1 คนสงสัย
อันตรายใช้กระดาษทิชชูซับน้ำมันของทอด
ไม่ระบุชื่อ
 •  2 ปีที่แล้ว
meter: middle
1 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)
Thanathun. เลือกให้ข้อความนี้◑ มีเนื้อหาที่เป็นจริงบางส่วน

เหตุผล

กระดาษทิชชูเองก็มีหลายระดับ หลายเกรดก่อนอื่นก็ต้องบอกว่าทิชชูต้องประกอบด้วยเส้นใยแล้วก็จะมีส่วนประกอบอื่น ๆ ที่เป็นทางเคมีที่ใส่ไปเพื่อทำให้

ที่มา

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    จ่อเลิกขายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 95 และE85 ดัน E20 ขึ้นแท่นน้ำมันหลัก พร้อมอัพราคาพืชเอทานอล . รถยนต์ส่วนใหญ่บนท้องถนนในประเทศไทยนิยมใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอล์ 91 กับ 95 ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 70% ของปริมาณการใช้น้ำมันทุกประเภทในยานพาหนะ แต่อีกไม่นานเราอาจไม่ได้เติมน้ำมันประเภทนี้อีกต่อไป รวมถึงน้ำมัน E85 ด้วย เพราะมีข่าวว่ากระทรวงพลังงาน โดยเจ้ากระทรวงที่ควบต่ำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอย่างนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ เดินหน้าแผนพลังงานระยะยาวแน่! . สำหรับการยกเลิกน้ำมันทั้ง 3 ประเภทนั้น หากมองเหตุผลเบื้องต้นอย่างแรกคือ รถที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลงปริมาณลงเรื่อยๆ ตามกาลเวลา รถใหม่ๆ จะใช้น้ำมัน E85 E20 หรือเติมน้ำมันได้หลากหลายประเภทอยู่แล้ว แต่เมื่อเจาะลึกลงไปดูต้นทางที่จะทำให้เกิดการยกเลิกนี้ ก็มาจากแผนบูรณาการพลังงานระยะยาว หรือ TIEB ฉบับใหม่ระหว่าง พ.ศ. 2561 - 2580 โดยมีองค์ประกอบหลักๆ 5 แผนด้วยกัน ได้แก่ - แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (Power Development Plan) - แผนอนุรักษ์พลังงาน (Energy Efficiency Plan) - แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (Alternative Energy Development Plan) - แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan) - แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ถือว่าเป็นพลังงานชนิดที่มีสัดส่วนการใช้สูงมากๆ ในภาคการขนส่ง . เบื้องต้นรองนายกผู้เป็นเจ้ากระทรวงก็ได้เห็นชอบให้คงเป้าหมายของแผนบูรณาการข้างต้นต่อไป เนื่องจากจัดทำกันมาตั้งแต่ยุคของนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตเจ้ากระทรวง พร้อมสั่งให้มีการวัดผลสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงทุกๆ ปี ตลอดระยะเวลาแผนช่วง 5 ปีที่ต้องชัดเจน โดยเฉพาะแผนบริหารจัดการน้ำมัน ด้วยกำหนดให้น้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพ B10 และ E20 กลายมาเป็นน้ำมันมาตรฐานของประเทศ และยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 แก๊สโซฮอล์ 95 และ E85 แทน . เมื่อหาเหตุผลอื่นๆ ประกอบเพิ่มเติมในการยกเลิกการใช้น้ำมันเหล่านี้ มันมีปัจจัยหนึ่งมาจาการที่ภาครัฐต้องการเข้าไปช่วยเพิ่มราคาของวัตถุดิบที่เป็นผลิตผลทางการเกษตรก็คือ มันสำปะหลัง และอ้อย เนื่องจากปัจจุบันถูกนำมาใช้ผลิตเป็นเอทานอล ในสัดส่วนประมาณ 27% ของการผลิตเอทานอลทั้งหมด . โดยก่อนหน้านี้กระทรวงพลังงานก็เคยมีการประกาศให้น้ำมันดีเซล B10 