1 คนสงสัย
ไม่ควรกินอินทผลัมสดเกิน 4 ผล
ไม่ระบุชื่อ
 •  2 ปีที่แล้ว
meter: middle
1 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)
sofia เลือกให้ข้อความนี้◑ มีเนื้อหาที่เป็นจริงบางส่วน

เหตุผล

สำหรับผู้ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรหลีกเลี่ยงหรือจำกัดจำนวนการรับประทาน หากกินในปริมาณที่แนะนำคือวันละไม่เกิน 2 ผล เ

ที่มา

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    คนปลูกเห็ดไม่กินเห็ด คนขายเห็ดไม่กินเห็ด เห็ดมีอันตรายจริงหรือ
    คนชอบกินเห็ดต้องอ่านให้จบ คนปลูกเห็ดไม่กินเห็ด ? คนขายเห็ดไม่กินเห็ด ? เห็ดนานาชนิด ที่เรารู้จักและคนก็ชอบกิน เพราะรสชาติที่อร่อยกินง่าย และเรารู้แต่ประโยชน์ที่มีอยู่ในเห็ดมากมาย แต่เราไม่เคยรู้ถึง....ผลเสียของเห็ด หมายเหตุ เห็ดที่พูดถึงนั้นไม่ได้หมายถึง ทุกโรงเพาะเห็ดหรือเห็ดทั้งหมด แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า เห็ดชนิดใดที่ปลอดภัย จึงอยากให้ทุกคนโปรดใคร่ครวญพิจารณา ยังไม่มีนักวิชาการคนใด พูดถึงผลเสียของเห็ด เราจะรู้กันแต่ประโยชน์ของเห็ด โดยเฉพาะถ้าเรากินเห็ด 3 ชนิดจะช่วยป้องกันมะเร็งและมีผลดีต่อสุขภาพ แต่เราไม่เคยรู้ที่มาที่ไป จากผลเสียที่ติดมากับเห็ดเลย จนมาวันนี้ ได้คุยกับคนขายเห็ดโดยเฉพาะเห็ดนางฟ้า วันนี้เรื่องราวที่จะมาเล่า. คำพูดคือความจริงทุกคำ ถ้าผู้อ่านช่วยส่งต่อเอาบุญ จะเป็นประโยชน์อย่างมาก ขอให้ทุกคนที่ชอบกินเห็ด ได้ป้องกันที่ตัวเรา ว่าเราควรจะกินเห็ดต่อไปหรือจะเลิกกินเห็ด จะได้ป้องกันตนเองจากโรคร้ายที่จะตามมาจากรูปแบบที่เราคาดไม่ถึง จากการได้คุยเปิดใจ กับคนขายเห็ดหรือคนเพาะเห็ดขาย คุณมนัสมีอาชีพขายเห็ด ขายส่งต่อกับพ่อค้าแม่ค้าต่าง ๆ ทั่วประเทศ ทำมาจนเข้าปีที่ 20 สิ่งหนึ่งที่รู้ในใจคือ จะไม่ให้ลูกและครอบครัวตัวเองกินเห็ดที่ขายเลย จนกระทั่งผลที่สุด....ร่างกายตัวเองทรุด หมดเรี่ยวหมดแรง ทั้งที่ไม่มีโรคประจำตัว เป็นมาแบบนี้มาเป็นเดือน ๆ จนไปให้หมอตรวจร่างกาย หมอบอกว่ามีเชื้อมะเร็งในกระแสเลือด แต่หาจุดที่เป็นไม่เจอ แต่ฟังจากหมอพูดว่า มะเร็งถ้าเป็นระยะที่ 1 หรือที่ 2 คงไม่พบ นี่อาจจะเป็นระยะ 3 หรือ 4 แต่หมอก็ยังเช็คไม่ได้ว่าเป็นตรงไหน คุณมนัสก็กลับบ้านมาด้วยใจหดหู่หมดกำลังใจ แต่มีลูกที่น่ารักถึง 7 คน มีภรรยาที่น่ารัก แม่พ่อและญาติที่รักอีกหลายชีวิต ที่จะทำให้ต้องสู้กับโรคร้าย จนกระทั่งคุณมนัสได้เปิดใจ เล่าให้ฟังถึงเรื่องราวที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อนเลยคือ สาเหตุที่ทำให้เป็นมะเร็ง คือน่าจะมาจากสาเหตุ จากการสูดดมสารในตัวเห็ดที่ตัวเองต้องทำขายทุกวันนั้นเอง เราถามว่าทำไมถึงทำให้คิดอย่างนั้น คุณมนัสเลยเล่าให้ฟังว่า การปลูกเห็ดนางฟ้าหรือเห็ดเข็ม จะต้องใช้ยาฆ่าหนอนหรือยาฆ่าแมลง และต้องใช้เป็นจำนวนมากทุกรอบ ที่ต้องการผลผลิตที่มากและดี ต้องไม่ให้มีหนอนและแมลง แล้วคุณมนัสไม้รู้หรือถึงได้เอามาขาย คุณมนัสตอบรู้ครับ เลยไม่ให้คนในครอบครัวกินเลย รวมทั้งเพื่อนพ้องที่ตัวเองรักก็ไม่แนะนำให้กิน เพื่อนบางคนถามผมว่า ทำไมไม่เอาเห็ดมาฝากบ้าง ทั้งที่มีอาชีพขายส่งเห็ด ในใจผมรู้แต่ไม่รู้จะตอบเพื่อนว่าไง แต่ไม่เคยเอาเห็ดนางฟ้าไปฝากใครเลย จนมาวันนี้เหมือนกับว่า สิ่งที่เจอจะเป็นเวรกรรมที่เราไม่ได้ตั้งใจหรือไม่ ที่มาทำให้เป็นมะแร็ง ทั้งที่ไม่ได้กินเห็ดนางฟ้า ครอบครัวก็ไม่เคยกินเห็ดนางฟ้าหรือเห็ดเลย แต่ส่งขายให้คนกินทั้งประเทศ เวรกรรมจะมาย้อนที่หรือไม่ จึงถามไปว่าทำไมถึงคิดอย่างนั้น คุณมนัสเล่าต่อว่า ก่อนที่จะเป็นแบบนี้ เขาได้เห็นเจ้าของโรงเพาะเห็ด ที่ส่งเห็ดมาให้เป็นประจำ เป็นมะแร็งเต้านมและตัดเต้านมไปแล้ว และก็ไม่รู้ว่าจะหายหรือไม่ และลูกน้องที่ทำงานกับโรงเพาะเห็ด ก็มีอาการเจ็บป่วยไปทีละคนสองคนอย่างต่อเนื่อง และทุกคนที่ทำงานโรงเพาะเห็ด แต่ละคนมีสุขภาพไม่ดีกันเกือบทุกคน คุณมนัสไม่ได้เพาะเห็ดเอง แต่ผมเป็นผู้รับมาจำหน่ายต่อ ซึ่งล่าสุดก็มาพบเชื้อมะเร็งในกระแสเลือด จากนั้นจึงตั้งคำถามไปว่า เพราะอะไรที่ทำให้ทุกคนที่ทำงานตรงจุดนี้ จึงมีร่างกายไม่แข็งแรง คุณมนัสเลยเล่าให้ฟังว่า การเพาะเห็ดต้องใช้ยาสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหนอนอย่างมาก อาจจะเป็นเพราะเจ้าของโรงงานเพาะเห็ดและลูกน้อง ต้องสูดดมสารเคมีเหล่านั้น ถึงแม้คนปลูกเห็ดจะไม่กินเห็ด คนขายเห็ดไม่กินเห็ด แต่การสูดดมสารพิษพวกนี้ทุก ๆ วัน. มันก็สะสมในร่างกาย พอสะสมมาก ๆ ทุกวัน ๆ เลยมาแสดงอาการตอนมันเต็มที่แล้ว เมื่อขายเห็ดให้คนกินทั้งประเทศ แล้วผลเสียที่มีต่อคนอื่นต่อประชาชนคนที่ไม่รู้ เราก็จะเป็นบาปโดยที่ไม่รู้ตัวไหม เลยย้อนถามคุณมนัสว่า คุณมนัสเชื่อเรื่องเวรกรรมไหม โดยเฉพาะเจ้ากรรมนายเวร คุณมนัสตอบมาวันนี้เข้าใจและเชื่อเรื่องเวรเรื่องกรรม หลังจากเจอด้วยตัวเอง และคุณมนัสฝากบอกมาว่า ให้ประชาชนทุกคนจงรู้ว่า เห็ดถึงมีประโยชน์มาก แต่ก็มีโทษที่แอบแฝงมามากเช่นกัน เพราะถ้าคนที่เพาะเห็ดขายเพื่อหาผลกำไรมาก หรือต้องการกำไรมาก ก็จะใช้ยาฉีดที่เป็นอันตรายมากต่อสุขภาพ โดยเฉพาะคนที่ชอบกินเห็ด เริ่มแรกอาจมีผลข้างเคียง แต่นานไปถ้าสะสมมาก ๆ ก็จะเป็นเหมือนเจ้าของโรงเพาะเห็ดและคุณมนัสผู้ขายส่งต่อ หรือคนใกล้ชิดที่ทำอาชีพนี้ ซึ่งแต่ละคนก็มีสุขภาพที่ย่ำแย่กันทุกคน เรื่องราวที่เล่าให้ฟังนี้ ขอให้ประชาชนผู้บริโภค ได้เตรียมพร้อมและรู้ทัน ว่าควรกินเห็ดต่อหรือควรหลีกเลี่ยงการกินเห็ด เนื่องจาก คนปลูกเห็ดไม่กินเห็ด คนขายเห็ดไม่กินเห็ด เพราะแบบนี้นี่เองหรือ โปรดส่งต่อเป็นวิทยาทาน
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ข่าวบิดเบือน แพทย์เตือนให้เลิกกินก๋วยเตี๋ยว เพราะมีสารกันบูดเกินเกณฑ์
    ข่าวบิดเบือน แพทย์เตือนให้เลิกกินก๋วยเตี๋ยว เพราะมีสารกันบูดเกินเกณฑ์ . ตามที่มีการโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นเรื่องแพทย์เตือนให้เลิกกินก๋วยเตี๋ยว เพราะมีสารกันบูดเกินเกณฑ์ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน . กรณีการโพสต์ให้ข้อมูลโดยระบุว่าพบกรดเบนโซอิกในก๋วยเตี๋ยวประเภทต่างๆ โดยแพทย์เตือนให้เลิกกินก๋วยเตี๋ยว เพราะมีสารกันบูดเกินเกณฑ์ ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า จากที่มีการแชร์ข้อมูลผลตรวจวิเคราะห์ดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเมื่อปี 2550 ซึ่งสำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในฐานะห้องปฏิบัติการอ้างอิงด้านการตรวจวิเคราะห์อาหารของประเทศ ได้มีการตรวจวิเคราะห์เฝ้าระวังการใช้วัตถุกันเสีย (กรดเบนโซอิคและกรดซอร์บิค) ในอาหารประเภทเส้นมาอย่างต่อเนื่อง . นอกจากนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้รายงานผลการตรวจวิเคราะห์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการเฝ้าระวังคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแล้ว ซึ่งการผลิตอาหารประเภทเส้น