1 คนสงสัย
การรักษาโรคเก๊าท์ด้วยสมุนไพร
การรักษาโรคเก๊าท์ด้วยสมุนไพร

1. สูตรที่ 1 ใบรางจืด 5 ใบ และใบเตย 5 ใบ นำมาล้างให้สะอาด ต้มกับน้ำ 2 ลิตร ดื่มทุกวัน วันละ 1 แก้ว จะช่วยลดหินปูนได้ จึงช่วยได้ทั้งเก๊าท์และรูมาตอยด์

2. สูตรที่ 2 มะละกอดิบ 1 ลูก เอาเมล็ดออก ไม่ต้องปลอกเปลือก ล้างให้สะอาด หั่นเป็นทอนๆ ต้มน้ำ 3 ลิตร ดื่มทุกวัน วันละ 1 แก้ว จะช่วยลดอาการปวดจากข้ออักเสบได้

3. สูตรที่ 3 ตะไคร้ 4-5 ต้น และใบเตย 2-3 ใบ นำมาล้างให้สะอาด หั่นเป็นท่อน ต้มในน้ำสะอาด 2 ลิตร จนเดือดแล้วจึงลดไฟลง ต้มต่ออีก 15 นาที ห้ามเปิดฝาดูโดยเด็ดขาดจนกว่าจะครบ 15 นาที จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็น ใช้ดื่มแทนน้ำเปล่าติดต่อกัน 1 สัปดาห์ จะล้างกรดยูริคในเลือด สาเหตุของอาการปวดเข่าจากโรคเก๊าท์ได้ดีมากๆ แต่ผลข้างเคียง คือ ทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น จึงควรหลีกเลี่ยงการดื่มก่อนเข้านอน 2 ชั่วโมง

4. มะรุม โดยนำยอดมะรุมสดๆ 3 ยอด ต้มกับน้ำสะอาด 2 ลิตร ดื่มทุกวัน จะช่วยลดอาการเก๊าท์ได้
Mrs.Doubt
 •  3 ปีที่แล้ว
meter: middle
1 ความเห็น

ยาสมุนไพร

Thanathun. เลือกให้ข้อความนี้◑ มีเนื้อหาที่เป็นจริงบางส่วน

เหตุผล

โรคเกาต์เกิดมาจากอาการข้ออักเสบชนิดหนึ่ง ที่มาจากกรดยูริคอยู่ในเลือดในปริมาณมากเกินไป ซึ่งทำให้ผู้ป่วยโรคนี้จะมีอาการเจ็บปวดแบบเรื้อรังและฉั

ที่มา

https://mgronline.com/goodhealth/detail/9590000033343

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    สมุนไพรนี้ เพื่อตับและไต แก้ปวดตามข้อ ปวดหลัง ฯลฯ ได้จริงหรือ
    สมุนไพรเพื่อตับและไต แก้ปวดตามข้อ ปวดหลัง ปวดเอว ไขมันพอกตับ แก้เบาหวานลดน้ำตาลในเลือด ช่วยปกป้องตับ บำรุงตับและไต ต้นลูกใต้ใบนอกจากนี้ ยังมีประโยชน์ต่อระบบทางเดินปัสสาวะอย่างมาก เพราะลูกใต้ใบช่วยทั้งการขับนิ่ว ขับปัสสาวะ ลดการอักเสบ ติดเชื้อ จึงกล่าวได้ว่าลูกใต้ใบเป็นสมุนไพรเพื่อตับและไตอย่างแท้จริง วิธีใช้ สามารถใช้ต้นสดล้างน้ำให้สะอาด นำมาต้มหรือชงกิน ถ้าปรุงยากันตามตำรา จะใช้ลูกใต้ใบสดทั้งห้า (คือใช้ทั้งต้นรวมใบ ดอก ลูก ลำต้น และราก) หนึ่งกำมือ (ถ้าต้นแห้งก็กะประมาณเหลือครึ่งหนึ่ง) น้ำ 3 แก้ว นำมาต้มเคี่ยวไปเรื่อยๆ ให้เหลือ 1 แก้ว กินละครั้งละ 1/2-1 แก้ว วันล 3-4 ครั้งเวลาก่อนอาหาร และสำหรับคนที่รู้จักสรรพคุณลูกใต้ใบดีก็จะรู้ว่า ลูกใต้ใบสามารถนำมาชงน้ำกินแบบน้ำชา เพื่อบำรุงร่างกาย แก้ปวดเมื่อย ปวดหลัง ปวดเอวได้ด้วย #ลูกใต้ใบ ดูน้อยลง
    kongdet.the
     •  8 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    กระชาย แก้โรคกระดูกเสื่อม
    หมอยังแปลกใจ!! ผู้ป่วย โรคกระดูกเสื่อม หลังหายไป 1 เดือนกลับ @sgt3846b หมอยังแปลกใจ!! ผู้ป่วย โรคกระดูกเสื่อม หลังหายไป 1 เดือนกลับมาตรวจใหม่ มวลกระดูกแน่นปึ้ก เผยยาสูตรพิเศษ ปวดเข่า ปวดหลัง หายสิ้น!! กินอยู่ประมาณ ๑ เดือน ไปตรวจใหม่ หมอที่รพ.