1 คนสงสัย
เมื่อคืนมีข้อความส่งมาจาก 7/11 ให้ร่วมเล่นเกมส์ลุ้นรางวัล3,400 บาท บอกว่าสามารถคลิกได้ 3 ครั้ง พอเปิดเข้าไปเป็นรูปกล่องของขวัญ ลองแตะ 2 กล่องแรก ไม่ได้รางวัล พอกล่องที่ 3 ผลออกมาว่ายินดีด้วยคุณได้ 3,400 บาท ให้ลงทะเบียนรับของรางวัล พอเปิดหน้าต่อไป ก็มีให้ลงรายละเอียดส่วนตัว เราก็เลย เก็บภาพหน้าจอไว้ แล้วไปถามที่ร้านเซเว่นว่ามีเกมแบบนี้ไหม เขาบอกว่า เซเว่นไม่มีแบบนี้ ห้ามกรอกข้อมูลนะ. มีหลายรูปแบบมากที่ใช้ชื่อเซเว่นอีเลฟเว่นหลอกลวงแบบนี้ พวกเราระวังกันด้วยนะ
ไม่ระบุชื่อ
 •  4 ปีที่แล้ว
meter: true
1 ความเห็น

ผู้บริโภคเฝ้าระวัง

Joke Air เลือกให้ข้อความนี้✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด

เหตุผล

ดีเอสไอ แจ้งเตือน ระวังเว็บไซต์เซเว่นปลอม อ้างชิงโชค หลอกถามข้อมูลส่วนตัว

ที่มา

https://www.matichon.co.th/local/crime/news_2144171

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    แจ้งย้ำสมาชิกให้ทราบอีกครั้ง ประมาณ2เดือนที่แล้วมีเจ้าหน้าที่เคอรี่มาส่งกล่องพัสดุ ผมบอกว่าไม่ได้สั่งอะไร เจ้าหน้าที่บอกให้เซ็นรับไปก่อนถ้าไม่ใช่ค่อยส่งคืนที่หลัง พอดีสังเกตุที่กล่องไม่มีชื่อและเบอร์โทรของผู้ส่ง จึงยืนยันที่ว่าจะไม่รับ เจ้าหน้าไม่ว่าอะไรรับของคืนแล้วขับรถไปเลย หลังจากนั้นประมาณ5นาทีมีตำรวจในเครื่องแบบ1คนและนอกเครื่องแบบ1คน ขี่มอร์ไซค์มาจอดหน้าบ้าน พยามจะเรียกให้เปิดประตู แต่ผมไม่เปิด แกล้งโทรหาตำรวจ ส.น.ให้มันได้ยิน มันขี่รถออกไปเลย ที่เล่ามาเพราะวันนี้เพื่อนโทรมามีเหตุการณ์นี้ที่บ้านเค้าเหมือนกัน ดีที่นึกได้ว่าผมเคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง รีบโทรหาตำรวจ มันเผ่งหนีเลย ย้ำน่ะครับ มิจฉาชีพแบบนี้กำลังระบาด
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ลองอ่านข้อเขียนของคนระดับ เอกอัครราชทูตไทย ซึ่งท่านเห็นเหตุที่เกิดขึ้น ผ่านประสพการณ์ต่าง ๆ มาทั่วโลก เหมือนกับเราเมื่อโตขึ้นมาระดับหนึ่ง ความคิดความอ่าน จะแตกต่างจาก เมื่อตอนยังเด็ก ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี มีมากขึ้น เพราะเราเห็นโลกมามากขึ้น และเป็นบทสรุปในใจเราได้ว่า อะไร เป็นอะไร เมื่อคนไทยต้องการ พรรคก้าวไกล ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ก็ต้องยินดีด้วย และ ปล่อยให้ระบบมันเดินไป แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปแบบค่อยๆซึมเข้ามาคือการ ล่าอาณานิคมแบบใหม่ของสหรัฐอเมริกา และ ประเทศตะวันตก วันนี้คือจุดเริ่มต้นเท่านั้นของการล่มสลายของประเทศไทย ก้าวไกลได้อะไร --> ได้เงินและอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงวิธีการ ถูกหรือผิด ชั่วหรือดี พรรคก้าวไกลเป็นพรรคหนึ่งที่ได้ Fund จากประเทศอเมริกา ผ่านองค์กร มูลนิธิลับ ๆ หลายแห่ง ในการขับเคลื่อนทางการเมือง เพื่อเปิดช่องให้อเมริกาสามารถแทรกแซงทางการเมืองไทยได้ สังเกตได้จากกลุ่ม NGO ต่างๆ ที่เข้ามาสนับสนุนการล้มล้างสถาบันฯ กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆ รวมถึงการนำทูตสหรัฐและ ประเทศตะวันตกเข้ามา observe การประชุม สัมมนา หรือการเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ มันคือการล่าอาณานิคมแบบใหม่ที่คนสมัยนี้ไม่ค่อยคำนึงถึง อเมริกาต้องการทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ ของประเทศ และ การนำประเทศไทยตั้งฐานทัพ เพื่องัดอำนาจจากประเทศจีน ซึ่งทางอเมริกา พยายามจะเข้ามาตั้งหลายครั้งหลายหนแล้วแต่ทางทหารไทยไม่ยอม ได้แค่เข้ามาฝึกซ้อมรบ คนจนของอเมริกามากกว่า 43 ล้านคน เท่ากับประชากร 1 ประเทศ แต่เศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลกก็อยู่ในอเมริกา มันยิ่งเป็นการบอกว่าทุนการเงินมันสร้างการกระจุกตัวไว้ที่คนจำนวนหนึ่ง นี่คือความเหลื่อมล้ำจากระบบเสรีนิยมและ ทุนนิยม (ซึ่งไม่เคยมีอยู่จริง) ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น เชื่อว่าไม่มีทางเลี่ยง อเมริกาอยู่ได้ด้วยอาวุธ แต่ถ้าไม่มีสงครามก็ขายไม่ออก อวกาศก็เหมือนกัน หรือถ้าอเมริกาต้องการนำอาหารเป็นตัวจูงเศรษฐกิจตัวเอง พื้นที่การผลิตอาหารไม่พอฉะนั้นต้องขยายดินแดน อเมริกาต้องการให้เกิดสงครามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อที่จะได้ขายอาวุธ และ คานอำนาจกับจีน ซึ่งได้เริ่มทำไปแล้วในฟิลิปินส์ เกาหลีไต้ ซึ่งประเทศเหล่านี้มีโอกาสเกิดสงครามกับจีนและรัสเซียตลอดเวลา ซึ่งในอนาคตหากยังดำเนินแบบนี้ต่อไป คงได้เห็นสงคราม ไทย-จีน! ไทยก็เช่นเดียวกัน อยู่ในชัยภูมิที่ดี มีทางออกทะเล และมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ต่างชาติยกย่องว่าเป็นครัวของโลก จึงเป็นเป้าหมายสำคัญของอเมริกาและชาติตะวันตก แต่สิ่งที่ยากที่สุดในการเข้ามาแทรกซึมประเทศไทยมี ความมั่นคงทางวิถึชีวิต และความภักดีใน สถาบันพระมหากษัตริย์ ที่คานอำนาจและเป็นเสาหลักของประเทศ จึงเป็นงานยากของอเมริกาที่ต้องลดบทบาทของสถาบันหลักเหล่านี้ให้อ่อนแอที่สุด จนถึงเป็นแค่สัญลักษณ์ เพื่อที่จะเข้ามายึดครองได้โดยง่าย (ไม่แปลกอะไรที่ ก้าวไกล ขอยกเลิก ม.112 มาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว แต่ ประธานรัฐสภา ชวน หลีกภัย บอกว่าเสนอเป็นญัตติมาอภิปรายไม่ได้ เพราะญัตตินี้ ผิด รธน.) สิ่งที่ชาติตะวันตกและอเมริกาได้ทำมาอย่างต่อเนืองมากว่า 60 ปี คือการสร้าง soft power แบบซึมเข้ามาในรูปแบบ การศึกษาที่ทันสมัย ภาพยนตร์ การให้ทุนนักเรียนเพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศ พร้อมการล้างสมองให้คนของเราเสพติด คำว่าประชาธิปไตย ความทันสมัย ศิวิไลซ์ของเขา ของประเทศเสรีนิยม ทุนนิยม และ ผลักดันให้คนกลุ่มนี้กลับเข้ามาเป็นผู้บริหารประเทศ พร้อมจะเปลี่ยนประเทศโดยไม่สนใจรากเหง้าเดิม คนเหล่านี้จะมีแนวความคิดแบบชาติตะวันตกเต็มตัว พร้อมที่จะทำตามและอ้าแขนรับอำนาจตะวันตก โดยถึงขั้นมองว่าถ้าต้องเป็นประเทศอาณานิคมก็ไม่แปลกอะไร เพราะคงจะได้รับความรู้ความเจริญมา ในฐานะ"นักเรียนนอก" และวันนี้พวกเค้าทำสำเร็จแล้ว ก้าวแรกของการล่าอาณานิคมใหม่ เริ่มขึ้นโดยการต้องเริ่มกระบวนการลดกำลังทหาร และ ลดบทบาทสถาบันกษัตริย์ คนหนุ่มสาวของประเทศ มีแนวคิดแบบตะวันตกมากกว่าครึ่งประเทศถูกเสพติดด้วยข้อมูลบิดเบือนมาเป็นเวลานาน เริ่มแสดงตัวตน แบบคนกระหายความสำเร็จ กระหายความเจริญ และ ศิวิไลย์ แบบชาติตะวันตก ดูได้จากการแสดงออกใน social media ที่พยายามแสดงถึงความ หรูหรา ฟุ่มเฟือย ชีวิตที่ดี กินหรู อยู่สบายใช้ของ brand ผู้คนเหล่านี้มีความรู้ มีฐานะ การงานที่ดี และคิดว่า "กูโตมาได้้ หาเงินได้ ด้วยความสามารถตัวเอง พ่อแม่ตัวเอง ไม่เกี่ยวกับสถาบันฯ" ส่วนคนจนก็จะโทษทุกสิ่งอย่างรอบตัวที่ไม่ใช่ตัวเอง ความคิดแบบนี้กำลังจะพังประเทศตัวเอง เป็นความคิดแบบเห็นแก่ตัวแบบสุดขั้ว และการกอบโกยทรัพยากรเต็มที่ของคนรุ่นใหม่ รวมถึงคนรุ่นเก่าๆอีกหลายคน แต่เมื่อคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ต้องการให้เป็นแบบนี้ก็ต้องปล่อยให้เกิดไป อาจจะยังไม่ได้เกิดในปี สองปีนี้ อาจจะค่อยๆซึมเข้ามาเป็น 5-10ปี ก็คงต้องคอยดูต่อไป ขอให้ประเทศไทยพ้นผองภัย ขอให้ฝ่ายค้านที่ยังเป็นคนเจ็นคุณภาพ รักบ้านเกิดเมืองนอนตนเอง ได้ทัดทาน ไม่ให้คนชั่วคว่ำฟ้าพลิกดิน คบต่างชาติให้เข้ามากลืนชาติ นำพาสู่สงคราม ได้สำเร็จ เข้าทางไอ้กันมันแล้ว มันเริ่มให้ไอ้พวกนี้ออกมาก่อกวน แล้วค่อยๆรุนแรงขึ้นเหมือน Hong-Kong Model จนเกิดกลียุคสงครามกลางเมือง จนทางการคุมไม่อยู่จนต้องใช้ความรุนแรง (เคยทราบไหม หยก เด็กหญิง อายุ 15 ปี มายืนกลางถนน อ่านหนังสือด่าในหลวง เพื่อให้ถูกจับ เมื่อตำรวจจับไป ไม่มีใครมายื่นประกัน เพื่อเอาเป็นข้อเรียกร้องว่า จับเด็ก 15 ขวบ ขัง ไม่ให้เรียนหนังสือ) แล้วมันก็จะฟ้องไปทาง UN จนไอ้กันขนทหารเข้ามาควบคุมประเทศ อันตรายมากที่จะเกิดวิกฤตแบบ Hong-Kong ตอนนี้ก็เตรียมย้อนอดีตไปสมัยช่วงสงครามเวียดนาม ที่ไทยเรายอมให้ US เข้ามาตั้งฐานทัพในไทยเพื่อประจัญหน้ากับจีน ก่อนหน้านี้ US ก็ทำสำเร็จแล้วที่ ฟิลิปปินส์ ได้ลูกชายของอดีตปธน.มาร์คอส ขึ้นมา และทันทีก็หันไปซบอเมริกายอมให้ใช้ฐานทัพเพื่อเผชิญหน้ากับจีน และก็ไม่ผิดคาดแต่อย่างใดที่การเลือกตั้งในไทยก็ได้พรรคที่มีแนวโน้มโปร US ขึ้นมาเพราะเขาได้วางแผนการในการใช้สื่อเกลี้ยกล่อมและ convince คนรุ่นใหม่จนประสบผลสำเร็จ ด้วย keywords คำว่า “ประชาธิปไตย” “ยกเลิก ม.112” “ความเหลื่อมล้ำในสังคม” ”นายทุนผูกขาด” มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว รัฐบาลฝ่ายขวาที่อนุรักษ์นิยมทำอะไรไม่ได้เลย เพราะยุทธศาสตร์การเมืองยุคใหม่คือ ใครครองหรือครอบงำสื่อโซเชียลได้ ผู้นั้นครองโลก ! ก็ไม่ต่างจากสมัยยุคล่าอาณานิคม ที่มีคำพูดว่า ใครครองน่านน้ำคนนั้นครองโลก หรือที่เรียกกันว่า “การทูตเรือปืน” ( Gunship Diplomacy) สมัยนั้นเราต้องเสียดินแดนไแก็เพราะยุทธศาสตร์แบบนี้ พอยุคสงครามเย็นก็ใครครองอวกาศผู้นั้นครองโลก พอมายุคนี้ใครครอบครองสื่อโซเชียล หรือ สื่อออนไลน์ได้ ผู้นั้นก็ครอบงำโลกได้เช่นกัน ผมเชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางแบบนี้เลย พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า กลุ่มทุนสามานต์ต่างชาติที่เป็นนอมินีให้กับ US นั้นมีหุ้นใหญ่อยู่ใน FB Twitter และเดี๋ยวนี้ลงไปถึง Netflix / HBO เป็นต้น จึงไม่น่าแปลกใจที่หนังทุกเรื่องหากมีพากย์ไทยจะถูกสอดแทรกเรื่องการเมืองลงไปเท่าที่เขาจะสอดแทรกได้เพื่อสร้างความรู้สึกร่วมกับคนรุ่นใหม่ให้เกิดความต้องการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในไทยให้ได้ ผมอยู่ที่ Film Board ได้รับรู้อะไรเยอะมากครับว่าพวกเขาทำกันยังไง ไม่เว้นแม้แต่ในบริษัทผลิตยาและวัคซีนมหาเทพ ก็มีกลุ่มทุนสามานย์ นอมินีของ US ถือหุ้นอยู่ คงจำกันได้ที่วัคซีนมหาเทพที่ถูกปั่นในหมู่ศิลปิน ดารา นักร้อง นางงาม เซ็เล็บ แล้วก็ด่าจีนเรื่องวัคซีนน้ำเกลือ วัคซีนเซินเจิ้น ไม่เว้นแม้แต่การดูถูกวัคซีน AZ ที่ไทยเราผลิตได้ในประเทศก็กลายเป็นประเด็นกระทบถึงสถาบัน นั่นคือผลงานของการปั่นจากผู้ที่ครอบงำสื่อได้ เรื่องนี้มิใช่เรื่องเล่นๆ เพราะคงวางแผนลงไปทุกอณูของสื่อ ไม่เว้นแ้แต่การ์ตูนอานิเมะ เพจหมาแมว สัตว์เลี้ยง กีฬาสีเด็กประถม/มัธยมนยังมีเดินขบวนล้อการเมืองเลย ยังจำภาพเด็กมัธยม รร.แห่งหนึ่งใน จ.อุดร ถือป้ายในงานกีฬาสีเขียนชื่อป้ายประเทศว่า Repuplic of Thailand ! เดิม US เคยเกือบทำสำเร็จใน Hong Kong แต่จีนไม่ยอมง่ายๆ จีนใช้ไม้แข็งเพราะเป็นเผด็จการคอมมิวนิสต์ จึงคุม Hong Kong ได้ในที่สุด แต่ตอนนี้ US ประสบความสำเร็จแล้วที่ฟิลิปปินส์ และไทย ผมมองเห็นอนาคตว่าเราจะถูกผลักให้จำเป็นต้องเลือกข้าง US ซึ่งตรงนี้จะมีความน่ากลัวเพราะจีนเองก็คงไม่ยอม และไทยเราอาจกลายเป็นสนามประลองกำลังของมหาอำนาจในที่สุด ยิ่งตอนนี้เสถียรภาพทางการเงินของ US อยู่ในขั้นวิกฤต อาจผิดสัญญาชำะหนี้ต่างชาติได้ (ญี่ปุ่นและจีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่) ทางเดียวที่อาจจะช่วย US ได้คือ คือการทำ Trade War Business ! พวกผมเคยผ่านและเคยได้เห็นสภาพตอนที่เราต้องยอมให้ US เข้ามาตั้งฐานทัพในไทยถึง 7 แห่งในช่วงสงครามเวียดนามมาแล้ว แต่เด็กรุ่นใหม่ไม่เคยรู้ ไม่เคยศึกษา อิทธิพลของสหรัฐฯที่ทิ้งไว้ก็คือวัฒนธรรมแบบแยงกี้ บาร์เบีย / เมียเช่า / อะโกโก้ โชว์ลามก นั่นคือจุดเปลี่ยนทางวัฒนธรรมครั้งใหญ่ของไทย จากเดิมสังคมวัฒนธรรมไทย ที่ผู้หญิงขี้อายรักษักดิ์ศรี ก็กลายเป็นผู้หญิงไทยโดนหมิ่นเกียรติเยอะมากเวลาไปต่างประเทศ เราอาจกลายเป็น สมรภูมิแห่งความขัดแย้งในภูมิภาค เราอาจกลายเป็นแบบยูโกสลาเวีย หรือ เนปาล ยูเครน โมเดล ต่อไปนี้คงคาดเดาลำบาก เพราะทุกอย่างก็เริ่มเข้าเค้าตามแนวทาง New World Order ของ US ไปทุกที พวกผมคงอยู่กันอีกไม่นาน ถึงตอนนั้นก็เป็นความรับผิดชอบของคนที่ออกคะแนนเสียงในวันนี้ว่าคุณต้องเลือกหนทางเดินให้ประเทศไทยให้ได้ อย่าให้อายคนรุ่นเก่าที่เขายอมเสียสละปกป้องประเทศไทยมาได้นะครับ ________ Cr: Fuangrabil Narisroj (นริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา)
    ไม่ระบุชื่อ
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ทักษิณ ผิด อะไร" อุ๋งอิ๋ง บอกไม่รู้ เอ้าจะบอกให้ 1. แก้ พรบ.สรรพสามิตโทรคมนาคม ให้เสียภาษีน้อยลง ได้ผลประโยชน์ 8,000 ล้าน 2. ลดสัมปทาน ITV ได้ผลประโยชน์ 20,000 ล้าน แถมได้สถานีโทรทัศน์ ที่เคยมีอุดมการณ์ เปลี่ยนมาทำลาย วัฒนธรรม โดยการเอาหนังเกาหลี มาฉาย และปิดสื่อความไม่ดี สร้างภาพดีๆ ให้ตัวเอง (กลุ่มชินคอร์ป ถือหุ้น itv 53%) 3. ตั้ง ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็น ผบ.ทบ. ก็ได้พี่ชายตนเองคุมทหาร 4. ตั้ง เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ เป็น รอง ผบ.ตร. ก็ได้พี่เขยตนเอง คุมตำรวจ 5. ตั้ง วาสนา เพิ่มลาภ เป็น ประธาน กกต ก็ได้ตำรวจ พวกพ้องตัวเองคุม กกต. 6. ตั้ง สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เป็น ผอ.