บางชนิดมีการใช้วัตถุกันเสีย เพื่อช่วยยับยั้งการเจริญเติบโต หรือทำลายเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุให้อาหารเน่าเสีย หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกรดเบนโซอิกทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และท้องเสีย แต่หากได้รับในปริมาณน้อยร่างกายสามารถขับออกไปได้ ซึ่งข้อมูลของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญว่าด้วยวัตถุเจือปนอาหารขององค์การอาหารและเกษตรและองค์การอนามัยโลกแห่งสหประชาชาติ (The joint FAO/WHO Expert Committee on Food Additives, JECFA) ได้ประเมินและกำหนดค่าความปลอดภัย (ADI) พบว่า มีความเป็นพิษต่อคนและสัตว์น้อย . อย่างไรก็ตามวัตถุกันเสียทั้งสองชนิดมีข้อกำหนดการใช้ในประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 418) พ.ศ.2563 เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการใช้ และอัตราส่วนของวัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 2) สำหรับกรดเบนโซอิกให้ใช้ได้ไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ในอาหารประเภทเส้นที่ผ่านกระบวนการต้ม การนึ่ง การปรุงให้สุกการพรีเจลาทิไนซ์ (Pre-gelatinized) หรือแช่เยือกแข็ง และเส้นแบบกึ่งสำเร็จรูป ส่วนกรดซอร์บิกให้ใช้ได้ไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม เฉพาะอาหารประเภทเส้นแบบกึ่งสำเร็จรูป . เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเฝ้าระวังคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหารประเภทเส้นที่ทำจากแป้งอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งพัฒนาผู้ผลิตให้มีความรู้ความเข้าใจการใช้วัตถุกันเสียอย่างถูกต้อง ปฏิบัติตามเกณฑ์ที่ อย.กำหนด ซึ่งผู้ผลิตจะต้องควบคุมกระบวนการผลิตให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน GMP สำหรับผู้บริโภคควรเลือกซื้อและบริโภคอาหารที่ปรุงสุก สดใหม่ สะอาด ถูกสุขอนามัย และไม่ควรรับประทานอาหารซ้ำๆ กันเป็นเวลานาน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ . ดังนั้นข้อมูลที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www3.dmsc.moph.go.th หรือโทร. 02 9510000 . บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ข้อมูลที่มีการบอกต่อดังกล่าวเป็นข้อมูลผลการตรวจวิเคราะห์เมื่อปี 2550 แต่ปัจจุบันกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เฝ้าระวังคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ประเภทเส้นที่ทำจากแป้งให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน GMP . หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข . 📌 ช่องทางการติดตามและแจ้งเบาะแสข่าวปลอม . Website : https://www.antifakenewscenter.com/
    ชุมพล ศรีสมบัติ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ควรกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด
    admin