ศิริราช ตกใจ สงสัยว่าไปทำอะไรมา มวลกระดูกถึงแน่นปึ้กขนาดนี้ !!!!! โรคกระดูกเสื่อม เกิดจากการเสื่อมสมรรถภาพของกระดูกในร่างกายของเรา ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จากการทาน จากการเคลื่อนไหวมากเกินไป มักจะเกิดในวั#ยกลางคน วัยสูงอายุ สังเกตเห็นได้ชัดว่าเมื่อเคลื่อนไหวจะมีเสียงกร๊อบแกร๊บ กร๊อบแกร๊บ บางทีก็จะปวดตตรงข้อกระดูก รู้สึกขัดๆปวดๆ เคลื่อนไหวลำบาก นั่งคุกเข่า นั่งยองๆ นั่งพับเพียบก็จะลุกขึ้นยาก การรักษาโรคกระดูกเสื่อมนั้นส่วนใหญ่คนมักจะพึ่งยาแผนปัจจุบัน อาหารเสริมต่างๆ เช่น แคลเซียมแคปซูล วันนี้นายข้าวต้ม ขอแนะนำสูตรสมุนไพรพิเศษ อาจทำให้เราหายขาด หรือบรรเทาอาการโรคกระดูกเสื่อมได้ คือ ทานแบบภูมิปัญญาไทย ด้วย น้ำกระชาย น้ำมะนาว น้ำผึ้ง เรื่องจริงจากผู้ป่วยโรคกระดูกเสื่อม “หมอเพชร” หรือ ดร. กฤษณา รัตนชาลี ศัลยแพทย์ด้านหัวใจ วัย 60 ต้นๆ เรียน จบแพทย์จากอังกฤษ และทำงานประจำอยู่ที่ต่างประเทศ เพิ่งบินกลับมาปฏิบัติธรรม ที่วัดเขาฯ เป็นครั้งแรก เล่าให้ฟังถึงเพื่อนหมอ ซึ่งไปตรวจที่ รพ.ศิริราช พบว่า เป็นโรคกระดูกเสื่อมเฉียบพลัน รพ. ให้ยามากินมากมาย หมอเพชรบอกเพื่อน เอายาทิ้งไป และลองกินน้ำกระชาย ซึ่งตามสูตรธรรมชาติบำบัดเป๊ะยิ่งกว่า ท่าน อ.สุทธิวัสส์ ซะอีก คือ ห้ามเพื่อนใช้เครื่องปั่นไฟฟ้า ให้ใช้ครกหินอ่างศิลาตำๆ พอกระชายแหลก ก็เอามากรองด้วย “กระชอนไม้” ปูรองด้วยผ้าขาวบาง จนได้หัวเชื้อ มาผสมกับ น้ำผึ้ง และน้ำมะนาว กินอยู่ประมาณ ๑ เดือน ไปตรวจใหม่ หมอที่รพ.ศิริราช ตกใจ สงสัยว่าไปทำอะไรมา มวลกระดูกถึงแน่นปึ้กขนาดนี้!!!!! คนไข้ก็ไม่กล้าบอก หมอถามต่ออีกว่าแล้วยาที่ให้ไปกินหมดรึยัง?…..ยังค่ะ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพื่อนหมอเพชรคนนี้ก็กินน้ำกระชายเป็นเครื่องดื่มประจำตัว ประจำบ้าน แล้วไม่เคยป่วยด้วยโรคกระดูกเสื่อมอีกเลย อย่าลืมนำวิธีรักษาโรคกระดูกเสื่อม ด้วยภูมิปัญญาไทย ไปใช้กันด้วย น้ำกระชาย น้ำมะนาว น้ำผึ้ง เป็นสูตรธรรมชาติบำบัด ที่จะสามารถช่วยให้ร่างกายสร้างมวลกระดูกใหม่ขึ้นมา แล้วไปเสริมสร้างกระดูกที่เสื่อมอยู่ให้แน่นเหมือนเดิม ส่วนผสม กระชาย 1 ขีด น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ มะนาว 2 ลูก วิธีทำ “น้ำกระชาย น้ำมะนาว น้ำผึ้ง” รักษาโรคกระดูกเสื่อม 1. นำกระชายล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาตำ โดยใช้ครกหินอ่างศิลา หรือ ปั่นโดยใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า ให้ละเอียดเติมน้ำสะอาดลงไป 2 แก้ว 2. นำกระชายที่ตำหรือปั่น มากรองผ้าขาวบาง จนได้หัวเชื้อ เอาแต่น้ำหัวเชื้อ 3. ใส่น้ำผึ้ง และ มะนาวผสมลงไปปรุงรสตามใจชอบ แนะนำให้ใช้วิธีการตำโดยใช้ครกหินอ่างศิลา จะช่วยในการบำบัดด้วยวิธีธรรมชาติ เก็บในตู้เย็นทานไปจนกว่าจะหมด ครั้งละครึ่งแก้ว เช้า – เย็น สรรพคุณ บำรุงกระดูก (เพราะมี แคลเซียม สูง) บำรุงสมอง เพราะทำให้เลือดเลี้ยง สมองส่วนกลาง ดีขึ้น ปรับสมดุลของ ฮอร์โมน ปรับสมดุลของ ความดันโลหิต (ความดันโลหิตสูงจะลดลงความดันโลหิตต่ำ จะสูงขึ้น) แก้ โรคไต ทำให้ ไต ทำงานดีขึ้น ป้องกัน ไทรอยด์ เป็นพิษ บำรุง มดลูก แก้ปัญหา ผมหงอก ผมร่วง อาการ กระเพาะปัสสาวะ เกร็ง (กรณีนี้อาจใช้ เม็ดบัว ต้มกิน) ควบคุมไม่ให้ ต่อมลูกหมาก โต แก้ปัญหา ไส้เลื่อน เป็นยังไงกันบ้าง กับสูตรน้ำกระชาย น้ำผึ้ง มะนาว สูตรธรรมชาติบำบัดรักษาโรคกระดูกเสื่อม อย่าลืมนำวิธีรักษาโรคกระดูกเสื่อม ด้วยภูมิปัญญาไทย ไปใช้กันด้วยนะครับ ข้อมูลและภาพจาก naykhaotom / siamnews @sgt3846b แนวทางปฏิบัติ #1แชร์=1ธรรมทาน แชร์เยอะๆ ได้บุญคะ โปรดทราบ! ถ้าชอบ ฝาก กดติดตามเพจ กันด้วยนะค่ะ ถ้าข้อมูลนี่เป็นประโยชน์และสามารถช่วยใครได้อีกหลายๆ คน อย่าเก็บไว้อ่านคนเดียวละอย่าลืมส่งให้กับคุณที่คุณรักได้อ่านกันนะค่ะ
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    "จิงจูฉ่าย" เป็นผัก มหัศจรรย์ สามารถใช้รักษามะเร็งได้ !
