https://www.facebook.com/share/p/19fgxysVWd/เมื่อวาน เชื่อว่าหลายท่านใน สตง. คงดีใจไม่น้อย ที่ตึกใหม่ถล่ม (อ่านให้ถึงบรรทัดสุดท้าย) ขณะที่ มีข่าวแผ่ในไทยว่า สื่อจีนแสดงความภาคภูมิใจ ตั้งแต่ปีกลายว่าเป็น อาคารแห่งแรกในต่างประเทศของบริษัทจีน ที่ใช้โครงสร้างแบบ “แกนกลางรับแรง + พื้นไร้คาน #สตง. #สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งชาติ ของไทย และอวดว่า เป็นความสำเร็จเชิงยุทธศาสตร์ของบริษัทจีนในกรุงเทพฯ
ผมดูลักษณะโครงสร้างของตึกระฟ้า สตง.แล้ว เป็นโครงสร้างที่ใช้พื้นเป็นคานในตัว เพื่อลดต้นทุน (ไอเดีย คล้าย ๆ โครงสร้างคอนโดในเมืองทองธานี ที่ใช้กำแพงเป็นเสาเข็มในตัว ซึ่งแข็งแรงมาก)
ข่าวที่แผ่ในไทย (รอการยืนยัน) คือ สื่อจีนลงข่าววันที่ 3 เมษายน 2567 แปลได้ความดังนี้
โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งชาติของประเทศไทย (Thailand Office of the Auditor General) ได้เข้าสู่หมุดหมายสำคัญ เมื่อ โครงสร้างหลักของอาคารเสร็จสมบูรณ์แล้ว (ภาษาจีน: 主体结构封顶) หลังจากการเทคอนกรีตชั้นสุดท้ายสำเร็จ โดยโครงการนี้ดำเนินงานโดย บริษัทจงเที่ยสือจวี่จี๋ตวน (China Railway No.10 Engineering Group – CRCC) หนึ่งในบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจจีนขนาดใหญ่
ความสำเร็จครั้งนี้ไม่ใช่เพียงความคืบหน้าในระดับกายภาพ แต่ยังถือเป็น โครงการอาคารสูงพิเศษ (超高层建筑) แห่งแรกในต่างประเทศของบริษัท ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันด้านวิศวกรรมของจีนที่กำลังก้าวรุกเข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างจริงจัง
⸻
โครงการใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ที่สะท้อนพลังของรัฐ
อาคารสำนักงานแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ ใจกลางกรุงเทพมหานคร ทางทิศตะวันตกติดกับ สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) และทางทิศตะวันออกอยู่ติดกับ สวนสาธารณะแห่งชาติกรุงเทพ เป็นทำเลที่สะท้อนทั้งความสะดวกในการเดินทางและภาพลักษณ์ความมั่นคงของหน่วยงานรัฐ
ตัวโครงการประกอบด้วย 3 อาคารหลัก ได้แก่
• อาคารสำนักงาน
• อาคารประชุม
• อาคารจอดรถ
รวมพื้นที่ก่อสร้างทั้งหมด 96,041 ตารางเมตร โดยเฉพาะอาคารสำนักงานหลักมีความสูงถึง 137 เมตร ซึ่งจัดอยู่ในหมวดหมู่อาคารสูงพิเศษตามมาตรฐานสากล และต้องอาศัยเทคโนโลยีการก่อสร้างขั้นสูงตลอดกระบวนการ
เมื่อแล้วเสร็จ อาคารนี้จะกลายเป็นศูนย์กลางการทำงานของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง โดยมีเป้าหมายให้เป็นศูนย์กลางบริการภาครัฐและสาธารณชนแห่งใหม่ของไทย
⸻
เทคโนโลยีก่อสร้างขั้นสูง: ความท้าทายและการจัดการอย่างมืออาชีพ
โครงการนี้ได้นำเทคโนโลยีการก่อสร้างสมัยใหม่ที่ซับซ้อนมาใช้หลายด้าน โดยเฉพาะในบริบทของอาคารสูงพิเศษ เช่น
• โครงสร้าง “แกนกลางรับแรง + พื้นไร้คาน” (核心筒+无梁楼板): ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของอาคารต่อแรงลมและแรงแผ่นดินไหว
• เทคนิคแบบสไลด์ (滑模施工技术): ใช้อุปกรณ์เลื่อนแบบหล่อขึ้นทีละ 1.2 เมตร ควบคุมความหนาของคอนกรีตไม่เกิน 25 ซม. และรักษาความแม่นยำในแนวนอนให้ไม่คลาดเคลื่อนเกิน 1 ซม.
