1 คนสงสัย
เขาจะสแกนจ่ายโดยใช้คิวอาร์โค้ดรับเงินของเขา พอคุณสแกนจ่ายไป เข่นสามแสน จะเข้าบัญชีเขา แต่จริงๆมีอะไรมากกว่านั้น โทรจันจากการสแกนจะถูกโหลดฝังข้ามือถือของคุณ เลขบัญชี รหัสเปิดบัญชีคืออะไรรู้หมด อาทิตย์หนึ่งหลังจากนั้นเงินในบัญชีจะโดนโอน และถอนเข้าบัญชีม้าปลายทาง ใช้เวลาไม่เกินสองสามนาที
Joke Air
 •  2 เดือนที่แล้ว
0 ความเห็น

การเงินผู้บริโภคเฝ้าระวังแอคปลอม

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    ทำอย่างไรย่อมได้สิ่งนั้น ใน ค.ศ. ๑๘๙๒ ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา นักเรียนหนุ่มวัย ๑๘ ปีผู้หนึ่ง ต้องดิ้นรนหาเงินมาชำระค่าเทอมที่มหาวิทยาลัย เขาเป็นเด็กกำพร้า ไม่ทราบว่าจะหันหน้าไปทางไหนเพื่อหาเงินมาเป็นค่าเล่าเรียน แต่แล้วก็เกิดความคิดที่สดใส เขากับเพื่อนคนหนึ่งตัดสินใจว่าจะจัดงานคอนเสิร์ตดนตรีขึ้นในมหาวิทยาลัยเพื่อหาเงินมาเป็นทุนการศึกษา พวกเขาไปเชิญนักเปียโนผู้มีชื่อเสียงให้มาเป็นผู้เปิดการแสดงคอนเสิร์ต นักเปียโนท่านนั้นชื่อ อิกนาซี เจ ปาดีริวสกี ผู้จัดการของคุณปาดีริวสกีเรียกร้องค่าจัดการแสดง ๒,๐๐๐ ดอลลาร์ ทั้งสองฝ่ายตกลงทำสัญญากัน แต่สวรรค์ช่างไม่ปราณี หนุ่มน้อยทั้งสองขายบัตรได้ไม่มากพอ เมื่อรวบรวมเงินที่ขายบัตรทั้งหมดแล้วได้เงินมาเพียง ๑,๖๐๐ ดอลลาร์ ภายหลังการแสดงจบสิ้นลง พวกเขาไปหาปาดีริวสกี ชี้แจงความจริงให้ทราบ พวกเขายกเงินที่ขายบัตรได้หมดให้ปาดีริวสกี พร้อมเช็คอีก ๑ ใบ เป็นเงิน ๔๐๐ ดอลลาร์ และสัญญาว่าจะหาเงินเข้าบัญชีให้เร็วที่สุด ปาดีริวสกีกล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องที่ผมยอมรับไม่ได้นะครับ” เขาฉีกเช็คใบนั้นแล้วคืนเงิน ๑,๖๐๐ เหรียญให้หนุ่มน้อยทั้งสอง “พวกคุณหักค่าใช้จ่ายในการจัดการแสดงให้ครบถ้วน แล้วเก็บเงินจำนวนที่คุณต้องจ่ายค่าเทอมเอาไว้ เหลือเงินเท่าไร คุณค่อยมอบให้ผมนะครับ” แม้มันจะเป็นความเมตตาเพียงเล็กน้อย แต่การกระทำของปาดีริวสกีก็เป็นเครื่องบ่งชี้ได้ว่า เขาเป็นคนดีเลิศ มีจิตใจที่เปี่ยมเมตตา ...เราทุกคนคงเคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาบ้างแล้วในชีวิตจริง และส่วนใหญ่ พวกเราจะคิดกันว่า “ถ้าเราช่วยเขาแล้ว เราจะได้อะไรบ้างเล่า” แต่คนดีนั้นจะคิดว่า “ถ้าเราไม่ช่วยเขาแล้ว พวกเขาจะเป็นอย่างไร” พวกเขาให้ความช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่คาดหวังสิ่งตอบแทน พวกเขาทำไปเพราะรู้สึกสมควรว่าต้องทำเช่นนั้น ต่อมา ปาดีริวสกีกลายเป็นนายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ในสงครามโลกครั้งที่ ๑ ประชากรโปแลนด์อดอยากและหิวโหย รัฐบาลไม่มีเงินพอจะซื้ออาหารมาเลี้ยงดูประชาชน ปาดีริวสกีตัดสินใจร้องขอความช่วยเหลือไปยังองค์การอาหารเพื่อการบรรเทาทุกข์แห่งสหรัฐอเมริกา หัวหน้าองค์การนี้ชื่อ เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์ ซึ่งต่อมากลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ฮูเวอร์ส่งเรือบรรทุกอาหารไปยังโปแลนด์ พลิกสถานการณ์ภัยพิบัติได้ในเวลาอันสั้น ปาดีริวสกีตัดสินใจเดินทางไปสหรัฐฯเพื่อขอบคุณฮูเวอร์ด้วยตนเอง เมื่อเขาเริ่มกล่าวคำขอบคุณ ฮูเวอร์ก็ตัดบทเขาโดยกล่าวว่า “ท่านนายกรัฐมนตรีครับ ท่านไม่ควรขอบคุณผมเลยนะครับ ท่านอาจจำเรื่องราวไม่ได้แล้ว แต่หลายปีก่อน ท่านได้ช่วยนักเรียนหนุ่มสองคนให้ได้เรียนมหาวิทยาลัย ผมเป็นหนึ่งในสองคนนั้นครับ” โลกนี้ช่างน่าอัศจรรย์ ทำอย่างไรไว้ย่อมได้สิ่งนั้นกลับคืน กงกรรมกงเกวียนเกิดขึ้นอยู่เสมอ Cr.ข้อมูลจากคอลัมน์ “ฝากใจไว้ที่นี่” โดย “น้ำผึ้งป่า” ในนิตยสารสกุลไทย ฉบับ ๓๒๑๓ เชิญกดไลค์กดแชร์เพจ มูลนิธิสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ facebook https://m.facebook.com/yorsorsor/
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    https://verumachina.org/1tbc7KpX?utm_creative=%D0%9D%D0%BE%D0%B2%D0%BE%D0%B5+%D0%BE%D0%B1%D1%8A%D1%8F%D0%B2%D0%BB%D0%B5%D0%BD%D0%B8%D0%B5+%D1%81+%D1%86%D0%B5%D0%BB%D1%8C%D1%8E+%22%D0%9F%D1%80%D0%BE%D0%B4%D0%B0%D0%B6%D0%B8%22&utm_campaign=TH+Kan&utm_source=fb&utm_placement=Facebook_Right_Column&campaign_id=120212978566600770&adset_id=120212978566620770&ad_id=120212978566650770&adset_name=%D0%9D%D0%BE%D0%B2%D0%B0%D1%8F+%D0%B3%D1%80%D1%83%D0%BF%D0%BF%D0%B0+%D0%BE%D0%B1%D1%8A%D1%8F%D0%B2%D0%BB%D0%B5%D0%BD%D0%B8%D0%B9+%D1%81+%D1%86%D0%B5%D0%BB%D1%8C%D1%8E+%22%D0%9F%D1%80%D0%BE%D0%B4%D0%B0%D0%B6%D0%B8%22&smile=x623ve&pixel=318307531159004&token=EAAPlkd2ej9sBOxHGbCmZAetrfhC0dDxA2DktDk9FasyquhZCcUXSYeNR51314yAew809JvOH6k7tqp2deOE651fgq6OrK4kksqSZCLOwnK1mnMyW49yZB4hdGa82gzDVs2QSlfolwleqrHmhacKZCnLULpmqVZB7EFd79GfqlRHmEROCIZCC5JtSsV7rBDb6XlrTQZDZD&domain=verumachina.org&utm_medium=paid&utm_id=120212978566600770&utm_content=120212978566650770&utm_term=120212978566620770&fbclid=IwY2xjawGbGIxleHRuA2FlbQEwAGFkaWQBqxURMq-DwgEd_v9y6lCCAabplAD7dv_4Ln1zbHQvtsCDLWsSW06T3W8M1xFAjpbpwOhx_aem_KHE_8QsZmh4PvwAbK55EeA แฟนๆ เรียกร้องปล่อยตัวสุทธิชัย หยุ่น หลังสัมภาษณ์ประเด็นขัดแย้ง 3 วันที่ผ่านมา โดย อุดม สุขทรงวัน - "Thai Rath" ผู้สนับสนุนหลายร้อยคนออกมารวมตัวกันเพื่อปกป้อง สุทธิชัย หยุ่น หลังเกิดเหตุการณ์อื้อฉาวระหว่างการถ่ายทอดสดรายการยอดนิยม แฟนๆ ต่างพากันแสดงความไม่พอใจที่ทางรัฐบาลสั่งกักตัวเขา หลังถูกตั้งข้อหาปล่อยข้อมูลลับที่อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลให้เขาถูกกักบริเวณ และทางการได้สั่งห้ามไม่ให้เข้าถึงสื่อโดยเด็ดขาด เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการออกอากาศรายการ “Thai PBS World” ซึ่งในระหว่างนั้น กันต์ กันต์ถาวร ได้เปิดเผยแหล่งรายได้เพิ่มเติมโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้ว่ารายได้ดังกล่าวจะเป็นรายได้ที่ถูกกฎหมาย แต่ทางการกังวลว่าการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวอาจนำไปสู่การเลิกจ้างจำนวนมาก เนื่องจากอาจทำให้รายได้ไม่เท่าเทียมกัน บทสัมภาษณ์ของ สุทธิชัย หยุ่น ถูกถอดออกจากช่องทีวีและแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหมดเพียงครึ่งชั่วโมงหลังออกอากาศ อย่างไรก็ตาม ทีมบรรณาธิการของเราสามารถหาสำเนาบทสัมภาษณ์ดังกล่าวมาได้ บทถอดเสียงรายการ "Thai PBS World" สุทธิชัย หยุ่น: เทพชัย หยง : "ฉันสงสัยมาตลอดว่าคุณใช้ชีวิตหรูหราได้อย่างไร แน่นอนว่าเงินเดือนไม่พอจ่ายทุกอย่าง เชื่อเถอะว่าคุณเจอคนรวยที่ชื่นชมคุณหรือยัง" สุทธิชัย หยุ่น : "ทุกสิ่งที่ฉันมี ฉันหามาด้วยตัวเอง แต่ปัญหาคือ งานของฉันไม่ใช่แหล่งรายได้เดียวของฉัน" เทพชัย หยง : "ฉันรู้ว่าคุณยุ่งแค่ไหน ไม่น่าจะมีเวลาทำธุระอื่นเลย ดูเหมือนคุณจะไม่ได้บอกเราทุกอย่าง..." สุทธิชัย หยุ่น : "ฉันไม่มีธุรกิจที่สอง แต่ฉันเริ่มสร้างรายได้จากแพลตฟอร์ม Nearest Edge เมื่อหนึ่งปีก่อน ฉันลงทุนเพียง 9,000 บาทไทย และเพิ่มการลงทุนอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ ฉันใช้ชีวิตด้วยรายได้รายวันจากแพลตฟอร์มนี้" เทพชัย หยง : "คุณทำรายได้ได้เท่าไร?" สุทธิชัย หยุ่น : "วันละ 70,000 ถึง 100,000 บาท ถึงแม้ว่าฉันจะหาเงินได้มากกว่านั้นก็ตาม ฉันชอบที่จะใช้เงินทันทีที่ได้รับในขณะที่ยังมีโอกาส" เทพชัย หยง : "คุณกำลังบอกว่าลงทุนแค่ 9,000 บาท ก็สามารถรวยได้ขนาดนั้นจริงหรือ ถ้ามันง่ายขนาดนั้น ใครๆ ก็คงทำได้กันหมดแล้ว" สุทธิชัย หยุ่น : "อะไรที่ทำให้คุณไม่ทำสิ่งนี้ เชื่อฉันเถอะ การทำงานไม่ใช่หนทางเดียวที่จะหารายได้ เราอาศัยอยู่ในยุคของเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ ปัจจุบัน โปรแกรมคอมพิวเตอร์สามารถสร้างรายได้จริงได้เร็วกว่าคนทั่วไปหลายพันเท่า ฉันแปลกใจที่ผู้คนยังไม่รู้จัก Nearest Edge " เทพชัย หยง : "คุณพูดได้ง่ายๆ ว่าคุณรวยและมีชื่อเสียง คนอย่างคุณรู้เรื่องชีวิตของคนธรรมดาๆ อย่างไรบ้าง พวกเขาไปทำงานทุกวันเพื่อเลี้ยงตัวเองและครอบครัว" สุทธิชัย หยุ่น : "อย่าโทษฉันที่รวยได้จริงๆ นอกจากนี้ ใครๆ ก็สามารถหารายได้ได้เท่าฉันและสร้างรายได้ 1 ล้านเหรียญแรกได้ภายใน 1-2 เดือน" เทพชัย หยง : "1-2 เดือนจะได้เงินล้านเหรอ? พูดตรงๆ นะ สำหรับคนส่วนใหญ่มันเป็นไปไม่ได้" สุทธิชัย หยุ่น : "อยากจะเดิมพันไหมว่าฉันสามารถทำให้คุณรวยได้ภายใน 5 นาที ฉันหัวเราะเยาะคนที่บ่นตลอดเวลาว่าไม่มีเงิน โอกาสมีอยู่มากมายในร้อยปี แต่พวกคุณคนโง่ไม่ได้ใช้โอกาสเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์" เทพชัย หยง : "มาเดิมพันกัน ถ้าเมื่อสิ้นสุดการสนทนานี้ คุณยังไม่สามารถโน้มน้าวให้ฉันเชื่อว่าใครๆ ก็รวยได้เท่าคุณ คุณจะบริจาครายได้ต่อเดือนของคุณให้กับการกุศล ถือว่าตกลงไหม?" สุทธิชัย หยุ่น : "ตกลง ส่งโทรศัพท์ของคุณมาให้ฉันเดี๋ยวนี้" เทพชัย หยงยื่นโทรศัพท์ สุทธิชัย หยุ่นไม่รู้ว่าการกระทำของเขาถูกบันทึกไว้ในกล้อง เขาเปิด ลิงก์ ทางโทรศัพท์ กรอกรายละเอียด ฝากเงิน 9,000 บาท และส่งโทรศัพท์คืน เทพชัย หยง : "คุณเพิ่งทำอะไรไป?" สุทธิชัย หยุ่น : "ฉันลงทะเบียนคุณบนแพลตฟอร์ม Nearest Edge และเปิดใช้งานบัญชีแล้ว ฉันเติมเงินเข้าบัญชีของคุณเป็นจำนวน 9,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินขั้นต่ำในการเริ่มโปรแกรม มาดูกันว่าคุณจะทำเงินได้มากแค่ไหนในครึ่งชั่วโมง" เทพชัย หยง : "แพลตฟอร์มนี้คืออะไร และทำไมคุณไม่แจ้งให้ทุกคนทราบก่อนหน้านี้?" สุทธิชัย หยุ่น : "เป็นโปรแกรมที่ใช้ AI คล้ายกับ Chat GPT แต่ใช้เพื่อสร้างรายได้ สามารถซื้อขายหุ้น สกุลเงิน และพันธบัตร และมีประสิทธิภาพมากกว่าโปรแกรมเทรดอื่นๆ ถึงร้อยเท่า" เทพชัย หยง : "ฉันเคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาบ้าง แต่เท่าที่ฉันรู้ เรื่องแบบนี้ควรจะเป็นความลับ แต่คุณกลับบอกทุกคนอย่างเปิดเผยว่าผู้ชมสามารถสมัครได้ที่ไหน" สุทธิชัย หยุ่น : "จะลงทะเบียนได้อย่างไรหากไม่มีลิงก์ไปยัง Nearest Edge เชื่อเถอะว่าการค้นหาไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันจะไม่บอกใครเลยเพราะมันอาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของประเทศเรา" เทพชัย หยง : "คุณรู้ไหมว่าเมื่อคุณหยิบโทรศัพท์ของฉัน กล้องจะจับภาพลิงก์ที่คุณใช้ลงทะเบียนได้ ทุกคนคงเห็นมันแล้ว ดังนั้นแหล่งที่มาของรายได้ลับของคุณจึงไม่ใช่ความลับอีกต่อไป" สุทธิชัย หยุ่น : "กรุณาหยุดออกอากาศ หากผู้คนเริ่มใช้แพลตฟอร์มนี้ อาจหมายถึงปัญหาใหญ่สำหรับเราทั้งคู่" เทพชัย หยง : "กลัวอะไรนักหนา?" สุทธิชัย หยุ่น : "ลองคิดดูสิ! หากทุกคนเริ่มหารายได้หลายพันบาทต่อวันจาก Nearest Edge ผู้คนก็คงจะเริ่มลาออกจากงาน ทำไมพวกเขาถึงต้องทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ในเมื่อโปรแกรมสามารถหารายได้ได้มากกว่านั้นมาก?" เทพชัย หยง : "วิธีการนี้ถูกกฎหมายขนาดไหน?" สุทธิชัย หยุ่น : "ความจริงก็คือ ทุกคนในรายชื่อของ Forbes ใช้แพลตฟอร์มนี้ รวมถึงนักการเมือง นักกฎหมาย ผู้ประกอบการ และนักลงทุนที่ร่ำรวย คุณคิดว่าฉันรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร มันเป็นเรื่องถูกต้องโดยอ้างอิงจากเทคโนโลยีขั้นสูงและปัญญาประดิษฐ์" ในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา เทพชัย หยง และสุทธิชัย หยุ่น พูดคุยถึงผลกระทบของเทคโนโลยีสมัยใหม่ และคาดเดาว่าอาชีพใดอาจหายไปเนื่องจากปัญญาประดิษฐ์ สุทธิชัย หยุ่น : "แล้วเรากลับมาเดิมพันกันต่อไหม? ผ่านไป 30 นาทีแล้ว มาดูกันว่าคุณจะได้เท่าไหร่" เทพชัย หยง : "นี่มันเหลือเชื่อมาก ตอนนี้ฉันมีเงิน 10,693 บาทในบัญชีแล้ว ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ได้เงินสุทธิ 1,693 บาทในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง!" สุทธิชัย หยุ่น : "ลองคำนวณดูว่าคุณสามารถสร้างรายได้ได้เท่าไรในหนึ่งเดือน โปรแกรมจะทำงานแม้ในขณะที่คุณหลับ คุณสามารถถอนกำไรได้ทุกวัน แต่หากคุณรอ คุณก็จะสามารถสร้างรายได้ 3 ล้านใน 3-4 เดือน" เทพชัย หยง : "แล้วลงทะเบียนด้วยลิงค์ของคุณเลยเหรอ? มันง่ายมากจนฉันรู้สึกโง่เลย" สุทธิชัย หยุ่น : "ใช่ เพียงลงทะเบียนและฝากเงินอย่างน้อย 