    "จิงจูฉ่าย" เป็นผัก มหัศจรรย์ สามารถใช้รักษามะเร็งได้ ! ———————————— “ผม..นิกกี้ อิทธิเกษม KU37 อดีตนายกสมาคมม.เกษตรฯแห่งอเมริกา จะขอเล่าประสบการณ์ที่เคยสัมผัสมากับตัวเองเมื่อปี 2007 เพื่อเป็นcaseตัวอย่างและเป็นทางออกให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหลาย        ผมมีร้านอาหารอยู่ในเขต N.Hooywood วันหนึ่งกลางปี 2007 ผมได้มีโอกาสเจอลูกศิษย์เก่าที่เคยมาเรียนแจกไพ่ที่ร้าน ถามทุกข์สุขกันไปมา ถึงได้รู้ว่าเขาเคยเป็นมะเร็งที่คอ 1 ครั้ง,มะเร็งที่ต่อมลูกหมาก 1 ครั้ง ปัจจุบันหายเป็นปลิดทิ้ง รวมทั้งพี่น้องญาติอีก8คนที่เป็นมะเร็งภายในเวลา5 ปี ทุกคนหายหมด ผมจึงเกิดความกระตือรือร้นที่จะถามว่า มีวิธีรักษากันอย่างไร?  วันนั้นคุณแม่เขามาด้วยจึงอธิบายให้ฟังว่า "ฉันมีต้นจิงจูฉ่ายอยู่ในสวนหลังบ้านเยอะ ปกติก็จะใส่ในแกงจืดให้ลูกๆกินเป็นประจำ เพราะคนจีนบอกต่อๆกันมาถึงสรรพคุณช่วยฟอกเลือดและขับสารพิษออกจากร่างกายทำ ให้ลูกๆไม่ค่อยเป็นอะไร วันหนึ่งลูกฉันไปตรวจหมอกลับมา บอกว่าเป็นมะเร็ง อีก 2 เดือนต้องไปฉายแสง ฉันจึงลองเอาจิงจูฉ่าย1กำมือมาตำ จะได้น้ำออกมาแก้ว(เล็ก)หนึ่ง ให้เขากินตอนเช้าทุกวัน 2 เดือน ถัดมาไปตรวจหมอ หมอถามไปทำอะไรมา ทุกอย่างปกติหมด มะเร็งได้หายไปแล้ว"         หลังจากคุยกันพักหนึ่ง ผมก็ได้ข้อสรุปออกมาว่า คน8คนเป็นมะเร็งในที่ต่างกัน กินน้ำจิงจูฮวยฉ่าย 2-3 เดือน ทุกคนหายหมด(ไม่มีใครต้องทำคีโมเลย) ผมจึงเกิดความเชื่อถือขึ้นมาระดับหนึ่ง         ก่อนหน้านั้น พี่สะใภ้ผม 2 คน (ปี2006) เป็นมะเร็งที่เต้านม,มดลูก คนหนึ่งต้องทำคีโม ใช้วิธี"นั่งสมาธิ"ทุกวัน 8 เดือน หายเป็นปกติ         ต่อมาผมได้ต้นจิงจูฉ่ายมา1 ต้น จากคุณแม่ของลูกศิษย์ จึงรีบนำมาเพาะขยาย ปลายปี 2008 ผมได้รู้ว่าแม่ค้าที่เช่าที่ในร้านผมคนหนึ่งเป็นมะเร็งเต้านมขั้น 3 หน้าคล้ำ เดินตัวแข็งแล้ว ผมรีบเชิญมานั่งคุยเล่าเรื่องจิงจูฉ่ายให้ฟังและเรื่องพี่สะใภ้นั่งสมาธิ ก็เลยแนะนำให้ทำ 2 อย่างควบคู่กันไป เชื่อไหมว่า 3 เดือนถัดไป หายเป็นปลิดทิ้ง (ผมให้เขาไปเพียง1ต้นไปปลูกและ เด็ดใบทานเลยวันละ1ใบ เพราะมีน้อย ก็ยังได้ผล)         ปี 2009 ผมมีต้นจิงจูฉ่ายมากขึ้นและแจกจ่ายให้กับคนรู้จักหลายคน ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่าง 3 เดือน ทุกคนอาการดีขึ้นหมด ถ้าเราอยากช่วยผู้ที่เรารักและห่วงใยซึ่งกำลังเผชิญกับโรคร้ายนี้ ผมแนะนำวิธีนี้ ถ้าคุณต้องทำคีโมก็ทำไป กินใบจิงจูฉ่ายและนั่งสมาธิผมว่าคุณมีโอกาสหาย         ผมพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าผักชนิดนี้ แพมย์จีนโบราณเรียกว่า"ยาเย็น"เป็น"หยิน"ช่วยฟอกเลือด,ขับสารพิษ..ฆ่าเชื้อ ไวรัสทุกชนิด.. เพื่อนku37 คนหนึ่งลองให้ลูกกิน เนื้องอกที่คอก็ยุบลง      เนื่องจากที่ LA.เรามีน้อยมาก ถ้าเกิดใครต้องการมากๆ (จริงๆต้องทานวันละ1กำ )ลองคุยกับคุณน้อยที่สวนคุณน้อย จ.เชียงใหม่ เขาขายกก.ละ 35 บาท     ใครเป็นมะเร็งลองดูซิครับ ทานแล้วยังไงก็ไม่มีผลข้างเคียง แต่ คุณมีโอกาสหายครับ. ใครที่เคยสั่ง "เกาเหลาเลือดหมู" มาทาน เคยสงสัยกันไหมว่า ในชามเกาเหลาของเราจะมีผักสีเขียวชนิดหนึ่ง ที่ไม่ใช่ผักกาดหอม ขึ้นฉ่าย หรือใบตำลึงใส่ชามมาด้วย หลายคนไม่ทราบว่าเจ้าผักชนิดนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร แล้วมีสรรพคุณอย่างไร เอ้า...