1 คนสงสัย
หน้าหนาวเสี่ยงเส้นเลือดสมองแตก
ไม่ระบุชื่อ
 •  3 วันที่แล้ว
meter: true
1 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)
Thanathun. เลือกให้ข้อความนี้✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด

เหตุผล

อากาศหนาวส่งผลให้หลอดเลือดหดตัว และทำให้แรงดันในหลอดเลือดสูงขึ้น ความดันสูงขึ้น หากหลอดเลือดมีปัญหาก็จะสามารถทำให้หลอดเลือดแตกได้ ทั้งนี้ เล

ที่มา

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    (@) วิศวกร ออกมาพูดเรื่องสกายวอล์คพื้นกระจก ◇ ผมเรียนจบวิศวกรรมอากาศยาน ตอนเรียนวัสดุศาสตร์(Structural Matterial) จำได้ว่ากระจกเป็นวัสดุที่อาศัยแรงตึงผิว จึงรับแรงกดได้ไม่ดี รับได้แต่แรงเฉือน ในเครื่องบิน ส่วนที่เป็นกระจกจึงต้องอยู่ในตำแหน่งลู่ลมเท่านั้น อีกอย่างเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น โมเลกุลของกระจกขยายตัว แรงตึงผิวจะลดลง แม้ว่ากระจกจะหนา และรับแรงกดได้ระดับนึง ก็อาจแตกได้ เมืองไทยที่มีอากาศร้อนจึงไม่น่าจะไปสร้างสะพานกระจกไว้กลางแจ้ง ผมเคยขึ้นมาสองแห่ง แห่งแรกที่ จ.เลย ตอนนั้นหน้าหนาวไม่ค่อยหวาดเสียวเท่าไหร่ แห่งที่สองที่กาญจนบุรี แห่งนี้เจออากาศร้อนจัด ขึ้นไปแล้วเสียวมาก คนก็เยอะ ยิ่งได้ยินเสียงกระจกลั่นยิ่งหวาดเสียว รีบลงแทบไม่ทัน พอมีข่าวว่าเกิดเหตุกระจกพื้นสกายวอล์คแตกที่อินโดนีเซียเมื่อเร็วๆนี้ ผมเลยตั้งใจว่าจะไม่ขึ้นสะพานกระจกที่ไหนอีกแล้ว ◇ บางท่านอาจไม่คิดว่า เหตุการณ์มันจะเกิดขึ้นกับตัว บางคนก็ชอบเสี่ยง ชอบผจญภัยและคลั่งไคล้ในความตื่นเต้น หวังว่าบทความนี้ คงจะให้ข้อคิดและเปนประโยชน์บ้างต่ออีกหลายท่านที่คิดจะไปเดินชมวิวบนสกายวอล์คพื้นกระจกนะครับ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    เขียนได้โดนมากๆ ขอแชร์ให้คนไทยทุกคนได้อ่าน “ชีวิตจะดีหรือเลว อยู่ที่ตัวคุณเอง ไม่ใช่รัฐบาล” ไม่ทราบชื่อผู้เขียน…แต่เขียนสะท้อนความจริงได้ดีมาก วันนี้ ผมอยากให้คุณเปิดใจเป็นกลาง มองโลกแห่งความเป็นจริง แล้วอ่านสิ่งที่ผมเขียน... ประชาชน เรียกร้องหา การพัฒนาที่ดี เศรษฐกิจที่ดี ชีวิตที่ดี สวัสดิการที่ดี สิ่งแวดล้อมที่ดี ขอให้ทุกคนรวยขึ้น มีความสุขมากขึ้น มีคนจนหมดไป แต่ตัวเองกลับทำตัวตรงข้าม คือ ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น อยากให้ประเทศพัฒนา แต่ไม่เคยพัฒนาคุณภาพตัวเอง นายกคนไหน ก็แก้ปัญหาไม่ได้ ถ้าคนในประเทศยังขี้เกียจ ขาดจิตสำนึก ขาดคุณธรรม ขาดสติ ไร้ปัญญา ไร้การศึกษา หรือมีการศึกษาสูง แต่จิตสำนึกต่ำ คุณธรรมต่ำ คิดแต่จะด่าว่า โทษแต่คนอื่น ไม่เคยโทษตัวเอง หรือนอนรอแต่ความหวัง ลมๆแล้งๆ หวังคนอื่นมาช่วย แต่ไม่เคยช่วยตัวเองอย่างจริงจัง ประเทศนี้ มีปัญหามาตั้งแต่ รากเหง้าของประเทศ เป็นศูนย์รวม ของคนจำ นวนไม่น้อย ที่จอม 'ขี้เกียจ' 'มักง่าย' และ 'รอคอยความหวัง' เห็นแก่ตัว เก่งแต่พูดเก่งแต่โพสต์ พอลงมือทำจริงๆ ก็ทำไม่ได้ อย่างที่คุยโม้โอ้อวด จริงไหม? ต่อให้นายกรัฐมนตรี เก่งกาจแค่ไหน แก้ปัญหาชาติได้ดีเพียงไร หรือ มีทีมงานไม่โกงกิน แต่บางที ปัญหามาจากรากเหง้าของประเทศ ที่จริงๆแล้ว แก้เท่าไหร่ ก็ไม่สำเร็จหรอก เพราะอาจจะต้องแก้ที่ "คนในชาติก่อน" “จิตสำนึกที่ดี นั้น มีกันบ้างมั้ย” - ด้านสถาบันครอบครัว เพราะความเคยชินของคนไทย ปลูกฝังสั่งสอน ความมักง่าย ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม เลี้ยงเด็กตามมีตามเกิด บางคน แม้รวย ก็เลี้ยงดูลูกแบบตามใจ จนมากเกินไป เหมือนนิทานเรื่อง พ่อแม่รังแกฉัน เลี้ยงผิดๆ ถูกๆ บางบ้าน พูดจาหยาบคาย มึงกูกับลูกตั้งแต่เด็กๆ ปัญหาไม่พร้อมที่จะมีลูกก่อนวัยอันควร สอนกันมาแบบผิดๆ สมองเด็ก ก็ฝังลึกกันแบบผิดๆ​ ที่น่ากลัวคือ พ่อแม่คนเหล่านั้น สอนลูกไม่ เป็น ไม่รู้จักผิด/ชอบ/ชั่ว/ดี แม้บางคน พ่อแม่ เป็นถึง ศ.