1 คนสงสัย
กินฉี่ รักษาโรคได้จริงหรือ บอกต่อกันมานาน จนมาถึงลัทธิเพี้ยน "พระบิดา"
เป็นที่ถกเถียงกันในเรื่องการดื่มปัสสาวะ หลังมีข่าวการจับกุมชายชรา อ้างตัวเป็น “พระบิดา” ทุกศาสนา และหลังจากนั้นไม่นาน มีลูกศิษย์ พระเกจิดังในภาคอีสาน ดื่มปัสสาวะโชว์สื่อมวลชน ที่เข้าไปตรวจค้นวัด แต่ในทางการแพทย์ ยังไม่มีข้อบ่งชี้ถึงประโยชน์ในการดื่มปัสสาวะ และอาจสร้างผลร้ายให้กับสุขภาพได้

บุคคลรายหนึ่ง ไม่ขอเปิดเผยตัวเคยศึกษาวิจัยเรื่องการดื่มปัสสาวะ ให้ข้อมูลว่า จากการเข้าไปศึกษาการดื่มปัสสาวะของพระภิกษุในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และสันติอโศก จะเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีมานาน โดยผู้ที่เชื่ออ้างถึงแนวทางพุทธศาสนา เกี่ยวกับ “นิสัย 4” การฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า เพื่อรักษาโรค จากการนำฉี่มาดื่ม มีทั้งของตัวเองและของผู้อื่น

ตัวอย่างของสันติอโศก พอรุ่งเช้าจะมีขันมารองปัสสาวะคนละใบ ฉี่ที่ใช้จะเป็นช่วงกลาง หลังจากปัสสาวะแรกออกมา เพราะเชื่อว่า ฉี่ช่วงต้น มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค โดยดื่มแบบสดๆ หรือบางคนใช้ทั้งดื่มและอาบ ด้วยการราดตั้งแต่หัวจรดเท้า ขณะที่บางคนใช้ปัสสาวะทาบริเวณผิวหนังที่มีผื่นคัน กลุ่มคนที่วิจัย จะทานแต่ผักและผลไม้ โดยละเว้นเนื้อสัตว์ ที่มีความเชื่อว่า ฉี่ที่ออกมาจะไม่เหม็น แต่มีกลิ่นหอมเหมือนน้ำชา ส่วนตัวได้ทดลองชิม หลังจากที่ตนเองงดทานเนื้อสัตว์ พบว่า ฉี่ที่ดื่มเป็นไปตามคำบอกเล่า ภิกษุสายวัดป่าบางรูป นำฉี่ไปดองในโหลที่มีผลสมอ พอจะทาน ก็นำผลสมอมาทานได้เลย หรือนำผลสมอไปตากแดดก่อน แต่บางทีก็ดื่มปัสสาวะที่ดองในโหลเข้าไปด้วย รูปแบบการใช้แตกต่างกันไปตามความเชื่อ แต่มีภิกษุบางรูป ดื่มปัสสาวะของพระเกจิ ที่ตนเองนับถือ เพราะเชื่อว่าเป็นสิริมงคล แต่ทางการแพทย์ไม่แนะนำให้ทำ เพราะอาจติดเชื้อจากผู้อื่นได้

"จึงอยากเตือนว่า การดื่มฉี่ถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ข้อมูลทางการแพทย์ยังไม่มีการรับรอง ดังนั้นไม่ควรทำตาม เพราะหลังจากเผยแพร่งานวิจัยในเรื่องนี้ ก็ถูกสังคมมองถึงความเหมาะสม จนถูกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในยุคนั้น ตรวจสอบเนื้อหาการวิจัย และยังยืนยันถึงความบริสุทธิ์ใจ และไม่ได้เชิญชวนให้ผู้อื่นทำตาม"นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย" อธิบดีกรมอนามัย ให้ความเห็นว่า การให้ดื่มฉี่ถือเป็นการผิดต่อหลักกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข สิ่งที่น่าห่วงคือ สุขอนามัยของผู้ที่ดื่มตามความเชื่อศรัทธา เนื่องจากการกินของเสีย อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของบุคคล แม้ปัสสาวะจะผ่านการกรองออกจากร่างกาย แต่ไม่ควรนำไปดื่ม ซึ่งเป็นทำนองเดียวกับเสมหะที่ขับออกมา เป็นกลไกการดักจับเชื้อโรคของร่างกาย เมื่อดื่มไปนานๆ อาจสร้างผลเสียกับร่างกายในระยะยาว

ข้อมูลจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า ปัสสาวะมีความเป็นกรด หากดื่มขณะท้องว่าง อาจทำให้เกิดผลเสียต่อเยื่อบุผนังลำคอ หลอดอาหาร กระเพาะอาหารได้ มีโอกาสได้รับสารอนุพันธ์ของตัวยา กลับเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง เพิ่มความเสี่ยงต่อการสะสมยาในร่างกายมากเกินไป การดื่มน้ำปัสสาวะทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายมากกว่าผลดี ที่สำคัญคือ ทำให้มีการสะสมของเสีย กลับเข้าไปหมุนเวียนเข้าสู่ร่างกายอีกครั้งหนึ่ง จึงไม่แนะนำให้ปฏิบัติ.
std46631
 •  1 ปีที่แล้ว
0 ความเห็น

ยาสมุนไพร

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    ลองดู สัก 1 เดือนไม่เสียเงิน / กลุ่มแพทย์ชาวญี่ปุ่น ยืนยันว่า "น้ำอุ่น"มีประสิทธิภาพ ในการแก้ปัญหาสุขภาพได้ 100% เช่น: 1 ไมเกรน 2 ความดันโลหิตสูง 3 ความดันโลหิตต่ำ 4 อาการปวดข้อ 5 เพิ่มขึ้นและลดลง ของการเต้นของหัวใจ อย่างฉับพลัน 6 โรคลมชัก 7 เพิ่มระดับคอเลสเตอรอล 8 ไอ 9 ไม่สบายตัว 10 หอบหืด 11 ไอแบบช่วง 12 การอุดตันของหลอดเลือดดำ 13โรคที่เกี่ยวข้องกับมดลูกและปัสสาวะ 14 ปัญหาในกระเพาะอาหาร 15 การย่อยอาหารไม่ดี 16 โรคที่เกี่ยวข้องกับดวงตา หู และลำคอ 17 ปวดศีรษะ #ใช้น้ำอุ่นอย่างไร# ลุกขึ้นในตอนเช้า และดื่มน้ำอุ่นประมาณ 4 แก้ว เมื่อท้องว่างเปล่า คุณอาจจะไม่สามารถที่จะทำให้ได้ 4 แก้วในตอนที่เริ่มต้น แต่ไม่ช้าคุณจะทำได้..... #หมายเหตุ: อย่าพึ่งกินอะไรตามหลังจากดื่มน้ำผ่านไป 45 นาที การบำบัดด้วยน้ำอุ่นจะช่วยแก้ปัญหาสุขภาพภายใน หรืออาการทัองผูก เช่น ○โรคเบาหวาน ภายใน 30 วัน ○ความดันโลหิต ใน 30 วัน ○ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ใน 10 วัน ○มะเร็งทุกชนิด ภายใน 9 เดือน ○การอุดตันของเส้นเลือด ใน 6 เดือน ○การย่อยอาหารไม่ดี ใน 10 วัน ○มดลูกและโรคที่เกี่ยวข้อง ใน 10 วัน ○ปัญหาจมูกหูและลำคอ ใน 10 วัน ○ปัญหาผู้หญิง ใน 15 วัน ○โรคหัวใจ ใน 30 วัน ○ปวดหัว / ไมเกรน ใน 3 วัน ○คอเลสเตอรอล ภายใน 4 เดือน ○โรคลมชักและอัมพาตอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลา 9 เดือน ○หอบหืด ภายใน 4 เดือน #พึงระลึกไว้เสมอว่า น้ำเย็นจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณ หากน้ำเย็นไม่ส่งผลต่อคุณในวัยเด็ก ก็จะเป็นอันตรายต่อคุณในวัยชรา #น้ำเย็นจะปิด 4 หลอดเลือดดำของหัวใจและทำให้หัวใจวาย เครื่องดื่มเย็นเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอาการหัวใจวาย #นอกจากนี้ยังสร้างปัญหาในตับ ทำให้ไขมันติดอยู่กับตับ คนส่วนใหญ่รอการปลูกถ่ายตับเป็นเหยื่อของการดื่มน้ำเย็น #*น้ำเย็นส่งผลกระทบต่อผนังภายในของกระเพาะอาหาร มีผลต่อลำไส้ใหญ่ และส่งผลต่อมะเร็ง ##โปรดอย่าเก็บข้อมูลนี้ไว้ เพื่อตัวคุณเอง บอกให้ใครบางคนซึ่งอาจช่วยชีวิตคนอื่นได้น
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    พิษจากดื่มน้ำเย็นิจริงหรือไม่
    ■พิษจากดื่มน้ำเย็น■ ~~~~~~~~~~~~~ ★จะปวดหลัง ข้อเข่า ไตอ่อนแอ •••••••○••••••○•••••• ◆ใครจะไปเชื่อว่า.. การดื่มน้ำเย็นจะมีพิษ มีภัย และให้โทษได้ถึงขนาดนี้ ((((▶ ♣หมอได้พบผู้ป่วย ที่มีอาการแขนขาอ่อน แรง หรือที่เรียกกันว่า โรคอัมพฤกษ์ ซึ่งสืบค้นต้นตอไปๆมาๆ ก็พบว่า สาเหตุมาจากพฤติกรรมการดื่มน้ำเย็น หรือ น้ำแข็งเป็นประจำนั่นเอง ผู้ป่วยเล่าให้ฟังว่า ไม่กินผักมาตั้งแต่เล็กๆ รับประทานแต่เนื้อสัตว์ ที่สำคัญคือชอบดื่มน้ำ เย็นเป็นประจำมาตั้งแต่ เด็ก และต้องเป็นน้ำเย็นจากตู้เย็นเท่านั้น ■ก่อนที่จะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงนั้น ร่างกายผู้ป่วยได้ส่งสัญญาณเตือนมาหลายครั้ง เช่น มึนเวียนศีรษะง่าย เห็นเหมือนแสงไฟแวบๆขณะกระพริบตา การพูดเริ่มติดๆขัดๆ สุดท้ายเกิดอาการวูบกะทันหัน ต้องนำส่งโรงพยาบาล เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งผู้ป่วยก็ไม่สามารถขยับร่างกายซีกซ้ายได้แล้ว นี่คืออาการของโรคเส้นเลือดตีบที่สมองในวัยเพียง 40 ปี ที่ชอบทานแต่น้ำเย็นมาตลอดเวลา ★การดื่มน้ำเย็น สำหรับคนไทยนั้น ทำให้ "ไต ต้องรับกำจัดความเย็น ออกจากร่างกาย อย่างรวดเร็ว" ขับน้ำเย็นมากักเก็บ ไว้ที่กระเพาะปัสสาวะ เตรียมขับออกเป็น น้ำปัสสาวะทำให้ผู้ที่ ชอบทานน้ำเย็นก็ยิ่ง ขาดน้ำจนเลือดข้น หนืดไปหมด ประกอบกับหลอดเลือดที่เริ่มแข็งกระด้างไม่ยืดหยุ่น ทำให้มีคราบไขมัน และของเสียไปยึดเกาะตามผนังหลอดเลือด จนเกิดการพอกพูน กลายเป็นโรคหลอด เลือดตีบ ก็เพราะน้ำเย็นที่ชอบ ทานเป็นประจำนั่นเอง ★ไตของเราเปรียบ เสมือนเครื่องกรองน้ำ อันน่าอัศจรรย์ ทำหน้าที่ช่วยกรอง ของเสียออกจากเลือด แล้วขับออกทาง ปัสสาวะการทำหน้าที่ ตลอด 24 ชม. ไม่มีวันหยุดของไตนั้น ถ้าเราไปซ้ำเติมด้วยการรับประทานสิ่งที่เป็นพิษต่อร่างกายรวมทั้ง ★น้ำเย็นด้วยก็จะทำให้ เกิดภาวะไตอ่อนแอและจะส่งสัญญาณร้อง ให้เราทราบดังนี้ ★1.ปัสสาวะบ่อยขึ้น อั้นปัสสาวะไม่ได้นาน ดื่มน้ำเข้าไปแล้วต้อง วิ่งเข้าห้องน้ำบ่อยๆ กลางคืนก็ต้องลุกขึ้นเข้าห้องน้ำหลายเที่ยว ★2.มีอาการปวดหลัง ปวดเอวบ่อยๆ โดยเฉพาะเวลานั่งนานๆ ★3.ปวดเมื่อยตามข้อ และ ร่างกายง่าย เช่น ปวดข้อเข่า ปวดต้นคอ ★4.หลอดเลือดตีบตัน หรือ หลอดเลือดแข็งได้ง่าย ★หากใครยังทาน....... ●น้ำเย็น นมเย็น ●กาแฟเย็น น้ำอัดลม ●น้ำหวานเย็น ชาเย็น อยู่เป็นประจำ ●มีอาการปวดหลังแน่ๆ ก็ต้องดูแลตนเองง่ายๆ ดังนี้ ■1.ปรับเลือดที่หนืดข้น ให้หายข้นด้วยการเพิ่ม น้ำเข้ากระแสเลือด โดยทานน้ำอุ่นให้ได้ 8-10 แก้ว ทุกวัน ■2.ทำให้เลือดไหล เวียนสะดวกอย่าง ต่อเนื่องด้วยการ..... ■ออกกำลังเป็นประจำที่สามารถทำได้ หรือ อาจใช้การจัดกระดูก ช่วยให้เลือดไหลเวียน สม่ำเสมอ ■3.ไม่กินอาหาร..... ◆เนื้อสัตว์ ของทอด ◆ของหวานจัดเพราะ ◆ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ปริมาณมากจนทำให้ หลอดเลือดแข็ง หรือ ตีบตันได้ง่าย ■4.งดการทานน้ำเย็น เด็ดขาดรู้แล้วอย่า เฉยเมยนะควรปฎิบัติ ด้วยและรู้แล้วอย่า เก็บไว้คนเดียวโปรด แบ่งปันให้คนรอบข้าง ของตัวเรา (((((((▪ ★พันเอก ดร.นพ.ดำรง หมอประจำพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (((((((▪ (💐
    Mrs.Doubt