ใครที่ไม่รู้ ตามกระปุกดอทคอมมาเลยค่ะ          เจ้าผักชนิดนี้เรียกว่า "จิงจูฉ่าย" ค่ะ หรือที่ชาวต่างชาติเรียกว่า "เซเลอรี่" (Celery) เป็นผักสมุนไพรชนิดหนึ่งของจีน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Apium graveolens L. ลักษณะต้น "จิงจูฉ่าย" จะเป็นกอคล้ายใบบัวบก สามารถเจริญงอกงามได้ดีในที่ที่มีแสงแดดรำไร ชื้น ดินโปร่งแต่ไม่แฉะ ชอบอากาศเย็นมากกว่าอากาศร้อน  คุณค่าทางโภชนาการของ "จิงจูฉ่าย" มีไม่น้อยทีเดียวค่ะ เพราะ "จิงจูฉ่าย" 100 กรัม ให้พลังงาน 392 กิโลแคลอรี ประกอบด้วยสารอาหารนานาชนิด คือ โปรตีน, ไขมัน, คาร์โบไฮเดรต, เส้นใย, แคลเซียม, เหล็ก, ฟอสฟอรัส, วิตามินเอ, วิตามินบี6, วิตามินซี และวิตามินอี          มาที่สรรพคุณทางยากันบ้างดีกว่า จุดเด่นของ "จิงจูฉ่าย" คือมีกลิ่นหอม คล้าย ๆ กับตั้งโอ๋ ยิ่งโดนความร้อนจะยิ่งหอม และยิ่งเพิ่มสรรพคุณมากขึ้น โดยกลิ่นหอมของ "จิงจูฉ่าย" มาจากน้ำมันหอมระเหยที่มีอยู่ในลำต้นและใบนั่นเอง ประกอบด้วยสารไลโมนีน ซิลนีน และสารกลัยโคไซด์ที่มีชื่อว่า อะปิอิน ซึ่ง สารเหล่านี้มีสรรพคุณช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องความดัน แถมยังช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ด้วย ส่วนต้นสด และเมล็ดของ "จิงจูฉ่าย" มีโซเดียมต่ำ จึงดีต่อผู้ป่วยโรคไต           นอกจากนี้ ในทางการแพทย์เชื่อว่า "จิงจูฉ่าย" เป็นยาเย็น จึงช่วยบำรุงปอด ช่วยฟอกเลือด เลือดลมหมุนเวียนได้สะดวก คนจีนจึงนิยมนำผักชนิดนี้มาปรุงเป็นอาหารรับประทานในหน้าหนาว เพื่อช่วยในเรื่องการไหลเวียนของโลหิต ปรับสมดุลให้ร่างกายได้ดีนั่นเอง  ส่วนที่หลายคนสงสัยว่า ทำไมเราจึงมักเห็น "จิงจูฉ่าย" อยู่ในเกาเหลาเลือดหมู นั่นก็เพราะ "จิงจูฉ่าย" มีสรรพคุณช่วยดับกลิ่นคาวเลือดได้ดีด้วยค่ะ แต่จริง ๆ แล้ว "จิงจูฉ่าย" ไม่ได้ใช้ทำอาหารได้เพียงแค่ต้มเลือดหมูเท่านั้นนะ เพราะอาหารประเภทแกงจืดทั้งหลาย หรือผัดผัก ผัดฉ่าก็สามารถใช้ "จิงจูฉ่าย" เป็นส่วนผสมที่ลงตัวน่ารับประทานไม่แพ้กันจิงจูฉ่าย  ในรูปแบบชา  คัดวัตถุดิบใบจิงจูฉ่ายคุณภาพ  ปลอดสาร ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน สะอาดปลอดภัย ไม่มีสารปนเปื้อน รสชาติหอมหวานไม่ขม ดื่มง่าย โดยกระบวนการหมัก นวดอย่างพิถีพิถัน และอบด้วยไฟอ่อนเพื่อให้คงคุณค่าทางโภชนาการ และสรรพคุณทางยา  ชาจิงจูฉ่ายจึงมีประโยชน์มากมาย  และเนื่องจากเป็๋นสมุนไพรจึงไม่มีผลข้างเคียง ในกรณีที่บริโภคเป็นปริมาณมากอยกได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากเพื่อนในเวปค่ะLiked By: PinKen มะเร็งระยะสุดท้าย 2 ปี ไม่เข้ารับรักษา ค่ามะเร็งล…: https://youtu.be/uITAm2Gi5mQ
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    คุณประเสริฐ ฯ เป็นผู้บริหารอาวุโส เคยทำงานบริษัท cp เกษียณอายุแล้ว ส่งมาให้ ................................. เรื่อง ตำราไม่ล้างไต ถ้าข้าพเจ้าได้รับตำรานี้ เมื่อ 25 ปีก่อน ลูก ๆ คงไม่ต้องมาร้องเพลงชื่อ “ คนอื่นมีแม่ ฉันไม่มี ” การที่จะเอาเมล็ดลิ้นจี่มาทำยานั้นง่ายมากสำหรับข้าพเจ้า เพราะที่บ้านปลูกต้นลิ้นจี่กว่า 50 ปีแล้ว แต่ไม่รู้ว่า มันคือยาวิเศษในการรักษาโรคไต คู่ชีวิตของข้าพเจ้าต้องทรมานเสียเวลา 14 ปี ในการฟอกไตและในที่สุด ก็ต้องจากไป ในไต้หวันมีผู้คนป่วยเป็นโรคไตจำนวนมากที่ต้องทำการฟอกไต การที่ต้องไปฟอกไตเพราะไตเสื่อมลง จนไม่มาสามารถขัยถ่าย ของเสียออก บางทีญาติ หรือเพื่อนของท่าน บางคนกำลังฟอกไตอยู่ จึงอยากให้ท่านช่วยเผยแพร่ตำราวิเศษออกไปให้ทั่ว จะเป็นบุญกุศลยิ่ง คนที่นำไปทดลองใช้ จะมีแต่ได้ ไม่มีเสียอย่างแน่นอน ช่วยได้ 1 คน เท่ากับช่วยทั้งครอบครัว ข้าพเจ้าเป็นโรคไตเพราะเป็นโรคเบาหวานนาน 20 ปี ความเป็นทุกข์ ทรมานนี้ ทำให้ข้าพเจ้าเบื่อต่อชีวิต และคิดจะจบชีวิตตนเองหลายครั้ง แต่มาคิดได้ว่า ถ้าเราพ้นทุกข์แล้ว ทำให้หลายคนต้องรับทุกข์ต่อ ลูก หลาน หลายคนยังเรียนไม่จบ ยังตั้งตัวไม่ได้ เลยรับกรรมไปฟอกไตต่อ มีคนเสนอตำราลับ ตำราวิเศษให้ แต่ไม่เคยเชื่อ ข้าพเจ้าเชื่อแต่แพทย์แผนปัจจุบัน จึงเดินเข้าห้องฟอกไต ขอสู้กับมัจจุราชต่อไป