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    Bonnie Henry เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำจังหวัดบริติชโคลัมเบียซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกในตำแหน่งนี้ เธอยังเป็นรองศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย เธอมีพื้นฐานด้านระบาดวิทยาและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขและเวชศาสตร์ป้องกัน เธอยังมาจาก PEI (เกาะปรินซ์เอ็ดเวิร์ด) ภูมิปัญญาของดร. บอนนี่เฮนรี่ 1. เราอาจต้องอยู่กับ COVID-19 เป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี อย่าปฏิเสธหรือตื่นตระหนก อย่าทำให้ชีวิตของเราไร้ประโยชน์ มาเรียนรู้ที่จะอยู่กับข้อเท็จจริงนี้กันเถอะ 2. คุณไม่สามารถทำลายไวรัส COVID-19 ที่เจาะผนังเซลล์ได้โดยการดื่มน้ำร้อนมากๆ อีกทั้งจะทำให้คุณเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้นด้วย 3. การล้างมือและรักษาระยะห่างทางกายภาพสองเมตรเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกันของคุณ 4. หากคุณไม่มีผู้ป่วย COVID-19 ที่บ้านก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าเชื้อพื้นผิวที่บ้านของคุณ 5. ตู้สินค้า ปั๊มน้ำมัน รถเข็น และตู้เอทีเอ็ม ไม่ก่อให้เกิดการติดเชื้อ หากมีการล้างมือบ่อย จากใช้ชีวิตตามปกติ 6. โควิด -19 ไม่มีความเสี่ยง ที่แสดงให้เห็นว่า COVID-19 ติดต่อทางอาหารได้ 7. คุณสามารถสูญเสียความรู้สึกในการดมกลิ่น ด้วยอาการแพ้ และการติดเชื้อไวรัสจำนวนมาก นี่เป็นเพียงอาการไม่เฉพาะเจาะจงของ COVID-19 8. เมื่ออยู่บ้าน คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเร่งด่วนแล้วไปอาบน้ำ ไม่ควรถึงกับหวาดระแวง 9. ไวรัส COVID-19 ไม่ค้างอยู่ในอากาศเป็นเวลานาน นี่คือการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่ต้องสัมผัสใกล้ชิด 10. อากาศสะอาด คุณสามารถเดินผ่านสวนและผ่านสวนสาธารณะ (เพียงแค่รักษาระยะป้องกันทางกายภาพของคุณ) 11. ควรใช้สบู่ธรรมดาเพื่อป้องกันไวรัสโควิด -19 ไม่ใช่สบู่ต้านเชื้อแบคทีเรีย เพราะนี่คือไวรัสไม่ใช่แบคทีเรีย 12. คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการสั่งอาหารของคุณ แต่คุณสามารถอุ่นทั้งหมดในไมโครเวฟได้หากต้องการ 13. โอกาสที่จะนำ COVID-19 กลับบ้านพร้อมกับรองเท้าก็เหมือนกับการถูกฟ้าผ่า 2 ครั้งในหนึ่งวัน ฉันทำงานกับไวรัสมา 20 ปี การติดเชื้อไม่แพร่กระจายแบบนั้น 14. คุณไม่สามารถป้องกันไวรัสได้ด้วยน้ำส้มสายชูน้ำอ้อยและขิง! สิ่งเหล่านี้มีไว้เพื่อภูมิคุ้มกันไม่ใช่การรักษา 15. การสวมหน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน อาจจะรบกวนการหายใจและระดับออกซิเจนของคุณลดลง จงสวมใส่ในฝูงชนเท่านั้น 16. การสวมถุงมือก็เป็นความคิดที่ไม่ดีเช่นกัน ไวรัสสามารถสะสมเข้าไปในถุงมือและแพร่เชื้อได้ง่ายหากคุณสัมผัสใบหน้า ดังนั้นจึงควรล้างมือเป็นประจำ จะดีกว่า ภูมิคุ้มกันจะอ่อนแอลงเมื่อ ร่ายกายอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดเชื้อ แม้ว่าคุณจะกินอาหารเสริมภูมิคุ้มกัน แต่ควรจะออกจากบ้าน ไป สวนสาธารณะ / ชายหาดเป็นประจำ ภูมิคุ้มกันจะเพิ่มขึ้นตามการสัมผัส ไม่ใช่โดยการนั่งอยู่บ้านและบริโภคอาหารทอด / เผ็ด / หวานและเครื่องดื่มเติมอากาศ จงฉลาด ใช้ชีวิต รับทราบข้อมูล อย่างมีเหตุผล อย่าวิตก จนเกินไป ชีวิตจะปลอดภัย
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    13 พ.ค. 64 กรมอนามัยเตือน กินทุเรียนไม่ควรเกินวันละ 2 เม็ด มีโรคประจำตัวต้องระวัง
    13 พ.ค. 64 กรมอนามัยเตือน กินทุเรียนไม่ควรเกินวันละ 2 เม็ด มีโรคประจำตัวต้องระวัง