บ้าง รศ.บ้าง บางคนพ่วง ดร. อีกด้วย แต่มีลูกสาว ขนาดเป็นนิสิตจุฬาฯ ในปี 2563 กล้าที่จะแก้ผ้าให้ผู้ชายถ่ายรูปที่เสาชิงช้า อนาคตของชาติ จึงดูไร้คุณภาพ หรือที่เราเรียกว่า อนาคตของสังคมไทย มีแต่ “ขยะสังคม” รัฐบาล ไม่ได้มีหน้าที่ อยู่บ้านเดียวกับคุณ และคอยอบรมสั่งสอน จนลูกคุณโต หรือ จนมีหน้าที่การงาน - ด้านความยากจน หนักไม่เอา เบาไม่สู้ หมิ่นเงินน้อย คอยวาสนา บ้าเรื่องดวง ผัวทิ้งทำเสน่ห์คุณไสย งานไกลขี้เกียจไป อ้างว่าไม่มีรถขับ งานใกล้ เงินน้อยขี้เกียจทำ กู้เงินมาขายอาหาร ขายไม่เป็น ทำไม่สะอาด ทำไม่อร่อย ปากไม่ดี พอเจ๊ง ก็โทษรัฐบาล โทษเศรษฐกิจ โทษอากาศมันร้อน ฝนมันตก โทษคนไม่เดิน แต่ไม่เคยโทษตัวเอง เพราะไม่เคยมองเห็นตัวเอง ที่เป็นต้นเหตุปัญหาทั้งปวง คนจน ที่ขยันก็มีเยอะ แต่ต้องฉลาด มีสมองพัฒนา ใฝ่สูงใฝ่ก้าวไปข้างหน้า เป็นคนจนไม่ผิด แต่จนแล้วโง่ แถมขี้เกียจ เเบบนี้ผิด บางคนที่จน ไม่มีเงินจะเรียน ก็เรียนจบได้ด็อคเตอร์ ก็มีไม่น้อย มิใช่ เอาแต่มานั่งบ่น สิ่งนั้นไม่ดี สิ่งนี้ไม่ดี แต่ไม่เคยโทษตัวเอง ใครจะมาช่วยได้ล่ะ แล้วทำไมคนจน ที่เค้ามีฐานะดีขึ้น ทำงานด้วยสมอง และ มีสองมือเหมือนกัน ก็มีเยอะมากมายที่เขาได้ดี มีความเจริญก้าวหน้า เพราะเค้าไม่มีข้ออ้างแบบคุณนั่นเอง - ด้านการศึกษา ไม่รู้เค้าเลี้ยงลูกกันยังไง เด็กบางคนถึงไม่สนใจการเรียน ไม่ชอบมีการ บ้าน ไม่ชอบการสอบเก็บคะแนน อ้างว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดความเครียด ไม่ต้องการใส่เครื่องแบบ ไม่ต้องการไว้ผมทรงนักเรียน ไม่เห็นคุณค่าการศึกษา เพราะมีพ่อแม่ไร้คุณภาพ เด็กหลายคนจึงไร้การศึกษาที่ดีและสูง แทนที่จะสอนลูกว่า เรามันจนนะลูก ต้องตั้งใจเรียน​ จะได้​ทุนเรียนปริญญา เอาจริงๆนะ ถ้าลูกรักเรียนต่อ ให้พ่อแม่จนแค่ไหน ก็หาเงินมาให้ลูกเรียนจนจบปริญญาได้ เด็กหลายคนเกเร ไม่สนใจการเรียน พ่อแม่ก็ตัดหางปล่อยวัด ไม่รู้จะทำอะไร ก็กลายเป็นเด็กเกเร เด็กแว๊นซ์ ลักขโมย ดื่มเหล้า ข่มขืน ติดยา ขายตัว สร้างความเดือดร้อน พ่อแม่มันยังไร้คุณภาพ จะเอาปัญญาที่ไหนไปสอนลูก บางครอบครัว พ่อแม่ มีคุณภาพดี แต่ไม่เคยสอนเรื่องคุณ ธรรมและจริยะธรรมที่ดีให้แก่ลูก พอเกิดเรื่องก็บอก “ลูกฉันเป็นคนดี” กันทั้งนั้น ก็เพราะคิดแบบนี้ ลูกมันถึงเป็นแบบนี้ ผิด/ชอบ/ชั่ว/ดี คนเป็นพ่อแม่ ยังแยกแยะไม่ออก - ด้านสิ่งแวดล้อม ถามซิ เลิกเผาป่า เลิกเผาขยะกันหรือยัง​ ข่าวออกมาโครมๆ แต่จิตสำนึกไม่ มีเลย อ้างว่าต้องทำมาหากิน ก็ทำแบบนี้ทุกปี จริงๆแล้วการเผาป่ามันถูกต้องหรือไม่ มันก่อให้เกิดฝุ่นพิษ ควันพิษ เป็นการทำร้ายสุขภาพ หรือเราปล่อยให้ทำๆกันมาจนชิน ไม่รู้สึกอะไร พอรัฐหรือหน่วยงาน เข้ามาห้ามก็ด่า...นี่คือสันดานคนเหล่านั้น คือความเห็นแก่ตัว ที่ไร้ความรับผิดชอบต่อสังคม​ เสียหายปีละเท่าไหร่​...