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    บ้านหมุนรักษาด้วยน้ำมะพร้าว • ไปรักษาที่โรงพยาบาล เขาจะเข็มมุ่งไปที่ “น้ำในหู” • ส่วนหมอแผนไทยเข็มมุ่งไปที่ “ไตสกปรก” • วิธีแก้ไข - ดื่มน้ำมะพร้าวพร้อมกันห้าลูก เพื่อเพิ่มความดันให้ขับผลึกเกลือที่ค้างในไตออกมา (สำหรับกรณีคนปัสสาวะได้ปกติเพียงมีอาการบ้านหมุน) ปล. ท่านที่ปัสสาวะขัดห้ามกินน้ำทุกชนิดมากๆเพราะฉี่ไม่ออก อันตรายครับ - หลังดื่มน้ำมะพร้าวประมาณหนึ่งชั่วโมงจะปวดปัสสาวะมาก (รีบไปฉี่อย่าอั้นเด็ดขาด) • ผมจะสอนให้ครับให้สังเกตปัสสาวะ - พิจารณากลิ่น กลิ่นฉุนมากบ่งชี้ว่าอะไรค้างคาภายในไต ถ้ากินยามากกลิ่นยานำ ถ้ากินผักผลไม้พวกกรดสูง เช่น ทุเรียน สะตอ กลิ่นไม่ต้องบรรยาย ฯ - พิจารณาสี สีเหลืองเข้ม (ดุจขมิ้น) หรือดำออกแดง(ดุจชานหมาก) หรือสีอื่นๆที่ไม่ใสเหมือนน้ำบ่อ แสดงว่าไตยังทำงานได้ แต่ขับของเสียไม่ทัน จึงเก็บสะสมสารพิษจนป่วย นี่แหละสาเหตุบ้านหมุน - หลังปัสสาวะแล้วทยอยดื่มเรื่อยๆทีละลูก ให้ปัสสาวะอีก - หลังปัสสาวะก็กินน้ำมะพร้าวอีก สลับไปเรื่อยๆจนฉี่ใสและไม่มีกลิ่นก็หยุดกินน้ำมะพร้าวครับ • ปล. ถ้าปวดฉี่ห้ามอั้นฉี่ครับ เพราะจะปวดหัวมาก • หลังจากนี้หนึ่งสัปดาห์อาการบ้านหมุนหรือแพ้อาหารจะค่อยๆบรรเทาลงตามลำดับจนหายปกติ - น้ำมะพร้าวกินรักษาจริงๆ คือห้าลูกแรก - ส่วนที่เหลือกินน้ำมะพร้าวเพื่อบำรุงป้องกันไต - รักษาแบบหมอแผนไทยไม่เร็ว ค่อยเป็นค่อยไป หายก็หยุดกินครับ • เป็นอีกหนึ่งทางเลือก - ท่านอาจหายหรืออาจไม่หาย (ถ้าไม่หายก็ไปหาวิธีอื่นรักษาต่อไปเองนะครับ ถ้ากลัวน้ำมะพร้าวทำให้ป่วยโน้นนี่นั้น ท่านก็อย่ากิน เอาที่ท่านเชื่อเป็นสำคัญ) - บ้านหมุนหลายสาเหตุต้องว่าเคสบายเคส แต่วิธีนี้ที่ผมแนะนำผู้ป่วยส่วนใหญ่หายครับ - รวมถึงแพ้อาหารจนปากเจ่อหน้าบวม ก็ใช้วิธีนี้รักษา - ให้ดีควรกิน 204 ยากษัยเส้น ขับลมพิษในไส้ กินยาสามวันๆละ 5 แคปซูล มื้อเดียวก่อนนอนช่วงท้องว่าง เช้าต้องถ่ายเหลว ถ้าถ่ายมากกว่าสามครั้ง แก้ไขด้วยการดื่มน้ำเย็นใส่น้ำแข็งแก้วใหญ่ๆจะหยุดถ่าย - ผมให้กิน 204 เพื่อขับพิษในลำไส้ด้วยอีกทางหนึ่ง ล้างเส้นอึ ล้างเส้นฉี่เมื่อเลือดลมเดินดีดีทุกเรื่องครับ • ผมเอาประสบการณ์รักษาตนเองเมื่อเจอพิษผงชูรสที่เขมร ลาว หรือเวียดนาม - ผมใช้วิธีนี้ล้าง สำหรับผมสามวันหายเป็นปกติ - ท่านต้องทดลองกินเองว่ากี่วันหาย ให้จดบันทึกและแจ้งคนในครอบครัวทราบ ภายภาคหน้าท่านป่วยลูกหลานจะได้แก้ไขให้ได้ถูกครับ • พวกเราเหล่าผู้เฒ่าเต่า เรามามีสุขภาพดีวิถีบวรเวชกันนะครับ เราเน้นธรรมชาติบำบัดรักษาจ๊ะ หมอบวร จันทร์โภคาไพบูลย์
    ไม่ระบุชื่อ
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    หญิงตั้งครรภ์แห่เสพยาบ้าเพราะเชื่อว่าจะทำให้คลอดง่ายเป็นความเชื่อที่อันตรายหรือไม่?
    สถานการณ์ปัจจุบันที่ รพ.ต่างๆ ต่างพบว่ามีหญิงที่เสพยาบ้าในขณะตั้งครรภ์จไนจำนวนมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะมีความเชื่อผิดๆ เช่นนี้อยู่ด้วย ซึ่งพอลองค้นข้อมูลเรื่องนี้บนอินเทอร์เน็ตดูก็เจอว่าเคยมีคุณหมอหลาย รพ.ก็ได้ออกมาบอกว่า การเสพยาบ้าเป็นอันตรายต่อบุตรในครรภ์เป็นอย่างมาก เช่น นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวใน นสพ.มติชนออนไลน์ว่า ยาบ้า ยาไอซ์ ยาอี หรือ อนุพันธ์แอมเฟตามีนใดๆ ไม่ได้ช่วยให้กระบวนการใดๆทั้งสิ้นของการคลอดบุตรง่ายขึ้นแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม มีเอกสารทางวิชาการหลายฉบับทั้งในและต่างประเทศได้ยืนยันว่า การที่มารดาเสพติดยากลุ่มแอฟตามีนหรือยาบ้าในขณะตั้งครรภ์ก่อให้เกิดอันตรายมากมากมายแก่บุตร ได้แก่ การแท้งบุตร เสียชีวิตในครรภ์หรือขณะคลอด ภาวะคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่าเกณฑ์ ความผิดปกติของหัวใจ ภาวะเลือดออกในสมอง สมองตาย เซลประสาทถูกทำลาย ศีรษะเล็ก บุตรที่คลอดจากมารดาที่ติดยาบ้าจะมีอาการติดยาบ้าเช่นเดียวกับมารดา ได้แก่ มีปัญหาภาวะกดการหายใจ ร้องไห้ไม่หยุด กระวนกระวาย ไม่ดื่มนมตามปกติ เลี้ยงดูยาก เมื่อเติบโตไปยังมีผลต่อความผิดปกติของสมาธิ ความจำและความผิดปกติทางด้านพฤติกรรมต่างๆตามมา สำหรับมารดาเองที่เสพติดยาบ้า พบว่าประสบอันตรายหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะทำให้ภูมิต้านทานโรคลดลง เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆขณะตั้งครรภ์มากกว่าคนทั่วไปแล้ว หลังคลอดบุตรยังพบภาวะตกเลือดรุนแรงอาจถึงแก่ชีวิต มีหลายรายที่เกิดภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้าอีกด้วย อ้างอิง: ข้อมูลจาก รพ.ปทุมธานี, หนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์
    naruemonjoy
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ตอนนี้ ได้เฮ กันทั่วหน้า ใคร มีญาติ ที่เป็น มะเร็ง ทุกระยะ ตอนนี้ มีโอกาส หาย ได้แล้ว โดย ผลงาน วิจัยของ ดร. บรรยง ที่เคย ทำงาน ให้กับ ภาครัฐ ปัจจุบัน ได้สร้าง ศูนย์ วิจัย และ มีทีม วิจัย ของตัวเอง อยู่ที นครศรี ฯ โดย ดร.ได้ คิดค้น การ รักษา มะเร็ง โดย การใช้ จูลินทรี ที่มี ชีวิต หรือ ที่เรียก กันว่า โปรไบโอติก ซึ่ง สามารถ เข้าไป ในร่างกาย ได้ ทุกที่ และ ไป ทำลาย เชื้อ โรคร้าย ที่อยู่ ในร่างกาย ได้ ปัจจุบัน มีเคส ผู้ป่วย เนื้องอก ในสมอง และ มะเร็ง ในที่ ต่าง ๆ ที่ หลังจาก ได้รับ การ รักษา ด้วย โปรไบโอติก แล้ว เมื่อได้ มาตรวจ หาเชื้อ มะเร็ง พบว่า อาการ และ เชื้อ ค่อย ๆ ลดลง และหาย ไปใน ที่สุด เพื่อ ส่งต่อ ความรู้นี้ เพื่อ ช่วย ชีวิต หลาย ๆ ท่าน ที่ พบว่า ตัวเอง เป็น มะเร็ง ตอนนี้ สามารถ หาย ได้แล้ว โดย ไม่ต้อง คีโม หรือ ใช้ยา ปฏิชีวนะ ติดต่อ ศูนย์ สุขภาพ โปรไบโอติก ได้ที่ 085-190-1476 🌟 ช่วย ส่งต่อ ได้บุญ ส่งต่อด้วย ตำรายาแก้โรคมะเร็ง ถึง ท่านผู้โชคดี ขอให้ท่านนำเรื่องนี้ไปบอกต่อเป็นวิทยาทาน ท่านจะโชคดีมีความสุขความเจริญตลอดกาล ตำรานี้ใช้แก้โรคมะเร็ง จะหายโดยไม่คาดคิด สำหรับมะเร็งนั้นจะหายใน 6 วัน วิธีรักษา 1 ไปที่ร้านขายยาจีน ซื้อ1. ปั่วกี่ไน๊ 1ตำลึง 2.