หรือน้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 10% ในทุกลิตรกลายเป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานของประเทศเมื่อ 1 มกราคม 2563 เพื่อสนับสนุนราคาผลผลิตปาล์ม โดยปั๊มน้ำมันทุกแห่งก็จะมีเวลาปรับตัวมา 4 - 5 เดือน ในการเปลี่ยนป้ายชื่อผลิตภัณฑ์ที่ตู้จ่ายน้ำมัน จาก “ดีเซลB10” เป็น “ดีเซล” ซึ่งน้ำมันดีเซลที่ขายกันทุกวันนี้ จะถูกเปลี่ยนชื่อเรียกว่า ดีเซล B7 ให้กลายเป็นน้ำมันทางเลือกสำหรับรถเก่าและรถยุโรป น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 ก็ให้เป็นน้ำมันทางเลือกสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 ตุลาคมนี้ . หากมีการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ น้ำมันไบโอดีเซล B10 จะช่วยดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบหรือ CPO ได้ปีละ 2.2 ล้านตัน และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ หรือ B100 ได้วันละ 6.5 ล้านลิตร . กลับมาที่การยกเลิกน้ำมันโซฮอล์ 91 กันต่อ อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า มันสร้างความสันสนงุนงงพอควรให้หมู่ประชาชนที่ต้องเจอกกับการเปลี่ยนแปลในช่วงแรกๆ แต่ไม่ใช่ประชาชนที่สับสนอย่างเดียว ทางผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันก็สับสนพอควร และปั๊มน้ำมันในบ้านเราส่วนใหญ่มีหัวจ่ายไม่มากนัก การจะเก็บสำรองน้ำมันหลายๆ ชนิดไว้ก็ล้วนเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งนั้น หากรวมน้ำมันเบนซิน กับดีเซลในบ้านเรารวมๆ กันมีถึง 11 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นสูตรพรีเมียม หรือสูตรธรรมดา ให้เป็นประเภทเดียวกันในหมวดหมู่เดียวกัน ก็จะเป็นการประหยัดต้นทุนของปั๊มน้ำมัน ฉะนั้นปั๊มน้ำมันขนาดกลาง และขนาดเล็กก็จะได้ให้บริการได้ลงตัวมากขึ้น . ถัดมาคือเรื่องของแก๊สโซฮอล์ E20 ที่ถูกมองเป็นพระรองมาตลอด แม้ว่าจะเป็นน้ำมันราคาถูกกว่า ประหยัดกว่า คุณภาพตามมาตรฐาน แต่คนเลือกเติมน้อยกว่าเนื่องจากมองว่าเวลาขับขี่แล้วรู้สึกเครื่องยนต์ไม่แรง การเผาไหม้สู้น้ำมันสูตรอื่นไม่ได้ จังหวะนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการเดินหน้าครั้งสำคัญของวงการพลังงานไทยอีกครั้ง เพื่อส่งเสริมให้ลดประเภทน้ำมันลง และใช้ E20 เป็นน้ำมันเบนซินพื้นฐาน ด้วยการตั้งเป้าปริมาณการใช้ E20 ไม่ต่ำกว่า 50% ของความความต้องการใช้น้ำมันเบนซินภายในปี 2564 และยกมาตรฐานน้ำมันของไทยเป็นมาตรฐานยุโรป ระดับ 5 ในปี 2567 . ส่วนมาตรฐานน้ำมันยูโร คืออะไร เป็นมาตรฐานการรับมือมลพิษทางอากาศ หรือ Euro Emissions Standards เพื่อควบคุมอัตราการปล่อยมลพิษของรถยนต์ หากย้อนไปดูการกำหนดใช้ครั้งแรกที่เริ่มกันมาตั้งแต่ปี 1992 โดยรายละเอียดทางเทคนิคเบื้องต้นนั้น ข้อกำหนดของมาตรฐานยูโร 1 จะมีการระบุว่ารถยนต์ต้องเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแบบไร้สารตะกั่ว และให้มีอุปกรณ์เครื่องฟอกไอเสียเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) จนพัฒนามาต่อเนื่องมาเป็น ยูโร 2 ในปี 1996, ยูโร 3 ในปี 2000 ยูโร 4 ที่บ้านเราใช้กันอยู่คือการกำหนดให้รถยนต์ที่ผ่านการทดสอบจะต้องมีปริมาณการปล่อยสารมลพิษไอเสียต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ประกอบไปด้วย