กินตรงไหนทิ้งตรงนั้น คนที่อาศัยตามริมคลอง ก็ทิ้งลงคลองง่ายดี พอน้ำเน่าเหม็น ก็บ่น แล้วมาบอกว่า มันเป็นหน้าที่ของคนเก็บขยะ มีหน้าที่เก็บก็เก็บไป​ คุณจะให้บ้านเมืองมันเจริญได้ไง! ในเมื่อจิตใจคุณยังต่ำตมอยู่เลย -โกง/คอรัปชั่น​ เจอกันเยอะมั้ย​ ไม่ว่าจะคนรวย คนจน คนในระดับไหน การศึกษาสูง ต่ำ ไม่แตกต่างกัน ​ เป็นเรื่องนิสัย​/สันดาน พอมีโอกาส​ ก็โกงกันทั้งนั้น จิตสำนึกความซื่อสัตย์ไม่มี คนรวยโกงคนจน นักการเมืองโกงชาติ จิตใจทำด้วยอะไร ความเห็นแก่ตัวไง เงินคือพระ เจ้าสำหรับพวกมัน และค่านิยมคนไทย “มีเงินเรียกน้อง มีทองเรียกพี่” เป็นพวก ไอ้/อี ที่บ้าเงิน - ด้านการจราจร มีกี่คนที่ทำตามกฎจราจร 100% บ้าง ทางม้าลายรถต้องหยุดให้คนข้าม พวกคุณทราบกันหรือเปล่า ใช้ถนน ผิดกฎหมาย แล้วคิดว่าตัวเองถูก ดูอย่างข่าวป้าทุบรถ และข่าวจอดรถขวางหน้าบ้าน ทางเข้าออกคนอื่น โดยไร้จิตสำนึกว่า คนในบ้านเขาขับรถเข้า/ออกไม่ได้ มีบ่อย มีหลายๆคดี เรียกตัวเองว่า ชาวพุทธ แต่ไร้ ศีลธรรม การยับยั้งอารมณ์ ใครมีปืนมีมีด ก็ยิงก็ฟันเลย เถื่อนมาก แม้แต่ในโรงพยาบาล ก็ยังบุกไปทำร้ายร่างกายกัน และ พาลไปทำร้ายหมอและพยาบาลอีก แบบนี้ก็มีอยู่ในสังคมไทย แกล้งขับรถขวางทาง ไม่ให้รถ Ambulance ผ่าน ก็มีข่าวมาแล้ว ขับช้า เสือกขับแช่ยาว ในเลนขวาสุด ก็มีให้เห็นบ่อยๆในเวลาไปต่างจังหวัด อยากจอดข้างทางก็จอด เพื่อกินข้าว ที่ร้านอร่อยของตน บนถนนรถติด ขายของริมฟุตบาท ล้นออกมาบนพื้นที่ถนนรถวิ่ง รถยนต์/รถมอเตอร์ ไซค์ก็จอดซื้อกันตรงนั้น ทำให้รถติดในซอย ในเมื่อพฤติกรรมคนไทยจำนวนไม่น้อย มันเป็นแบบเนี้ย รัฐบาลจะไปช่วยอะไรได้ หวังแต่จะให้รัฐแก้ปัญหา และพัฒนาชาติ ตัวคุณเองยังแก้ปัญ หาตัวเองไม่ได้ และพัฒนาสมอง คุณภาพตัวเองไม่ได้เลย ถามตัวเองก่อน ด่ารัฐบาล "ทำหน้าที่ตัวเอง" ในฐานะพลเมืองของชาติ ดีที่สุดรึยัง พูดให้คิด มองความจริงให้ออก อย่าหลอก อย่าหลงตัวเอง เจ็บแต่จริง​ หันมามองตัวเองกันหน่อย​ ค่อยๆแก้​ ต่อให้รัฐบาล​/ผู้นำคนไหนๆ​ แปลงร่างมาจากเทวดาชั้นฟ้า​ ปัญหา​เมืองไทย ก็ไม่มีวันหมด แก้รัฐธรรม นูญ ก็เพื่อประโยชน์ของนักการเมือง เป็นสำคัญ ไม่เกิดประโยชน์ต่อประชา ชนอย่างแท้จริง แก้แล้ว ก็เพื่อให้นัก การเมืองกลุ่มใหม่ เข้ามาแสวงหาอำนาจ และ ผลประโยชน์ในกลุ่มพรรคพวกเพื่อนพ้องเท่านั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องนมนานมา แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น มาให้เห็นตลอดเวลา​ที่ผ่านมา นักการเมืองโกงแล้ว หนีคดีไปต่างประเทศ ส่วนลูกน้อง ที่เคยเป็นคนดี แต่ยอมทำตาม ด้วยเกรงบารมี ก็ต้องติดคุกหัวโตไป เรายังอยากให้คนกลุ่มนี้ มาหาวิธีโกงชาติ โกงแผ่นดินกันอีกหรือ รักชาติ รักแผ่นดิน​ ให้จริงๆกันบ้างเถิด อย่าอ้างความรักชาติ จนน้ำลายไหล เพราะอดอยากปากแห้งมานาน หันกลับมามองตน แล้วเปลี่ยนแปลงตัวเองและ คนใกล้ตัวกันหน่อย สงสารนักรบชุดขาว และ อสม. ที่เขาเสียสละ และเสี่ยงกับโรค​ COVID-19 ที่ มากกว่าเรา อย่าได้เพิ่มปัญหาให้สังคมและประเทศของเราให้มากกว่า ที่มีอยู่ และเป็นอยู่เลย ในปัจจุบัน ทุกประเทศก็มีปัญหาเศรษฐกิจ ประชา ชนทุกประเทศก็ย่ำแย่เดือดร้อนกันทั้งนั้น มิใช่คนไทยเท่านั้นที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจ. ขอบคุณผู้เขียน และ ขอบคุณทุกคนที่แชร์กันต่อไปและแชร์ให้มากก่อนถึงวันเลือกตั้ง.