ข้าพเจ้าเกิดนึกถึงคำพังเพยจีนว่า “ ม้าตายแล้ว ให้นึกว่ารักษาม้าเป็น ” บางทีชีวิตนี้อาจมีความหวัง จึงขอทดลอง หลังฟอกไตครั้งที่ 2 แล้ว คุณน้ามาเยี่ยม ถามว่า อยากลองตำราวิเศษไหม รับรองไม่ต้องฟอกไต อีกต่อไป ข้าพเจ้าก็ตกลงทันที ตอนบ่ายคุณน้า นำซุปเส้งจี้มา 1 หม้อ แบ่งดื่ม 2 ครั้ง วันที่ 2 นำมาอีก 1 หม้อ (ราว ชามครึ่ง) พร้อมให้กินเส้งจี้อีกครึ่งลูก ในวันนั้น ปรากฏว่า การถ่าย ปัสสวะดีขึ้น พอวันที่ 3 ซึ่งจะต้องฟอกไต แต่หมอตรวจแล้วว่า วันนี้ยังไม่ต้องฟอกก่อน ข้าพเจ้าได้ดื่มซุปเส้งจี๊ ประมาณ 1 อาทิตย์ ไปตรวจอีก คราวนี้หมอประหลาดใจมาก แจ้งว่า ไตปกติแล้ว ไม่ต้องฟอกแล้ว ตำราวิเศษ มีดังนี้.-- เมล็ดลิ้นจี่สด 7 เม็ด ทุบให้แตก แล้วใช้ผ้าขาวอย่างบาง ๆ ห่อไว้ ซื้อเส้งจี๊หมู 1 ลูก หั่นเป็นแผ่นบาง ล้างให้สะอาด ตัดเอาเอ็นสีขาวออก เอาน้ำซาวข้าวครั้งที่ 2 จำนวน 2 ชาม นำเข้าใส่ในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า ทำการนึ่งเป็นเวลา 30 นาที เสร็จแล้วให้ดื่มหมดครั้งเดียว ก็จะได้ผล ข้าพเจ้าได้พ้นจากฟอกไต เพราะตำรานี้ จึงขอความกรุณาทุกท่าน ช่วยเผยแพร่ตำรานี่ แก่ผู้ป่วยเป็นโรคไต ให้พ้นทุกข์จากการฟอกไตด้วย จะเป็นบุญกุศลอย่างยิ่ง.(ใครที่ต้องฟอกไต ลองใช้วิธีนี้ดูไม่เสียหลาย ที่เขาว่าไว้ลางเนื้อชอบลางยา ส่งต่อเป็นวิทยาทานและเป็นบุญ นะครับ)
    ไม่ระบุชื่อ
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    📣สูตรล้างพิษวัคซีนโควิด ที่ได้ผลดีมากๆคะ!!! น้ำมะพร้าวสด 1 ผล ต้มกับหัวหอมแดงบ้านทุบให้พอแตก 5 หัว ต้มให้พอได้กลิ่นได้รสชาติประมาณ10-15นาที แล้วดื่มทุกเช้าก่อนอาหาร ช่วงท้องว่างค่ะ โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้คะ **ฉีดแล้ว 1 เข็ม ให้ต้มดื่มทุกวันเป็นเวลา 30วัน **ฉีดแล้ว 2 เข็ม ให้ต้มดื่มทุกวันเป็นเวลา 60วัน ** ฉีดแล้ว 3 เข็ม ให้ต้มดื่มทุกวันเป็นเวลา 90 วัน ประมาณนี้ค่ะ… แพทย์แผนไทยบอกมาว่า ล้างพิษวัคซีนโควิดได้จริงๆค่ะ.. ล้างพิษได้แล้ว ต่อไป สามารถเข้ารักษาสุขภาพ ให้แข็งแรงได้ ด้วยเตียง Med-bed ในวันข้างหน้า ซึ่งจะเป็นนวัตกรรมใหม่ในการดูแลรักษาสุขภาพ โดยไม่ใช้ยา มันจะช่วยซ่อมแซมร่างกายส่วนที่บกพร่องและสร้างเซลล์ใหม่ทดแทน จะได้ผลดีมากและสามารถทำให้เป็นหนุ่มเป็นสาวขึ้นด้วยคะ (ด้วยกัน)💖 ในกลุ่มรีเซ็ตโลกใหม่ เค้าเรียนรู้ และตื่นตัวเรื่องนี้กันมากๆคะ 🎤กรุณาแชร์ต่อเพื่อช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนะค่ะ !!!
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    น้ำต้มผักบุ้งจีนกับน้ำผึ้งรักษาต่อมลูกหมากโตได้หรือคะ
    มีโพสท์ในโลกออนไลน์แชร์สูตร “ผักบุ้งจีน” สด ตัดราก 4 ขีด กับ “น้ำผึ้งแท้” 3 ช้อนโต๊ะ ล้าง “ผักบุ้งจีน” ให้สะอาด ต้มน้ำ 3-4 แก้ว จนเดือดแล้วยกลงใส่ “น้ำผึ้งแท้” ลงไปคนให้เข้ากันจนได้ที่ แบ่งกินก่อนอาหาร 3 มื้อเช้ากลางวันเย็น โดยกินทั้งน้ำและเนื้อ 2 วัน จะสังเกตได้ว่าอาการที่เริ่มเป็นจะดีขึ้น ให้ต้มดื่มเรื่อยๆ เมื่อหายดีแล้วก็หยุดกิน สูตรนี้ถ้าเป็นไม่มากจนถึงขั้นอันตรายหายได้ จริงหรือคะ
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    แก้วิธีการรักษา อาการตื่นมาฉี่บ่อย (nocturia) ของผู้สูงอายุ
