ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก
1. ภาพถ่ายจะต้องมีความละเอียดสูงมากพอและชัดเจนมากพอ ที่แฮ็กเกอร์จะก็อปปี้เอาภาพลายนิ้วมือไปใช้ได้
การถ่ายจากกล้องมือถือทั่วไปอาจจะไม่เห็นตัวลายนิ้วมือ หรืออาจจะไม่คมชัดพอ
2. แฮ็กเกอร์ อาจจะต้องนำภาพลายนิ้วมือที่ได้ไปพิมพ์นูนออกมา ให้ได้ตัวลายนิ้วมือที่นำไปใช้ได้จริง ใช้แทนนิ้วจริงของคนนั้นได้ เช่นสามารถนำไปใช้ปลดล็อกมือถือ ประตู คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ แทนนิ้วจริงของคนนั้นได้เลย
3. นิ้วที่ได้จากในภาพ อาจไม่ตรงกับนิ้วที่ใช้ปลดล็อกได้จริง (เช่น ภาพที่ชูนิ้วชี้นิ้วเดียว แต่คนนั้นอาจไม่ได้ใช้นิ้วชี้ปลดล็อกก็ได้) หรืออาจใช้นิ้วของมืออีกข้างที่ไม่ได้ใช้ชูนิ้วในรูป
4. บางคนไม่ได้ใช้ระบบลายนิ้วมือกับอะไรเลย ก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะเอาลายนิ้วมือของคนนั้น
5. อาจใช้เพื่อการใส่ร้าย เช่นนำลายนิ้วมือของบุคคลเป้าหมาย ที่ต้องการจะใส่ร้ายหรือโยนความผิดให้ (ที่ทำนูนเหมือนของนิ้วจริงแล้ว ใช้แทนนิ้วจริงได้จริง) ไปติดทับนิ้วตัวเอง หรือติดที่นิ้วบนถุงมือ เพื่อใช้แทนลายนิ้วมือตัวเอง การกระทำในทำนองนี้อาจมีในภาพยนตร์แล้ว แต่ในความเป็นจริง โดยปกติแล้วคนร้ายก็ไม่น่าจะลงทุนทำถึงขนาดนั้น การสวมถุงมือขณะก่อเหตุก็อาจเพียงพอต่อการปกปิดไม่ให้มีลายนิ้วมือของตัวเองในที่เกิดเหตุ อุปกรณ์และอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ
6. การเก็บลายนิ้วมือด้วยวิธีการดั้งเดิม เช่นเก็บจากบ้านของคนนั้น รถของคนนั้น ข้าวของเครื่องใช้ของคนนั้น เป็นต้น น่าจะได้ลายนิ้วมือที่ชัดเจนกว่า มีรายละเอียดถูกต้องครบถ้วนกว่า และมีโอกาสที่จะเก็บได้ครบทุกนิ้วมากกว่า
https://www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/32146