คาร์บอนมอนออกไซด์ต้องไม่เกิน 0.5 g/km. ไนโตรออกไซด์ต้องไม่เกิน 0.25 g/km ขณะที่ยูโร 5 จะเพิ่มความเข้มงวดขึ้นไปอีกขั้น โดยต้องลดลง 28% จากยูโร 4 . ขณะที่คุณนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานบอกไว้ว่า หากรัฐมนตรีเห็นชอบน่าจะใช้เวลาประมาณ 9 เดือนหลังจากแผนอนุมัติ โดยแบ่งเป็นช่วง 3 เดือนแรก จะทำการสนับสนุนให้ประชาชนมาเติมน้ำมัน E20 เพิ่มขึ้น ทั้งการใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาสนับสนุนด้านราคา ต่อจากนั้นช่วง 3 - 6 เดือน ก็ทำการกำหนดให้โรงกลั่นน้ำมันหยุดทำการผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 พร้อมใช้กลไกราคาให้โซฮอล์ 91 กับโซฮอล์ 95 มีราคาเท่ากัน ลดส่วนต่าง E20 ให้ถูกกว่า 95 และเมื่อครบแผนการ 9 เดือน ก็เชื่อว่าจะสามารถดันให้ E20 เป็นน้ำมันพื้นฐานได้เต็มรูปแบบ . แล้วรถยนต์รุ่นเก่าจะทำอย่างไร?...ทางแรกอาจจะเปลี่ยนไปใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ก่อน เพราะยังไม่ยกเลิก ซึ่งมีราคาสูงกว่า 91 ไม่มากนัก หากรวมๆ กับประสิทธิภาพการเผาไหม้ที่ดีขึ้นก็ถือว่ารับได้อยู่ อีกทางที่สายประหยัดสามารถเลือกได้นั่นคือ การนำรูปไปติดกล่องจูนเครื่องยนต์ให้รองรับน้ำมัน แก๊สโซฮอล์ E20 หรือ E85 แต่ต้องยอมรับว่าการจะไปติดกล่องอะไรก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นกับเครื่องยนต์ ส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของท่อน้ำมันเร็วขึ้น ยิ่งหากถึงคราวซวยเจอช่างหรืออู่รถติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็ย่อมมาพร้อมค่าใช้จ่ายที่งอกมาอีกด้วย . หากทางเลือกแรกไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งการจูนกล่องเครื่องยนต์ให้รองรับ หรือเปลี่ยนน้ำมัน ยังไม่โดนใจคุณ ทางเลือกอื่นก็ยังมีให้ แต่ทางนี้ต้องเป็นคนที่ทำใจได้ตอนขายรถ เนื่องจากให้นำรถไปติดแก๊ส เพราะแก๊ส LPG NGV ใดๆ ก็ตามจะทำให้รถยนต์สุดรักของคุณราคาตกลงไปด้วย ประกอบกับความเสี่ยงจากความร้อนในการเผาไหม้ระบบแก๊ส สูงกว่าน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วขึ้นกว่าเดิม รถยนต์เสื่อมสภาพไวกว่าปกติ และเครื่องยนต์ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ออกแบบมาให้ทนความร้อนสูงมากนัก รวมถึงโอกาสเวลาเกิดอุบัติเหตุมักจะรุนแรงกว่า แม้อุบัติเหตุบนถนนไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ยิ่งเกิดขึ้นกับรถติดแก๊สนั้นจะยิ่งอันตราย เพราะแก๊สรั่วแล้วติดไฟได้ง่าย ด้วยคุณสมบัติการเป็นเชื้อเพลงชั้นดี ฉะนั้นต้องมองให้หลายมิติ . ยังไม่หมดเท่านี้ เพราะทางเลือกอื่นๆ ก็ยังมี ไม่ว่าจะเป็นการยกเครื่องยนต์ใหม่ ใส่เครื่องยนต์ตัวใหม่เลย ไปจนถึงหาเครื่องยนต์เก่าตามเซียงกงมาให้อู่รถจัดการให้ แต่ต้องมีความเชี่ยวชาญเสียหน่อย และทางเลือกสุดท้ายสำหรับผู้ที่มีกำลังทรัพย์อาจเลือกการเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่ ที่ตอบโจทย์มากกว่า อย่างไรก็ตามต้องคำนวนค่าใช้จ่ายที่ตามมาด้วย ดีไม่ดีอาจจะเข้าสุภาษิตที่ว่า เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายเอาได้ . ทั้งนี้ การจะเคาะเริ่มการยกเลิกเมื่อไหร่นั้น ยังต้องดูความชัดเจนจากเจ้ากระทรวงพลังงานอีกครั้งหนึ่ง ว่าจะประกาศชัดๆเมื่อใด . #น้ำมัน #แก๊สโซฮอล์ #91 #E20 #พลังงาน