แป๊ะฮ่วย จั่วจิเฉ่า 3 ตำลึง นำมาต้มรวมกัน ใช้น้ำประมาณ6กก. หลังจากดื่มยานี้แล้ว ควร ดื่มน้ำตามมากๆ นำส่วนที่เหลือมารับประทาน ยานี้จะขับของเสียออกมาทาง อุจจาระหรือปัสสาวะ ไม่ต้องตกใจเพราะเป็นการขับของเสียออก หมดแล้วจะหายเป็นปกติ ตำรานี้ห้ามซื้อขายหรือ คิดค่ารักษาและขออย่าได้เก็บไว้เป็นส่วนตัวเด็ดขาด หากผู้อื่นๆได้รับทราบด้วยใจศรัทธาและกุศลจิตแล้วท่านและ ครอบครัวจะประสบแต่ความสุข ความเจริญและสมหวังทุกประการ ท่านเจ้าคุณนิมิตร เจ้าคุณวัดกลาง ให้ท่านบอกต่อ ยกตัวอย่างบางเรื่อง * ส.ส. จังหวัดชลบุรี ไม่ยอมบอกต่อถึงแก่กรรม * คุณเติมศักดิ์ ได้รับแล้วส่งต่อ 29 ฉบับ ท่านถูกรางวัลที่ 1 ถึง 2 ฉบับ * คุณเกศศรี ได้รับแล้วส่งต่อ 20 ฉบับปรากฎว่าครอบครัวหายป่วยกะทันหัน
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    วิธีรอดจาก COVID ด้วยการ "ตากแดด" รับ Vitamin D
    วิธีการสู้กับ COVID คือให้ไป "ตากแดด" เพื่อให้ร่างกายสังเคราะห์ Vitamin D ค่ะ!! จากงานวิจัยตีพิมพ์ออกมาทั่วโลกตั้งแต่โควิดระบาดในปี 2019 ทำให้นักวิจัยค้นหาความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องเจออยู่ข้อนึงว่า..... หลายคนที่ติดและตายจากโควิด "มักจะมีระดับ Vitamin D ในเลือดต่ำ!!" 90% ของ Vitamin D สามารถสร้างได้จากการไปตากแดดค่ะ และต้องไม่ทาครีมกันแดดใดๆนะคะ ต้องให้แดดปะทะกับผิวของเราโดยตรง เพื่อให้คอเลสเตอรอลที่อยู่ใต้ผิวหนังสร้างวิตามิน D โดยมันจะสร้างได้ผ่าน 2 กลไก 1. ส่งไปให้ตับและส่งไปให้ไต เพื่อเอาไปสร้างวิตามิน D (ตัวที่พร้อมจะใช้งาน) โดยมันจะเพิ่มช่องในการดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้ ทำให้เรากินเท่าเดิม แต่แคลเซียมจะเข้ามาในร่างกายของเราเพิ่มมากขึ้น 2. ส่งไปให้ตับและส่งไปให้เม็ดเลือดขาว เพื่อเอาไปสร้างวิตามิน D (ตัวที่พร้อมจะใช้งาน) กระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวสร้างหอกและดาบที่ชื่อ Defensins และ Cathelicidins เพื่อเอาไปฟันไวรัสให้สิ้นสภาพ มีผลกับเชื้อตัวล่าสุด SARs-CoV2 ด้วย คำแนะนำในการตากแดดส่วนใหญ่อยู่ที่ 7-30 นาที หรือตากช่วง 10 โมง - บ่าย 3 ในคลิปมีรายละเอียดบอกเอาไว้แล้วนะคะ แต่ช่วงนี้อยากให้เพื่อนๆตากแดดกันทุกวันนะ ส่วนใครที่กลัวว่ารังสี UV จะทำให้เป็นมะเร็งผิวหนัง ก็ให้หาอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีเบต้าแคโรทีนมาทานค่ะ เช่น แครอท, ฟักทอง, มันหวาน, แคนตาลูป, มะม่วง, มะละกอ, มะเขือเทศ ฯลฯ เพราะมันจะช่วยป้องกันการเป็นมะเร็งผิวหนังได้ และงดการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์จะไปลดเจ้าเบต้าแคโรทีน ทำให้เราไม่มีตัวปกป้องผิวจากแสงแดดค่ะ ขอให้คลิปนี้ช่วยเหลือทุกคนได้นะคะ และขอให้พวกเราผ่านพ้นสถานการณ์ COVID ไปได้ด้วยกัน เทคแคร์นะคะ ลูกเพจที่น่ารักทุกคน
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    หมอยง แจงประสิทธิภาพวัคซีนโควิด-19 ขึ้นกับพื้นที่ อย่ายึดติดที่ตัวเลข 2021-01-14 17:21:56 สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ม.ค. 2564)--นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่รัฐบาลจะนำเข้ามาฉีดให้ประชาชน ว่า การพิจารณาเรื่องประสิทธิภาพนั้นอย่าไปยึดติดที่ตัวเลข ขอให้ยึดความเป็นจริง เนื่องจากผลทดสอบในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน            สำหรับวัคซีนของบริษัท ซิโนแว็กเทคโนโลยี จำกัด นั้น ทดสอบที่ตุรกีในบุคคลทั่วไปให้ประสิทธิภาพ 90%, อินโดนีเซียทดสอบในบุคคลทั่วไป 60% ขณะที่บราซิลทดสอบในบุคลากรทางแพทย์ที่มีความเสี่ยงสูงให้ประสิทธิภาพเหลือ 50% ซึ่งวัตถุประสงค์ของการผลิตวัคซีนมี 3 ประการ คือ 1.ฉีดแล้วป้องกันการติดเชื้อ 2.ฉีดแล้วติดเชื้อแล้วแต่ไม่เป็นโรค และ 3.ฉีดแล้วเป็นโรคแล้วไม่มีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต           "ตอนนี้ตลาดเป็นของผู้ขาย เพราะกำลังขาดแคลน ถ้าจะให้เลือกวัคซีนที่ดีที่สุดอาจซื้อไม่ได้ แต่องค์การอนามัยโลกบอกป้องกันได้เกิน 50% ก็ยอมรับได้ ถึงแม้เราอยากได้ที่ป้องกันถึง 100%" นพ.