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    ข่าวปลอม อย่าแชร์! ร่างกายอักเสบ ตัวร้อน เสี่ยงเส้นเลือดสมองแตกได้
    ตามที่มีการแชร์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องร่างกายอักเสบ ตัวร้อน เสี่ยงเส้นเลือดสมองแตกได้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
    std47941
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ข่าวปลอม อย่าแชร์! ผู้ที่เป็นโรคไมเกรน เสี่ยงเส้นเลือดสมองแตกมากกว่าคนปกติถึง 46%
    กรณีที่มีการโพสต์เตือนโดยระบุว่า ผู้ที่เป็นโรคไมเกรน เสี่ยงเส้นเลือดสมองแตกมากกว่าคนปกติถึง 46% ทางสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า เนื้อหาในข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีข้อมูลทางการแพทย์ในปัจจุบันบอกว่า ไมเกรนมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองแตกตามที่กล่าวอ้าง
    std46541
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ผู้ที่เป็นโรคไมเกรน เสี่ยงเส้นเลือดสมองแตกมากกว่าคนปกติถึง 46%
    ไม่ระบุชื่อ
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    เรื่องนี้น่าสนใจมาก...หากประสบผลสำเร็จ คนที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดคงจะสบายสักที...... --------‐--‐-----//------------------ มนุษย์จะมีอายุขัยเพิ่มขึ้น! ทำความรู้จัก “อนุภาคนาโน” ที่ถูกค้นพบเมื่อปีที่แล้ว และอาจทำให้ “โรคหัวใจ” กลายเป็นแค่ประวัติศาสตร์ ทุกวันนี้ เวลาได้ยินข่าวคนดังเสียชีวิต มักมีสาเหตุมาจาก “มะเร็ง” และพานคิดว่ามะเร็งน่าจะเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของมนุษย์ แต่นั่นคือความเข้าใจผิด เพราะสาเหตุการตายอันดับ 1 ของมนุษย์ปัจจุบันคือ “โรคหัวใจ” หรือชื่อเต็มๆ ก็คือ “โรคหัวใจและหลอดเลือด” มนุษย์ที่เสียชีวิตเพราะโรคกลุ่มนี้ในแต่ละปีมากถึง 30% และเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 แซงหน้ามะเร็ง 1.เราอาจสังเกตว่า “คนสมัยก่อน” มักจะไม่ได้ตายเพราะ “โรคมะเร็ง” หรือ “โรคหัวใจ” . เหตุที่ช่วงหลังมานี้ “โรคมะเร็ง” และ “โรคหัวใจ” ขึ้นอันดับ 1 และ 2 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่ามนุษย์ปัจจุบันอายุยืนขึ้น เราไม่ค่อยตายจากสงครามและโรคติดเชื้อต่างๆ แบบในอดีต พออยู่มาจนแก่ . เราจึงเผชิญหน้ากับโรคที่โดยทั่วไปใช้เวลาพัฒนาหลายสิบปีกว่าจะพัฒนาจนคร่าชีวิตผู้คนได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคตับ โรคปอด โรคไต ฯลฯ 2.ก่อนหน้านี้ โรคที่ฆ่ามนุษย์เป็นอันดับ 1 คือ “มะเร็ง” เหตุที่เป็นเช่นนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะคำว่า “มะเร็ง” นั้นกินความกว้างมากๆ เพราะเกิดจากการที่เซลล์ของอวัยวะร่างกายกลายพันธุ์เป็นเนื้อร้าย เรียกได้ว่าเกิดเนื้อร้ายส่วนไหนก็นับเป็นมะเร็งหมด พอแก่ตัวไป แนวโน้มที่เซลล์จะกลายพันธุ์ก็ยิ่งเยอะมากขึ้น . ผลในทางสถิติคนก็เลยเป็นมะเร็งกันเยอะ และในอดีตเป็นโรคที่ “ไม่มีทางรักษา” . แต่ยุคหลังๆ เริ่มมีแนวทางการรักษาใหม่ๆ เริ่มมีเทคนิคการคัดกรองที่ดีขึ้น คนก็เลย “จัดการ” กับมะเร็งได้ดีกว่าก่อนมาก ส่งผลให้ “โรคหัวใจ” เป็นโรคที่กลายเป็นภัยต่อชีวิตอันดับ 1 ของมนุษย์ 3.คำว่า “โรคหัวใจ” ในความหมายของโรคหัวใจและหลอดเลือดก็เป็นคำที่กินความกว้างมากคือ กินความตั้งแต่ภาวะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ตีบทำให้อวัยวะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ไปจนถึงภาวะผิดปกติทางกายภาพของหัวใจที่ส่งผลต่อการสูบฉีดเลือด . อย่างไรก็ดี สิ่งที่ใกล้ชิดกับโรคหัวใจที่สุดก็คือภาวะอย่าง ‘หลอดเลือดแข็งตัว’ (atherosclerosis) หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า “ไขมันเกาะผนังหลอดเลือด” ในระดับที่เรียกได้ว่า เป็นภาวะยอดฮิตที่คนจะป่วย และพัฒนาไปเป็นโรคหัวใจในที่สุด . แม้ว่าคนจะนิยมเรียกกันแบบนี้ แต่สิ่งที่ไปพอกผนังหลอดเลือดนั้นไม่ใช่ “ไขมัน” แต่คือซากเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ตายขณะที่มันพยายามจะทำลายคอเลสเตอรอลที่หลุดเข้ามาในผนังหลอดเลือด . (ซึ่งคอเลสเตรอลไม่ใช่ไขมัน ร่างกายใช้คอเลสเตอรอลเป็นพลังงานไม่ได้ ดังนั้นอย่าเข้าใจผิดๆ ว่าเวลาเรา “เบิร์น” ตอนออกกำลังกาย แล้วจะเอาคอเลสเตอรอลมาใช้ ร่างกายเราไม่ได้ทำงานอย่างนั้น) . พอซากเซลล์เม็ดเลือดขาวตายสะสมกันในผนังหลอดเลือดมากๆ หลอดเลือดก็จะหนาขึ้นและยืดหยุ่นน้อยลง เราเลยเรียกภาวะนี้ว่า “หลอดเลือดแข็งตัว” 4.ถ้าที่ว่ามาฟังเข้าใจยากไป ก็คิดซะว่าหลอดเลือดเราเป็น “ท่อ” ก็ได้ . ภาวะที่ว่ามาคือภาวะ “ท่อตัน” และพอ “ท่อตัน” เลือดก็จะไปต่อไม่ได้ ซึ่งถ้านั่นเป็นอวัยวะสำคัญอย่างหัวใจหรือสมอง เราก็จะเสียชีวิต (ทั้งนี้เวลาเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่ได้จะเรียก Heart Attack ส่วนเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ได้ จะเรียก Stroke สองภาวะนี้มีสาเหตุพื้นฐานคือ “ท่อตัน” นั่นเอง) . ดังนั้นปัญหาที่คร่าชีวิตมนุษย์แบบนับไม่ถ้วน ก็คือเรื่องง่ายๆ อย่าง “ท่อตัน” นี่เอง เพียงแต่ท่อที่ว่าคือเส้นเลือดแดงในร่างกายที่คอยส่งออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ ไปเลี้ยงอวัยวะ 5.คำถามต่อมาคือ แล้วภาวะ “ท่อตัน” นี่จัดการแค่ใส่ “น้ำยาล้างท่อ” ลงไปไม่ได้หรือ? . คำตอบคือ “ไม่ได้” เพราะฉะนั้นวิธีการรักษาจึงต้อง “ผ่าตัด” “ทำบอลลูน” และ “ทำบายพาส” กันให้วุ่นวาย . วิธีการรักษาปัจจุบันคือ ถ้า “ท่อตัน” ทำได้แต่ผ่าตัด (ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่) ซึ่งก่อนผ่าตัด เราก็ต้องระบุให้ได้ว่า “ท่อ” ตรงส่วนไหนตัน โดยการ “ฉีดสี” และทำ MRI . ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ บอกเลยว่า “แพงมาก” แม้ว่าประกันสังคมจะครอบคลุมค่ารักษา แต่ไม่ว่าจะเป็นในประเทศยุโรปหรือไทย คุณต้องผ่านกระบวนการคัดกรองอย่างละเอียด ถึงจะได้ทำการวินิจฉัยว่าคุณกำลังจะ “ท่อตัน” ตรงส่วนไหนของร่างกาย เรียกว่าผู้ป่วยจะได้ทำเมื่อจำเป็นจริงๆ เท่านั้น . ปัญหาคือทุกวันนี้ เราไม่สามารถรู้ได้ว่าร่างกายของเรา “กำลังจะท่อตัน” ตรงไหน เพราะมันไม่มีทางจะมองเห็นเส้นเลือดในร่างกายของเราด้วยการวินิจฉัยทั่วๆ ไป การไป “ตรวจสุขภาพประจำปี” ซึ่งตรวจด้วยวิธีทั่วไป ก็ไม่มีทางรู้ได้ 6.ปกติเราจะรู้ได้ว่า ตัวเรามีความเสี่ยงต่อโรคกลุ่มนี้ก็ต่อเมื่อไปตรวจสุขภาพแล้วพบว่า ค่าความดันโลหิตและคอเลสเตอรอลสูง และวิธีการ “พยุงอาการ” ของกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดหลักๆ คือเขาจะให้กิน “ยาลดความดัน” กับ “ยาลดคอเลสเตอรอล” ซึ่งต้องกินไปตลอดชีวิต . และผลหลักๆ คือการชะลอภาวะ “หลอดเลือดแข็งตัว” หรือลดความเสี่ยงของการที่คุณจะ “ท่อตัน” จนเลือดไปเลี้ยงหัวใจและสมองไม่พอ จนพิการหรือถึงแก่ความตายในที่สุด . นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งก็เน้นว่าคือการ “ชะลอ” เท่านั้น ยังไม่ใช่การ “รักษา” และที่เป็นแบบนี้ เพราะระบบสาธารณสุขไม่ว่าที่ใดในโลก ยังไม่มีต้นทุนพอที่จะจับคนทุกคนมาฉีดสีและทำ MRI เพื่อหาว่าคนๆ นั้นกำลังจะ “ท่อตัน” ตรงไหนของร่างกาย . ผลก็คือ วิธีชะลอดังกล่าวก็เลยให้กินยาไปเรื่อยๆ แทน เพราะนั่นสมเหตุสมผลในเชิงงบประมาณมากกว่า ถ้าต้องจัดการกับ “กลุ่มเสี่ยง” จำนวนมากหลักล้านคน 7.ประเด็นคือ ภาวะหลอดเลือดแข็งตัวเป็นภาวะที่แทบทุกคนที่อยู่ในสังคมสมัยใหม่แก่ตัวไปยังไงก็เป็น ไม่ว่าจะด้วยอาหาร ด้วยวิถีชีวิต และด้วยอายุที่ยืนขึ้น . เรียกได้ว่าถ้า “ท่อยังไม่ตัน” เมื่อแก่ตัวไป ทุกคนกำลังก้าวเดินไปสู่ภาวะ “ท่อกำลังจะตัน” . ดังนั้น ถ้าจะว่ากันในแง่หนึ่งแล้ว นี่คือ “โรคของทุกคน” ที่ในทางเทคนิค ในปัจจุบันยังไม่มี “ยารักษา” ใดๆ ที่จะแจกจ่ายให้ทุกๆ คนกินทีเดียวแล้วหายได้ 8.