กองสลาก ก็ได้ตำรวจ พวกพ้องตัวเองคุม กองสลาก 7. ตั้ง คงศักดิ์ วันทนา เป็น รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงมหาดไทย สามีลูกน้ำ เพื่อนรักที่ช่วยแลกเช็คให้ สมัยยังจนอยู่ก็ได้เพื่อนคุณหญิงอ้อ… มาคุมทุกเหล่า 8. กล่าวคําพูด ท้าทายพวกก่อการร้าย ในภาคใต้ว่าเป็นแค่โจรกระจอก อย่าไปใส่ใจ ทําให้เกิดความรุนแรง คนตายมากมายและหลุดปากด่า ทหารว่า “สมควรตาย” 9. ปล่อยเงินกู้ให้พม่า 4,000 ล้าน เพื่อนำมาเช่าช่องสัญญาณ IP Star ของตัวเอง ถึงกำหนด แล้วพม่ายังไม่ใช้หนี้เลย 10. เจรจาเซ็น FTA กับจีน ให้จีนนำเข้า หอม กระเทียม เข้ามาไม่เสียภาษี เกษตรกรที่ปลูกหอมปลูกกระเทียม ทางเหนือก็ตายหมด ส่วนไทยได้ ขายธุรกิจช่อง สัญญาณดาวเทียม IP Star 11. เจรจาเซ็น FTA กับออสเตรเลีย ให้นำเข้า นม ไวน์ เข้ามาไม่เสียภาษี ทำลายเหล้าไวน์พื้นบ้าน OTOP ทำลายนมพระราชดำริ ส่วนไทยได้ ขายธุรกิจช่องสัญญาณ IP Star 12. ในเดือนพฤศจิกายน 2546 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีมติส่งเสริมการลงทุน โครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ของ ชินแซทเทิลไลท์ โดยให้การยกเว้น ภาษีเงินได้นิติบุคคลเฉพาะรายได้ ที่ได้รับจากต่างประเทศ ทั้ง ๆที่ เป็นกิจการที่ลงทุนเดิมอยู่แล้วไม่รู้ ไปยกเว้นภาษีทำไม บริษัทจึงได้รับ การยกเว้นภาษีเงินได้อีก 16,459 ล้านบาทต่อปี 13. แปรรูปขายหุ้น ปตท วันแรกเปิด ขายหุ้นหมดภายใน 1 นาที 17 วินาที ตระกูลใครละที่ได้ซื้อหุ้นไปหลังจาก แปรรูป น้ำมันก็แพงขึ้นทุกวัน ให้ กองทุนน้ำมันของคนไทยขาดทุน กว่า 70,000 ล้านบาท แต่ ปตท ได้กำไรปี 2548 จำนวน 160,000 ล้านบาท แล้วกำไร แทนที่จะเป็นของรัฐก็กลายเป็น กำไรของตระกูลพวกถือหุ้น 14. ซุกหุ้นภาคแรกให้เมียตัวเอง ขึ้นศาลรับผิด ซุกหุ้นภาค 2 ให้ลูกชายตัวเองขึ้นศาลรับผิด ไหนบอกว่ารักครอบครัวไง 15. บริษัทของลูกท่านได้เงินกู้ 5,000 ล้าน จาก ICT ดอกเบี้ย 0% ไม่กำหนดเวลาชำระคืนแถม ได้รับการเว้นภาษีจาก บีโอไอ อีกทำสวนสนุกได้รับการเว้นภาษี 16. ได้รับสัมปทานสื่อโฆษณา ที่รถไฟใต้ดิน โดยที่ไม่ได้รับ การเปิดประมูลเพื่อแข่งขันกับ บริษัทอื่น 17. ทักษิณ สั่ง รมต. กลางวง ครม. ลดค่าเช่าพื้นที่ย่าน สยามสแควร์ เปิดทางลูก-หลาน เปิด สตูดิโอ – ร้านกาแฟ อ้างค่าเช่าแพงเกินจริง 18. ลดเงินค่ารถไฟฟ้า-ใต้ดิน พอดี กับงานสวนสนุกธุรกิจของลูกๆ สอดคล้องสนับสนุนกันพอดี บังเอิญจริงๆ 19. ทักษิณพูดว่า”จังหวัดไหนเลือก ไทยรักไทย จะให้ความดูแลก่อน” น้ำท่วมภาคใต้ 5 วันแล้ว แต่ทักษิณ ไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ไปกิน ก๋วยเตี๋ยวสร้างภาพ ไปเดินตลาด หาเสียง ทั้งๆที่มี สส อยู่เต็ม สภาแล้วแต่ที่ต้องลงใต้ไปดู น้ำท่วมวันศุกร์เช้า เนื่องจาก กลัวสนธิพูดตอนเย็นในรายการ เมืองไทยรายสัปดาห์ 20. การที่มีพวกพ้องตัวเองเป็น กกต. จึงเปลี่ยนรูปแบบการ เลือกตั้งให้สามารถโกงการ เลือกตั้งเพิ่มขึ้นได้อีก 2 วิธี 20.1 ปั๊มตรายางอีกชุดรอ เวลาเปลี่ยนกล่องบัตรได้ ทุกเวลา 20.2 หมึกมีแบบล่องหน และ แบบโผล่ขึ้นมาได้ (ในทางเคมี สามารถทำได้) 21. ปิดข่าวเรื่องไข้หวัดนก ทําให้ชาวบ้านที่ไม่ทราบ ต้องตายแล้วยังไปแสดงการ กินไก่ไปหัวเราะไป เพื่อ ซีพี. นายทุนพรรคเท่านั้น 22. ทําให้เกิดการฆ่า ตัดตอนประชาชนผู้บริสุทธิ์ กว่า 2000 คน จากการปราบ ยาบ้าสั่งฆ่าคนได้หน้าตาเฉย โหดร้ายทารุณ 23. ซุกหุ้นปั่นหุ้น ซุกซ่อน ทรัพย์สินไว้กับญาติพี่น้อง เอาเงินไปฟอกต่างประเทศ เอาเปรียบใน การทําธุรกิจ ผูกขาด ทั้งรับทั้งจ่ายใต้โต๊ะจนคน ในวงการธุรกิจ เขารู้กันหมด ค้ากำไรเกินควร จนรํ่ารวย มหาศาล 24. โกงที่ดินวัดของสนาม กอล์ฟอัลไพน์มีคนโกงที่ดิน ธรณีสงฆ์เอามาทำสนามกอล์ฟ แล้วทักษิณไปซื้อต่อทั้งๆ รู้ว่า ที่ดินนั้นได้มา ไม่ถูกต้องเพราะ ไม่กลัวบาปกรรม 25. ประชาชนเสียรู้ทักษิณ เรียนฟรี 12 ปี นโยบายรัฐ ที่เปิดช่องให้โรงเรียนนำ ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นมาเพิ่ม แทนค่าเทอม นั่นแหละ สุดท้ายก็ไม่ได้เรียนฟรีอยู่ดี เป็นความล้มเหลวที่เห็นได้ ชัดเจนของการปฎิรูปการ ศึกษาไทย ประชาชนจะ ถูกหลอกอีก 4 ปี เอาเข้าไป เป็นความจริงที่สุดเลย นี่คือการโกหกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เท่าที่เคยเห็นมาในโลกนี้ ซึ่งหาดูไม่ได้ที่ไหนนอกจาก ประเทศไทยที่กฎหมายบอก ว่าเรียนฟรี แต่ความจริงมี ใครบ้างที่เรียนฟรีถาม ผู้ปกครองทุกคนดูได้เลย 26. ชั่วเวลาแค่ปีเศษๆ รัฐบาล ชุดนี้ก็ทำให้สถานการณ์ภาคใต้ ที่ร่มเย็นเป็นสุขมานานหลาย สิบปี กลับร้อนระอุกลาย เป็นแดนมิคสัญญี 27. เช่าน่านฟ้า เช่าผืนแผ่นดิน ไทย ราคาเช่าช่างถูกจัง มีอะไร แอบแฝงหรือเปล่า ตนเองน่า จะรู้ดี ไหนบอกว่าแผ่นดิน ไทยจะไม่ให้หายแม้แต่ ตารางนิ้วเดียวไงใช้ อำนาจจนเลยเถิดไม่เห็น ด้วย คิดไงท่านนายก ที่ให้เช่า 15 ปี แถมมี เปลียนสัญญาได้ทุกๆ 5 ปี เหมือนทำธรุกิจเลยขอเชิญ ชาวไทยเรียกร้องอธิปไตย ชาติไทยกลับมาด้วยขอให้มี สส สว ที่ยังพอมีความเป็น ไทยที่มิใช่มีความเป็น ทรท. ช่วยกันคัดค้าน ล่ารายชื่อ ด้วยครับผมว่ามันเกี่ยวกัน หมดแหละครับ ตั้งแต่ AIS (มือถือ) ไทยคม1 ไทยคม 2 IPstar ชินคอร์ป ธนาคาร ธุรกิจ การเมือง อยู่ในมือ สิงคโปร์ทั้งหมดแล้วครับ ชัดเจน มีผลประโยชน์ทับซ้อน แหง๋ ไม่งั้นไม่งุบงิบกันทำหรอก อย่านึกว่าประชาชนโง่นะคุณ ยุคทักษิณคือ ยุคของเงิน เหนือรัฐ ยุคตำรวจรังแก ประชาชน ยุคทหารฆ่าล้าง เผ่าพันธุ์ ยุคความรุนแรง อยู่เหนือเหตุผล 28. ฉลาด อย่างตัวจับยาก เอาเงินหลวงไปหว่านให้ราก หญ้าแล้ว ผ่านกระเป๋ารากหญ้า แบบเคาะกะลาให้หมาดีใจ ผ่านธุรกิจมือถือเข้ากระเป๋ามันเอง 29. ยุบสภาหนีความผิด เนื่องจาก นายกองค์การนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ล่า 50,000 รายชื่อ เพื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรีออก จากตำแหน่ง 30. ยุบสภาได้ยังไงไม่ได้มีปัญหา ภายในสภาสักหน่อย อภิปราย ไม่ไว้วางใจก็ไม่ได้ ฝ่ายค้านมี ไม่พอ 31. วันที่ประกาศยุบสภา ประกาศพร้อมกันว่าให้ไป เลือกตั้งวันที่ 2 เมษา ได้ยังไง รู้ได้ยังไง ไหนว่า กกต. เป็นกลางไง 32. คุณหญิงพจมาน อยากมี สมเด็จพระสังฆราชประจำ ตระกูลตัวเอง จึงให้ นายวิษณุ เครืองา ลงนาม แต่งตั้ง สมเด็จพระพุฒาจารย์ เกี่ยว อุปเสโณ วัดสระเกศ ขึ้นปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จ พระสังฆราช เมื่อ วันที่ 13 มีนาคม 2547 เสมอกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกล มหาสังฆปรินายก ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนา อ้างว่า สมเด็จญาณฯ ทรงประชวร ไม่สามารถประกอบศาสนกิจได้ ทั้งๆที่มี VDO วันที่ 13 มีนาคม 2547 สมเด็จพระสังฆราช พระราชทานรางวัลให้กับเด็ก นักเรียนที่ได้รับทุนของ มหามกุฏราชวิทยาลัยในการ ประกวดเรียงความเรื่อง สมเด็จพระสังฆราช 90 พรรษา 33. คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่า สตง. ตรวจเจอการทุจริต ของรัฐบาลหลายเรื่อง ล่าสุด ตรวจสอบเจอการทุจริต CTX ทางรัฐบาลจึงอ้างว่ากระบวน การสรรหา คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าการ สตง.) มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ (ทั้งๆที่ ได้รับการแต่งตั้งจากพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) คุณหญิงปิดห้องทำงานแล้ว ยังไปงัดห้องคุณหญิง คิดจะ หาหลักฐานทุจริตที่ห้อง คุณหญิง ต่อมาคนดีอย่าง คุณหญิงก็ได้กลับมาทำงาน เหมือนเดิม 34. จัดซื้อเครื่องบินรบ ซู30 ตั้งงบประมาณไว้ 35,000 ล้าน ทั้งที่รัสเซียบอกว่าขายแค่ 20,000 ล้าน กะจะกินตั้ง 15,000 ล้าน เครื่องบิน เป็นแบบบินระยะไกล เสียค่าซ่อมเยอะ (ไทยนี้รักสงบ) เราเป็นพวกบุกรุก หรือ ตั้งรับ ถ้าเราเป็นฝ่ายตั้งรับ แล้วจะ ซื้อเครื่องบินระยะไกลทำไม ให้ช่างทหารอากาศเลือกซื้อ ทำไมไม่ให้นักบินเป็นคนเลือก เพราะฝ่ายช่างอยู่ในความ ดูแลของ คงศักดิ์ วัณทนา สามีของเพื่อน คุณหญิงพจมาน… 35. ก่อนขายหุ้นบอกว่าจะ ไปพักผ่อนที่สิงคโปร์ 4 วัน เดินเล่นที่สิงคโปร์ไปเดิน ครึ่งวัน อย่างมากก็วันเดียว ก็ไม่รู้จะไปเดิน ที่ไหนแล้ว นี่ไปถึง 4 วันเจรจาขายหุ้น แต่โกหกประชาชนคนไทย ว่าจะไปพักผ่อน บอก ตรงๆก็ได้ 36. จัดซื้อ CTX ราคา ระหว่าง บทม.และใบแจ้งราคาสินค้า ของบริษัท อินวิชั่นฯ เป็นเงินประมาณ 283,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 11.30 ล้านบาทต่อเครื่อง หากคิดรวม 26 เครื่อง เป็นเงิน 7.36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 294.4 ล้านบาท ซึ่ง “ส่วนต่าง”ราคานี้ถูกนำไป ใช้บันทึกซ้ำซ้อน โดยอ้างว่า เป็นอุปกรณ์ที่ต้องการซื้อ เพิ่มเติม ทั้งที่รวมอยู่ในราคา 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือ ประมาณ 1,432 ล้านบาท กะจะกิน1,432 ล้าน – 294.4 ล้าน = ? 37. ร่วมทุนชินคอร์ปกับมาเลเซีย เปิดธุรกิจสายการบิน Low Cost แล้วสั่งยกเลิกเที่ยวบินการบินไทย ที่ได้กำไร แล้วเอาสายการบิน ของตัวเองไปบินทับที่แทน ทำให้การบินไทยซึ่ง เป็น สายการบินของคนไทยขาดทุน แล้วทำหนังสือถึงหน่วยงาน ราชการว่านอกจากการบินไทย แล้ว สามารถใช้งบหลวงเบิก ค่านั่งเครื่องบิน Low Cost ได้ด้วย แล้วยังขายหุ้น Low Cost ให้สิงคโปร์อีก ทำให้ Low Cost ที่มีเที่ยวบินที่กำไรดีที่สุด (แย่ง จากการบินไทย) เป็นเที่ยวบินของ มาเลเซีย+สิงคโปร์ (ขายชาติ) 38. โทรศัพท์เครื่องที่ระบบ 1900 “ไทยโมบาย” ของ ทีโอที มันให้ ทีโอทีตั้งเสาเฉพาะใน กทม. ส่วนในต่างจังหวัด มันไม่ยอมให้ ตั้งเสาทั้งๆที่ ทีโอทีมีที่ดินอยู่ มากมายในต่างจังหวัด มันสั่ง ให้ ระบบ 1900 ของทีโอที ในต่างจังหวัดใช้เสาสัญญาณ ของAISโดยโทร 3 บาท ทีโอที ต้องจ่ายให้ AIS 2 บาท ทีโอที ได้ 1 บาท ..สุดยอดไหมละ 39. ปี 2535 – วิ่งเต้นจนได้ รับสัมปทานดาวเทียมไทยคม โดยการสนับสนุนอย่างดีจาก รัฐบาลเผด็จ การ รสช. โดย อิงความสัมพันธ์ที่สนิทแนบ แน่นกับ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ซึ่งก็ชดใช้บุญคุณมาจนถึงสนับ สนุน 2 คนสนิทของท่านให้ได้ดี ในยุคนี้คือ พล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันท์ ได้เป็นรมว.กลาโหม และ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาสรานนท์ ได้เป็นผบ.สูงสุด 40. การพูดจาบจ้วงดูหมิ่น สถาบันเบื้องสูง( .112 ) 40.1. สำนัก ราชเลขาฯ ขอให้ รัฐบาลพิจารณาเครื่องบิน ราชพาหนะลำใหม่.. แทนลำเก่า ที่ ชำรุดมากแล้ว …..ทักษิณ อ้างว่า ไม่มีงบประมาณ แต่สุดท้าย ซื้อเครื่องบินไทยคู่ฟ้า ให้ตนเองและครอบครัวนั่งก่อน.. จาก ข่าวที่น้องสาว ทักษิณใช้ เครื่องบินไปฉลองวันเกิดที่ เชียงใหม่…… ถ้ารู้แบบนี้เแล้ว.. ยังคิดว่าพ่อทำเพื่อชาติอีกไหม? @Lung gard
    ไม่ระบุชื่อ
     •  8 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    อดีตสาวมุสลิม เปลี่ยนมานับถีอพุทธอย่างเข้าถึง จากเฟสsunthorn utaithum พุทธศาสนาไม่ใช่เทวนิยม แต่เป็นอะไรที่มีคุณค่ากว่านั้น" - เอลยานี ยูซุฟ, พุทธศาสนิกชนชาวเลบานอน (Buddhism is Not a Religion—It’s Something Much Better.) Elyane Youssef , a Lebanese Buddhist. ฉันถูกวิจารณ์เยอะเลย พอบอกว่าตัวเองเป็นชาวพุทธ มาฟังเหตุผลว่าทำไมพุทธศาสนาไม่ใช่เทวนิยมกันค่ะ คนทั่วไปมักเข้าใจว่าพุทธศาสนาก็เหมือนเทวนิยมอื่นๆ แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ ฉันเองก็เคยเข้าใจแบบนั้น ก่อนที่จะได้รู้จักจนได้ศึกษา อย่างแรกเลย คำว่า "Religion" ด้วยรากศัพท์แล้วหมายถึง "ระบบความเชื่อที่เน้นศรัทธาและการบูชาต่อพระผู้เป็นเจ้า" หลังจากที่ฉันได้มีโอกาสเดินทางไปที่อินเดียและเนปาล และได้มีโอกาศเที่ยวชมพุทธสถานต่างๆ ฉันได้สังเกตเห็น ว่าพุทธศาสนาไม่ใช่ระบบความเชื่อดังกล่าว ที่เน้นศรัทธาและการบูชาต่อพระผู้เป็นเจ้า ชาวพุทธไม่ได้เชื่อว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้ช่วยให้รอดที่มีอำนาจบันดาลดีร้ายได้ เป็นเพียงมนุษย์เหมือนอย่างเราท่าน คือเป็นครูผู้ชี้เหตุและทางแห่งการพ้นทุกข์ก็เท่านั้น แม้พระองค์จะเป็นผู้ทรงคุณด้วยเหตุเป็นผู้ชี้ทางให้สรรพสัตว์พ้นจากการเวียนว่ายในสังสารวัฏ แต่ก็ไม่ทรงปรารถนาให้ใครมาบูชาหรืออ้อนวอนต่อพระองค์ สิ่งเดียวที่ทรงเน้นย้ำก็คือ การได้พิจารณาคำสอนของพระองค์ก่อน ซึ่งถ้าเห็นด้วยปัญญาของตนแล้วว่าเป็นกุศล คือปฏิบัติตามแล้วเกิดเป็นความสุขความเจริญ ก็ให้น้อมนำไปประพฤติปฏิบัติ แต่ถ้าเห็นว่าไม่ใช่ ก็ไม่มีการบังคับขู่เข็ญใดๆให้ต้องมาเชื่อ ฉันได้เห็นพิธีกรรมต่างๆมากมายตามวัดและสำนักสงฆ์ต่างๆ แต่พิธีกรรมเหล่านั้นไม่ใช่เพื่อการสวดอ้อนวอนร้องขออำนาจดลบันดาลใดๆ แต่เป็นการแสดงการบูชา คือแสดงความเคารพและสำนึกคุณต่อผู้ที่ได้ชี้ให้เห็นสัจธรรมความเป็นจริงของชีวิตก็เท่านั้น ซึ่งในบทบูชาเอง ก็ล้วนเป็นการกล่าวถึงความรัก ความเมตตา ที่ทรงมีต่อสรรพสัตว์โดยไม่มีที่สุดไม่มีประมาณทั้งสิ้น และเมื่อยิ่งมองลึกลงไป พุทธศาสนาไม่มีผู้นำสูงสุด ไม่มีศาสนจักรที่จะมามีอำนาจชี้นำ หรือชี้เป็นชี้ตายในชะตากรรมของใครได้ งั้นถ้าพุทธศาสนาไม่ใช่เทวนิยม แล้วพุทธศาสนาคืออะไร? สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ก็คือ พุทธศาสนาเป็นหลักในการดำเนินชีวิตรูปแบบหนึ่งเพียงเท่านั้น เป็นปรัชญาที่บอกความจริงของชีวิตตามที่มันเป็นจริง ฉันยอมรับ และก็ไม่อายที่จะบอกด้วยว่า พุทธศาสนาสอนให้ฉันเข้าใจรากเหง้าตัวเอง คือระบบความเชื่อซึ่งฉันได้เติบโตมา รวมถึงระบบความเชื่อต่างๆที่มีอยู่บนโลกใบนี้ ก่อนฉันจะได้รู้จักพุทธศาสนา