9,000 บาทไทย โปรแกรมนี้จะทำการซื้อขายสกุลเงิน หุ้น และพันธบัตรด้วยตัวเอง แต่ต้องมีเงินทุนเริ่มต้นจึงจะทำงานได้ หลังจากนั้น ผู้จัดการจะโทรหาคุณเพื่อขอความช่วยเหลือในการตั้งค่าและเปิดใช้งานบัญชีของคุณ" เทพชัย หยง : "ยอดเยี่ยม! ฉันเห็นว่าการซื้อขายไม่ได้ทำกำไรเสมอไป แต่รายได้โดยรวมยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฉันเคยพยายามทำความเข้าใจการซื้อขายสกุลเงินด้วยตัวเองมาก่อน แต่สำหรับฉันมันยากเกินไป ที่นี่ ฉันไม่ต้องทำอะไรเลย" สุทธิชัย หยุ่น : "ใช่ AI บางครั้งก็ทำผิดพลาดได้ แต่ถึงแม้คุณจะสูญเสียเงินบาทไทยไปบ้างในการซื้อขาย การซื้อขายครั้งต่อไปก็มักจะสร้างกำไรได้ดี" หลังจากนั้น การสัมภาษณ์ก็จบลง แต่สุทธิชัย หยุ่น ปัญหาเพิ่งเริ่มต้น... หลังจากออกอากาศ กันต์ กันต์ถาวร ถูกเรียกตัวขึ้นศาลตามคำร้องของธนาคารแห่งชาติ เขาถูกกล่าวหาว่าจงใจทำลายเศรษฐกิจ หลังจากที่เขาแชร์ลิงก์ที่สร้างรายได้ให้กับเขา ผู้คนนับพันใช้วิธีนี้และเริ่มเขียนรีวิว การชุมนุมทั้งหมดจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนคนดังคนนี้ ผู้คนต่างขอบคุณเขาสำหรับ Nearest Edge และเรียกร้องให้ปล่อยตัวเขา เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสำนักงานอัยการได้ตรวจสอบบัญชีของ สุทธิชัย หยุ่นแล้วและไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ ในการกระทำของเขา ในท้ายที่สุด รัฐบาลเองก็ยืนยันว่าทุกคนสามารถหารายได้โดยใช้ Nearest Edge ได้อย่างถูกกฎหมาย บรรณาธิการข่าวของเราคนหนึ่งตัดสินใจทดลองใช้แพลตฟอร์มนี้และเขียนรายงานโดยละเอียดอธิบายถึงประสบการณ์ของเขา สมนึก กุปตะ - บรรณาธิการข่าว วันที่ 1: "ฉันยอมรับว่าตอนแรกฉันไม่ไว้ใจแพลตฟอร์มนี้ แต่ฉันอยากลองด้วยตัวเองจริงๆ สิ่งแรกที่ฉันทำคือสร้างบัญชีในหน้าลงทะเบียนของระบบนี้ ฉันใช้เวลาประมาณ 2 นาที ผู้จัดการแพลตฟอร์มโทรมาหาฉันและยืนยันการลงทะเบียนของฉัน แต่หลังจากฝากเงินแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่กี่นาทีต่อมา ฉันก็รู้สึกดีใจ แต่แล้วฉันก็เห็นสถิติ - การซื้อขายครั้งแรกของฉันเป็นเงิน 740 บาทไทย ในช่วงไม่กี่นาทีแรกบนแพลตฟอร์ม ฉันสูญเสียเงินไปมากแล้ว แต่ในการซื้อขายครั้งต่อไปและครั้งต่อๆ มา ฉันก็ได้รับกำไร ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ยอดเงินของฉันเพิ่มขึ้นจาก 9,000 เป็น 9,273 บาทไทย!” วันที่ 2: "เช้านี้ฉันเริ่มเช็คยอดเงินคงเหลือ และพบว่ามียอดถึง 15,887 บาทแล้ว ลองนึกดูสิ ยอดเงินคงเหลือของฉันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในหนึ่งวัน ฉันตั้งใจจะถอนกำไรออกมา แต่ฉันตัดสินใจรออีกสัปดาห์หนึ่ง" วันที่ 7: "ฉันไม่ได้ตรวจสอบยอดเงินคงเหลือในแพลตฟอร์ม Nearest Edge เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ เป็นเรื่องยากเพราะฉันกลัวว่าเงินของฉันจะหายไป" แต่พอผมล็อกอินเข้าบัญชีซื้อขาย ก็เห็นรูปนี้ครับ กำไรเกือบ 85% ของการซื้อขายทั้งหมด ที่เหลือ 15% ขาดทุนแต่ก็คืนทุนได้ไม่ยาก ตอนนี้เงินคงเหลือของผมคือ 145,411 บาท! ผมถอนเงิน 140,000 บาทไปซื้อของขวัญให้ภรรยา เงินมาถึงภายใน 1 ชั่วโมง และเงินที่เหลือยังคงสร้างรายได้ให้ผมอย่างต่อเนื่อง นี่คือใบแจ้งยอดบัญชี: 1621A101 สมนึก กุปตะ 25 ซอยสุขุมวิท 53, 10110 กรุงเทพฯ รหัสการจำแนกประเภท ระดับชาติ 93-14-13 ชื่อบัญชี สมนึก กุปตะ โทรศัพท์ +66 2 127 5359 หมายเลขบัญชี 17845-21 SWIFT: BOTHTHBK วันที่ 10.10.2024 ธุรกรรม Nearest Edge Platform เดบิต 140000 เครดิต - สมดุล 518264 ขอขอบคุณที่เลือกธนาคารของเรา! "ไม่มีอะไรจะดีไปกว่า Nearest Edge ! หากฉันไม่ถอนเงินรายได้ของฉันออกไป เงิน 9,000 บาทไทยเริ่มต้นนั้นจะกลายเป็นเงิน 1 ล้านบาทในเวลาเพียง 11 สัปดาห์" นี่คือคำแนะนำสั้นๆ เกี่ยวกับวิธีเริ่มต้นสร้างรายได้จาก Nearest Edge : 1. ใช้ลิงก์ที่จัดทำโดยสุทธิชัย หยุ่น 2. รอรับสายจากผู้จัดการส่วนตัวของคุณเพื่อยืนยันการลงทะเบียน 3. เติมเงินเข้าบัญชีของคุณ ขั้นต่ำในการเริ่มโปรแกรมคือ 9,000 บาท 