอยากกระตุ้นให้สูงมากเผื่อเหนียวไว้ แต่พอนักวิชาการท้วง ก็คงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เอาเท่าที่จำเป็นก่อน โดยความเห็นส่วนตัว ที่เราใช้กันตอนนี้… SV + AZ 2SV + AZ 2SV + mRNA 2AZ 2mRNA AZ + mRNA เหล่านี้ผมว่าภูมิคุ้มกันสูงพอและใกล้เคียงมาตรฐาน แต่ที่เกรงก็คือ ผู้ที่จะกระตุ้นให้ภูมิสูงไปกว่านี้ เช่น 2AZ + mRNA 2SV + AZ + mRNA AZ + mRNA + mRNA หรือ mRNA 3 เข็ม --------------------------- งานวิจัยของเยอรมันบ่งชี้ว่า AZ + mRNA ผลข้างเคียงหลังเข็ม 2 พอๆ กับ mRNA + mRNA และกระตุ้นเม็ดเลือดขาวชนิด B-cell (IgG) ที่ต่อสู้กับ Covid-19 ได้สูงมาก แต่ใครฉีด AZ + AZ ไปแล้วหมอไม่แนะนำให้ซ้ำ mRNA ในปีนี้อีก เพราะถ้า IgG ขึ้น สูงมากๆ อาจเสี่ยงต่อโรค B-cell Lymphoma --------------------------- ตามที่มีข่าวว่า ถ้าหาก ภูมิคุ้มกันมีระดับสูงมากเกินไป เพิ่มความเสี่ยงเรื่อง Lymphoma แต่ตอนนี้ยังไม่มีรายงานเรื่อง Lymphoma โดยทฤษฏี เห็นด้วยว่าไม่ควรฉีดบ่อยเกินไป อย่างน้อยๆ คือรอ 6 เดือนหลังเข็ม 2 เพราะสิ่งที่หวั่นเกรง คือ autoimmune disease VACCINE เป็นเหมือน antigen ชนิดหนึ่ง กระตุ้น innate และ adaptive หากมีการกระตุ้นบ่อยๆ T cell จะคุยกับ B cell บ่อยๆ เราเรียกว่า T-B cell crosstalk เพื่อให้สร้าง antibody เยอะๆ ความผิดพลาดเกิดได้หลายตำแหน่ง 1. ยิ่งคุยกันมาก ยิ่งพลาดได้ ทำให้สร้าง b cell clone ผิดปกติได้ โดยทฤษฏีจึงอาจเกิด lymphoma ได้ 2. ยิ่งสร้าง antibody มาก ยิ่งอาจมี antibody ที่จับกับ self antigen อาจเกิด autoimmune disease แต่ทั้งหมดคือทฤษฏี ต้องรอ real world data หลังฉีดไปอีก 2-3 ปี ว่า โรคเหล่านี้จะปรากฏเยอะขึ้นกว่าตอนก่อนฉีดหรือไม่ ดังนั้น ให้ยึดทางสายกลางไว้ก่อน หากได้ AZ + AZ หรือ mRNA + mRNA หรือ Mix & Match สลับกัน ก็ยังไม่ต้อง booster ให้รอข้อมูลจากอเมริกา อังกฤษ ตอนที่เค้า boost เข็มสาม ซึ่งน่าจะเป็นปีหน้า
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ดร.อาทิตย์ เศร้าใจเจอจีนวิจารณ์การศึกษาไทยห่วยแตกตั้งเเต่เด็ก-มหาวิทยาลัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความอ่านแล้วเศร้าใจเจอ "จีน วิจารณ์การศึกษาของไทยห่วยสุดๆ ตั้งแต่ระดับมัธยม จนถึงระดับ มหาวิทยาลัย ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Arthit Ourairat” เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ระบุว่า “จีน วิจารณ์การศึกษาของไทย จีนรักไทยจริงใจ...วิจารณ์การศึกษาของไทยแบบตรงๆ...อ่านแล้วเศร้าจัง การศึกษาไทยในมุมมองของจีน ห่วยสุดๆ ตั้งแต่ระดับมัธยม จนถึงระดับ มหาวิทยาลัย 1.สถานทูตจีน เขียนรายงาน (เป็นภาษาจีน) ระบุการศึกษาบ้านเรา เน้นแต่ด้าน ศิลปศาสตร์ นิติฯรัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การตลาด บริหารธุรกิจ ซึ่งจบมาแล้ว ไม่มีงานทำ ความรู้กระจอก สักแต่ให้มีใบปริญญา ไม่ได้สร้าง value-added ใดๆ นักวิทยาศาสตร์ การวิจัย แทบจะเป็นศูนย์ Guanmu อดีตเอก อัครราชทูตจีน บอกว่า25 ปีที่ผ่านมา ไทยผลิตยาง ยังไงก็ยังทำแบบนั้น ไม่สร้างมูลค่าเพิ่ม ทำเป็นยางรถยนต์ หรือสิ่งประดิษฐ์ อะไรเองไม่เป็น สร้างคิดอะไรไม่ได้ 2.