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    🔴 ในที่สุดก็ประกาศข่าวร้าย: สหรัฐอเมริกาประกาศอย่างเป็นทางการ: อาหารดัดแปลงพันธุกรรมที่มีสารพิษร้ายแรงได้ระเบิดในที่สุด 🔴 การระบาดของเนื้องอกในวงกว้างเกี่ยวข้องกับอาหารดัดแปลงพันธุกรรม กระจายข่าวด่วนและแจ้งให้ญาติและเพื่อนของคุณ (ของคุณ) ทราบ! อย่าลืมใส่ใจ! 🔴ทุกคนต้องดูให้ดีเมื่อไปซุปเปอร์มาร์เก็ต: 🔴บาร์โค้ดที่ขึ้นต้นด้วย "8" เป็นอาหารดัดแปลงพันธุกรรม! ⭕ ไม่ว่าจะเป็นอาหารอะไร ขอแค่ดัดแปลงพันธุกรรม อย่าซื้อหรือกิน! ไม่ว่าผู้เชี่ยวชาญจะสนับสนุนว่าอาหารดัดแปลงพันธุกรรมนั้นไม่เป็นอันตรายอย่างไร เราก็ต้องจำไว้ว่า: 1. คนอเมริกันไม่กินมัน 2. ห้ามโดยเด็ดขาดโดยสหภาพยุโรป; 3. ห้ามใช้ระบบอาหารพิเศษของจีนโดยเด็ดขาด 4. ห้ามเด็ดขาดในงาน World Expo; 5. ห้ามโดยเด็ดขาดในเอเชียนเกมส์ 6. ชาวแอฟริกันจะไม่นำเข้ายีนดัดแปลงพันธุกรรมแม้ว่าพวกเขาจะอดอาหารจนตายก็ตาม 7. ห้ามอย่างเคร่งครัดในมหาวิทยาลัยโลก 8. รัสเซียยืนยันว่าอาหารดัดแปลงพันธุกรรมทำให้สัตว์สูญพันธุ์มาสามชั่วอายุคน 🔴 หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารปลอม (มีพิษ) เหล่านี้: 🔴 1.มะเขือเทศเนื้อแดงมียีนพิษแมงป่อง! 🔴 2. ข้าวโพดหวานเป็นอาหารดัดแปลงพันธุกรรมอย่างแท้จริง! 🔴 3. มันเทศสีม่วงยังเป็นอาหารดัดแปลงพันธุกรรมอีกด้วย! ข้าวโพดหวานเป็นอาหารดัดแปลงพันธุกรรมจากประเทศสหรัฐอเมริกา "ข้าวโพดหวาน" ที่เรากินกันอย่างมีความสุขมานานกลายมาเป็นอาหารดัดแปลงพันธุกรรมที่ประเทศสหรัฐอเมริกาใช้เลี้ยงสัตว์ อย่างไรก็ตาม หลายปีที่ผ่านมา คนธรรมดาๆ หลายคนไม่มีความรู้เรื่องนี้ และยังชอบซื้อข้าวโพดหวานมารับประทานอีกด้วย คนหนุ่มสาว คนที่ยังไม่แต่งงาน และคนที่ยังไม่คลอดบุตร ไม่ควรกิน! แน่นอนว่าหลังจากทราบข่าวนี้แล้วทุกคนเพื่อตนเองและครอบครัว อย่าลืม: อย่ากินอาหารดัดแปลงพันธุกรรมอีกต่อไป 🔴โปรดจำไว้ว่า: ผลไม้นอกฤดูกาลทุกชนิดไม่สามารถรับประทานได้! ไม่ว่าคุณจะยุ่งแค่ไหน กรุณาส่งต่อให้เพื่อนของคุณ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  8 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    อ่านหน่อยนะ เตรียมตัวไว้นะ คนเยอะแยะบอกเราว่า ทำอย่างไรจึงจะไม่ติดไวรัสโคโรน่า แต่ไม่ยักมีใครสักคนบอกว่า ถ้าเกิดติดไวรัสแล้ว จะต้องทำอย่างไร ขอบคุณนะ คุณพยาบาลในจักรภพอังกฤษที่รวบรวมคำแนะนำนี้ให้เรา นี่เป็นคำแนะนำที่มีเหตุผลบางประการ จากพยาบาลทั่วไปในอังกฤษ นี่เป็นสิ่งที่ดิฉันเจอคำแนะนำว่า แรกที่สุดต้องทำอย่างไร จึงจะหลีกพ้นจากการติดไวรัส: • ล้างมือให้สะอาดหมดจด รักษาอนามัยร่างกาย อยู่ห่างๆ​ ผู้คน แต่ที่ดิฉันไม่เคยเห็นเลย คือ คำแนะนำว่า ถ้าเกิดติดไวรัสขึ้นมาจริงๆ​ จะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ซึ่งนี่อาจจะเกิดขึ้นกับพวกเราได้นะ ดังนั้น ในฐานะเป็นพยาบาลเพื่อนใกล้บ้าน ดิฉันขอให้คำแนะนำบางประการ: ถ้าคุณ เกิดติดเชื้อ โควิด-19 ขึ้นมา คุณต้องรู้จักเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อน คล้ายๆกับว่า คุณรู้แล้วว่าคุณโดนไอ้เจ้าเชื้อทางเดินลมหายใจเล่นงานเข้าแล้ว เช่น เป็นมีภาวะหลอดลมอักเสบ หรือ ภาวะปอดบวม คุณต้องนึกไว้นะว่าอาการเหล่านี้จะเกิดกับตัวคุณ คุณต้องเริ่มทำสิ่งต่อไปนี้เดี๋ยวนี้เลย : ให้แสงแดดชะโลมทั่วตัววันละ 20 นาทีทุกวัน (หรือมากที่สุดเท่าที่จะทำได้) แสงแดดจะเพิ่มระดับไวตามิน D ให้คุณมากมาย นี่จะไปเสริมความสามารถของภูมิคุ้มกันของตัวคุณ ถ้ามีกำลังทรัพย์ ให้กินอาหารเสริมดีๆ ร่วมกับไวตามิน C 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน รวมทั้ง สังกะสี ซิลิเนียม และ สารกลูทาไธโอน