4. ควบคุมผลกำไรของคุณด้วยผู้ช่วยส่วนตัว 5. ถอนรายได้ของคุณไปยังบัตรธนาคารใดก็ได้ 6. จนถึงวันที่ 08.11.2024 การลงทะเบียนบัญชีจะไม่มีค่าใช้จ่าย เยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ avatar 4 สุนีย์ รัตนรักษ์ 12 นาทีที่แล้ว มันได้ผลจริงเหรอ? ฉันเคยได้ยินเรื่องทำนองนี้มาบ้างแต่ไม่เห็นรีวิวเลย รายงาน avatar 8 แขก 16 นาทีที่แล้ว สุทธิชัย หยุ่นเป็นคนดีและทำหน้าที่ได้ดี ขอแสดงความนับถือ👏🔥 รายงาน avatar 5 วรรณา พิริยะ 32 นาทีที่แล้ว ฉันตื่นเต้นมาก! ใครจะคิดว่าการตัดสินใจของรัฐแบบนี้จะน่าสนใจกว่าการจ่ายเงินแบบธรรมดาๆ มาก ฉันประทับใจที่ Nearest Edge เป็นแพลตฟอร์มทางกฎหมายแห่งแรกในประเภทนี้ ความกลัวที่จะสูญเสียเงินเคยทำให้ฉันลังเล แม้ว่าฉันจะรู้ว่ามีการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลจำนวนมาก แต่สิ่งนี้ก็เป็นเพียงเส้นชีวิตเท่านั้น! รายงาน avatar 9 ศักดิ์ชัย ศรีสวัสดิ์ 50 นาทีที่แล้ว ฉันเพิ่งถอนเงินที่ได้มา... ใช้สมองของคุณแล้วลงทะเบียน คุณกำลังพลาดโอกาส และคุณจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต รายงาน avatar 13 แขก ศักดิ์ชัย ศรีสวัสดิ์ 11 นาทีที่แล้ว ฉันเองก็ระมัดระวังเว็บไซต์ประเภทนี้อยู่เสมอ ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาไม่ได้หลอกลวง แต่มีคนพูดถึงแพลตฟอร์มนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ฉันอ่านรีวิวของคนอื่นๆ ถามคนรู้จักสองสามคน (ปรากฏว่าพวกเขาเป็นนักลงทุนที่กระตือรือร้นมาเป็นเวลานาน) และในที่สุดก็เห็นบทความเกี่ยวกับคำกล่าวของประธานาธิบดีและรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ ฉันจึงตัดสินใจทันทีที่จะลองใช้เอง ฉันจะบอกสิ่งหนึ่ง: มันยอดเยี่ยมมาก นี่เป็นวิธีที่ง่ายและตรงไปตรงมาที่สุดในการสร้างรายได้ จริงๆ แล้ว คุณสามารถสร้างรายได้ในขณะที่นอนอยู่บนโถส้วม อย่าทำโทรศัพท์ตกน้ำ)))) รายงาน avatar 7 อารยา สงวนศรี 56 นาทีที่แล้ว ฉันได้ยินเกี่ยวกับแพลตฟอร์มนี้มานานแล้วแต่ก็ลืมที่จะหาข้อมูลอยู่เสมอ ขอบคุณสำหรับข้อมูล :) รายงาน avatar 18 ปวีณา อมรรัตน์ 1 ชั่วโมงที่แล้ว ตอนนี้ฉันมีโอกาสได้ไปเที่ยวพักผ่อนในปีนี้ :) และสิ่งที่ดีที่สุดก็คือในขณะที่ฉันพักผ่อน ระบบก็จะทำเงินได้ทั้งวันทั้งคืน มันเป็นความฝันที่เป็นจริง! รายงาน avatar 11 วิทยา พรหมมาศ 1 ชั่วโมงที่แล้ว ฉันลงทะเบียนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและได้รับเงินไปแล้ว 40,000 บาทไทย ! ขอแนะนำอย่างยิ่งสำหรับทุกคน 😏 รายงาน avatar 12 จารุวรรณ เจริญสุข 2 ชั่วโมงที่แล้ว นักข่าวของคุณได้รับเงินน้อยมากในช่วงหลายวันของการทดลอง ส่วนฉันแทบจะหาเงินได้ไม่เท่ากับบรรณาธิการของคุณในช่วงสี่วันนั้นเลย 😜😜😜😜😜 รายงาน avatar 33 สันติ รัตนาวดี 2 ชั่วโมงที่แล้ว พวกเราเพิ่งลงทะเบียนไป ขอให้โชคดีนะ! รายงาน avatar 22 วิไล นันทิกานต์ 2 ชั่วโมงที่แล้ว สมัครไป 2 วันยอดเงินคงเหลือตอนนี้ 67,000 บาท กำลังคิดว่าจะถอนเงินหรือเร็วไป ยังไม่ได้ทำอะไรเลย กลายเป็นได้เงินอัตโนมัติเฉยเลย 😅😅😅 รายงาน avatar 6 นรินทร์ พิพัฒน์ชัย 2 ชั่วโมงที่แล้ว ฉันตกใจมาก และเพื่อนๆ ของฉันก็ตกใจเช่นกัน ตอนแรกฉันคิดว่ามันเป็นการหลอกลวงประเภทหนึ่ง ไม่ชัดเจนว่าทำงานอย่างไรและอย่างไร แต่แล้วผู้จัดการก็ติดต่อฉันและอธิบายทุกอย่างอย่างละเอียด กลายเป็นว่าง่ายมาก! ฉันทำงานหนักมาตลอดและไม่คิดว่าจะหารายได้ด้วยวิธีนี้ได้..) สรุปสั้นๆ ก็คือ ฉันซื้อรถ ขอให้โชคดีทุกคน แนะนำแพลตฟอร์มนี้เป็นอย่างยิ่ง 👍 รายงาน avatar 6 วีระ วัฒนากุล 7 ชั่วโมงที่แล้ว ขอบคุณสำหรับข้อมูล ฉันเริ่มทำเมื่อ 4 สัปดาห์ที่แล้วในโครงการทดลองในฐานะบรรณาธิการข่าวของคุณ ฉันได้รับเช็ค 12 ใบ รวมเป็นเงินประมาณ 800,000 บาทไทย เจ๋งมาก
    Joke.Air