มหาวิทยาลัยไทย รวมไปถึง ธรรมศาสตร์ จุฬาฯ กิจกรรมเน้นเต้น หลีดโชว์หล่อสวย แต่โง่ ไม่มีการฝึกงานอะไร ที่เป็นประโยชน์ เด็กขอเงินพ่อแม่ เที่ยวกลางคืนไปวันๆ โชว์วัตถุนิยม ว่ารถกูขับรถไร สังคมมันวัดกันแค่นี้ (เห็นมากับตา) พวกดีๆ ก็มีแต่มันน้อย เอาจริงๆนะ ผมว่ามีแค่10% ในขณะที่เด็กสหรัฐฯ พวก MIT Stanford หรือเด็กจีนชิงหัว ปิดเทอม พยายามหางานทำ ฝึกงาน UN World Bank JP Morgan หรือมาค่ายผู้ลี้ภัย ชาวโรฮิงญาในไทย 3.จ่ายครบจบแน่ ปริญญาขยะ เต็มบ้าน คือ หางานไรทำไม่ได้ มีแต่อยากจะรวย "ผมจะทำธุรกิจ" คือมันคิดไรไม่ออก นอกจากขายของ นอกจากนี้ ยังมีทุจริต ผันงบกระทรวงศึกษาให้ทุนกู้ยืมเรียน มหาวิทยาลัยเอกชน ที่มีนักการเมืองเป็นเจ้าของ สุดท้ายก็หนี้สูญ เพราะเด็กบ้านนอก ได้มาเข้ากรุง สักว่า ได้ปริญญาประดับบ้าน แต่มันหางานทำไม่ได้ ปึหนี่งหมดเงิน ภาษีประเทศชาติ ไปหลายหมื่นล้าน เรื่องเลวๆนี้ ไม่เคยถูกตรวจสอบ 4.ภาษาอังกฤษ ห่วยแตกขั้นเทพ จริงๆ อจ.จุฬาฯส่วนใหญ่ ก็ลอกบทความฝรั่ง มาแปลๆ ไม่มีความคิด อะไรที่ใหม่ หาน้อยคน ที่จบระดับโลก ไปดู CV เอาเอง จบมหาลัยห้องแถว B-class ทั้งนั้น งานวิจัยขยะ copy/paste เด็มไปหมด ครูมัธยม เอาแค่โรงเรียนในกรุงเทพฯ ผมเคยถูกเชิญไปพูด ยังออกเสียงสะกดศัพท์ไม่ถูกเลย จะสอนเด็กให้ถูกได้อย่างไร แล้วโรงเรียน ในอ.ปัว จังหวัดน่าน มันจะห่วยแตก ขนาดไหน คิดดู 5.ความรู้ใหม่ๆ หรือเทคโนโลยี มันหมุนเวียน เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งคนไทยรู้แต่ ภาษาไทยตัวเอง ไม่มีความสามารถ แข่งขันอะไร ในระดับโลก โลกทรรศน์สุดจะแคบ สำนักข่าวไทย รายงานแต่เรื่องเส็งเคร็ง ไม่ได้สร้างสรรค์คุณค่า ความรู้อะไร คนนั้นท้องกับคนนี้ ไปทำงานมา หลายประเทศ เช่น ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ บอกได้เลย นักเรียนไทย โคตรจะขี้เกียจ ไม่รู้ปีหนึ่งๆ อ่านหนังสือกัน กี่เล่ม รัฐบาลไหนจะคิดแก้ไขบ้างหนอ.ขี้เกียจ ปริญญา ชื้อหาได้ จบได้ กลายเป็นคนโง่ ขึ้นไปอีกคน เพราะมีใบประกาศ มีทิฐิเพิ่ม หมิ่นเงินน้อย ทำอะไรไม่เป็น คิดสร้างสิ่งใหม่ๆ ไม่ได้ เบียดเบียดครอบครัวประเทศชาติ เป็นภาระเป็นปัญหาสั่งคม ไร้คุณภาพอ้างตกงานที่แท้ขาดความรู้ความสามารถ ทุกอย่างชอบจะชื้อ จะกิน จะอยู่แบบสบาย ขาดการศึกษา กล่อมเกลาจิต ไม่มีความอดทด ต่อสู้ เป็นคนงอมืองอเท้าอาศัยผู้อื่น สมองคนอื่นไปๆวัน ๆ โตแบบแก่งแย่งชิงดีกัน ไม่มีทีมเวิร์ค เริ่มแต่แย่งสมบัติของพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ต่อไปบ้านเมืองจะวุ่นวาย เพราะคนในชาติคิดสร้างไม่เป็น หมดสมบัติชาติ ผลาญหมด ผลาญทรัพยากรวัวควายไร่นาป่าไม้แร่ธาตุหมดแล้วจะกลับมาอยู่อย่างเดิมก็ไม่ได้ จบ ป.โท ป.เอก ทำไร่ทำนาไม่ได้ หากินเองไม่ได้ อนาคตเป็นทาสเขา เด็กขาดคุณภาพ ก็เป็นผู้ใหญ่ไร้คุณภาพ เป็นคนชราก็เป็นภาระประเทศชาติแน่นอน มีใบประกาศ ใบปริญญาแต่สังคมโลกไม่ยอมรับก็สูญปล่าว ต้องรีบแก้ไขเรื่องเหล่านี้ด่วน เร่งพัฒนาสังคม เค้าส่งมาอ่านแล้วดีเลยส่งต่อ/ลองดูก็ได้ ถ้าท่านอ่านแล้วส่งกลับให้ผู้ส่งต่อ แสดงว่าท่านอ่านจนจบ ถ้าไม่มีแสดงว่าไม่ได้อ่านหรืออ่านไม่จบ”
    ไม่ระบุชื่อ
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false