ฝากเงินออมสินได้อัตราดอกเบี้ยเผื่อเรียก .50 บาท ฝากประจำได้อัตราสูงสุด 1.50 บาท
แต่ถ้าถอนเงินจากธนาคารมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลในเดือน มีนาคม 67 พันธบัตรให้ดอกเบี้ย 3.4% ได้ดอกเบี้ยสูงกว่าธนาคาร 6 เท่า และยังจ่ายดอกเบี้ยให้ผู้ซื้อทุกๆ 3 เดือนอีก
รัฐบาลทำแบบนี้ประชาชนที่มีเงินฝากกินดอกกับธนาคารก็จะเบิกเงินฝากจากธนาคารทั้งหมดไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล ทำให้ธนาคารทุกธนาคารขาดสภาพคล่อง
เป็นการปล้นเงินแบบถูกต้องตามกฎหมายด้วยแรงจูงใจดอกเบี้ย 3.4% แล้วเอาไปเข้าระบบดิจิทัลวอลเล็ต 500,000 ล้านบาท ที่นายกทั้งสองซื้อโทเคนเงินบิทคอยของสหรัฐเอาไว้แลกเงินบาทที่มาจากการซื้อพันธบัตรรัฐบาลเอามาแจกเป็นเงินดิจิทัลใช้คูปองแทนเงินสด เงินบาทเข้าระบบดิจิทัลบล็อกเชน พอเงินเข้าระบบได้รับค่านายหน้า 3 % และเวลาเอาคูปองแลกกับเป็นเงินบาทได้อีก 3% ตามกฎหมายตลาดหลักทรัพย์ปี 2535 รวมเงินเข้าออกจากระบบดิจิทัล 6%จากยอดเงิน 500,000 ล้านบาทตามกฎหมายตลาดหลักทรัพย์
500,000×6%=30,000 ล้านบาท
เรียกว่าปล้นถูกต้องตามกฎหมายตลาดหลักทรัพย์ แล้วยังมีค่าแลกเปลี่ยนจากคูปองเป็นเงินบาทอีก 30% เป็นเงินอีก 500,000×30%=150,000 ล้านบาท รวมแล้วร่วมสองแสนล้านบาท
หลอกให้ประชาชนซื้อพันธบัตรดอกเบี้ย 3.4% แล้วเอาเข้าระบบบล็อกเชนได้ค่าหลอกลวง 200,000ล้าน
แล้วประชาชนก็ใช้หนี้ไปทั้งชาติ แล้วเงินในคลังจะเหลือได้อย่างไรคงมีแต่หนี้สินล้นพ้นตัวเตรียมล้มละลายกันทุกธนาคารนับแต่เดือนมีนาคม 2567 เป็นต้นไป
การขายพันธบัตรให้กับประชาชนโดยให้ดอกสูงเพื่อเอาเงินมาแจกประชาชนฟรีๆโดยที่ประเทศมีแต่ขาดทุนทุกๆด้านและจะต้องแจกเป็นเงินดิจิทัลเงินอากาศ แบงค์กาโม่ เพราะมันตรวจสอบไม่ได้ เป็นการทำลายระบบธนาคาร รัฐวิสาหกิจของประเทศ ให้เจ๊ง ล้มละลาย เพราะประชาชนแห่เอาเงินมาซื้อพันธบัตร ต่อไปประชาชนต้องนอนกอดพันธบัตรร้องไห้ เหมือนใบประทวนรับจำนำข้าวไม่มีผิด
แต่ถ้าถอนเงินจากธนาคารมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลในเดือน มีนาคม 67 พันธบัตรให้ดอกเบี้ย 3.4% ได้ดอกเบี้ยสูงกว่าธนาคาร 6 เท่า และยังจ่ายดอกเบี้ยให้ผู้ซื้อทุกๆ 3 เดือนอีก
รัฐบาลทำแบบนี้ประชาชนที่มีเงินฝากกินดอกกับธนาคารก็จะเบิกเงินฝากจากธนาคารทั้งหมดไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล ทำให้ธนาคารทุกธนาคารขาดสภาพคล่อง
เป็นการปล้นเงินแบบถูกต้องตามกฎหมายด้วยแรงจูงใจดอกเบี้ย 3.4% แล้วเอาไปเข้าระบบดิจิทัลวอลเล็ต 500,000 ล้านบาท ที่นายกทั้งสองซื้อโทเคนเงินบิทคอยของสหรัฐเอาไว้แลกเงินบาทที่มาจากการซื้อพันธบัตรรัฐบาลเอามาแจกเป็นเงินดิจิทัลใช้คูปองแทนเงินสด เงินบาทเข้าระบบดิจิทัลบล็อกเชน พอเงินเข้าระบบได้รับค่านายหน้า 3 % และเวลาเอาคูปองแลกกับเป็นเงินบาทได้อีก 3% ตามกฎหมายตลาดหลักทรัพย์ปี 2535 รวมเงินเข้าออกจากระบบดิจิทัล 6%จากยอดเงิน 500,000 ล้านบาทตามกฎหมายตลาดหลักทรัพย์
500,000×6%=30,000 ล้านบาท
เรียกว่าปล้นถูกต้องตามกฎหมายตลาดหลักทรัพย์ แล้วยังมีค่าแลกเปลี่ยนจากคูปองเป็นเงินบาทอีก 30% เป็นเงินอีก 500,000×30%=150,000 ล้านบาท รวมแล้วร่วมสองแสนล้านบาท
หลอกให้ประชาชนซื้อพันธบัตรดอกเบี้ย 3.4% แล้วเอาเข้าระบบบล็อกเชนได้ค่าหลอกลวง 200,000ล้าน
แล้วประชาชนก็ใช้หนี้ไปทั้งชาติ แล้วเงินในคลังจะเหลือได้อย่างไรคงมีแต่หนี้สินล้นพ้นตัวเตรียมล้มละลายกันทุกธนาคารนับแต่เดือนมีนาคม 2567 เป็นต้นไป
การขายพันธบัตรให้กับประชาชนโดยให้ดอกสูงเพื่อเอาเงินมาแจกประชาชนฟรีๆโดยที่ประเทศมีแต่ขาดทุนทุกๆด้านและจะต้องแจกเป็นเงินดิจิทัลเงินอากาศ แบงค์กาโม่ เพราะมันตรวจสอบไม่ได้ เป็นการทำลายระบบธนาคาร รัฐวิสาหกิจของประเทศ ให้เจ๊ง ล้มละลาย เพราะประชาชนแห่เอาเงินมาซื้อพันธบัตร ต่อไปประชาชนต้องนอนกอดพันธบัตรร้องไห้ เหมือนใบประทวนรับจำนำข้าวไม่มีผิด