คัมภีร์ของศาสนาเดิมของฉันเป็นอะไรที่ไม่ต่างกับตำราเรียนภาษาจีนเล่มใหญ่เลย ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องสวดอ้อนวอน ต้องทำนั่นทำนี่ แบบนั้นแบบนี้ หรือต้องเชื่อในสิ่งที่ผู้นำศาสนาบอก โดยไม่อาจสงสัยหรือตั้งคำถามได้ ก่อนหันมานับถือพุทธ ฉันจึงเหมือนถือศาสนาตามบรรพบุรุษไป เขาบอกให้สวดอ้อนวอนพระเจ้าก็สวดไป หวังพึ่งพาแต่กับอำนาจภายนอก โดยไม่เคยหันมาพิจารณาจิตใจของตัวเองซึ่งอยู่ข้างใน และนั่นเองที่เป็นสาเหตุให้ฉันไม่เคยเข้าใจตัวเองเลย พุทธศาสนาสอนให้ฉันพิจารณาตนเองจากภายใน สอนอิสรภาพของจิตและการรู้ตัวอยู่เสมอ พุทธศาสนาทำให้ฉันเข้าใจโลกรอบตัวเอง ฉันเริ่มตระหนักว่าอะไรที่ฉันเองเป็นผู้กระทำ ย่อมส่งผลย้อนกลับมาหาตัวเองเสมอ ไม่ทางกาย ก็ทางความคิด หรือทางอารมณ์ ไม่ได้เกิดจากอำนาจการดลบันดาลจากพระเจ้าที่ไร้ตัวตนเลย พุทธศาสนาสอนฉันให้เข้าใจว่า พระเจ้าไม่ได้เป็นผู้ตัดสินที่จ้องมองฉันมาจากที่ไหนสักแห่ง ความเชื่อมโยงผูกพันระหว่างฉันกับพระเจ้ามันได้จบสิ้นลงไปแล้ว ทุกอย่างไม่ได้มาจากภายนอก ทุกอย่างล้วนเกิดจากข้างใน คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ แล้วการได้ศึกษาและปฏิบัติตามหลักธรรมในทางพุทธศาสนาดีอย่างไร? ทุกคนไม่อาจเชื่อเหมือนกันฉันรู้ มันจึงไม่ผิดถ้าฉันจะเปิดใจ สงสัย หรือขบคิดในสิ่งต่างๆรอบตัว อันเป็นการเปิดโลกทัศน์ของคนเราให้กว้างไกลออกไป พุทธศาสนาไม่เคยสอนให้ฉันต้องศรัทธาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ไม่สนว่าฉันเป็นใครมาจากไหน หรือเคยนับถืออะไรมา พุทธศาสนาสนแค่ว่า อะไรคือสัจธรรมความจริง และหนึ่งในสัจธรรมนั้นก็คือ "สรรพสิ่งล้วนมีความแปรเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา" พุทธศาสนามิได้เล็งเห็นประโยชน์จากการที่มีคนหันมานับถือมากขึ้น แต่ประโยชน์ย่อมเกิดขึ้นกับตัวผู้ที่น้อมนำหลักธรรมในทางพุทธศาสนาไปยึดถือและปฏิบัติเองนั่นต่างหากที่คือเป้าหมายของพุทธศาสนา คือการเข้าใจชีวิต เข้าใจโลก และเข้าใจตนเอง I get plenty of comments when I say that I am a practicing Buddhist. Here’s why Buddhism is not a religion. Although Buddhism is known worldwide as a religion, for me it is not. Frankly, I used to perceive it as one, before knowing anything about it and delving into its culture. To start off, the word religion means “a system of faith and worship” and “the belief in a superhuman, or god with power.” After visiting India and Nepal, and observing the Buddhist complex, I came to notice that Buddhism is neither a system of faith, nor a god-based institution. Buddhists do not consider the Buddha as a supreme god. For them, he is a man like any other man who’s walked on the earth. Nevertheless, Buddha untangled the reasons of suffering and offered us a concrete way of getting out of them. And although he did offer the world teachings about how to get unstuck from samsara, he insisted that he wanted no worship nor praying. All he asked for is that we must examine his teachings first, and if they do resonate with us, then we practice them. If not, however, we have the utter freedom to leave them. Although I have watched rituals and ceremonies being held at monasteries, I’ve been told that they’re not in any way worship-based. The so-called “worship” that we might see is one that is offered as a way of showing respect and thankfulness to the man who exhibited the truth. Even the prayers that we hear are ones that read compassion, kindness and love to all sentient beings, without any exception. If we look more closely at Buddhism, we can even ascertain that there is no leader in the culture. It insists that there is no authority in Buddhism with the power to decide who is a true Buddhist and who is not, or who is punishable and who is not. If Buddhism isn’t a religion, what is it then? The way I see it, Buddhism is a way of life—it’s a philosophy and a truth that simply represents how things are in life. I must admit (and I’m not ashamed to claim it) that Buddhism has helped me understand the religion I was brought up with, as well as all the other religions in the world. Before being introduced to Buddhism, “holy books” were on par with the Chinese language to me. I couldn’t understand why I was supposed to pray, to attend religious ceremonies or to follow a spiritual leader, without true conviction or belief for what they’re saying. Before Buddhism, I was co-dependent on “God.” I constantly searched outside of myself, and I believe this is why I never found myself. Buddhism helped me look inward. It taught me independence and self-awareness. Through it, I began to understand how the world ticks. It helped me look at myself and take responsibility for my actions, thoughts and emotions, rather than taking refuge in a supreme god. With Buddhism, I came to finally understand that God isn’t a judgmental man who lives in the clouds. I stopped this duality between God and myself. It is not something that is outside of us or something we cannot reach—it is in us. So you might ponder the question—why is it worth looking into Buddhism or practicing it? I utterly believe to each their own—however, I also believe that it is never wrong to live with an open heart and an open mind which expands our knowledge and raises questions in our heads. Unlike other religions, Buddhism doesn’t tell its followers to stick only to its teachings. Buddhists don’t care where you’re from, what you believe in or who you worship. All they care about is that you know the truth—and the truth is: “All compounded things are impermanent.” It’s worth understanding Buddhism, because the final outcome of its purpose is not something that is beneficial to itself—the benefits are for our own sake. The benefit is that we will actually understand the truth of life, our existence and ourselves.