ยง กล่าว           ตนเองคงไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้วจะมีภูมิต้านทานได้นานแค่ไหน เพราะเป็นโรคอุบัติใหม่ อย่างกรณีวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส ที่ก่อนหน้านี้ระบุว่าฉีดเข็มเดียวป้องกันได้ตลอดชีวิต ตอนนี้ต้องฉีดเพิ่มอีกเข็ม และจากการศึกษาเชื้อไวรัสโควิด-19 พบการกลายพันธุ์มีน้อยกว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่ประมาณสิบเท่า ซึ้งไม่กระทบต่อการผลิตวัคซีน           "ถามว่าจะป้องกันได้กี่ปี นานแค่ไหน บอกได้เลยว่าไม่รู้ เพราะวัคซีนนำมาใช้แค่ 3-4 เดือน จะให้บอกว่าป้องกันนานแค่ไหน ไม่มีใครรู้ ต้องติดตามกันต่อไป ความรู้ใหม่จะเกิดขึ้น ถ้าฉีดแล้วยังติดเชื้อก็ต้องฉีดกระตุ้นใหม่ ซึ่งอาจจะอยู่ได้อีก 5 ปี" นพ.ยง กล่าว           ส่วนการตัดสินใจว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่ขึ้นอยู่ความเสี่ยงของแต่ละคน เช่น ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือผู้สูงอายุจะมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูง โดยผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปีมีโอกาสเสียชีวิต 3-4% ผู้ที่มีอายุเกิน 70 ปีมีโอกาสเสียชีวิต 10% และผู้ที่มีอายุเกิน 80 ปีมีโอกาสเสียชีวิต 20% แต่ถ้าเป็นผู้ที่อายุน้อยถึงจะติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ ต่อไปโรคนี้อาจเป็นโรคไข้หวัดธรรมดาที่ติดต่อได้ง่ายในเด็กๆ แต่ติดเชื้อแล้วไม่มีอาการ ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันเอง แต่ไวรัสชนิดนี้จะไม่มีวันหายไปแต่จะมีวิวัฒนาการที่ไม่ทำให้เกิดอาการรุนแรง           ปัจจุบันทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไปแล้วราว 30 ล้านโดส โดยเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตายที่ฉีดในจีน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบาห์เรน และวัคซีนชนิด mRNA ของไฟเซอร์ฯ ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นโอกาสดีที่รัฐบาลจะเจรจานำวัคซีนที่มีใช้แล้วเข้ามาทดลองฉีดในประเทศไทยว่าจะมีการตอบสนองอย่างไร           ตนเองได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน มีผู้ตอบแบบสอบถามกลับมากว่า 3.3 หมื่นคน โดยประชาชนส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นที่จะรับการฉีดวัคซีน 55% มีผู้ที่ไม่ฉีด 5% เนื่องจากก่อนหน้านี้กระทรวงสาธารณสุขเกิดความกังวลว่าอาจสูญเสียงบประมาณไปเปล่าๆ หากมีการนำเข้าวัคซีนแล้วประชาชนไม่สนใจ นอกจากนี้ประชาชนส่วนใหญ่ยังให้ความเชื่อมั่นกับวัคซีนที่ผลิตจากประเทศแถบยุโรปและอเมริกามากกว่าวัคซีนที่ผลิตจากที่อื่น           อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนยึดมั่นตามมาตรการชีวอนามัย เช่น สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย เว้นระยะห่าง ซึ่งตนเองมีประสบการณ์จากการลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมกับผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขแล้วไม่ติดเชื้อหลังกักกันโรคครบกำหนดแล้ว --อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 2 คนสงสัย
    คีโม คือธุรกิจเลือดเย็นของโรงพยาบาลแบบเจ้ามือหวย คนเล่นเสีย เจ้ามือรวย มะเร็งไม่ได้พรากใครไป คีโมต่างหาก โปรดอ่าน สำคัญมาก (Doctor)ดร. รุ่ง จาก รพ. จุฬา บทความนี้ น่าสนใจมาก Shafin de Zane presents: What is Cancer? นี่คือ สิ่งที่คุณ ไม่เคยคาดคิด มาก่อนเลยว่า จะมีผู้ใดกล่าวว่า - มะเร็ง คือ ธรรมชาติ (Cancer is Natural) มะเร็ง คือ ธรรมชาติ ของการปรับตัว ของเซลล์ อันเนื่องมาจาก การที่เลือดของเรา กลายเป็นพิษ เกินกว่าที่ เซลล์จะมีชีวิต ต่อไปได้ ถ้าหาก เซลล์เหล่านั้น ไม่ปรับตัว เซลล์เหล่านั้น จะป่วย และตาย เซลล์เหล่านั้น จึงตอบสนอง อย่างเป็น ธรรมชาติ ด้วยการผ่าเหล่า เพราะเซลล์ ในร่างกายมนุษย์ มีความสามารถ ที่จะปรับตัว เพื่อรับมือกับ การเปลี่ยนแปลง การปรับตัว ของเซลล์ จึงเป็นสิ่ง ที่เป็นธรรมชาติ เป็นที่ น่าเสียดายว่า คุณหมอทั่วโลก บอกกับเราว่า วิธีการรักษามะเร็ง คือ การบำบัดด้วย-คีโม หรือ การทำลาย เซลล์มะเร็ง ด้วยรังสี แต่สิ่งที่คุณหมอ ไม่ได้บอกเราคือ ทำไมเซลล์มะเร็ง จึงผ่าเหล่า ตั้งแต่แรก? อย่างไรก็ตาม- เมื่อสภาพแวดล้อม เปลี่ยนไป เซลล์อีกจำนวนมาก ก็จะผ่าเหล่า- ต่อไปอีก-ไม่เร็วก็ช้า นั่นเป็นสาเหตุ ที่เราพบเห็น ผู้ป่วยมะเร็ง ถูกให้คีโม ดีขึ้นเพียงชั่วคราว แล้วกลับทรุด ลงไปใหม่อีก จากมุมมอง ของเซลล์ หากมัน ไม่ผ่าเหล่า-มันจะต้องตาย การผ่าเหล่า ของเซลล์ จึงเป็นธรรมชาติ มะเร็งแท้จริงแล้ว คือ วิวัฒนาการ ของกลุ่มเซลล์ ที่พยายามรอดตาย จากสภาพแวดล้อม ที่เป็นพิษ แต่ทั้งหมดนี้ ก็กลายเป็นสิ่งที่ ควบคุมไม่ได้ เพราะเซลล์เหล่านั้น ลงเอยด้วยการ- ฆ่าร่างกาย แต่นั้น ไม่ใช่ประเด็น ที่แท้จริง มะเร็ง คือ วิวัฒนาการ ของกลุ่มเซลล์ ที่พยายาม จะรอดตาย ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นพิษอย่างสูง เราต้องพยายาม ทำความเข้าใจ ในประเด็นนี้ ให้ชัดเจน การพยายามฆ่า เซลล์เหล่านั้น -โดย ไม่ได้เปลี่ยนแปลง สภาพแวดล้อม เปรียบได้กับ การฆ่าแมลงวัน