    ตื่นขึ้นมาปัสสาวะบ่อย รุ่นพี่ที่เคารพท่านหนึ่ง ได้ส่ง VDO link ที่น่าสนใจมาให้ จาก NHK on demand video ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ ส.ว. ทั้งหมด (เกิน 250) แต่คนที่ยังไม่เป็น ส.ว. รู้ไว้ก็ไม่เสียหลาย เพราะอนาคตเราก็จะได้เลื่อนขั้นขึ้นไปกันทุกคนอยู่แล้ว เรื่องที่ว่านั้นก็คือ ปัญหาของการที่ต้องตื่นขึ้นมากลางดึกบ่อยๆ (nocturia) เพื่อไปฉี่ ปัญหานี้ ได้มีการทำวิจัยเมื่อต้นปีนี้เอง (กุมภาพันธ์ -เมษายน) ควบคุมโดย Toromoto Kazumasa อาจารย์หมอทางด้านระบบทางเดินปัสสาวะ (urologist) แห่งมหาวิทยาลัยแพทย์นารา (Nara Medical University) เนื่องจากโควิดมา ผลการวิจัยนี้จึงเพิ่งจะเผยแพร่สู่สาธารณชน เมื่อต้นเดือนธันวาคมนี้เอง การวิจัย ดำเนินการโดยให้ หนุ่ม Terakita เดินทางไปอยู่ที่บ้านคุณลุง Hayashi ทั้งวัน และทำกิจกรรมต่างๆเหมือนกัน โดยฉี่ให้หมดกระเพาะปัสสาวะ (bladder) ในตอนเช้า จากนั้น ให้กินอาหารเหมือนกัน ดื่มน้ำเท่ากัน ออกกำลังกายเหมือนกัน แล้วฉี่ใส่ถ้วยตวง วัดปริมาณเปรียบเทียบกันดู @07:30 เริ่มกินข้าว เป็นอาหารญี่ปุ่น มีน้ำอยู่ในอาหาร 600 mL (คำนวณโดย Yamaguchi Chikage นักโภชนาการ ของ Nara Medical University Hospital) และดื่มน้ำชา 530 mL รวม 1,130 mL ตอนสาย เจ้าหนุ่ม ฉี่ไป 4 รอบ 300+400+300+100 mL ส่วนลุงฉี่แค่ 2 รอบ 100+110 mL @12:30 มื้อกลางวัน เป็นแซนวิช มีน้ำแค่ 140 mL และดื่มน้ำเปล่าอีกคนละ 380 mL ตอนบ่าย ออกกำลังกาย ไปทำสวนด้วยกัน เข้ามาในบ้าน เล่น VDO game ด้วยกัน (ลุงแกเล่นได้ด้วยแฮะ) ตอนบ่าย เจ้าหนุ่มฉี่อีก 3 ครั้ง 350+200+150 mL คุณลุงก็ฉี่ 3 ครั้งเหมือนกัน แต่ปริมาณน้อยกว่า 40+180+70 mL จนเย็น @18:30 ได้เวลาจากกัน หลังจากอยู่ด้วยกันมาทั้งวัน ค่ำคืนนั้น ก่อนเข้านอน เจ้าหนุ่มฉี่อีก 4 ครั้ง 320+150+180+150 mL แต่ลุงฉี่แค่ครั้งเดียว 180 mL หมอใช้ ultrasound ตรวจดูน้ำในกระเพาะปัสสาวะ - เกือบไม่มีทั้งคู่ ก่อนเข้านอนตอนเที่ยงคืน ในวันนั้น น้ำ เข้าไปร่างกาย คนละ 2,730 mL เท่าๆกัน แต่ลุงมีน้ำเหลืออยู่ในร่างกายเยอะมาก ผลก็คือ เจ้าหนุ่มหลับรวด ไม่ได้ตื่นขึ้นมาฉี่ แต่ลุงต้องตื่นไปฉี่ 3 รอบ 130+420+280 mL วันต่อมาจึงรู้สึกเพลีย การที่กลางวันง่วง และต้องงีบบ่อยๆ เพราะกลางคืนตื่นบ่อย (nocturia) เพื่อไปฉี่ เนื่องจากน้ำที่ดื่มระหว่างวันยังค้างอยู่ในร่างกาย แต่น้ำนั้น ... ไม่ได้อยู่ในกระเพาะปัสสาวะ ! เชื่อหรือไม่ว่า มีความลับในร่างกายของเราอย่างหนึ่ง ก็คือ คนเรามีกระเพาะปัสสาวะที่สอง (2nd bladder) !! ในเมื่อน้ำ ไม่อยู่ในกระเพาะปัสสาวะ แล้วมันไปเก็บอยู่ที่ไหน? ที่ตับ (liver) หรือเปล่า เพราะแอลกอฮอล์ก็ยังไปกำจัดที่ตับ น้ำก็น่าจะไปด้วย … ไม่ใช่ ที่ไต (kidney) ใช่ไหม เพราะเป็นด่านแรก ที่น้ำจะต้องผ่าน ก่อนไปที่กระเพาะปัสสาวะ … ไม่ใช่อีก ที่เส้นเลือด (blood vessels) กระมัง เพราะในเลือดมีน้ำ อาจเก็บน้ำเพิ่มขึ้นได้ … ก็ไม่ใช่ แม้แต่ลำไส้ (intestine) ที่น่าจะมีที่เก็บน้ำไว้ได้มากทีเดียว … ไม่ใช่เหมือนกัน เพราะคำตอบที่ถูกคือ - น่อง (calves) ครับ ! เพื่อเป็นการพิสูจน์ เจ้าหน้าที่ได้ทำการวัดรอบน่องของลุง Hayashi ตอนตื่นนอนและก่อนนอน พบว่า น่องโตขึ้นจริงๆ (ขวา 40.5 => 42.7 ซ้าย 41.5 => 45.7 cm) ทีมงาน ได้นำอุปกรณ์วัดทันสมัย ไปที่บ้านลุง Hayashi เพื่อวัดปริมาณน้ำในส่วนต่างๆของร่างกาย แล้ว plot มาเป็นกราฟ พบว่า ช่วงเช้า น้ำในลำตัวและแขน เกือบคงที่ แต่น้ำในขา จะค่อยพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ช่วงบ่าย น้ำในขาเกือบคงที่ แต่ในแขนและลำตัวค่อยๆลด ส่วนตอนค่ำ ก่อนนอน น้ำในลำตัวค่อยๆลด ในแขนคงที่ แต่ในขายังพุ่งขึ้นต่อ สุดท้ายก่อนเข้านอน น้ำในขาของลุง Hayashi มีมากกว่าตอนเช้าถึง หนึ่งลิตรครึ่ง ! ทั้งนี้เพราะ ขาทั้งสองข้าง เป็นเหมือนแท็งค์น้ำ โดยน้ำจะแทรกอยู่ระหว่างกระดูกและผิวหนัง เรียกว่า “interstitium” เมื่อไม่มีน้ำ จะแฟบ พอมีน้ำก็จะพองหนาขึ้น น่อง จึงเหมือนถังน้ำ เก็บไว้ฉี่ทิ้งภายหลัง และนั่นเป็นสาเหตุที่ต้องตื่นขึ้นมาฉี่บ่อย คุณหมอ Sone Atsushi Director, Miyazu Takeda Hospital ยืนยันว่า มีคนไข้เป็นอย่างนี้หลายคน มีคำอธิบาย เขียนเป็นไดอะแกรมง่ายๆ เป็นวงจรของเส้นเลือดแดงจากหัวใจลงมาที่น่อง