แต่ก็อย่างที่บอกไว้ในชื่อเรื่อง ต่อไปนี้โรคหัวใจอาจเป็นแค่อดีต . เพราะเมื่อต้นปี 2020 ในขณะที่ชาวโลกกำลังตื่นตระหนกกับโรคระบาดใหม่อย่างโควิด-19 นักวิจัยกลุ่มหนึ่งได้ตีพิมพ์งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ซึ่งเนื้อหาหลักๆ คือพวกเขาค้นพบอนุภาคนาโนที่จะ “คืนชีพ” ให้พวกเซลล์ภูมิคุ้มกันที่กินคอเลสเตอรอลแล้วตายในผนังหลอดเลือด ให้ฟื้นขึ้นมากินพวกคอเลสเตอรอลและซากเซลล์ที่ตายไปแล้วในผนังหลอดเลือด . ผลก็คือ สิ่งที่ไปพอกผนังหลอดเลือดจน “แข็งตัว” ก็จะค่อยๆ ลดลงไป และผนังหลอดเลือดก็จะเป็นปกติในที่สุด . หรือพูดให้มันง่ายกว่านั้น “อนุภาคนาโน” ก็คือ “น้ำยาล้างท่อ” ของ “ภาวะท่อตัน” ในหลอดเลือดนั่นเอง . เรียกได้ว่ามีอนุภาคนี้คือจบเลย เราไม่ต้องรู้ด้วยซ้ำว่า “ท่อตัน” ตรงไหน ฉีดเข้าไปในเลือด อนุภาคนี้จะค่อยๆ จัดการท่อที่ตันเอง ไม่ต่างจากที่คุณเทน้ำยาล้างท่อตอนต่อตัน คุณไม่ต้องรู้หรอกว่ามันตันตรงส่วนไหน น้ำยาจัดการให้หมด . และนี่ก็ไม่ใช่แค่คอนเซปต์ลอยๆ เพราะขณะนี้ อนุภาคนี้ทดลองในหนูสำเร็จแล้ว และก็ไม่แปลกเลยที่อีกไม่นานก็น่าจะได้ทดลองในมนุษย์แน่ๆ . ถ้าสำเร็จ ถึงตอนนั้น คนที่ต้องกินยาทุกวันไปตลอดชีวิตก็อาจไม่ต้องกินกันอีกแล้ว . และถ้ามากไปกว่านั้น นี่อาจเป็นการบอกลาโรคหัวใจและหลอดเลือดสำหรับคนแทบทั้งหมดในโลกก็เป็นได้ อ้างอิง: ScienceDaily. Nanoparticle chomps away plaques that cause heart attacks. https://bit.ly/3dzPx9V NHI. Plaque-eating nanoparticles may help prevent heart attacks. https://bit.ly/3iTUNX2 #Nanoparticle Cr.BrandThink
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ผลิตภัณฑ์ โคโคการ์ลิก ช่วยลดความเสี่ยงโรคเส้นโลหิตในสมองแตกได้
    โคโคการ์ลิก (น้ำมันมะพร้าวผสมน้ำมันกระเทียม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดแคปซูล) / Cocogarlic (coconut oil mixed with garlic oil capsule dietary supplement product) อย. 19-1-15653-5-0072 ระบุสรรพคุณในการจำหน่ายว่า ช่วยลดความเสี่ยงโรคเส้นโลหิตในสมองแตก
    naydoitall
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    🌻🌻เป็นลมในห้องน้ำ⭕อย่าลืมนั่งบนเก้าอี้สบาย ๆเพื่ออาบน้ำ เรามักจะได้ยินเสียงคนมีอาการวูบล้มลงขณะเริ่มอาบน้ำ ทำไมเราไม่เคยได้ยินว่าตกที่อื่น? เมื่อฉันเข้าร่วมหลักสูตรวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีศาสตราจารย์จากสภาการกีฬาแห่งชาติซึ่งเข้าร่วมหลักสูตรนี้แนะนำว่าคุณไม่ควรสระผมก่อนอาบน้ำและควรล้างส่วนอื่น ๆ ของร่างกายก่อน เนื่องจากเมื่อศีรษะเปียกและเย็นเลือดจะไหลไปที่ศีรษะเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น หากหลอดเลือดแคบลงก็มีโอกาสที่จะทำให้เส้นเลือดแตกได้ เนื่องจากมักเกิดขึ้นในห้องน้ำอย่าลืมสร้างความตระหนักรู้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์นี้เกิดขึ้นอีก 1. เปียกก่อนจากฝ่าเท้า 2. น่อง 3. ต้นขา 4. หน้าท้อง. 5. ไหล่ 6. หยุดชั่วคราว 5-10 วินาที 👉เราจะรู้สึกราวกับว่ามีไอน้ำ / ลมพัดออกมาจากร่างกายจากนั้นเราก็ไปอาบน้ำตามปกติ 🌻 ภูมิปัญญา: เช่นเดียวกับแก้วที่เติมน้ำร้อนแล้วเติมน้ำเย็น เกิดอะไรขึ้น? แก้วจะแตก⚡ !!! 🚿ถ้าร่างกายเรา ... พังเพราะอะไร? อุณหภูมิร่างกายของเราร้อนมากและน้ำก็เย็นมากดังนั้นหากเราอาบน้ำให้ร่างกายหรือราดศีรษะโดยตรง จะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เนื่องจากเส้นเลือดแตก 🌻นี่คือสาเหตุที่เรามักจะเห็นคนล้มลงในห้องน้ำอย่างกระทันหัน เราอาจเป็นโรคหลอดเลือดสมองหรือไมเกรนเนื่องจากการอาบน้ำผิดวิธี 🚿วิธีการอาบน้ำนี้เหมาะสำหรับทุกวัยโดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ คอเลสเตอรอลและไมเกรน )ปวดศีรษะ) รวมถึงผู้สูงอายุ ไม่ควรอาบน้ำเย็นเพื่อความปลอดภัยและหาเก้าอี้นั่งอาบน้ำจะดีที่สุด 🚫อย่าขี้เหนียวกับความรู้โปรดแบ่งปันเพิ่มเติม ..