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ..ฝรั่งเคยขำว่า ทำไมคนไทยชอบใช้กระดาษชำระบนโต๊ะอาหาร..ไม่ใช้ให้ถูกที่ถูกทาง..ทั้งที่คนไทยมองว่า ก็มันสะอาดเหมือนกันมิใช่หรือ..สงสัยคนไทยจะเข้าใจผิดกันหมดทั้งปท. แล้วกระมัง..ลองอ่านดูนะ... --------------------------------------- กระดาษทิชชู …แต่ละแบบ …แต่ละชนิด…ไม่เหมือนกัน ~ ต้องเรียนรู้ว่า…ไม่ควรใช้ปนกัน... ~ เพราะ มันถูกผลิตโดยมีคุณสมบัติสำหรับการใช้ที่ต่างกัน ~ ทั้งนี้…สังเกตดูจากรูปร่าง ที่เห็น…ก็น่าจะเดาได้ว่า…ต้องใช้กับงานที่ไม่เหมือนกัน ...เพราะ สารหรือวัตถุดิบ…ที่ใช้ในการผลิตกระดาษ…ไม่เหมือนกัน……ควรใช้ให้เหมาะสมจึงจะเกิดประโยชน์สูงดังนี้ 1. กระดาษชำระ (Toilet paper)…ที่เห็นเป็นม้วนๆ ~ ไม่ควรนำไปเช็ดหน้าเช็ดตา ไม่ควรนำไปห่ออาหาร …ไม่ควรใช้รองอาหารหรือ…ไม่ควรใช้ซับน้ำมัน …เพราะในกระบวนการผลิต …มีการใช้สารจำพวกสารโซเดียมไฮดรอกไซด์ (โซดาไฟ) และ…สารไดออกซิน …ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งและ…ยังคงอยู่ในเนื้อกระดาษ 2. กระดาษเช็ดหน้า (Tissue Paper) ~ ใช้สำหรับซับหน้า…หลังจากการล้างหน้า…หรือ…ล้างเครื่องสำอาง มีความเหนียว-นุ่ม เป็นพิเศษ…ใช้แล้วจึงไม่ควรทิ้งในชักโครก จะทำให้ท่อตันได้ง่าย 3. กระดาษเช็ดปาก (Table paper napkins) ~ ใช้สำหรับบนโต๊ะอาหาร ใช้แทนผ้าเช็ดปาก…สำหรับการรับประทานอาหาร ไม่ควรใช้กระดาษชำระแทน - ที่เห็นใช้กันมากทั่วไป…และไม่ควรทิ้งลงในชักโครก …เพราะจะทำให้ท่อน้ำตันได้ง่าย 4. กระดาษเช็ดมือ (Paper Hand Towel) ~ มีความเหนียว …ไม่เปื่อยยุ่ย…หรือขาดง่าย…เมื่อสัมผัสกับน้ำ …ซึมซับน้ำได้ดี …ผลิตเพื่อใช้กับผิวหนัง …แต่ไม่ควรนำไปสัมผัสกับอาหาร… หรือใช้ซับน้ำมันจากอาหาร 5. กระดาษอเนกประสงค์ (Paper Towel) ~ สำหรับใช้ในงานบ้านทั่วไป …แทนผ้าเช็ดพื้น…หรือผ้าเช็ดโต๊ะ ใช้ซับน้ำมันจากการทอดได้……แต่ไม่ควรนำมาใช้กับผิวหนัง ข้อมูลจาก ; สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.), ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อดีตอธิบดีกรมอนามัย
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    รัฐบาลญี่ปุ่นให้ประชาชนทิ้งไมโครเวฟ ไม่เช่นนั้นจะถูกปรับและจำคุก
    รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดสินใจที่จะทิ้งเตาอบไมโครเวฟทั้งหมดในประเทศภายในสิ้นปีนี้และประชาชนและองค์กรที่ไม่สามารถตอบสนองต่อคำขอทั้งหมดจะถูกปรับและถูกจำคุก ญี่ปุ่นสั่งห้ามใช้เตาไมโครเวฟเนื่องจากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฮิโรชิมาพวกเขาพบว่าคลื่นวิทยุทำให้เกิดความเสียหายต่อสุขภาพของประชาชนในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาการใช้เตาไมโครเวฟเป็นอันตรายยิ่งกว่าสหรัฐอเมริกาในฮิโรชิมาและกันยายน 1945 ระเบิดปรมาณูหล่นจากนางาซากิ ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องแสดงให้เห็นว่าอาหารที่อุ่นในเตาไมโครเวฟนั้นมีรังสีที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ดังนั้นโรงงานไมโครเวฟขนาดใหญ่ทั้งหมดที่ผลิตผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในญี่ปุ่นกำลังจะปิด