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ของเวฟ 7-Eleven กินมาก ๆ เป็นมะเร็ง
    มีพี่ที่ทำงานด้วยกันแกต้องมาทำงานเช้าแล้วก็ไม่ค่อยมีเวลาไปซื้อข้าวตามร้านอะ ก็เลยซื้อกินข้าวกล่องที่เซเว่นทุกวันกินทุกวันเลยด้วย ปรากฏว่าพี่คนนั้นไปหาหมอ หมอก็บอกว่าเป็นมะเร็งเพราะกินข้าวกล่อง(แบบเวฟ)ทุกวันเลย แล้วพี่สาวเรามันก็บอกว่า เอออย่ากินบ่อยนะ กินตามร้านดีกว่า พี่เราก็แบบเตือนๆ
    Jimmy Phonlakrit
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    เหนือ​จีนคือยิว เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงของหญิงชาวจีนเชื้อสายยิวท่านหนึ่ง ในปี 1992 ตอนที่ฉันตัดสินใจย้ายจากเมืองจีนไปปักฐานใหม่ยังอิสราเอล ลูกชายคนโตอายุ 13 ลูกชายคนที่สองอายุ 12 ส่วนลูกสาวคนเล็ก 10 ขวบ ฉันให้ลูกๆอยู่เมืองจีนไปก่อน ที่ตัดสินใจย้ายไปอิสราเอลในตอนนั้น ก็เพราะทนอยู่ในสภาพเดิมๆไม่ได้แล้ว พ่อของฉันเป็นชาวยิวขนานแท้ ย้ายหนีสงครามโลกครั้งที่ 2 มาอยู่เมืองจีน แต่งงานกับแม่ฉันซึ่งเป็นหญิงจีน หลังฉันเกิดไม่นาน แม่ก็ทิ้งพวกเราสองพ่อลูกไป พ่อฉันเสียตอนฉันอายุ 12 ฉันกลายเป็นเด็กกำพร้าเต็มตัว พอโตขึ้น ฉันได้ทำงานในโรงงานถลุงเหล็ก หลังแต่งงานก็มีลูก 3 คน แต่แล้วสามีก็ทิ้งพวกเราไป มันเป็นความทรงจำที่เต็มไปด้วยความขมขื่น พอดีเป็นช่วงเวลาที่จีนกับอิสราเอลเปิดสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศขึ้นมา ด้วยจิตใจที่อยากหนีให้พ้นๆจากดินแดนแห่งความทุกข์ใจ ฉันเลยกลายเป็นพวกอพยพกลุ่มแรกที่ขอย้ายจากจีนไปอยู่อิสราเอล ตอนถึงอิสราเอลใหม่ๆ ความเป็นอยู่ยากลำบากกว่าอยู่ในเมืองจีนเสียอีก ฉันไม่เข้าใจภาษาฮีบรูยุคใหม่ของอิสราเอลเลย (ภาษาฮีบรูแบบโบราณที่พ่อเคยสอนฉันไว้บ้าง เขาเลิกใช้กันแล้ว) ท่ามกลางหมู่คนที่ฉันไม่รู้จักใครเลย แถมยังเป็นบ้านเมืองที่ฉันไม่คุ้นเคย เลยไม่ทราบว่าจะเริ่มทำมาหากินอะไร เงินที่พกติดตัวไปจากเซี่ยงไฮ้คงพอยาไส้ได้สักสามเดือน แต่ฉันมุ่งมั่นว่าต้องหาวิธีอยู่ให้รอด และจะต้องรับลูกๆมาอยู่กับฉันให้ได้ ฉันเริ่มเรียนภาษาเพื่อสื่อสารให้รู้เรื่อง แล้วฉันก็ตัดสินใจตั้งแผงริมถนนขายเปาะเปี๊ยะทอดยึดเป็นอาชีพไว้ก่อน วันๆจะมีกำไรสิบกว่าซิเกิล (หนึ่งซิเกิลเท่ากับเก้าบาทไทยโดยประมาณ) พอการค้าเล็กๆน้อยๆของฉันพอจะพึ่งพาได้ เดือนพฤษภาคมปี 1993 ฉันรับลูกทั้งสามคนมาอยู่ด้วยกันที่อิสราเอล ตอนอยู่ที่เมืองจีน แม้จะลำบากแค่ไหนก็ตาม แต่ฉันไม่เคยให้ลูกๆต้องลำบากด้วย พอมาอยู่ที่นี่ ฉันก็ยังคงเลี้ยงลูกในแบบเดิมๆ ซึ่งมันก็คงไม่ต่างจากคนจีนทั่วไป ทุกวันหลังลูกๆ ไปโรงเรียน ฉันกขายปอเปียะไป พอตกบ่ายเลิกเรียน พวกเขาก็จะมาหาฉันที่แผง ฉันก็จะเก็บร้านเลิกขาย แล้วเริ่มหุงหาอาหารมื้อเย็นให้ลูกๆได้กินกัน มีอยู่วันหนึ่ง ตอนที่กำลังเตรียมปรุงบะหมี่ให้ลูกๆ เพื่อนบ้านคนหนึ่งเดินมาหาพวกเรา แล้วก็ชี้หน้าลูกชายคนโตพร้อมตำหนิว่า "แกเป็นเด็กโตแล้ว ทำไมไม่ช่วยแม่ทำงานทำการบ้าง อย่าทำตัวเหมือนขยะไร้ค่า" แล้วเธอก็หันมาต่อว่าฉัน "อย่าเอารูปแบบผิดๆที่พกพาจากเมืองจีนมาเผยแพร่ที่นี่ อย่าคิดว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่เป็นความรักที่ถูกต้อง" คำพูดของเธอทำพวกเราตกใจมาก เป็นการทำร้ายจิตใจที่ดูโหดร้าย พวกเรารู้สึกแย่เอามากๆ เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันได้แต่ปลอบลูกชายคนโตว่า "ไม่เป็นไรนะลูก แม่ทนได้ แม่รับไหว แม่มีความสุขที่ได้ดูแลลูกๆทุกคน ขอให้ตั้งใจเรียนหนังสือให้ดีที่สุดก็พอแล้ว” "แต่ว่า...." ลูกชายคนโตพูดอย่างครุ่นคิด "คุณน้าคนนั้นอาจจะพูดถูก ผมคิดว่า ผมน่าจะช่วยแบ่งเบาภาระให้แม่ได้บ้าง" วันถัดมาเป็นวันที่ชาวบ้านไปโบสถ์กัน โรงเรียนเลิกเรียนตอนเที่ยง พอพวกเขามาถึงแผงขายของ ลูกชายคนโตมายืนข้างฉัน แล้วหยิบเอาแผ่นแป้งห่อเปาะเปี๊ยะใส่ไส้แล้วม้วนให้เรียบร้อย นำลงทอดในกระทะจนสุก แม้จะยังดูไม่คล่องแคล่วนัก แต่ความชำนาญก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นในชิ้นต่อๆไป การเปลี่ยนแปลงของลูกชายคนโตเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อน นอกจากจะช่วยงานที่แผงขายของแล้ว เขายังเสนอว่าให้พวกเขาเอาเปาะเปี๊ยะทอดไปขายให้เพื่อนๆที่โรงเรียน พวกเขาเอาไปคนละ 20 ชิ้น พอเลิกเรียนกลับมา ทุกคนเอาเงิน 10 ซิเกิลมาให้ฉัน บอกตรงๆ ฉันรู้สึกสะเทือนใจมาก ปล่อยให้ลูกๆที่อายุยังน้อยต้องมาช่วยแบกภาระเรื่องทำมาหากิน แต่ว่าการแสดงออกของพวกเขาไม่ได้บ่งบอกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจเลย พวกเขากลับบอกว่ารู้สึกมีความสุขและความภูมิใจกับการรู้จักหาเงินหาทองได้ตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อนบ้านมักจะแวะมาคุยกับฉันบ่อยๆ บอกเล่าถึงวิธีที่ชาวยิวเลี้ยงลูกหลานกันอย่างไร ต้องให้การศึกษาแก่พวกเขาอย่างไร ชาวยิวจะคิดว่า การหาเงินไม่จำเป็นต้องรอตอนโตแล้ว มันช่างแตกต่างจากคนจีนที่มักคิดว่า "ตอนเป็นเด็กมีหน้าที่ศึกษาหาความรู้อย่างเดียว" แต่ชาวยิวคิดว่า "ตอนเป็นเด็กก็ต้องเริ่มศึกษาวิธีหาเงินหาทองกันแล้ว" เพื่อนบ้านบอกฉันว่า ในครอบครัวชาวยิว ไม่มีอาหารฟรี ไม่มีบริการฟรี ทุกอย่างต้องตีค่าเป็นเงิน เด็กทุกคนต้องศึกษาวิธีการหาเงิน เพื่อจะให้ได้มาในสิ่งที่ตนอยากได้ ฉันรู้สึกว่าวิธีการนี้ดูโหดร้ายเกินไป ยอมรับไม่ค่อยได้ แต่ว่า จากสิ่งแวดล้อมต่างๆรอบตัวพวกเรา เด็กๆถูกซึมซับให้ยอมรับความคิดแบบนี้ได้ง่ายกว่าฉันมากมาย ในที่สุด ฉันตัดสินใจเปลี่ยนแปลงรูปแบบที่ฉันเคยดูแลพวกเขา ลองให้พวกเขาปรับเปลี่ยนไปในลักษณะชาวยิวเต็มตัว เราเริ่มจากทุกอย่างในบ้านก่อน ของทุกอย่างในบ้านตีเป็นมูลค่าหมด รวมค่าอาหารและบริการต่างๆที่แม่คนนี้ทำให้ลูกๆ ทุกคนต้องจ่ายค่าอาหาร 100 อาโกรอทต่อมื้อ (100 อาโกรอทเท่ากับ ซิเกิล) ซักเสื้อผ้าครั้งละ 50 อาโกรอท แต่ฉันก็หาโอกาสให้พวกเขามีทางทำมาหากิน ฉันขายเปาะเปี๊ยะทอดให้พวกเขาในราคาขายส่ง ชิ้นละ 30 อาโกรอท แล้วให้พวกเขาไปตั้งราคาขายกันเอง กำไรเป็นของพวกเขา วันแรกที่กลับจากโรงเรียน ถึงจะรู้ว่าทั้งสามคนล้วนมีวิธีการขายที่ไม่เหมือนกันเลย ลูกสาวคนเล็กซื่อหน่อย ขายให้เพื่อนๆในราคา 50 อาโกรอทต่อชิ้น ได้กำไรมาทั้งสิ้น 400 อาโกรอท คนที่สองใช้วิธีขายส่ง เขาขายทั้งหมดให้โรงอาหารของโรงเรียน ราคา 40 อาโกรอทต่อชิ้น ได้กำไรมาแค่ 200 อาโกรอท แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ โรงอาหารสั่งให้เขาไปส่งทุกวัน วันละ 