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    (หมอ) อาจารย์หมอได้ออกมาเตือนพวกเราว่า …
    (หมอ) อาจารย์หมอได้ออกมาเตือนพวกเราว่า … (')ความสัมพันธ์ของความดันโลหิตไม่ใช่เป็นเรื่องล้อเล่น มันมีผลต่อสุขภาพของคนเราค่อนข้างมาก เพื่อลดความเสี่ยงและให้เข้าใจเรื่องความดันโลหิตมากยิ่งขึ้น ให้เรามีสุขภาพที่ดี (')วัยหนุ่มสาวที่สุขภาพดี ความดันควรอยู่ที่ 120/80 (')ผู้สูงวัยที่แข็งแรง ความดันควรอยู่ 140/90 (')ตัวล่างเป็นตัวชี้วัดความดันด้านหัวใจ สูงสุดไม่ควรเกิน 95 และไม่ควรต่ำกว่า70 (')ส่วนตัวบนเป็นตัวชี้วัดความดันของสมอง สูงสุดไม่ควรเกิน 160 และไม่ควรต่ำกว่า 110 (')แยกวิเคราะห์ได้ดังนี้ (*)1. ตัวบนสูง ตัวล่างก็สูง แสดงว่าเป็นโรคความดันสูง หากความดันสูงนาน 10 ปี จะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคหัวใจ แต่ถ้าความดันสูงนาน 20 ปี ก่อให้เกิดโรคด้านเส้นเลือดสมอง (.)2. ตัวบนสูง ตัวล่างปกติ สะท้อนโรคสันหลังคออักเสบ เป็นสาเหตุสำคัญของโรคเส้นเลือดสันหลังตีบ (*)3. ตัวบนสูง ตัวล่างต่ำ แสดงว่าเป็นโรคสันหลังคอ และหัวใจขาดเลือด (.)4. ตัวบนต่ำ ตัวล่างต่ำ เป็นสาเหตุหลักของความดันต่ำ (*)5. ตัวบนต่ำ ตัวล่างปกติ แสดงว่าหัวใจขาดเลือด (.)6. ตัวบนปกติ ตัวล่างสูง แสดงว่าหัวใจทำงานหนัก ร่างกายอ่อนแอง่าย (*)7. ตัวบนปกติ ตัวล่างต่ำ ปัญหาของหัวใจขาดเลือด จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้ง่าย (')นอกจากนี้ยังมีข่าวการวิจัยใหม่ของ USA ประกาศอย่างเป็นทางการ คนอายุ 65 ปีขึ้นไป ค่ามาตรฐานคือ 150/90 คนอายุ 80 ปีขึ้นไป ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 160 หรือ 170 ก็ได้ (')ที่ผ่านมาหลายปี เป็นเพราะผลด้านการค้า ทำให้ใช้เกณฑ์มาตรฐานเก่า ๆ ว่า ไม่ควรเกิน 120 ทำให้คนอายุ 60-70 ปี ต้องรับภาระที่ไม่จำเป็น และกังวลเรื่องความดันโลหิต ต่อจากนี้ต้องเปลี่ยนแนวคิดที่แพทย์เคยสอนมาผิด ๆ (')หวังว่าทุกบ้านจะมีคนที่เข้าใจปัญหาด้านสุขภาพอย่างแท้จริง เหล่านี้เป็นเรื่องที่คณะแพทย์สะสมการวิจัยมานับร้อยปี มีคุณค่าการศึกษาอย่างยิ่ง (')เพื่อให้สุขภาพที่ดีต่อตัวเองและครอบครัว หลังดูคลิ๊ปนี้แล้ว ช่วยแชร์ต่อให้คนที่รักดูด้วยครับ
    Mrs.Doubt
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 3 คนสงสัย
    จาก ห้อง chat chicago golf วันนี้ พี่ฝอย ถาม เรื่อง ภูมิต้านทาน หลังจาก ฉีด vaccine ไป แล้ว จะ อยู่ ได้ นานไหม ผมได้. ตอบไป อย่าง ยืดยาว เลย คิดว่า จะ ยก ข้อความมาให้ เพื่อนๆ ในห้อง interstate นี้ อ่านเป็น เกร็ดความรู้ ไปด้วยนะครับ ก่อนอื่น ต้องขอโทษ ไว้ก่อน ที่ผม ใช้ คำ ง่ายๆ ในการอธิบาย พี่ฝอย ถามมาก็ดี แล้ว เรื่อง vaccine - ไหนๆ ก็ ไหนๆ แล้ว ผมจะ สาธยายให้ ฟัง เพื่อเป็น เกล็ดความรู้ นะครับ คำว่า immunity คือ ภูมิต้านทานในร่างกายเรา ที่คอย ต่อสู้ กับ สิ่งแปลกปลอม เช่น ไวรัส ที่เข้ามาใน ร่างกายเรา Vaccine ไม่ใช่ เป็น ตัวยาที่จะไป ฆ่า เชื้อ ไวรัส อะไร ตัว เม็ดเลือดขาว ใน สายเลือดเรา เท่านั้น ที่จะเป็น ตัวผลิต B cell และ T cell จาก สายเลือด ออกมากำจัดไวรัส Vaccine เป็น เพียง fake virus ที่ ฉีดเข้าไป ในเส้นเลือด เพื่อ หลอกลวง เม็ดเลือดขาว ให้ เตรียม ผลิต B cell และ T cell เอาไว้ การ สร้าง T cell และ B cell มันต้อง ให้ เวลา เม็ดเลือดขาว สัก 5-6 วัน ถึงจะ ผลิต T cell และ B cell - เมื่อ เม็ดเลือดขาว ผลิต T cell และ B cell แล้ว ทั้ง สอง ก็จะ ลอย หมุนเวียน ใน สายเลือด คอยตรวจ และ จัดการ สิ่งแปลกปลอม ที่เข้ามา ทันที คน ที่ ไม่ฉีด vaccine, เวลา ไวรัส มันเข้าไป รังแก เรา 4-5 วัน กว่า