เห็นได้ชัดว่าเป็นเนื้อหาและภาพที่ทำมาจากเอไอ จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง หรืออาจมีส่วนจริงอยู่เพียงเล็กน้อย

(ข้อความต่อไปนี้นำจากการสอบถามเอไอ Google Gemini และตัดทอนบางส่วน)
วิดีโอมีลักษณะเป็นบทความที่อ้างอิงถึงเหตุการณ์ที่เป็นจริงได้ยาก และมีการใช้ภาพประกอบที่เป็น AI-Generated Image ซึ่งยิ่งตอกย้ำว่าเนื้อหาดังกล่าวขาดความน่าเชื่อถือในเชิงข้อเท็จจริง

ประเด็นที่พบว่าไม่เป็นความจริง หรือไม่สามารถตรวจสอบได้:

1. การกล่าวอ้างถึงรายงานพิเศษของ The New York Times (NYT)

วิดีโออ้างว่า: บรรยากาศตึงเครียดในกองบรรณาธิการของ The New York Times และมีการทำ "สกู๊ปข่าวใหญ่" เรื่องกระแส "ไทยแลนด์ฟีเวอร์" ในอเมริกา [00:00]

ผลการตรวจสอบ: ไม่พบรายงานข่าวชิ้นสำคัญ หรือสกู๊ปพิเศษจากหนังสือพิมพ์ The New York Times ที่รายงานถึง "กระแสไทยแลนด์ฟีเวอร์" โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของการเรียนภาษาไทยในลักษณะที่กล่าวอ้างในวิดีโออย่างชัดเจน

ข้อสรุป: การใช้ชื่อ The New York Times มาประกอบเรื่องราวนั้น น่าจะเป็นการสมมติขึ้น เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเนื้อหา

2. สถิติการเพิ่มขึ้นของการเรียนภาษาไทย

วิดีโออ้างว่า: แอปพลิเคชันเรียนภาษาไทยมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 300% เมื่อเทียบกับปีก่อน [01:54]

จำนวนนักเรียนมัธยมปลายในสหรัฐฯ ที่เลือกวิชาโทเป็นภาษาไทย พุ่งแตะระดับสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ [02:10]

ผลการตรวจสอบ: ไม่พบสถิติอย่างเป็นทางการหรือรายงานจากแหล่งที่น่าเชื่อถือที่ยืนยันถึงการเติบโตดังกล่าว

ข้อเท็จจริงที่ปรากฏจริง

แม้ว่าสถิติที่ระบุในวิดีโอจะไม่เป็นความจริง แต่ประเด็นที่วิดีโอกล่าวถึงเกี่ยวกับ "กระแสนิยม" (Soft Power) นั้นมีมูลความจริงในระดับหนึ่ง:

การเติบโตของ Soft Power ไทย: มีการรายงานจากหลายแหล่งข่าว (รวมถึงหน่วยงานของรัฐบาลไทย) ว่าภาษาและวัฒนธรรมไทยได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในต่างประเทศจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก ซีรีส์ไทย (Thai series/dramas) และอิทธิพลจาก Influencers ซึ่งกระตุ้นความสนใจให้ชาวต่างชาติหันมาเรียนภาษาและสนใจวัฒนธรรมไทยมากขึ้น [Thai Fever! More and More Foreigners Are Learning Thai Each Year - THAILAND .GO .TH]

แรงจูงใจในการเรียนรู้: ผลการตรวจสอบยังสอดคล้องกับวิดีโอที่ว่าผู้คนจำนวนหนึ่งไม่ได้เรียนภาษาไทยเพียงเพื่อธุรกิจเท่านั้น แต่เรียนเพื่อความสนใจในวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และการเชื่อมโยงทางจิตใจ (Inner Peace) [08:48]

สรุปโดยรวม:

ความสงสัยของผู้ใช้ที่ว่าวิดีโอไม่น่าเชื่อถือเนื่องจากมีการใช้ภาพ AI นั้นถูกต้องแล้ว ตัววิดีโอได้ใช้โครงเรื่องคล้ายสารคดีจากสื่อใหญ่เพื่อสร้างความตื่นเต้น แต่มีการใช้ตัวเลขสถิติที่เกินจริง และไม่สามารถตรวจสอบยืนยันได้

การเพิ่มขึ้นของความสนใจในภาษาไทยอาจมีจริงแต่ไม่ได้เติบโตอย่างรุนแรงตามตัวเลขที่วิดีโอนำเสนอ