โดยไม่ได้พยายาม เอาขยะออกไป เอาละ คุณจะลงมือ อย่างฉับพลัน- เพื่อปรับปรุง สภาพแวดล้อม ของคุณ อย่างรวดเร็ว ได้อย่างไร มีวิธีการง่ายๆ ด้วยกัน 3 วิธีคือ: 👉วิธีที่ 1. หายใจลึกๆ - หายใจลึกๆ สิ่งแรกที่กระตุ้น ให้เซลล์ผ่าเหล่า และ กลายเป็น เซลล์มะเร็ง คือ การขาดออกซิเจน เซลล์มะเร็ง ปรับตัวเพื่อรอดชีวิต ในสภาพแวดล้อม ที่มีระดับ ออกซิเจนต่ำ ยิ่งมีออกซิเจน ต่ำเท่าไร เซลล์มะเร็ง ก็ยิ่งเติบโต ได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะนี่คือ วิวัฒนาการ ของเซลล์ ที่ปกติต้องการ จะรอดชีวิต อยู่ได้ ในสภาพแวดล้อม ที่มีระดับ ออกซิเจนต่ำ - วิธีแก้ไขคือ หายใจลึกๆ ซึ่งเป็นการ ออกกำลังง่ายๆ ที่ทำได้ทุกเช้า เพื่อเพิ่ม ระดับออกซิเจน ให้กับเลือด -- เดิน 5 นาที แล้วหายใจแบบนี้ คือ - หายใจเข้า 4ครั้ง ติดกัน กลั้นหายใจแล้วนับ 1 ถึง4 - หายใจออกช้าๆ 4 ครั้ง ติดกัน ทำอย่างนี้ครับ >>>> 1-2-3-4 <<<< ทำอีกครั้งครับ >>>> 1-2-3-4 <<<< ผมหายใจเข้าทางจมูก >>>> กลั้นใจแล้วนับ 1-2-3-4 หายใจออกทางปาก <<<< หายใจ เข้าไปในท้อง ไม่ใช่หายใจ เข้าไปในอก นี่คือวิธีการหายใจ ที่ถูกต้อง ถ้าหากไม่มีที่เดิน ให้เดิน ในห้องนอน ของคุณ เพราะมันมีที่ พอสำหรับ การออกกำลัง ของเราทุกวิธี 👉วิธีที่ 2 หยุดรับประทาน -กรด สิ่งที่สอง ที่มากระตุ้นเซลล์ ให้ผ่าเหล่า กลายเป็น เซลล์มะเร็ง คือ สภาพแวดล้อม ที่เป็นกรด เพราะนั่นคือ การตอบสนอง ที่จะทำให้ เซลล์รอดชีวิตได้ ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นกรด เซลล์ที่ผ่าเหล่า จะตาย ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นด่าง และเติบโต ในสภาพแวดล้อม ที่เป็นกรด คุณจะทำ ให้ร่างกายของคุณ เป็นด่างได้ ก็ด้วยการ รับประทาน อาหารที่เป็นด่าง มากขึ้น - น้ำผัก น้ำผลไม้สด มีประสิทธิภาพ สูงมาก - งดน้ำตาล โคคา-โคล่า เปปซึ่ และ น้ำอัดลมทุกชนิด กาแฟ เนื้อสัตว์ นม บุหรี่ และ แอลกอฮอล์ - รับประทาน ผักสดสีเขียว ผลไม้สด น้ำด่าง และ น้ำมะพร้าว หากคุณ ต้องการเห็น การเปลี่ยนแปลง ของสุขภาพ อย่างน่าอัศจรรย์ ในระยะเวลาอันสั้น ดื่มน้ำผักสดปั่น ทุกเช้า โดยไม่ต้อง รับประทาน อะไรอีกเลย จนกว่าจะถึง มื้อเที่ยง -นำผักใบเขียว หลากชนิด มะเขือเทศ แตงกวา ปั่นกับน้ำสะอาด แล้วดื่ม คุณอาจจะคิดว่า มันไม่น่าดื่มเลย แต่มันไม่เลวร้าย และออกจะอร่อย ด้วยซ้ำไป เมื่อคุณ คุ้นเคยกับมัน 👉วิธีที่ 3 ดูแลร่างกายของคุณ ความเครียด ทำให้ ระบบภูมิคุ้มกัน อ่อนแอ ความเครียด คือ ฆาตกรเบอร์หนึ่ง และเป็นต้นเหตุ ที่ก่อให้เกิดโรค -ทุกโรค ความเครียด เพิ่มกรด และ ส่งผลกระทบ ต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ในร่างกาย มันจึงเป็นสิ่ง ที่สำคัญมาก ที่เราจะต้อง ทำจิตใจ ให้แข็งแรง เบิกบานอยู่เสมอ คุณจะทำเช่นนั้น ได้อย่างไร ? - ทำสมาธิ ดูหนังตลก ละเว้นจากการดู ข่าวร้าย และ เรื่องเลวร้าย อ่านหนังสือดีๆ ที่ทำให้เกิด แรงบันดาลใจ หาสัตว์มาเลี้ยง พบเพื่อนใหม่ๆ สัมพันธภาพใหม่ๆ ปลดความทุกข์ ความสลดใจเก่าๆ และสิ่งเลวร้ายต่างๆ ที่ผ่านไปแล้ว (ประกาศ)แชร์ข้อมูลนี้ ให้กับผู้อื่นต่อไป ให้มากที่สุด ที่คุณจะทำได้ ความเจ็บปวด และ ความเสียหาย ที่เกิดจากการ บำบัดด้วยคีโม เลยเถิดไปอย่าง เหนือคำบรรยาย ช่วยให้ผู้อื่น ตื่นจากฝันร้าย ที่เกิดจาก โฆษณาชวนเชื่อ ของผู้ผลิตยา กันเสียที การป้องกัน และ รักษาตนเอง ให้หายจากมะเร็ง เป็นสิ่งที่ง่ายดาย เสียจนแทบ จะเป็นเรื่องตลก อย่างเหลือเชื่อ ใช้ความคิด ให้ถูกต้อง จงเปลี่ยนน้ำ ในบ่อปลา เมื่อปลาป่วย เพราะ การทำลายบ่อปลา ไม่ใช่ทางออก ที่ถูกต้อง มาช่วยกัน ทำให้โลกของเรา ในวันนี้- น่าอยู่ขึ้น (หมอ)ดร.ชนิสา อรรถจินดา Chanisa Arthachinda, Ph.D., ดร.รุ่ง รพ.จุฬา (*)(*)(*)(*)
    ไม่ระบุชื่อ
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ช่วยแบ่งปันโพสต์นี้ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ " การกินผลไม้ในตอนท้องว่าง " สิ่งนี้จะเปิดดวงตาของคุณ! อ่านให้จบ และส่งมันให้กับรายชื่อ e-list ของคุณทั้งหมด ฉันเพียงทำมัน ! ดร. สตีเฟ่น หมาก ทำการรักษาผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายโดยวิธีการ “Un-Orthodox”และผู้ป่วยจำนวนมากฟื้นตัว ก่อนที่เขาได้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อกำจัดการเจ็บป่วยของผู้ป่วยของเขา เขาเชื่อในการรักษาโดยทางธรรมชาติในร่างกายต่อความเจ็บป่วย ช่วยดูบทความของเขาด้านล่าง มันเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการรักษาโรคมะเร็ง เมื่อเร็วๆนี้ อัตราความสำเร็จของฉันในการรักษาโรคมะเร็งคือประมาณ 80% ผู้ป่วยโรคมะเร็งไม่ควรตาย การรักษาโรคมะเร็งถูกค้นพบแล้ว – มันอยู่ในวิธีที่เรากินผลไม้ ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ ฉันขอโทษสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งหลายร้อยคน ที่ตายภายใต้การรักษาธรรมดาทั่วไป " การกินผลไม้ " เราทุกคนคิดว่าการกินผลไม้ หมายถึงเพียงแค่ การซื้อผลไม้ ตัดมัน และก็ใส่มันเข้าไปในปากของเรา มันไม่ง่ายอย่างที่คุณคิด มันสำคัญที่จะทราบวิธีการและ * เมื่อไหร่ * ที่จะกินผลไม้ วิธีที่ถูกต้องของการกินผลไม้อย่างไร? มันหมายถึง " ไม่กินผลไม้ " หลังมื้ออาหารของคุณ ! ผลไม้ควรกินในตอนท้องว่าง ถ้าคุณกินผลไม้ในตอนท้องว่าง มันจะมีบทบาทสำคัญ ในการล้างพิษในระบบของคุณ, ให้การจัดการที่ดีของพลังงาน เพื่อลดน้ำหนัก และกิจกรรมในชีวิตอื่น ๆ แก่คุณ " ผลไม้เป็นอาหารที่สำคัญที่สุด " สมมติว่า .. คุณกินสองชิ้นของขนมปัง แล้วชิ้นหนึ่งของผลไม้ ชิ้นของผลไม้ > พร้อมที่จะผ่านตรงไปสู่กระเพาะลงไปในลำไส้ > แต่มันถูกขัดขวางจากการทำเช่นนั้น เนื่องจากขนมปังถูกกินก่อนผลไม้ ในระหว่างนั้น อาหารทั้งมื้อของขนมปังและผลไม้นั้น จะเน่าเปื่อย และบูด และเปลี่ยนเป็นกรด ในนาทีที่ผลไม้เข้ามาสัมผัสกับอาหาร ในกระเพาะอาหาร และน้ำย่อย, มวลอาหารทั้งหมดเริ่มที่จะเปื่อยเน่า ดังนั้นโปรดกินผลไม้ของคุณในตอน * ท้องว่าง * หรือก่อนมื้ออาหารของคุณ! คุณเคยได้ยินคนบ่น : ทุกครั้งที่ ฉันกินแตงโม-ฉันเรอ เมื่อฉันกินทุเรียน-ท้องของฉันพองขึ้น เมื่อฉันกินกล้วย-ฉันรู้สึกเหมือนวิ่งเข้าห้องน้ำ ฯลฯ .. ฯลฯ .. จริง .. ทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าคุณกินผลไม้ตอนท้องว่าง ผลไม้ผสมกับการเน่าเปื่อยของอาหารอื่น ๆ และผลิตก๊าซ และด้วยเหตุนี้ ตัวคุณจะขยาย! ผมสีเทา, หัวล้าน, การระเบิดทางประสาท และรอยคล้ำใต้ดวงตา ทั้งหมดเหล่านี้จะ * ไม่เกิดขึ้น * ถ้าคุณกินผลไม้ตอนท้องว่าง ไม่มีสิ่งเช่นนั้นหรอก ที่ผลไม้บางอย่าง เช่นส้มและมะนาวเป็นกรด เพราะผลไม้ทั้งหมด > กลายเป็นด่างในร่างกายของเรา ตามที่ ดร.เฮอร์เบิร์ด เชลตัน ผู้ทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าคุณได้เข้าใจถ่องแท้ วิธีที่ถูกต้องของการกินผลไม้ คุณมี * ความลับ * ของความงาม อายุยืน สุขภาพ พลังงาน ความสุข และน้ำหนักที่ปกติ เมื่อคุณต้องการดื่มน้ำผลไม้ - ดื่มเพียงแค่ * น้ำผลไม้สดเท่านั้น * ไม่ใช่จากกระป๋อง แพ็ค หรือฃวด อย่าแม้แต่ .. จะดื่มน้ำผลไม้ที่ผ่านการทำให้ร้อนขึ้น อย่ากินผลไม้ปรุงสุก เพราะคุณไม่ได้รับสารอาหารทั้งหมด คุณจะได้รับรสชาติของมัน การปรุงสุก ทำลายวิตามินทั้งหมด แต่กินผลไม้ทั้งผล จะดีกว่า การดื่มน้ำผลไม้ หากคุณควรดื่มน้ำผลไม้สด ดื่มมันคำหนึ่ง โดยคำหนึ่งช้าๆ เพราะคุณต้องปล่อยให้มัน > ผสมกับน้ำลายของคุณ ก่อนที่จะกลืนกินมันลงไป คุณสามารถดำเนินต่อไป ในการกินมังสวิรัติผลไม้ 3 วัน เพื่อทำความสะอาด หรือล้างพิษในร่างกายของคุณ เพียงแต่ กินผลไม้ และดื่มน้ำผลไม้สด ตลอดทั้ง 3 วัน แล้วคุณจะต้องแปลกใจ เมื่อเพื่อนของคุณ บอกคุณว่า คุณดูเปล่งประกายอย่างไร! กีวี : เล็ก ๆ แต่ยิ่งใหญ่ นี้เป็นแหล่งที่ดีของ โพแทสเซียม, แมกนีเซียม, วิตามินอี และไฟเบอร์ ปริมาณวิตามินซีของมันคือ สองเท่าของส้ม แอปเปิ้ล : แอปเปิ้ล 1 ผล ต่อวัน ช่วยให้ห่างไกลจากแพทย์? แม้ว่าแอปเปิ้ลมีปริมาณวิตามินซีต่ำ แต่ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระ และ flavonoids ซึ่งจะช่วยเพิ่มการทำงานของวิตามินซี จึงช่วยในการลดความเสี่ยงของ มะเร็งลำไส้ใหญ่ หัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมอง สตรอเบอร์รี่ : ผลไม้ป้องกัน สตรอเบอร์รี่มีความสามารถ ในการต้านอนุมูลอิสระสูงสุดในบรรดาผลไม้ที่สำคัญ และป้องกันร่างกายจากโรคมะเร็ง หลอดเลือดอุดตัน และอนุมูลอิสระ ส้ม : ยาที่หวานที่สุด กินส้ม 2-4 ผลต่อวัน อาจช่วยขจัดโรคหวัดออกไป, ลดคอเลสเตอรอล, ป้องกันและละลายนิ่วในไต, และลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ แตงโม : ดับกระหายที่ยอดที่สุด ประกอบด้วยน้ำ 92% มันถูกบรรจุด้วยปริมาณ " กลูตาไธออน " จำนวนมากมาย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของเรา พวกเขายังเป็นแหล่งสำคัญของ " ไลโคปีน " อนุมูลอิสระที่ต่อสู้กับโรคมะเร็ง สารอาหารอื่นๆ ที่พบในแตงโม คือ วิตามินซี และโพแทสเซียม ฝรั่ง และมะละกอ : รางวัลสูงสุดสำหรับวิตามินซี พวกเขาเป็นผู้ชนะที่ชัดเจน สำหรับปริมาณวิตามินซีสูงของพวกเขา ฝรั่ง-ยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งจะช่วยป้องกันอาการท้องผูก มะละกอ-อุดมไปด้วยแคโรทีนๆนี้ เป็นสิ่งที่ดี สำหรับดวงตาของคุณ ################## การดื่มน้ำเย็น หรือเครื่องดื่มเย็นหลังอาหาร = มะเร็ง คุณสามารถเชื่อสิ่งนี้หรือไม่? สำหรับผู้ที่ชอบดื่มน้ำเย็น หรือเครื่องดื่มเย็น, บทความนี้เหมาะสมกับคุณ อย่างไรก็ตาม น้ำเย็น หรือเครื่องดื่มเย็น จะทำให้ของมันๆที่คุณเพิ่งจะได้กินเข้าไป-แข็งตัว จะทำให้การย่อยอาหารช้าลง ครั้งหนึ่ง “ ตะกอนนี้ ” จะทำปฏิกิริยากับกรด จะแยกตัว และถูกดูดซึมโดยลำไส้ เร็วกว่าอาหารที่เป็นของแข็งจะเรียงตัวที่ลำไส้ ในไม่ช้า จะกลายเป็นไขมัน และนำไปสู่โรค​​มะเร็ง! มันดีที่สุด