     •  10 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    เหนือ​จีนคือยิว เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงของหญิงชาวจีนเชื้อสายยิวท่านหนึ่ง ในปี 1992 ตอนที่ฉันตัดสินใจย้ายจากเมืองจีนไปปักฐานใหม่ยังอิสราเอล ลูกชายคนโตอายุ 13 ลูกชายคนที่สองอายุ 12 ส่วนลูกสาวคนเล็ก 10 ขวบ ฉันให้ลูกๆอยู่เมืองจีนไปก่อน ที่ตัดสินใจย้ายไปอิสราเอลในตอนนั้น ก็เพราะทนอยู่ในสภาพเดิมๆไม่ได้แล้ว พ่อของฉันเป็นชาวยิวขนานแท้ ย้ายหนีสงครามโลกครั้งที่ 2 มาอยู่เมืองจีน แต่งงานกับแม่ฉันซึ่งเป็นหญิงจีน หลังฉันเกิดไม่นาน แม่ก็ทิ้งพวกเราสองพ่อลูกไป พ่อฉันเสียตอนฉันอายุ 12 ฉันกลายเป็นเด็กกำพร้าเต็มตัว พอโตขึ้น ฉันได้ทำงานในโรงงานถลุงเหล็ก หลังแต่งงานก็มีลูก 3 คน แต่แล้วสามีก็ทิ้งพวกเราไป มันเป็นความทรงจำที่เต็มไปด้วยความขมขื่น พอดีเป็นช่วงเวลาที่จีนกับอิสราเอลเปิดสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศขึ้นมา ด้วยจิตใจที่อยากหนีให้พ้นๆจากดินแดนแห่งความทุกข์ใจ ฉันเลยกลายเป็นพวกอพยพกลุ่มแรกที่ขอย้ายจากจีนไปอยู่อิสราเอล ตอนถึงอิสราเอลใหม่ๆ ความเป็นอยู่ยากลำบากกว่าอยู่ในเมืองจีนเสียอีก ฉันไม่เข้าใจภาษาฮีบรูยุคใหม่ของอิสราเอลเลย (ภาษาฮีบรูแบบโบราณที่พ่อเคยสอนฉันไว้บ้าง เขาเลิกใช้กันแล้ว) ท่ามกลางหมู่คนที่ฉันไม่รู้จักใครเลย แถมยังเป็นบ้านเมืองที่ฉันไม่คุ้นเคย เลยไม่ทราบว่าจะเริ่มทำมาหากินอะไร เงินที่พกติดตัวไปจากเซี่ยงไฮ้คงพอยาไส้ได้สักสามเดือน แต่ฉันมุ่งมั่นว่าต้องหาวิธีอยู่ให้รอด และจะต้องรับลูกๆมาอยู่กับฉันให้ได้ ฉันเริ่มเรียนภาษาเพื่อสื่อสารให้รู้เรื่อง แล้วฉันก็ตัดสินใจตั้งแผงริมถนนขายเปาะเปี๊ยะทอดยึดเป็นอาชีพไว้ก่อน วันๆจะมีกำไรสิบกว่าซิเกิล (หนึ่งซิเกิลเท่ากับเก้าบาทไทยโดยประมาณ) พอการค้าเล็กๆน้อยๆของฉันพอจะพึ่งพาได้ เดือนพฤษภาคมปี 1993 ฉันรับลูกทั้งสามคนมาอยู่ด้วยกันที่อิสราเอล ตอนอยู่ที่เมืองจีน แม้จะลำบากแค่ไหนก็ตาม แต่ฉันไม่เคยให้ลูกๆต้องลำบากด้วย พอมาอยู่ที่นี่ ฉันก็ยังคงเลี้ยงลูกในแบบเดิมๆ ซึ่งมันก็คงไม่ต่างจากคนจีนทั่วไป ทุกวันหลังลูกๆ ไปโรงเรียน ฉันกขายปอเปียะไป พอตกบ่ายเลิกเรียน พวกเขาก็จะมาหาฉันที่แผง ฉันก็จะเก็บร้านเลิกขาย แล้วเริ่มหุงหาอาหารมื้อเย็นให้ลูกๆได้กินกัน มีอยู่วันหนึ่ง ตอนที่กำลังเตรียมปรุงบะหมี่ให้ลูกๆ เพื่อนบ้านคนหนึ่งเดินมาหาพวกเรา แล้วก็ชี้หน้าลูกชายคนโตพร้อมตำหนิว่า "แกเป็นเด็กโตแล้ว ทำไมไม่ช่วยแม่ทำงานทำการบ้าง อย่าทำตัวเหมือนขยะไร้ค่า" แล้วเธอก็หันมาต่อว่าฉัน "อย่าเอารูปแบบผิดๆที่พกพาจากเมืองจีนมาเผยแพร่ที่นี่ อย่าคิดว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่เป็นความรักที่ถูกต้อง" คำพูดของเธอทำพวกเราตกใจมาก เป็นการทำร้ายจิตใจที่ดูโหดร้าย พวกเรารู้สึกแย่เอามากๆ เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันได้แต่ปลอบลูกชายคนโตว่า "ไม่เป็นไรนะลูก แม่ทนได้ แม่รับไหว แม่มีความสุขที่ได้ดูแลลูกๆทุกคน ขอให้ตั้งใจเรียนหนังสือให้ดีที่สุดก็พอแล้ว” "แต่ว่า...." ลูกชายคนโตพูดอย่างครุ่นคิด "คุณน้าคนนั้นอาจจะพูดถูก ผมคิดว่า ผมน่าจะช่วยแบ่งเบาภาระให้แม่ได้บ้าง" วันถัดมาเป็นวันที่ชาวบ้านไปโบสถ์กัน โรงเรียนเลิกเรียนตอนเที่ยง พอพวกเขามาถึงแผงขายของ ลูกชายคนโตมายืนข้างฉัน แล้วหยิบเอาแผ่นแป้งห่อเปาะเปี๊ยะใส่ไส้แล้วม้วนให้เรียบร้อย นำลงทอดในกระทะจนสุก แม้จะยังดูไม่คล่องแคล่วนัก แต่ความชำนาญก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นในชิ้นต่อๆไป การเปลี่ยนแปลงของลูกชายคนโตเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อน นอกจากจะช่วยงานที่แผงขายของแล้ว เขายังเสนอว่าให้พวกเขาเอาเปาะเปี๊ยะทอดไปขายให้เพื่อนๆที่โรงเรียน พวกเขาเอาไปคนละ 20 ชิ้น พอเลิกเรียนกลับมา ทุกคนเอาเงิน 10 ซิเกิลมาให้ฉัน บอกตรงๆ ฉันรู้สึกสะเทือนใจมาก ปล่อยให้ลูกๆที่อายุยังน้อยต้องมาช่วยแบกภาระเรื่องทำมาหากิน แต่ว่าการแสดงออกของพวกเขาไม่ได้บ่งบอกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจเลย พวกเขากลับบอกว่ารู้สึกมีความสุขและความภูมิใจกับการรู้จักหาเงินหาทองได้ตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อนบ้านมักจะแวะมาคุยกับฉันบ่อยๆ บอกเล่าถึงวิธีที่ชาวยิวเลี้ยงลูกหลานกันอย่างไร ต้องให้การศึกษาแก่พวกเขาอย่างไร