น้ำมันตับปลายี่ห้อ Scott’s Emulsion ก็เป็นอาหารบำรุงชั้นดีทีเดียว (น้ำมันตับปลาค้อด) สิ่งที่คุณจำเป็นต้องซื้อล่วงหน้าเข้าไว้ก่อน คือ: *กระดาษ Kleenex* *ยาพาราเซตามอล Paracetamol* *ยาแก้ไอ ตามที่ชอบ (ให้ดูฉลากยาด้วย เพื่อให้แน่ใจว่า ยาแก้ไอจะไม่มียาพาราเซตามอลไปเพิ่มอีก) *ยาอมผสมสังกะสี *สะเปรย์พ่นคอ เช่น Andolex หรือ TCP *น้ำผึ้งกับมะนาวก็ได้นะ ดีทีเดียวละ​ ! ยาหม่อง Vicks* vaporub ก็ดีนะ คนใช้กันเยอะ *เครื่องลดความชื้น ก็ควรจะซื้อมาใช้ในห้องที่คุณจะนอนทั้งคืน (คุณอาจจะใช้วิธีอาบน้ำอุ่นจากฝักบัว และนั่งในห้องน้ำ หายใจเอาไอน้ำเข้าตัวก็ได้นะ) ถ้าคุณเคยเป็นหอบหืด และหมอเคยจ่ายยาพ่นให้ ต้องแน่ใจนะว่า มันยังไม่หมดอายุ ให้หายาพ่นมาสำรองไว้นะ *อาหารการกิน* นี่เป็นเวลาเหมาะแก่การทำอาหารดีๆกิน ให้ทำซุบไว้เยอะๆเลย ใส่ตู้เย็นเอาไว้ พร้อมทุกเมื่อ *น้ำ น้ำ น้ำ* ตุนไว้เลยนะ ของเหลวใสๆที่คุณชอบนั่นแหละ เอาไว้ดื่มกิน น้ำประปาก็น่าจะดีนะ บางครั้งบางคราวคุณอาจนะต้องใช้ *การจัดการกับอาการที่เกิดขึ้น เมื่อมีไข้สูงกว่า 38°c ให้กินยา Paracetamol จะดีกว่ายา Ibuprofen. *พักผ่อนเยอะๆ * คุณไม่ควรออกจากบ้านนะ​ ! ถึงแม้ว่าคุณรู้สึกดีขึ้น ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ก็อาจจะมีเชื้อไวรัสอยู่กับตัวไปตั้ง 14 วัน ดังนั้น คนแก่กับคนที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว อย่าไปใกล้เขานะ *ใส่ถุงมือและหน้ากากอนามัย* เพื่อป้องกันไม่ให้กระจายเชื้อไปให้คนอื่นในบ้านของคุณเอง *กักตัว* ในห้องนอน ถ้าคุณไม่ได้อยู่แต่ลำพัง ให้บอกเพื่อนและคนในครอบครัวให้ วางสิ่งที่จะส่งให้คุณไว้ภายนอก เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสติดต่อ *ทำความสะอาด* ซักผ้าปูที่นอน เสื้อผ้าบ่อยๆ และล้างห้องน้ำด้วยน้ำยาทำความสะอาดด้วย *คุณไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล เว้นไว้แต่ว่า คุณกำลังหายใจลำบาก หรือมีไข้สูงมาก(มากกว่า 39°C) แล้ว ใช้หยูกยาต่างๆ​ ไม่ได้ผล กับผู้ใหญ่ ที่มีสุขภาพดีแล้ว 90% สามารถดูแลได้ที่บ้าน โดยการพักผ่อน ดื่มน้ำ กินยาที่หาซื้อได้จากร้านขายยา ถ้าคุณกังวล หรือไม่สบายใจ​ รู้สึกว่า ตัวเองอาการจะหนักขึ้น *ความเสี่ยงที่มีอยู่แล้ว* ถ้าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับสภาพปอด (เช่น​ หายใจติดขัด ถุงลมโป่งพอง มะเร็งปอด) หรือกำลังได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ต้องคุยกับหมอแล้วละว่า คุณควรจะทำอย่างไร หากคุณเกิดไม่สบายขึ้นมา *สำหรับเด็กๆ* พ่อแม่ออกจะโล่งใจว่า โคโรนาไวรัส ญาติดีกับเด็กมาก มันมักจะเป็นไม่กี่วันก็หาย (แต่มันก็ยังเป็นเชื้อโรคติดต่อนะ) จึงต้องคำนึงถึงสภาพเด็กๆ​ ด้วย . *ให้มีสติและตระเตรียมตามควรแก่เหตุ* แล้วทุกอย่างจะไม่เสียหาย จะบอกคุณเอาไว้ว่า ค่า pH ของโคโรนาไวรัสทั้งหลาย มีได้ตั้งแต่ 5.5 ถึง 8.5. สิ่งที่เราต้องทำ ในการจัดการกับไวรัสโคโรนา คือ เราต้องกินอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่าง โดยมีค่า pH สูงกว่าของไวรัส ดังที่บอกไว้ข้างบนนี้ อาหารเหล่านั้น เช่น *มะนาวฝรั่ง - 9.9pH* *มะนาว - 8.2pH* *อะโวคาโด - 15.6pH* *กระเทียม - 13.2pH* *มะม่วง - 8.7pH* *ส้มเขียวหวาน - 8.5pH* *สับปะรด - 12.7pH* *ดอกเก็กฮวย(?) - 22.7pH* *ส้ม - 9.2pH* คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณติดไวรัสโคโรนาเข้าให้แล้ว? 1. คันคอ 2. คอแห้ง 3. ไอแห้งๆ 4. มีไข้ตัวร้อน 5. หายใจถี่ หอบ 6. ไม่ได้กลิ่น และไม่รู้รส 7. นิ้วเท้า มีสีเขียวคล้ำ หรือดำ ดังนั้น เมื่อใดมีอาการอย่างนี้ให้กินน้ำอุ่น ร่วมกับน้ำมะนาวเข้าไปเลย อย่าเก็บข้อมูลนี้ไว้ กรุณาส่งต่อๆไปให้คนในครอบครัวและเพื่อนๆด้วยนะ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    อันตรายจากการใช้กระชายมากเกินไป จริงหรือไม่