เกาหลีใต้ออกแถลงการณ์: ในปี 2021 การผลิตเตาอบไมโครเวฟกำลังจะหยุดลง จีนยังวางแผนที่จะห้ามเทคโนโลยีนี้ในปี 2566 การประชุมเกี่ยวกับการป้องกันโรคมะเร็งถูกจัดขึ้นที่ศูนย์บำบัดโรคมะเร็งของ Kashira ที่ประชุมสรุปว่าควรหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้: น้ำมันสำเร็จรูป 2. นมจากสัตว์ (แนะนำนมถั่วเหลือง) 3. อาหารแปรรูปก้อน (เครื่องเทศซุปไก่เช่นแม็กกี้และชอบ) 4. โซดา (32 น้ำตาลต่อลิตร) 5. น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ 6. อาหารร้อนไมโครเวฟ 7. การทำแมมโมแกรมไม่ได้เกิดขึ้นก่อนที่ทารกจะคลอดยกเว้น echocardiography 8. ชุดชั้นในชุดชั้นในแน่นมาก 9. แอลกอฮอล์ 10. ละลายอาหารแช่แข็งและทำให้เย็นลง 11. ดื่มน้ำขวดพลาสติกจากตู้เย็น 12. ยาคุมกำเนิด มันเปลี่ยนระบบฮอร์โมนเพศหญิงและทำให้เกิดโรคมะเร็ง 13. ยาดับกลิ่นพิเศษที่ใช้หลังการโกนหนวดนั้นเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งได้ง่าย 14. น้ำตาลทรายขาวทุกชนิด (เซลล์มะเร็งมีแนวโน้มที่จะเติบโตภายใต้การบำรุงของน้ำตาล) ผู้ป่วยโรคมะเร็งควรหลีกเลี่ยงน้ำตาลให้ได้มากที่สุด ที่ประชุมแนะนำว่าควรเพิ่มอาหารประจำวัน: 1. ผัก 2. ใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาล 3. โปรตีนจากผัก (ถั่วแทนเนื้อสัตว์) 4. ดื่มน้ำสองแก้วที่มีอุณหภูมิของร่างกายเท่ากันในขณะท้องว่างก่อนแปรงฟัน 5. อาหารควรอุ่น แต่ไม่สูงเกินไป 6. น้ำว่านหางจระเข้ + ขิง + ผักชีฝรั่ง + ขึ้นฉ่าย + myristin เราแนะนำให้ผสมในขณะท้องว่าง 7. ดื่มน้ำแครอททุกวัน 8. มะเขือเทศกระเทียมหัวหอมและเนื้อสัตว์ บันทึก : วิทยาลัยแพทย์อเมริกันค้นพบสาเหตุของโรคมะเร็ง 1. อย่าดื่มชากาแฟหรือเครื่องดื่มร้อน ๆ ในถ้วยพลาสติก 2. อย่ากินอาหารร้อนที่ห่อด้วยกระดาษหรือถุงพลาสติก (เช่นมันฝรั่งทอด) 3. อย่ากินอาหารในกล่องพลาสติกหรืออาหารไมโครเวฟ เราควรให้ความสนใจกับประเด็นต่อไปนี้: เมื่อพลาสติกสัมผัสกับอุณหภูมิสูงสารเคมีที่ผลิตอาจทำให้เกิดมะเร็ง 52 ชนิด ดังนั้นคุณต้องหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลมทุกชนิดเช่นโคล่า, เป๊ปซี่, AV, แฟนต้าและน้ำผลไม้เข้มข้นอื่น ๆ 4 กินสับปะรดสด ๆ แต่อย่าดื่มน้ำสับปะรดผสมกับโคล่าเครื่องดื่มผสมนี้ถึงแก่ชีวิต 5 ใช้หูซ้ายเพื่อรับโทรศัพท์และใช้ชุดหูฟังในปริมาณที่พอเหมาะ 6 อย่าทานยาด้วยน้ำเย็น 7. อย่ากินอาหารที่ย่อยไม่ได้หลังจาก 7 โมงเช้า 8. ดื่มน้ำให้มากขึ้นในตอนเช้าและดื่มน้ำน้อยลงในเวลากลางคืน 9. อย่าอยู่ในตำแหน่งแนวนอนทันทีหลังจากรับประทานอาหาร (นอน / นอนหลับ) 10. เมื่อโทรศัพท์ของคุณใกล้จะหมดอย่าหยิบโทรศัพท์ของคุณเพราะรังสีของโทรศัพท์นั้นแข็งแกร่งกว่าทีวีเต็ม 1,000 เท่า แบ่งปันบทความนี้กับคนที่คุณรัก (วรว.อ่านและเริ่มส่ง 13.35น. 18กุมภาพันธ์ 2564)
    Mrs.Doubt
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ช้กระดาษทิชชูซับน้ำมันจากของทอด เป็นอันตรายต่อร่างกายและเป็นสารก่อมะเร็ง
    ไม่ระบุชื่อ
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false