• การติดตั้งแบบยก (抬模安装工艺): เพื่อสร้างพื้นไร้คานให้ได้ผิวเรียบและแข็งแรง ติดตั้งและรื้อถอนได้รวดเร็ว
• ระบบนั่งร้านปีนไต่อัตโนมัติ (爬架施工工艺): เพิ่มความปลอดภัยและความเร็วในการก่อสร้าง พร้อมประหยัดวัสดุ
พร้อมกันนี้ บริษัทได้ตั้ง กลุ่มวิจัยเทคนิคเฉพาะทาง เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในการก่อสร้างอาคารสูงพิเศษในบริบทต่างประเทศ
⸻
ระบบภายในและความแม่นยำระดับมิลลิเมตร
ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนติดตั้งระบบภายใน ทีมวิศวกรรมได้วางแผนการวางท่อและสายไฟอย่างละเอียดลึกซึ้ง โดยมีเป้าหมายคือ “ไม่มีการชนกันของระบบท่อและสายไฟ” (多向管线零碰撞) แม้ในพื้นที่แคบที่สุด ส่งผลให้เกิดโครงสร้างภายในที่ทั้งเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพในการใช้งานระยะยาว
⸻
ความปลอดภัยและคุณภาพ: มาตรฐานจีนในสากล
โครงการนี้ให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยและคุณภาพ โดยมีมาตรการเข้มงวด ได้แก่
• อบรมพนักงานครอบคลุม 100% ทั้งด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และคุณภาพ โดยเฉพาะช่วงเริ่มงาน หลังวันหยุด และเปลี่ยนกะ
• อบรมเฉพาะทาง สำหรับเจ้าหน้าที่ควบคุมงานและผู้ปฏิบัติงานพิเศษ เพื่อป้องกันการทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต
• ตรวจสอบประจำวัน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานไทย มาตรฐานระดับชาติของจีน และมาตรฐานอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ
⸻
ความสนใจจากรัฐบาลไทย: โครงการเชิงยุทธศาสตร์ระดับชาติ
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักของรัฐที่มีบทบาทในการควบคุมและตรวจสอบงบประมาณของประเทศ โครงการนี้จึงได้รับความสนใจจากรัฐบาลไทยในหลายมิติ ทั้งด้านความคืบหน้า ความปลอดภัย และมาตรฐานงานวิศวกรรม โดยผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหลายครั้ง พร้อมแสดงความพึงพอใจในคุณภาพของงานก่อสร้าง
⸻
ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ของบริษัทจงเที่ยสือจวี่
ตัวแทนจาก บริษัทจงเที่ยสือจวี่ กล่าวในงานปิดโครงสร้างว่า
“โครงการนี้ถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ เนื่องจากเป็นอาคารสูงพิเศษแห่งแรกที่เราดำเนินการนอกประเทศจีน แต่ด้วยความร่วมมือระหว่างทีมงานและการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย เราจึงสามารถบรรลุหมุดหมายสำคัญนี้ได้อย่างสำเร็จ เราหวังว่าโครงการนี้จะกลายเป็นต้นแบบของการก่อสร้างที่มีคุณภาพในภูมิภาคนี้”
⸻
เม็ดเงินลงทุนและความสำคัญเชิงเศรษฐกิจ
แม้ในเอกสารจะไม่ได้ระบุมูลค่าโครงการโดยตรง แต่จากมาตรฐานอาคารสูงพิเศษขนาดใหญ่ในเอเชีย คาดว่า งบลงทุนอาจสูงถึง 100 ล้านหยวน ซึ่งเทียบเท่าประมาณ 480 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวน = 4.8 บาท ณ เมษายน 2567) ตัวเลขนี้สะท้อนถึง ความเชื่อมั่นและการขยายบทบาทของจีนในไทย อย่างมีนัยสำคัญ
⸻
บทสรุป: รากฐานใหม่ของความร่วมมือไทย-จีน
โครงการนี้ไม่เพียงเป็นแค่การก่อสร้างอาคารเท่านั้น แต่ยังเป็น หมุดหมายทางยุทธศาสตร์ ของความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน วิศวกรรม และการพัฒนาเมืองในอนาคต และเป็นหลักฐานว่าบริษัทจีนสามารถสร้างผลงานที่น่าเชื่อถือในต่างแดน โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีศักยภาพอย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ถ้าตึกใหม่ไม่ถล่ม เมื่อเกิดแผ่นดินไหวในครั้งนี้ เจ้าหน้า สตง. คงจะเสียใจ ในอนาคต จริงไหมครับ?
_______________________
ป.ล. มีข่าวปลอมแพร่ในไทยว่า พม่าแจ้งเตือนล่วงหน้าเป็นวัน ความจริงคือแจ้งเตือนได้ 2 นาทีก็บุญโขแล้ว เพราะ Primary Wave มีความเร็ว 6km/s จาก รอยเลื่อนสะแกง ถึง กทม. ราว 1000km ใช้เวลา 2:45 นาที
นอกจากนี้ การที่บางคนอ้างว่า มีสัตว์บางชนิด ดูเหมือนรู้ล่วงหน้า แต่ไม่เคยมีพิสูจน์เชิงวิทยาศาสตร์ได้สำเร็จ จึงยังเชื่อถือไม่ได้ครับ มโนไปเอง #ไม่สามารถใช้สัตว์ทำนายแผ่นดินไหวได้