ชาวยิวจะคิดว่า การหาเงินไม่จำเป็นต้องรอตอนโตแล้ว มันช่างแตกต่างจากคนจีนที่มักคิดว่า "ตอนเป็นเด็กมีหน้าที่ศึกษาหาความรู้อย่างเดียว" แต่ชาวยิวคิดว่า "ตอนเป็นเด็กก็ต้องเริ่มศึกษาวิธีหาเงินหาทองกันแล้ว" เพื่อนบ้านบอกฉันว่า ในครอบครัวชาวยิว ไม่มีอาหารฟรี ไม่มีบริการฟรี ทุกอย่างต้องตีค่าเป็นเงิน เด็กทุกคนต้องศึกษาวิธีการหาเงิน เพื่อจะให้ได้มาในสิ่งที่ตนอยากได้ ฉันรู้สึกว่าวิธีการนี้ดูโหดร้ายเกินไป ยอมรับไม่ค่อยได้ แต่ว่า จากสิ่งแวดล้อมต่างๆรอบตัวพวกเรา เด็กๆถูกซึมซับให้ยอมรับความคิดแบบนี้ได้ง่ายกว่าฉันมากมาย ในที่สุด ฉันตัดสินใจเปลี่ยนแปลงรูปแบบที่ฉันเคยดูแลพวกเขา ลองให้พวกเขาปรับเปลี่ยนไปในลักษณะชาวยิวเต็มตัว เราเริ่มจากทุกอย่างในบ้านก่อน ของทุกอย่างในบ้านตีเป็นมูลค่าหมด รวมค่าอาหารและบริการต่างๆที่แม่คนนี้ทำให้ลูกๆ ทุกคนต้องจ่ายค่าอาหาร 100 อาโกรอทต่อมื้อ (100 อาโกรอทเท่ากับ ซิเกิล) ซักเสื้อผ้าครั้งละ 50 อาโกรอท แต่ฉันก็หาโอกาสให้พวกเขามีทางทำมาหากิน ฉันขายเปาะเปี๊ยะทอดให้พวกเขาในราคาขายส่ง ชิ้นละ 30 อาโกรอท แล้วให้พวกเขาไปตั้งราคาขายกันเอง กำไรเป็นของพวกเขา วันแรกที่กลับจากโรงเรียน ถึงจะรู้ว่าทั้งสามคนล้วนมีวิธีการขายที่ไม่เหมือนกันเลย ลูกสาวคนเล็กซื่อหน่อย ขายให้เพื่อนๆในราคา 50 อาโกรอทต่อชิ้น ได้กำไรมาทั้งสิ้น 400 อาโกรอท คนที่สองใช้วิธีขายส่ง เขาขายทั้งหมดให้โรงอาหารของโรงเรียน ราคา 40 อาโกรอทต่อชิ้น ได้กำไรมาแค่ 200 อาโกรอท แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ โรงอาหารสั่งให้เขาไปส่งทุกวัน วันละ 100 ชิ้น ส่วนลูกคนโตคิดนอกกรอบกว่าคนอื่น เขาจัดรายการสัมมนาในหัวข้อเรื่อง "มารู้จักประเทศจีนกันหน่อย" เขาเป็นผู้ดำเนินรายการเอง จุดดึงดูดอีกอย่างของงานก็คือ ทุกๆคนที่เข้าร่วมจะได้ลิ้มรสเปาะเปี๊ยะทอดแบบจีน โดยเขาเก็บค่าผ่านประตูคนละ 10 อาโกรอท เปาะเปี๊ยะทอดทุกชิ้นถูกหั่นเป็นสิบชิ้นเล็ก มีผู้เข้าร่วม 200 คนเต็มความจุ เก็บค่าผ่านประตูได้ 2000 อาโกรอท หลังหักค่าสถานที่ให้โรงเรียนไป 500 อาโกรอท เขายังเหลือกำไรสุทธิ 1500 อาโกรอท นอกจากวิธีการของลูกสาวที่อยู่ในความคาดคะเนของฉันแล้ว ต้องยอมรับว่าลีลาของลูกชายทั้งสองอยู่เหนือจินตนาการของฉันจริงๆ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ในช่วงเวลาสั้นๆนั้น พวกเขาเปลี่ยนแปลงจากเด็กที่ทำอะไรไม่เป็น กลับกลายเป็นเด็กที่มีความคิดในลักษณะพ่อค้าเต็มตัว รู้คุณค่าของเงิน และมุ่งมั่นจะหาเงินให้มากยิ่งขึ้นในรูปแบบที่ถูกต้อง แต่การเรียนของพวกเขาก็ไม่ได้รับการกระทบกระเทือนเลย ลูกชายคนโตได้มีโอกาสเรียนเกี่ยวกับกฏหมายของพวกผู้อพยพเข้าเมือง เขาบอกฉันว่า ครอบครัวที่อพยพเข้ามาในอิสราเอลอย่างบ้านเรา มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะเท็จหรือมันจะจริง แต่ก็ลองไปติดต่อทางการดู สุดท้ายก็ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเป็นเงิน 6000 ซิเกิล นี่เป็นเงินจำนวนไม่น้อยสำหรับครอบครัวเรา ลูกชายคนโตบอกฉันว่า เงินจำนวนนี้ได้มาเพราะคำแนะนำของเขาแท้ๆ เขาควรได้รับส่วนแบ่ง 10% ฉันตรึกตรองอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจแบ่งให้เขาไป 600 ซิเกิล หลังได้รับเงิน เขาซื้อของขวัญชิ้นงามให้ฉันและน้องๆคนละชิ้น เงินที่เหลือ เขาบอกว่าจะเอาไปต่อทุนเพื่อหาเงินให้ได้มากยิ่งๆขึ้น เขาใช้เงินจำนวนนั้นไปสั่งซื้อเครื่องเขียนจากเมืองจีนส่งผ่านมาให้ทางไปรษณีย์ ราคาเครื่องเขียนที่จีนถูกกว่าของอิสราเอลมากมาย เขานำมาขายให้เพื่อนๆในโรงเรียน พอได้กำไร เขาก็ยังเดินหน้าค้าขายต่อไป หนึ่งปีผ่านไป ตัวเลขบัญชีในธนาคารของเขาเพิ่มเป็น 2000 ซิเกิล แม้ลูกชายคนโตจะรู้จักหาเงินได้มาก แท้จริงแล้ว ลูกชายคนที่สองมีหัวการค้าแบบชาวยิวไม่แพ้พี่เขา ชาวยิวทั้งหลายมีหลักการง่ายๆว่า " ค้าขายอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องลงทุน จะมีความเสี่ยงน้อยที่สุด ทำอะไรก็ได้ที่คนอื่นยังไม่ได้เริ่มทำ จะมีโอกาสที่ดีที่สุด" ในขณะที่ลูกคนโตกำลังทำเงินกับเครื่องเขียนจากจีน