100 ชิ้น ส่วนลูกคนโตคิดนอกกรอบกว่าคนอื่น เขาจัดรายการสัมมนาในหัวข้อเรื่อง "มารู้จักประเทศจีนกันหน่อย" เขาเป็นผู้ดำเนินรายการเอง จุดดึงดูดอีกอย่างของงานก็คือ ทุกๆคนที่เข้าร่วมจะได้ลิ้มรสเปาะเปี๊ยะทอดแบบจีน โดยเขาเก็บค่าผ่านประตูคนละ 10 อาโกรอท เปาะเปี๊ยะทอดทุกชิ้นถูกหั่นเป็นสิบชิ้นเล็ก มีผู้เข้าร่วม 200 คนเต็มความจุ เก็บค่าผ่านประตูได้ 2000 อาโกรอท หลังหักค่าสถานที่ให้โรงเรียนไป 500 อาโกรอท เขายังเหลือกำไรสุทธิ 1500 อาโกรอท นอกจากวิธีการของลูกสาวที่อยู่ในความคาดคะเนของฉันแล้ว ต้องยอมรับว่าลีลาของลูกชายทั้งสองอยู่เหนือจินตนาการของฉันจริงๆ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ในช่วงเวลาสั้นๆนั้น พวกเขาเปลี่ยนแปลงจากเด็กที่ทำอะไรไม่เป็น กลับกลายเป็นเด็กที่มีความคิดในลักษณะพ่อค้าเต็มตัว รู้คุณค่าของเงิน และมุ่งมั่นจะหาเงินให้มากยิ่งขึ้นในรูปแบบที่ถูกต้อง แต่การเรียนของพวกเขาก็ไม่ได้รับการกระทบกระเทือนเลย ลูกชายคนโตได้มีโอกาสเรียนเกี่ยวกับกฏหมายของพวกผู้อพยพเข้าเมือง เขาบอกฉันว่า ครอบครัวที่อพยพเข้ามาในอิสราเอลอย่างบ้านเรา มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะเท็จหรือมันจะจริง แต่ก็ลองไปติดต่อทางการดู สุดท้ายก็ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเป็นเงิน 6000 ซิเกิล นี่เป็นเงินจำนวนไม่น้อยสำหรับครอบครัวเรา ลูกชายคนโตบอกฉันว่า เงินจำนวนนี้ได้มาเพราะคำแนะนำของเขาแท้ๆ เขาควรได้รับส่วนแบ่ง 10% ฉันตรึกตรองอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจแบ่งให้เขาไป 600 ซิเกิล หลังได้รับเงิน เขาซื้อของขวัญชิ้นงามให้ฉันและน้องๆคนละชิ้น เงินที่เหลือ เขาบอกว่าจะเอาไปต่อทุนเพื่อหาเงินให้ได้มากยิ่งๆขึ้น เขาใช้เงินจำนวนนั้นไปสั่งซื้อเครื่องเขียนจากเมืองจีนส่งผ่านมาให้ทางไปรษณีย์ ราคาเครื่องเขียนที่จีนถูกกว่าของอิสราเอลมากมาย เขานำมาขายให้เพื่อนๆในโรงเรียน พอได้กำไร เขาก็ยังเดินหน้าค้าขายต่อไป หนึ่งปีผ่านไป ตัวเลขบัญชีในธนาคารของเขาเพิ่มเป็น 2000 ซิเกิล แม้ลูกชายคนโตจะรู้จักหาเงินได้มาก แท้จริงแล้ว ลูกชายคนที่สองมีหัวการค้าแบบชาวยิวไม่แพ้พี่เขา ชาวยิวทั้งหลายมีหลักการง่ายๆว่า " ค้าขายอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องลงทุน จะมีความเสี่ยงน้อยที่สุด ทำอะไรก็ได้ที่คนอื่นยังไม่ได้เริ่มทำ จะมีโอกาสที่ดีที่สุด" ในขณะที่ลูกคนโตกำลังทำเงินกับเครื่องเขียนจากจีน ลูกคนที่สองก็ทำเงินของเขาไปอย่างเงียบๆ เขาใช้หัวคิดจากมันสมองของเขาที่ไม่ต้องลงทุนเป็นตัวเงิน เขาเขียนบทความต่างๆเกี่ยวกับเมืองเซี่ยงไฮ้จากมุมมองของเด็กอายุ 14 คนหนึ่ง เขามีคอลัมน์ประจำในหนังสือพิมพ์ เขียนอาทิตย์ละ 2 บท บทละประมาณ 1000 ตัวอักษร รายได้ตกเดือนละ 8000 อาโกรอท ส่วนลูกสาวคนเล็กนั้น จะเก็บตัวหน่อยตามภาษาเด็กผู้หญิง ไม่ได้แสดงบทบาทเรื่องหาเงินหาทองมากมายนัก แต่จากตัวเธอ ฉันสามารถรับรู้ถึงกลิ่นไอของชาวยิวที่ชอบมองชีวิตความเป็นอยู่แบบสวยงาม เธอหัดชงชาและทำขนม ทุกๆเย็น เธอจะเตรียมชาไว้กาหนึ่ง แล้วก็มีขนมจากฝีมือเธอเองไม่ซ้ำแบบ พวกเราจะได้นั่งล้อมวง ดื่มชา ทานขนมและพูดคุยกัน ขนมของเธอก็มักจะมีกลิ่นไอจากจีนปะปนอยู่ด้วย ทุกคนที่บ้านชอบกันทั้งนั้น แน่นอน มันไม่ใช่ของฟรี พี่ๆต้องจ่ายค่าขนมให้เธอ หักค่าวัตถุดิบแล้ว น้องสาวสุดท้องก็มีรายได้ที่น่าพอใจ ตอนนี้บ้านเราไม่จนแล้ว เรามีเงินเก็บพอประมาณ เลยตกลงกันว่าจะเปิดร้านอาหารจีนขึ้นมาร้านหนึ่ง ฉันถือหุ้น 40% ลูกคนโต 30% คนรอง 20% และคนเล็ก 10% ร้านของเราประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เป็นที่นิยมของเหล่านักชิมทั้งหลาย ผู้หญิงจากประเทศจีนคนนี้ก็เลยกลายเป็นคนที่ถูกสังคมจับตามองโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งฉันได้มีโอกาสเข้าพบนายกรัฐมนตรียิตซัค ราบินของอิสราเอล ฉันกลายเป็นคนโด่งดังในชั่วข้ามคืน ตอนนี้ฉันสามารถใช้ภาษาฮีบรูของอิสราเอลได้อย่างคล่องแคล่ว บวกกับฉันมีภาษาจีนเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ทำให้ฉันถูกทาบทามโดยบริษัทค้าเพชรของรัฐบาลอิสราเอล ให้ไปเป็นตัวแทนคนแรกของบริษัทประจำประเทศจีน พอฉันย้ายกลับไปอยู่ประเทศจีนอีกครั้ง ลูกๆทั้งสามก็ตามฉันไปด้วย พอเอาลูกๆไปเปรียบเทียบกับเด็กทั่วๆไปในจีน ฉันรู้สึกว่าลูกฉันจะดูโดดเด่นกว่าพวกเขาพอสมควร ก่อนจะกลับไปที่จีนเที่ยวนี้ พวกเขาทั้งสามไปกว้านซื้อสิ่งของต่างๆจากอิสราเอลไว้มากมาย พอพวกเขาเข้าเรียนได้ไม่นาน ครูของโรงเรียนแวะมาคุยกับฉัน บอกว่าเด็กๆนำเอาของมากมายจากอิสราเอลไปขายที่โรงเรียน มีตั้งแต่เครื่องประดับ เสื้อผ้า ของเล่น หรือแม้กระทั่งปลอกกระสุนเปล่าก็ไม่เว้น ครูอยากให้ฉันช่วยดูแลเด็กๆให้อยู่ในกรอบหน่อย ฉันบอกครูว่า ฉันไม่สามารถห้ามการกระทำของพวกเขา นี่เป็นวิธีหาเงินเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียนของพวกเขาเอง เพราะฉันไม่ได้รับผิดชอบค่าเล่าเรียนของพวกเขาอีกแล้ว ครูทั้งตกใจและแปลกใจ เขาไม่เข้าใจว่าคนมีเงินเดือนสูงในบริษัทข้ามชาติอย่างฉัน จะไม่รับผิดชอบค่าเล่าเรียนของลูกๆ ฉันเชิญครูทานขนมที่ลูกสาวคนเล็กทำไว้ขายในบ้าน ชิ้นละ 2 หยวน ฉันบอกครูด้วยรอยยิ้มว่า "นี่คือผลพลอยได้ของการได้อยู่อิสราเอลในหลายปีนี้ สอนให้เด็กๆได้เรียนรู้วิธีการดำเนินชีวิตของชาวยิว และฉันก็เชื่อว่าพวกเขาทุกคนจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพแน่นอน......." ในที่สุด ลูกคนโตตัดสินใจเข้าเรียนวิทยาลัยเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เขาต้องการจะเป็นมืออาชีพของวงการท่องเที่ยวให้ได้ เขาตั้งใจจะไปเปิดบริษัทบริการท่องเที่ยวที่อิสราเอล เพื่อเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญที่สุดเกี่ยวกับการเที่ยวประเทศจีน ลูกชายคนที่สองเข้าเรียนวิทยาลัยเกี่ยวกับภาษาต่างประเทศ เขาตั้งใจจะเป็นคอลัมน์นิสต์ เขาชอบงานขีดๆเขียนๆ ซึ่งสามารถทำเงินให้เขาได้โดยไม่ต้องควักเงินไปลงทุน ลูกสาวคนเล็กอยากไปเรียนทำครัวเกี่ยวกับอาหารจีน เพื่อเป็นเชฟระดับแนวหน้าให้ได้ โดยเฉพาะเป็นมือโปรด้านขนม ตั้งใจจะกลับไปเปิดร้านขนมที่อร่อยที่สุดในอิสราเอล กลับมาประเทศจีนเที่ยวนี้ ฉันรู้สึกว่าพ่อแม่ชาวจีนทั้งหลายมีจิตใจโลเลเกี่ยวกับการเลี้ยงดูบุตรหลานของตน พวกเขาล้วนหวังจะเห็นลูกร่ำรวยมีเงินมีทองเป็นเศรษฐี แต่กลับไม่ได้ให้โอกาสเรียนรู้และลงมือทำ The capacity to learn is a GIFT.