ที่จะดื่ม น้ำซุปร้อนหรือน้ำอุ่น หลังอาหาร หมายเหตุที่สำคัญ เกี่ยวกับหัวใจวาย กระบวนการหัวใจวาย : ( สิ่งนี้ไม่ตลก! ) ผู้หญิงควรจะทราบว่า > ไม่ใช่ทุกอาการหัวใจวาย จะเป็นการเจ็บปวดที่แขนซ้าย โปรดระวังความเจ็บปวดที่รุนแรง ในแนวกราม ขากรรไกร คุณอาจจะไม่เคยเจ็บหน้าอก เป็นอันดับแรก ระหว่างในช่วงของหัวใจวาย อาการคลื่นไส้ และเหงื่อออกมาก คือ อาการทั่วไปด้วย หกสิบเปอร์เซ็นต์ ของคนที่มีอาการ " หัวใจวายขณะที่พวกเขานอนหลับ " จะไม่ตื่นขึ้นมา อาการปวดกราม สามารถให้คุณตื่นขึ้นมา จากการหลับสนิท โปรดระมัดระวังและเฝ้าระวัง ยิ่งเรารู้ เรายิ่งมีโอกาสที่ดีกว่า ที่เราสามารถอยู่รอดได้ แพทย์โรคหัวใจพูดว่า : ถ้าทุกคนที่ได้รับอีเมล์นี้ โปรดส่งมันให้กับ 10 คน คุณสามารถแน่ใจได้ว่า เราจะรักษาอย่างน้อยที่สุด หนึ่งชีวิตไว้ ดังนั้นช่วยทำ อย่างน้อยที่สุด 1 งานที่ดี ในวันนี้
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    Dr. กัป บอกว่า ไม่มีใคร?? ตายเพราะมะเร็ง ยกเว้นความสะเพร่า : 1. ขั้นตอนแรกคือ การหยุดน้ำตาลทั้งหมด >> ถ้าไม่มีน้ำตาล ในร่างกายของคุณ >> เซลล์มะเร็ง ก็จะตาย อย่างเป็นธรรมชาติ 2. ผสมผลไม้ มะนาว ทั้งหมด กับน้ำร้อนสักแก้ว แล้วดื่มมัน ประมาณ 3 เดือน #มะเร็งจะแพ้ การวิจัย โดยวิทยาลัย maryland ของยาบอกว่า #มันดีกว่าการรักษาด้วยคีโม 3. ขั้นตอนที่ 3 คือ การดื่มน้ำมันมะพร้าวอินทรีย์ 3 ช้อน เช้าและกลางคืน >> มะเร็งจะหายไป คุณสามารถเลือก 1 ใน 2 การรักษานี้ หลังจาก หลีกเลี่ยงน้ำตาล ความไม่รู้ ไม่ใช่ข้ออ้าง ; ฉันได้แชร์ข้อมูลนี้ มานานกว่า 5 ปี บางทีตอนนี้ เพิ่งมาถึงคุณ แต่มันยังช้ากว่าไม่เคยให้ทุกคนรอบตัวคุณรู้ " ดร. guruprasad reddy b v รัฐการแพทย์ ของมหาวิทยาลัยมอสโก ประเทศรัสเซีย อ้อนวอนทุกคน ที่ได้รับข้อมูลนี้ เพื่อส่งต่อ ให้กับอีก 10 คน >> แน่นอน!! อย่างน้อย 1 ชีวิต จะได้รับการบันทึกไว้ ^^ 🙋ฉันได้ทำส่วนของฉัน แล้วหวังว่า คุณจะสามารถช่วยได้ โดยการทำส่วนของคุณ ขอบคุณ 🙏 1. การดื่มน้ำมะนาว สามารถป้องกันมะเร็งได้ แต่จำไว้ว่า อย่า!! เพิ่มน้ำตาล >> น้ำมะนาวร้อน มีประโยชน์กว่า น้ำมะนาวเย็นๆ 2. หั่นเป็นแพ 5 ชิ้น แล้วแช่ด้วยน้ำร้อนสักแก้ว 30 นาที แล้วดื่ม 3. มันสำปะหลังสด แต่ต้องต้มด้วย เปิดหม้อวิตามิน b17 อยู่บนมันสำปะหลัง ที่สามารถปิดเซลล์มะเร็งได้ 🌿>> บ่อยครั้ง มื้อเย็นสามารถเพิ่มความเป็นไปได้ ของมะเร็งลำไส้ : มะเร็งกระเพาะอาหาร 🌿>> อย่า!! ดื่มชา ในช่วงประจำเดือน 🌿>> ลดการดื่มนมถั่วเหลือง ไม่ควรเพิ่มน้ำตาล หรือไข่ ในนมถั่วเหลือง 👉>> ไม่กินมะเขือเทศ ตอนท้องว่าง 👉>> ดื่มน้ำเปล่าสักแก้ว ทุกเช้า ก่อนอาหาร เพื่อป้องกันนิ่ว 💥>> งด!! อาหาร 3 ชั่วโมง ก่อนนอน 💥>> หลีกเลี่ยงสุรา เพราะไม่มีประสิทธิภาพ ทางโภชนาการ แต่สามารถทำให้เกิดโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงได้ ‼️>> อย่า!! กินขนมปัง ในขณะที่มันร้อนจาก เตาอบ หรือเครื่องปิ้งขนมปัง ‼️>> ไม่ชาร์จมือถือหรืออุปกรณ์ใดๆ?? ที่อยู่ข้างๆคุณ ในขณะที่คุณหลับ 🙋>> ดื่มน้ำเปล่า 10 แก้ว ทุกวัน : ป้องกันมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้ 🙋>> ดื่มน้ำเพิ่ม ระหว่างวัน ลดตอนกลางคืน 🔥>> อย่า!! ดื่มกาแฟ มากกว่า 2 แก้วต่อวัน เพราะมันสามารถทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ และกระเพาะอาหารได้ 🔥>> กินอาหารที่เลี่ยนเล็กน้อย หรือหลีกเลี่ยงมัน เพราะใช้เวลา 5-7 ชั่วโมง ในการย่อย ทั้งยังทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย ✨>> หลัง 5 โมงเย็น กินให้น้อยลง ✨>> อาหาร 6 ชนิด ที่ทำให้คุณมีความสุข : กล้วย, ส้มบาหลี, ผักโขม, ฟักทอง, พีช 😭>> นอนไม่ถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน ส่งผลให้มีการทำงานของสมองเสื่อมสภาพ .. พยายามพักผ่อน เพราะจะทำให้เราเด็กลง 🥰#น้ำมะนาวที่ไม่มีน้ำตาลสามารถดูแลสุขภาพของคุณและทำให้คุณรู้สึกสดชื่น 📌 #น้ำมะนาวร้อนฆ่าเซลล์มะเร็ง >> แช่มะนาวชิ้นเท่าๆกัน 3 ชิ้นกับน้ำร้อน ดื่มเป็นประจำทุกวัน .. anti-oxsidan #รสชาติขมในน้ำมะนาวร้อนเป็นสารที่ดีที่สุดในการฆ่าเซลล์มะเร็ง #น้ำมะนาวเย็นประกอบด้วยวิตามินซีเท่านั้นซึ่งมันไม่ช่วยป้องกันมะเร็ง #น้ำมะนาวร้อนสามารถควบคุมการเติบโตของเนื้องอกมะเร็งได้ การทดสอบทางคลินิก ได้พิสูจน์แล้วว่า น้ำมะนาวร้อน ทำงานได้ดี เพื่อยับยั้งเซลล์มะเร็ง การรักษาด้วยน้ำมะนาว(ร้อน) จะทำลายเซลล์ที่ชั่วร้าย เท่านั้น แต่ไม่มีผลต่อเซลล์ที่ดี ต่อไป .. กรด citric และมะนาว polyphenol ในน้ำมะนาว ช่วยลดความดันสูง การป้องกันการเกิดลิ่มเลือด และป้องกันการแข็งตัวของเลือด ไม่ว่า คุณจะยุ่งแค่ไหน?? โปรดหาเวลาอ่านสิ่งนี้ แล้วบอกให้คนอื่นกระจายความรัก❤️ให้กับคนอื่นๆด้วย * ความสวยงาม ของการแบ่งปัน * Cr.อ่านเจอแล้วนำมาฝาก #ขอบคุณเจ้าของบทความ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false