    (loud volume) มีคำเตือนจาก นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก หลังจากเมื่อวันที่ 3 มิถุนายนปีที่ผ่านมา มีผู้แชร์ข้อมูลประสบปัญหาการใช้สมุนไพร โดยระบุว่า ดื่มน้ำกระชาย 10 วัน ร่างกายทรุดไร้เรี่ยวแรง “ผมนำทั้งหมด (กระชาย น้ำผึ้ง น้ำมะนาว) มาปั่นเป็นน้ำสำหรับดื่ม โดยดื่มเช้าและเย็น ดื่ม 2 จอกทุกวันเป็นเวลา 10 วัน ผมเริ่มป่วย แขนขาอ่อนแรง พูดเริ่มไม่ชัด เกือบจะเป็นปากเบี้ยว เดินก้าวเท้าไม่ได้ โดยซีกขวาผิดปกติคล้ายอัมพฤกษ์ ในที่สุดต้องไปพบแพทย์ ต้องนอนโรงพยาบาล 6 วัน ตรวจสแกนสมอง สแกนทุกอย่าง ผลเอกซเรย์พบว่า เลือดหนืดไปเลี้ยงก้านสมองไม่ทัน ประเด็นสำคัญคือ กระชายไม่ควรกินเยอะทุกวัน และในผู้สูงอายุยิ่งต้องระวังจะทำให้เลือดหนืด และเสี่ยงป่วย ขณะนี้อาการฟื้นตัวดีขึ้น 80-90% แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ดีเต็ม 100% ยังเดินไม่สมบูรณ์” นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า สมุนไพรอย่างกระชาย หากรับประทานเป็นอาหารสามารถรับประทานได้ เพราะการประกอบอาหารไม่ได้ใช้จำนวนมาก แต่การรับประทานตามหลักก็ไม่ได้แนะนำให้บริโภคทุกวัน แม้แต่เป็นอาหารตามหลักโภชนาการก็ไม่แนะนำให้บริโภคอะไรประจำทุกวัน แต่ต้องบริโภคหลากหลาย หากรับประทานด้วยจุดประสงค์ทางยา หรือการบำรุงร่างกาย ต้องอยู่ภายใต้แพทย์และแพทย์แผนไท ยแนะนำ ยิ่งผู้สูงอายุยิ่งต้องระวัง
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดความอ้วน "จัสมี" อย. ชี้ โฆษณาเกินจริง พร้อมถอดเลข อย. ออกแล้ว
    พบการผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จัสมี ทางผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “เจ้สวย” โฆษณาโดยระบุสรรพคุณ “... สูตรเด็ด ๒ ตัวยา “บล็อค” เน้นๆ ดักจับแป้ง,น้ำตาล... “เบิร์น” รัว ๆ กระชับสัดส่วน...บวมออกแขนขาท้าเลย... “พุงยุบ” เร่งเผาผลาญ ไม่ต้องอดก็ลดได้... บอกลา หุ่นพังๆ” และระบุเลข อย. 10-1-20960-5-0120 ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้ว พบว่า เป็นข้อมูลเท็จ เนื่องจากการโฆษณาสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. เมื่อตรวจสอบสถานะการอนุญาต พบว่าผลิตภัณฑ์เลขสารบบอาหาร 10-1-20960-5-0120 ได้ถูกยกเลิกแล้ว เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ทั้งนี้ อย.ได้สั่งระงับการโฆษณาทางออนไลน์ทั้งหมด และดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดแล้ว จึงขอเตือนภัยผู้บริโภคอย่าได้หลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อวดอ้างสรรพคุณลดความอ้วน วิธีการลดน้ำหนักที่ดีที่สุด คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและควบคุมอาหาร ไม่กินอาหารพร่ำเพรื่อ ควรกินอาหารที่หลากหลายในสัดส่วนที่เหมาะสม ลดการกินอาหาร หวาน มัน เค็ม รวมทั้งควรออกกำลังกายอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ อย. ไม่เคยอนุญาตให้ผลิตภัณฑ์อาหารโฆษณาไปในทางลดน้ำหนัก หากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือตรวจสอบเลขผลิตภัณฑ์ผ่านทาง Oryor Smart Application หรือเว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th