แล้วก็กลับขึ้นหัวใจทางเส้นเลือดดำ ส่วนกระเพาะปัสสาวะอยู่ตรงกลางระหว่างหัวใจกับน่อง การเต้นของหัวใจ กับการเคลื่อนไหวของน่อง จะเหมือนกับปั๊มสองตัวช่วยกันสูบฉีดน้ำในร่างกาย ถ้าน้ำมากไปก็จะไปปล่อยทิ้งที่กระเพาะปัสสาวะ เมื่ออายุยังน้อย ปั๊มที่น่องก็ยังแข็งแรงดีอยู่ ยิ่งเป็นเด็ก วิ่งกระโดดโลดเต้น น่องจึงแข็งแรง (เพราะฉะนั้น ถึงจะวิ่งไม่ไหว ก็ขยันเดินกันหน่อยนะครับ) แต่เมื่ออายุมากขึ้น น่องไม่ค่อยได้ทำงาน น้ำจึงมาบวมอยู่ที่ขา ด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก พอล้มตัวลงนอนตอนดึก น้ำส่วนเกินนี้จึงค่อยๆกลับมาที่กระเพาะปัสสาวะ จนทำให้ต้องลุกไปฉี่บ่อยๆ ดังนั้น ในปีนี้ ทางการแพทย์ที่ญี่ปุ่น จึงมีการปรับแก้วิธีการรักษา อาการตื่นมาฉี่บ่อย (nocturia) ซึ่งไม่มีการแก้ไขมาเลยในรอบสิบปี คุณลุง Ando เป็นคนหนึ่งที่ได้รับการรักษาวิธีหนึ่งในแผนใหม่นี้ สี่ปีมาแล้วที่เขาต้องตื่นมาฉี่ 4~5 ครั้ง ทุกคืน แถมลำบากที่ต้องปีนบันไดขึ้นลง เพราะห้องน้ำอยู่คนละชั้นกับห้องนอน พลาดพลั้งเกิดตกบันไดขึ้นมาก็ยุ่งอีก ชีวิตช่างน่าหดหู่เสียจริงๆ การฉี่บ่อย (nocturia) นำไปสู่ ความรู้สึกหดหู่ และกระดูกหัก !? พูดให้เว่อร์ไปหน่อย ... ความรู้สึกหดหู่ หรือ depression ก็เพราะอดนอน และกระดูกหัก ไม่ใช่เพราะฉี่บ่อยตรงๆ แต่เป็นสาเหตุเกี่ยวเนื่อง โดยเกิดจากการงัวเงียเมื่อตื่นขึ้นมา อาจจะทำให้หกล้ม หรือ ตกบันได แต่กระดูกหักในกลุ่มผู้สูงอายุนี่เรื่องใหญ่นะ วันหนึ่ง ลุง Ando ได้รับ “กล่อง” เพื่อการรักษา หนึ่งเดือนผ่านไป คุณลุงนอนรวดเดียวยันเช้า ไม่ต้องลุกไปฉี่เลย คุณลุง Ando ได้พบ “ทางรอด” แล้ว ที่สามารถจะใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง “ทางรอด” ในกล่องเล็กๆ ที่ทำให้ชีวิตของลุง Ando เปลี่ยนไปเลยนั้น คืออะไร ? คุณ Toshida Masaki Assit. Director, ศูนย์ศึกษาผู้สูงอายุ (แห่ง National Center for Geriatric & Gerontology) มาเฉลยว่า ภายในกล่องนั้น คือ ... “ถุงเท้ารัดน่อง” (compression stockings) ครับ ถ้าสวมมันไว้ตอนกลางวัน จะช่วยทำให้ขาไม่บวม และไม่เก็บน้ำไว้ ทำให้ฉี่ตอนกลางวันมากขึ้น ไม่เก็บไว้ไปฉี่ตอนดึกอีก นอกจากนั้น ยังมีคำแนะนำง่ายๆอีกอย่าง เป็นวิธีการบำบัดข้อที่สอง ที่คุณหมอได้แนะนำให้ลุง Hayashi ที่เข้าร่วมการทดลองในตอนแรก ลองกลับไปทำดู คือการนอนยกขาให้สูงขึ้นหน่อย ประมาณครึ่งฟุต สักครึ่งชั่วโมงในตอนบ่าย แต่อย่างีบหลับไปนะ เดี๋ยวกลางคืนจะนอนไม่หลับอีก คุณลุง Hayashi ได้ลองทำดูประมาณหนึ่งเดือน โดยเริ่มทำตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ด้วยการนอนยกขาพาด อ่านหนังสือ หนึ่งเดือนผ่านไป จากการต้องลุกไปฉี่ 3 หนในตอนก่อน ก็เหลือเพียง 1.5 ครั้งโดยเฉลี่ย การรักษานี้เป็นการบำบัดโดยเปลี่ยนอุปนิสัย (behavior therapy) ดีกว่าการใช้ยา เพราะว่าไม่มีผลข้างเคียง (side effect) คำแนะนำเพื่อการบำบัดดังกล่าว มี 3 วิธี คือ :- • สวมถุงน่องแบบรัด • ยกขา • งดกินเค็ม การงดกินเค็มที่แถมมาด้วยนั้น เพราะ การกินเค็ม นอกจากจะทำให้ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นแล้ว ยังทำให้ร่างกายเก็บน้ำไว้ด้วย ของแถมอีกอย่างที่บางคนอาจจะเมิน คือ หมอเขาแนะนำให้เลิกการ “กรุ๊บๆ กรั๊บๆ” ในตอนเย็น เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แถมกับแกล้มกินเล่นซึ่งมักจะมีเกลือเยอะ จะช่วยกันเรียกความกระหายให้ร่างกายดื่มน้ำมากขึ้น สังเกตได้ว่าถ้ากินเลี้ยงตอนเย็น คืนนั้นก็จะฉี่มากขึ้น คำถามว่า สวมถุงรัดน่องด้วย พร้อมกับนอนยกขาด้วย ได้ไหม - Dr. Yoshida บอกว่า ไม่มีปัญหา แต่สวมถุงรัดน่องไปกินเลี้ยงตอนเย็นนี่คงไม่ช่วยเท่าไหร่นะ งานนี้ สงสัยจะมีคนขอเลี่ยงบาลีไปดื่มตอนเที่ยงแทน