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ถ้าไม่เจอกับตัว ไม่มีทางเข้าใจ และส่วนตัว ดิฉันจะสู้ค่ะ แต่อยากขอถามด้วยเหมือนกันว่า ถ้าเป็นคุณ คุณจะสู้ไหม?!! ออกรถใหม่ ประกันชั้น 1 เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย แต่ถูกตีค่าเสียหายสูงลิบจนประกันฯเสนอคืนทุนฯแบบอุบัติเหตุหนักที่เสียหายทั้งคันและให้โอนกรรมสิทธิเป็นซาก!! ดิฉันได้ออก รถ ORA Good GAT รุ่น Ultra500 ใหม่ จ่ายไปร่วมๆล้านเศษ พร้อมประกันชั้น 1 ตามแคมเปญจากทาง GWM .. ขับมาได้เดือนนึง เกิดอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย มุมกล่องครอบแบตใต้ท้องรถครูดกับสันขอบทางทำให้มุมฝากล่องแบตอ้าออกมา ซึ่งรถก็ยังขับได้ตามปกตินำรถเข้าตรวจที่ศูนย์ GWM สาขาอุดมสุข และนำกลับไปใช้ตามปกติเพื่อรอนัดหมายฯ แต่กลายเป็นว่าทางประกันติดต่อมาแจ้งพิจารณาคืนทุนประกันที่ 770,000 บาทและให้โอนกรรมสิทธิของรถแก่ประกันเสมือนเป็นซาก เพราะทาง GWM ตีค่าซ่อมสูงเกิน 70% ของวงเงินคุ้มครอง....ช๊อคไหมคะ ...หากเป็นคุณ คุณคิดว่าอย่างไร...จากอุบัติเหตุที่มีเสียหายภายนอกเพียงเล็กน้อย ถูกตีมูลค่าความเสียหายสูงลิบ ราวกับอุบัติเหตุรุนแรงจนเป็นซากถึงขนาดที่ประกันฯพิจราณาคืนทุกประกัน!! … หากเป็นอย่างนี้ ไม่เท่ากับว่าลูกค้าจู่ๆก็ต้องสูญเงินราว 2 แสนกว่าบาทจากอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย ทั้งที่มีประกันชั้น 1 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา หลังจาก ออกรถมาได้1เดือนพอดี (18 สิงหาคม 2565) สามีดิฉันและดิฉันขับรถเข้าซอยทางศรีนครินทร์ และเนื่องจากเป็นซอยแคบ มีรถสวนมา เราจึงถอยรถ เพื่ออำนวยความสะดวกให้รถเขาผ่านไปก่อน แต่ในขณะถอย ขับปีนขึ้นสันขอบทางเล็กน้อย ทำให้สันขอบทางไปโดนถูกใต้ท้องรถ มีเสียงดังเล็กน้อยแต่รถยังขับได้ปกติ เหมือนไม่เป็นอะไร จนเมื่อกลับถึงบ้าน เราก็ลองก้มลงมองใต้รถ ก็พบว่ามุมของฝาครอบกล่องแบตอ้าออก จึงรีบแจ้งบริษัทประกันมาช่วยดู ว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง และดำเนินการเคลมตามขั้นตอนปกติ โดยไม่คิดอะไร เพราะเราวางใจว่าเรามีประกันชั้น 1 และเห็นว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุเล็กน้อย จึงได้นัดหมายนำรถเข้าศูนย์ที่ GWM สาขาอุดมสุข หลังจากนั้น เราก็นำรถกลับไปใช้ก่อนเพื่อรอนัดหมายการเข้าซ่อมแซมตามเลขเคลมต่อไป แต่แล้ว อีกประมาณ 2 สัปดาห์ ถัดมา ทางบริษัทประกันฯ แจ้งมาว่า ทาง GWM ตีมูลค่า ค่าซ่อม 602,998.50 บาท (ข๊อคครั้งที่ 1) และทางประกันฯ บอกว่าเกินมูลค่าที่ประกันชั้น1 จึงต้องตีเป็นซากรถ โดยคืนเงินทุนประกันให้ 770,000 บาทพร้อมกับต้องส่งซากให้ประกันฯ (ช๊อคครั้งที่ 2) เราตกใจมาก ทำไมเป็นแบบนี้ เราเจอประสบอุบัติเหตุที่เล็กน้อยมากๆ และรถก้อยังขับได้ปกติ ไม่มีปัญหา และเราก้อรักรถเรามาก ถึงขนาดเคยเขียนชื่นชมใน เวป Ora Good Cat แต่สิ่งที่เราได้รับจาก GWM หลังจากที่เราได้ร้องขอฝ่านสาขาอุดมสุขไป ให้เข้ามาดูแลกรณีนี้โดยเร็ว แต่ผ่านมากว่า 2 เดือน กลับ มีเพียงจดหมายจากทางฝั่งประกัน ยืนยันว่าจะตีเป็นซากรถให้เรา ถึง 3 ฉบับ โดยทาง GWM กลับเงียบเฉย ไม่เคยแม้แต่จะนัดหมายเพื่อขอตรวจสอบความเสียหายในรายละเอียดหรือให้ข้อมูลการวิเคราะห์ทางเทคนิคฯอะไรเลย จนล่าสุดเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ทางฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของ GWM จึงติดต่อกลับมา และ ยังยืนยันว่าค่าซ่อมเป็นมูลค่า 602,998.50 บาท โดยประกันจะช่วย 5 แสนกว่า และ GWM จะให้ส่วนลดอีกประมาณ 40,000 กว่า ส่วนที่เหลือราวๆ 30,000 ลูกค้าจะต้องจ่ายเอง คำถามคือ 1) ดิฉันสมควรต้องรับผิดชอบส่วนต่างร่วม 30,000 บาทนี้อย่างนั้นหรือ ทั้งที่รถมีประกันชั้น1 ด้วยอุบัติเหตุที่มีความเสียหายภายนอกเพียงเล็กน้อย แต่กลับถูกประเมินอย่างไม่ใส่ใจให้ต้องแบกมูลค่าความเสียหายที่สูงลิบลิ่ว (ด้วยราคาค่าอะไหร่+ค่าแรง ที่กำหนดโดย GWM) ซึ่งจนแม้ถึงขณะนี้ ดิฉันก็ยังไม่ได้รับการนัดหมายเข้าตรวจสอบทางเทคนิคใดๆจาก GWM เพื่อให้ความกระจ่างกับลูกค้าว่า อะไรบ้างต้องซ่อม ต้องเปลี่ยน เพราะอะไร มีราคารายละเอียดอะไรบ้าง ฯลฯ 2) ทำไมแคมเปญประกันชั้น 1 ที่ทาง GWM ให้กับลูกค้า เป็นทุนคุ้มครองความเสียหายเพียง 770,000 บาท ทั้งที่ตัวรถมีมูลค่า 959,000 บาท (หลังหักเงินสนับสนุนจากรัฐ) ซึ่งถามจริง มีลูกค้าท่านไหนบ้างที่ซื้อรถจากทางบริษัทฯ จะสังเกตมูลค่าเอาประกันไม่ตรงคุ้มครองเต็มมูลค่าจริงที่ซื้อมา …. แต่เอาเป็นว่า ทุนประกันฯคุ้มครองไม่เต็มมูลค่ารถทั้งคันตั้งแต่ต้น พอมีความเสียหายสูงจึงเสนอจะปิดคืนเพียงทุนประกัน แล้วจะเอาความชอบธรรมอะไรเข้าครอบครองกรรมสิทธิในรถทั้งคัน โดยเหมาเอาเองว่าเป็นซากและจะต้องโอนให้ประกันฯ … ประเด็นนี้ คงต้องพึ่งความเป็นธรรมจาก คปภ. 3) ทำไมบริษัท GWM ถึงตีมูลค่าซ่อมสูงถึง 602,998.50 บาท ทั้งๆที่ ความเสียหายมีเพียงแค่ฝากล่อมคุมแบตที่อ้าออก แม้จะอ้างว่าต้องเปลี่ยนกล่องครอบแบตและชุดแบตใหม่ทั้งชุด แต่ จริงๆแล้วคุณเป็นผู้ผลิตแบตดังกล่าว จะไม่มีหนทางเชียวหรอ ถ้าเช่นนั้น ใครก้อตามที่เจออุบัติเหตุใต้ท้องรถเพียงเล็กน้อย คงต้องได้รับความเสียหายเช่นเดียวกับดิฉันทุกรายไป! หากผู้บริโภครับรู้ในเรื่องนี้ ใครจะกล้าเลือกซื้อรถจากค่ายนี้ ดิฉันอยากเห็นการบริหารจัดการของบริษัท GWM ที่ดีและสมควรกว่านี้ ใส่ใจดูแลและไม่ละเลยลูกค้าอย่างกรณีของดิฉัน ที่คิดค่าใช้จ่ายทำกำไรฉาบฉวยแบบเอาง่ายเข้าว่า จากความเสียหายเล็กน้อยนี้ในราคาที่แม้แต่บริษัทประกันฯ ยังต้องส่ายหน้า และรถนี้ก้อเป็นของลูกค้าคุณ คุณควรจะบริหารค่าใช้จ่ายแบตที่มีความเสียหายเพียงแค่ฝาที่คลอบแบตแบบไหนกัน เดิมทีดิฉันชอบรถคันนี้มาก และยังได้จองรถรุ่นGT ไว้อีกคันหนึ่งด้วย จนเมื่อเจอปัญหานี้ ดิฉันจึงคิดจะสละสิทธิ์การจองฯ และ หันมาต่อสู้ให้ถึงที่สุด และใช้เรื่องราวของดิฉันเป็นกรณีศึกษาแก่เพื่อนๆผู้บริโภคได้พึงระวัง ให้พิจารณารายละเอียดความเสี่ยงให้รอบด้าน และคำนึงถึงความเป็นมืออาชีพและจรรยาบรรณของผู้ประกอบการเป็นสำคัญ #ไม่เจอกับตัวไม่มีทางรู้ #OraGoodCat #GWM #ถ้าเป็นคุณจะสู้ไหม
    ไม่ระบุชื่อ
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false