    std47993
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมากฎหมายของสหรัฐอเมริกามีผลบังคับใช้: 🎯สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา อย คำเตือนที่ 99-33 ออกห้ามสิ่งต่อไปนี้ อาหารญี่ปุ่นที่นำเข้าสู่สหรัฐอเมริกา: 📎นมสด 📎เนย 📎ผงนม 📎นมผงทารกและอื่น ๆ 📎ผลิตภัณฑ์นม 📎ผัก มันเทศ เกลือ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ 📎ข้าว 📎ข้าวสาลีทั้งหมด 📎ปลา; 📎เนื้อสัตว์และสัตว์ปีก 📎หอย; 📎หอยเม่น; 📎ส้มโอ ส้ม; 📎แอปเปิ้ล กีวีและผลไม้อื่น ๆ ❌สาเหตุคือการปนเปื้อนของ Radionuclide ในที่สุดญี่ปุ่นก็ยอมรับว่าไม่สามารถควบคุมการปล่อยน้ำเสียกัมมันตภาพรังสีวันละหลายล้านตันของฟุกุชิมะซึ่งไหลลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้หลายคนป่วยด้วยโรคมะเร็งหรือ โรคต่างๆส่งผลกระทบร้ายแรงต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมในระบบนิเวศทั่วโลกนึกไม่ถึง! ❌อย่ากินอาหารญี่ปุ่น 💢ในน่านน้ำชายฝั่งของสหรัฐอเมริกาพบว่าค่ากัมมันตภาพรังสีสูงขึ้นเรื่อย ๆ พยายามอย่าไปญี่ปุ่นให้มากที่สุดจะดีที่สุดไม่ควรไป 💢รัฐบาลออสเตรเลียหยุดการออกวีซ่าสำหรับชาวญี่ปุ่น 💢สหรัฐอเมริกายังหยุดการอพยพชาวอเมริกันของชาวญี่ปุ่น ปัจจุบันสถานการณ์ในญี่ปุ่นเลวร้ายกว่าที่เราคิดมากกว่า 70 ของดินแดนทั้งหมดของญี่ปุ่นเต็มไปด้วยมลพิษ วัสดุกัมมันตภาพรังสีของญี่ปุ่นได้ไหลลงสู่มหาสมุทรและพื้นที่ของมหาสมุทรที่ได้รับผลกระทบก็กว้างขึ้น เป็นเรื่องร้ายแรงกว่าที่คิดรัฐบาลญี่ปุ่นกลัวว่าจะเกิดความตื่นตระหนกพวกเขาจะยอมแพ้หรือโกหกเพื่อบอกคนรอบข้าง ห้ามรับประทานอาหารทะเลหรือเห็ดใด ๆ ในญี่ปุ่น หลังจากแผ่นดินไหวครั้งล่าสุดวัสดุกัมมันตภาพรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เสียหายในญี่ปุ่นเริ่มไหลลงสู่มหาสมุทรหรือบริเวณโดยรอบและเริ่มถูกค้นพบ ❌อาหารทะเลและพืชที่มีรูปร่างผิดปกติ ❌เห็ดแปรรูป ❌ปลาเผา ❌อาหารทะเลแปรรูป อาหารที่สัมผัสกับสารกัมมันตภาพรังสีจะกระตุ้นภายใน 1-2 ปีหลังรับประทานอาหาร 🅾️มะเร็งหลอดอาหาร 🅾️มะเร็งต่อมน้ำเหลือง 🅾️มะเร็งเม็ดเลือดขาว ฯลฯ โดยเฉพาะเด็กเล็กและสตรีมีครรภ์จะส่งผลกระทบมากขึ้น ประเทศเพื่อนบ้านหยุดการค้าอาหารทะเลกับญี่ปุ่น: ห้ามนำเข้า📎แฮร์ริ่งหอยเห็ดหอมจากญี่ปุ่น กัมมันตภาพรังสีของปลาที่จับได้ในน่านน้ำใกล้ญี่ปุ่นถึง 380 เท่า จากนี้ไปไม่เคยกินอาหารทะเลญี่ปุ่นหรือซาซิมิ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์สึนามิระเบิดนิวเคลียร์ในญี่ปุ่นการสำรวจนักท่องเที่ยวชาวจีนในญี่ปุ่นที่เดินทางไปญี่ปุ่นและรับประทานอาหารญี่ปุ่นมาหลายครั้งพบว่ามีโรคแปลก ๆ ที่แตกต่างกันไปและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ! และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของญี่ปุ่นที่ปนเปื้อนจากนิวเคลียสกัมมันตภาพรังสีก็ถูกส่งไปยังนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ! ญี่ปุ่นกินอาหารนำเข้าจากประเทศอื่น! เพื่อนที่รักและเพื่อนร่วมชาติ เพื่อสุขภาพของคนที่คุณรักและคนรุ่นต่อไปโปรดแบ่งปันในพื้นที่ WeChat ของคุณและต่อต้านอาหารที่ปนเปื้อนนิวเคลียร์ทั้งหมดในญี่ปุ่นทันที อย่าซื้อ. จำไว้!
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false