คำแนะนำแนวทางทั้งสามนั้น คงจะเป็นประโยชน์กับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ส่วนเรื่องถุงรัดน่องนั้น ถ้าไปหาตามร้านขายยา ก็จะมีถึงสามชนิดให้เลือก คือ สูงแค่เข่า ซึ่งสวมง่ายหน่อย ยาวขึ้นมาหน่อยคือสวมทั้งขา และที่ยาวสุดคือ สวมขึ้นมาถึงเอว ชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามสะดวกครับ รวมทั้ง น่าจะมีขนาดให้เลือกด้วย และสามารถสวมใส่ได้ทั้งวัน อย่างไรก็ตาม คุณหมอมีคำเตือนสำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจหรือเบาหวานว่า ให้ปรึกษาหมอหน่อยก็ดีนะ เรื่องที่จะหาอะไรมารัดน่องนี่น่ะ ที่ง่ายคือการนอน (อย่าหลับ) ยกขาขึ้นมาพาดอะไรที่สูงหน่อยในตอนบ่ายนั้น ก็ต้องบริหารเรื่องเวลาเหมือนกัน ไม่เร็วไป (เพิ่งผ่านเวลาเช้ามาหยกๆ) หรือช้าไป (จะเข้านอนอยู่แล้ว) เพราะจะไม่ได้ผลดีเท่าที่ควรทั้งคู่ เวลาแดดร่มลมตก นึกถึงเปลญวนขึ้นมาทีเดียว เพราะเป็นเปลที่ขาถูกยกขึ้นมา ไม่ได้นอนราบๆ แต่ไม่มีเปลญวนก็ไม่เป็นไร หาอะไรหนุนขาเอาก็ได้ อย่างไรก็ตาม วันนี้ ผมเลยได้ไอเดีย ที่ทำให้ชีวิตสบายขึ้นเยอะ เพราะว่า ... แทนที่จะนั่งเขียนบทความ บ่ายวันนี้ ผมนอนยกขาเขียนครับ !! ... @_@ ... วัชระ นูมหันต์ 20 ธันวา 63
    Mrs.Doubt
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    สูตรชาแก้โรคเก๊าต์ ตะไคร้-ใบเตย ทำง่ายหายปวดเข่า-ลืมเก๊าต์-ไม่ต้องพึ่งยา ไม่น่าเชื่อ แค่ “ตะไคร้ กับ ใบเตย” ก็เป็น “สูตรสมุนไพรแก้โรคเก๊าต์” ได้จริง
    สูตรชาแก้โรคเก๊าต์ ตะไคร้-ใบเตย ทำง่ายหายปวดเข่า-ลืมเก๊าต์-ไม่ต้องพึ่งยา ไม่น่าเชื่อ แค่ “ตะไคร้ กับ ใบเตย” ก็เป็น “สูตรสมุนไพรแก้โรคเก๊าต์” ได้จริง เตรียมส่วนผสมดังนี้คือ 1. ตะไคร้ 5 ต้น 2. ใบเตย 3 ใบ 3. น้ำสะอาด 2 ลิตร (หากต้องการทำให้ดื่มได้หลายวัน ให้เพิ่มสัดส่วนตามสูตร) วิธีทำ ใส่น้ำในหม้อ ทุบตะไคร้ใส่หม้อ ใส่ใบเตยลงไป ต้มให้เดือดพล่าน เมื่อเดือดแล้วให้ลดไฟลงกลางๆ ปิดฝาต้มต่ออีก 15 นาที ห้ามเปิดฝา เมื่อครบ 15 นาทีแล้ว ปิดไฟ ยกหม้อลง ทิ้งไว้ให้เย็น จะได้น้ำชาตะไคร้-ใบเตย จะเก็บใส่ขวดแช่ตู้เย็นไว้ก็ได้ วิธีกิน ให้นำมาดื่มแทนน้ำเปล่าติดต่อกัน 1 สัปดาห์ สรรพคุณสมุนไพรของตะไคร้ กับ ใบเตย จะช่วยล้างกรดยูริกในเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของการปวดเข่าจากโรคเก๊าต์ได้ดีมาก ลืมปวดเข่า ลืมเก๊าต์ ลืมกินยาไปได้เลย *สูตรนี้ได้รับการยืนยันจากผู้เป็นเก๊าต์ว่าได้ผลดีเกินคาดจริงๆ ผลข้างเคียง อาจทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น วิธีแก้คือ ให้หลีกเลี่ยงการดื่มก่อนเข้านอน 2 ชั่วโมง ******* ******* ชีวอโรคยา แบ่งปันความรู้ทั่วไป เพื่อเป็นวิทยาทาน เพื่อความพอเพียง เพื่อสุขภาพที่ดี โปรดใช้วิจารณญาณ และใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานไปต่อยอดศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยตนเอง ไม่ตอบคำถามเพิ่มเติม ไม่รับปรึกษาปัญหาสุขภาพ เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญไม่ได้ประจำหน้าเพจ สงวนลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ 2558 แชร์ได้ห้ามคัดลอกไปโพสต์ใหม่ เรียบเรียงโดย ชีวอโรคยา อ้างอิงข้อมูลจาก แพทย์พื้นบ้าน /ตำราโบราณ / สมุนไพรหมอศุภ ภาพโดย ชีวอโรคยา สงวนลิขสิทธิ์ ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลราคาแพง Cr ชีวอโรคยา
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ตะไคร้ ใบเตย รักษาโรคเก๊าท์ ปวดข้อได้จริงหรือ?
    มีหลายข้อความแพร่ในโลกออนไลน์ว่าดื่มน้ำ ตะไคร้ ใบเตยต้มนั้นจะแก้โรคปวดข้อ ปวดเก๊าท์ได้ พร้อมแจกสูตร อ้างว่าดื่มแล้วหายปวดเป็นปลิดทิ้ง
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false