ลูกคนที่สองก็ทำเงินของเขาไปอย่างเงียบๆ เขาใช้หัวคิดจากมันสมองของเขาที่ไม่ต้องลงทุนเป็นตัวเงิน เขาเขียนบทความต่างๆเกี่ยวกับเมืองเซี่ยงไฮ้จากมุมมองของเด็กอายุ 14 คนหนึ่ง เขามีคอลัมน์ประจำในหนังสือพิมพ์ เขียนอาทิตย์ละ 2 บท บทละประมาณ 1000 ตัวอักษร รายได้ตกเดือนละ 8000 อาโกรอท ส่วนลูกสาวคนเล็กนั้น จะเก็บตัวหน่อยตามภาษาเด็กผู้หญิง ไม่ได้แสดงบทบาทเรื่องหาเงินหาทองมากมายนัก แต่จากตัวเธอ ฉันสามารถรับรู้ถึงกลิ่นไอของชาวยิวที่ชอบมองชีวิตความเป็นอยู่แบบสวยงาม เธอหัดชงชาและทำขนม ทุกๆเย็น เธอจะเตรียมชาไว้กาหนึ่ง แล้วก็มีขนมจากฝีมือเธอเองไม่ซ้ำแบบ พวกเราจะได้นั่งล้อมวง ดื่มชา ทานขนมและพูดคุยกัน ขนมของเธอก็มักจะมีกลิ่นไอจากจีนปะปนอยู่ด้วย ทุกคนที่บ้านชอบกันทั้งนั้น แน่นอน มันไม่ใช่ของฟรี พี่ๆต้องจ่ายค่าขนมให้เธอ หักค่าวัตถุดิบแล้ว น้องสาวสุดท้องก็มีรายได้ที่น่าพอใจ ตอนนี้บ้านเราไม่จนแล้ว เรามีเงินเก็บพอประมาณ เลยตกลงกันว่าจะเปิดร้านอาหารจีนขึ้นมาร้านหนึ่ง ฉันถือหุ้น 40% ลูกคนโต 30% คนรอง 20% และคนเล็ก 10% ร้านของเราประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เป็นที่นิยมของเหล่านักชิมทั้งหลาย ผู้หญิงจากประเทศจีนคนนี้ก็เลยกลายเป็นคนที่ถูกสังคมจับตามองโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งฉันได้มีโอกาสเข้าพบนายกรัฐมนตรียิตซัค ราบินของอิสราเอล ฉันกลายเป็นคนโด่งดังในชั่วข้ามคืน ตอนนี้ฉันสามารถใช้ภาษาฮีบรูของอิสราเอลได้อย่างคล่องแคล่ว บวกกับฉันมีภาษาจีนเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ทำให้ฉันถูกทาบทามโดยบริษัทค้าเพชรของรัฐบาลอิสราเอล ให้ไปเป็นตัวแทนคนแรกของบริษัทประจำประเทศจีน พอฉันย้ายกลับไปอยู่ประเทศจีนอีกครั้ง ลูกๆทั้งสามก็ตามฉันไปด้วย พอเอาลูกๆไปเปรียบเทียบกับเด็กทั่วๆไปในจีน ฉันรู้สึกว่าลูกฉันจะดูโดดเด่นกว่าพวกเขาพอสมควร ก่อนจะกลับไปที่จีนเที่ยวนี้ พวกเขาทั้งสามไปกว้านซื้อสิ่งของต่างๆจากอิสราเอลไว้มากมาย พอพวกเขาเข้าเรียนได้ไม่นาน ครูของโรงเรียนแวะมาคุยกับฉัน บอกว่าเด็กๆนำเอาของมากมายจากอิสราเอลไปขายที่โรงเรียน มีตั้งแต่เครื่องประดับ เสื้อผ้า ของเล่น หรือแม้กระทั่งปลอกกระสุนเปล่าก็ไม่เว้น ครูอยากให้ฉันช่วยดูแลเด็กๆให้อยู่ในกรอบหน่อย ฉันบอกครูว่า ฉันไม่สามารถห้ามการกระทำของพวกเขา นี่เป็นวิธีหาเงินเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียนของพวกเขาเอง เพราะฉันไม่ได้รับผิดชอบค่าเล่าเรียนของพวกเขาอีกแล้ว ครูทั้งตกใจและแปลกใจ เขาไม่เข้าใจว่าคนมีเงินเดือนสูงในบริษัทข้ามชาติอย่างฉัน จะไม่รับผิดชอบค่าเล่าเรียนของลูกๆ ฉันเชิญครูทานขนมที่ลูกสาวคนเล็กทำไว้ขายในบ้าน ชิ้นละ 2 หยวน ฉันบอกครูด้วยรอยยิ้มว่า "นี่คือผลพลอยได้ของการได้อยู่อิสราเอลในหลายปีนี้ สอนให้เด็กๆได้เรียนรู้วิธีการดำเนินชีวิตของชาวยิว และฉันก็เชื่อว่าพวกเขาทุกคนจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพแน่นอน......." ในที่สุด ลูกคนโตตัดสินใจเข้าเรียนวิทยาลัยเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เขาต้องการจะเป็นมืออาชีพของวงการท่องเที่ยวให้ได้ เขาตั้งใจจะไปเปิดบริษัทบริการท่องเที่ยวที่อิสราเอล เพื่อเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญที่สุดเกี่ยวกับการเที่ยวประเทศจีน ลูกชายคนที่สองเข้าเรียนวิทยาลัยเกี่ยวกับภาษาต่างประเทศ เขาตั้งใจจะเป็นคอลัมน์นิสต์ เขาชอบงานขีดๆเขียนๆ ซึ่งสามารถทำเงินให้เขาได้โดยไม่ต้องควักเงินไปลงทุน ลูกสาวคนเล็กอยากไปเรียนทำครัวเกี่ยวกับอาหารจีน เพื่อเป็นเชฟระดับแนวหน้าให้ได้ โดยเฉพาะเป็นมือโปรด้านขนม ตั้งใจจะกลับไปเปิดร้านขนมที่อร่อยที่สุดในอิสราเอล กลับมาประเทศจีนเที่ยวนี้ ฉันรู้สึกว่าพ่อแม่ชาวจีนทั้งหลายมีจิตใจโลเลเกี่ยวกับการเลี้ยงดูบุตรหลานของตน พวกเขาล้วนหวังจะเห็นลูกร่ำรวยมีเงินมีทองเป็นเศรษฐี แต่กลับไม่ได้ให้โอกาสเรียนรู้และลงมือทำ The capacity to learn is a GIFT.
    ไม่ระบุชื่อ
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false