เม็ดเลือดขาว จะ ผลิต T cell ออกมา บางที ไวรัส มัน ลุกลาม ไป เร็ว จึงตาย สะก่อน หลายคน ที่ เป็น COVID แล้ว ก็ หายเอง เพราะ เม็ดเลือดขาว ผลิต T cell ออกมา ต่อสู้ ได้ รวดเร็ว หลายคน สุขภาพไม่ดี มี เลือด เลว อยู่ในตัว คือ เลือดไม่สมบูรณ์ เม็ดเลือดขาว จะไม่ ทำงานตามปรกติ ถึงแม้นจะ ฉีด vaccine เข้าไป หลอกลวง เม็ดเลือดขาว มันก็ ผลิต T cell B cell ไม่ได้ ดี เท่าที่ควร ทุกอย่าง มันอยู่ ที่ ความสมบูรณ์ ใน เลือดเรา บางคน เลือดดี - T cell และ B cell จะ ลอยหมุนเวียนใน สายเลือด คอยป้องกัน ไวรัส อยู่ เป็น ปี พอนานๆ ไป เม็ดเลือดขาว มันเห็นว่า ไม่มี ไวรัส เข้ามาแล้ว มันก็ จะ เลิก ผลิต T cell & B cell เพื่อ ความ มั่นใจ ทาง การ แพทย์ เลย แนะนำ ให้ ไป ฉีด fake virus ( vaccine ) เข้าไป ทุกๆ ปี เพื่อให้ เม็ดเลือดขาว stay on guard at all times ภูมิต้านทาน ของ ทุกคน จะแตกต่างกันไป บางคน เลือดดี จะ มี ภูมิค้างอยู่นาน ทางการแพทย์ ทำการทดลอง กับ ฝูงชน ที่ มี สุขภาพเลือด เป็น ปรกติ - สำรวจว่า ภูมิ จะ อยู่ใน เส้นเลือดได้ อย่างน้อย 6 เดือน อย่าง มาก กี่เดือน ก็ ต้อง รอไป ว่า เกิน 6 เดือน ไป แล้ว หาก ไป วัด ภูมิ แล้ว ยัง มี เหลือ อยู่ ก็ โชคดี ไป คน มี เลือดชั่ว เลือดไม่ดี ไม่สมบูรณ์ ฉีด vaccine เข้าไป เม็ดเลือดขาว อาจจะ ไม่ ทำงาน ไม่ผลิต T cell หรือ B cell ก็ ได้ สรุป แล้ว ตัวสำคัญ ที่ จะ กำจัดไวรัส ได้ คือ เม็ดเลือดขาว ใน สายเลือด ของ แต่ละคน แต่ การฉีด vaccine เป็น แค่ การ warm up รถ ใน หน้าหนาว ที่ จะทำให้ รถ take off ด้วย แรงสูง ทันที ถ้า ไม่ warm up รถ - หาก หนาวมาก รถ ก็ อาจ start ไม่ติด หลาย หมื่น หลาย ล้าน คน เชื่อใจ ใน ตัวเอง ว่า ร่างกายสมบูรณ์ และ มี เลือดดี เขาจะไม่ฉีด vaccine เขาจะ ปล่อยให้ ร่างกายเขา ได้ รับ เชื้อ เข้าไป ตามธรรมชาติ ทีละ เล็กน้อย แล้ว ปล่อยให้ blood white cell ทำงาน ต่อไป เอง การ ที่ ร่างกาย สมบูรณ์ สุขภาพ ดี ตลอดเวลา เป็น สิ่ง ที่ ประเสริฐที่สุด อย่า ทำให้ เลือดเสีย ขอ เตือน เพื่อนๆ อีกครั้ง ว่า Vaccine ไม่ใช่ ตัวฆ่าเชื้อ เม็ดเลือดขาว ของเราเอง คือ อาวุธ สำคัญ พยายาม รักษาตัว ให้ เลือดสมบูรณ์ อย่า ให้ เป็น เลือดชั่ว หลายคน ที่ ฉีด vaccine ไป แล้ว ก็ อยากรู้ ว่า ภูมิ จะ อยู่นานไหม การ ใช้ เครื่องมือทางแพทย์ เพื่อวัด ภูมิ ภายใน สายเลือด นั้น ค่าใช้จ่าย มันแพง และ ต้อง รอ ผล 3-4 วัน รอ ครบ ปี แล้ว ฉีดใหม่ จะถูกกว่า แต่ มี เครื่องมือ ที่ใช้ วัด แบบ ประเมิน ประเมิน คือ การ วัด ระดับ antigen Antigen คือ ซากศพ ของ bad cells หรือ ไวรัส ที่ B cell ฆ่า และ ทิ้งไว้ ใน สายเลือด หาก มี ซากศพ ของไวรัสอยู่ ก็ แสดง ว่า ไวรัส เคยเข้ามา ใน สายเลือดเรา นั่นคือ antigen test ที่ บางคน ไป ขอตรวจ เช่น คนที่ เคย ติด COVID มาก่อน แล้ว หายไป แล้ว - เขาไม่แน่ใจ ว่า มี ภูมิไหม เขาก็ จะไป วัด ระดับ antigen ใน สายเลือด หาก มีซากศพ virus อยู่เยอะ ทางการแพทย์ จะ ถือว่า เม็ดเลือดขาว ทำงานดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไป ฉีด fake virus เข้าไป กระตุ้น เม็ดเลือดขาว เรา เกิดมา เราจะเลือก เอาเลือด กรุป ไหนๆ ไม่ได้ พ่อแม่ เรา เป็นคน ผสมเลือดให้ เรามา เลือด แต่ละ กรุป มี เม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง แต่ คุณภาพ และ ประสิทธิภาพ ของ เม็ดเลือดขาว ใน แต่ละกรุป จะ มี การ ทำงาน แข็งแรง ไม่เท่ากัน ข่าว ออกมา ว่า เลือด กรุป A เป็น กรุป ที่ อันตราย ที่สุด ตอนนี้ เพราะ ตามสถิติ ที่ เก็บมา คนเป็น COVID กันมาก ใน พวกที่ มี เลือด กรุป A
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false