1 คนสงสัย
พลเอกประยุทธ์เป็นอิสลามจริงหรือ
ไม่ระบุชื่อ
 •  1 ปีที่แล้ว
0 ความเห็น

ข่าวการเมือง เสียดสี

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    การแอบดูโทรศัพท์ของแฟนหรือของผู้อื่น เข้าข่ายเป็นความผิดตาม พรบ.คอม จริงหรือคะ
    เพจ "สายตรงกฎหมาย" โดย ทนายรัชพล ศิริสาคร ประธานชมรมสนับสนุนการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ได้แชร์ข้อมูลกฎหมายน่ารู้ เกี่ยวกับกรณีการลักลอบ-แอบดูข้อมูลในโทรศัพท์ของผู้อื่น ไม่เว้นแม้แต่แฟน สามี หรือภรรยา ก็ตามนั้นถือเป็นความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยทนายรัชพล ระบุข้อความว่า การแอบดูโทรศัพท์ของแฟนหรือของผู้อื่น กฎหมายไม่ได้ระบุเฉพาะเจาะจงว่าเป็นความผิด แต่มันจะเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พรบ.คอม เพราะโทรศัพท์สมัยนี้มันดันเป็นสมาทโฟนซะเกือบหมดแล้ว ดังนั้น พรบ.คอม มันจึงเข้ามาคุ้มครองการแอบเข้าไปดูข้อมูลโทรศัพท์เหล่านี้ด้วย กรณีที่มีการล็อครหัสไว้ พฤติกรรมการเข้ารหัสโทรศัพท์ของแฟนหรือของคนอื่น อาจเข้าข่ายเป็นการเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึง จริงหรือคะ
    anonymous
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร 10 พฤษภาคม 2566 คงไม่มีข้อสงสัยอีกแล้วว่า พรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ว่ากำลังมาแรง กับกลุ่มคนหนุ่มสาวที่พยายามกัดเซาะสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เสื่อมลง มีความเชื่อมโยงกันอย่างเป็นเนื้อเดียวกัน และยังคงพยายามอย่างแข็งขันต่อเนื่องที่จะกัดเซาะต่อไปจนน่าแปลกใจ ไม่มีใครเลยในกลุ่มนี้ที่สำนึกว่าพระมหากษัตริย์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อบรรพบุรุษและครอบครัวตัวเอง ถึงตรงนี้อยากจะเล่าเรื่องที่ผมเคยเล่ามาครั้งหนึ่งแล้ว วันนี้จะขอนำกลับมาเล่าอีกครั้ง เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อผมยังเด็กๆ คุณยายผมซื้อบ้านพักตากอากาศที่หาดชะอำ ซึ่งเป็นบ้านที่สร้างในยุคเดียวกันกับ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ชื่อ "บ้านปลุกปรีดี" เมื่อครั้งกระโน้น ผมและพี่ๆในช่วงเวลาปิดภาคเรียน จะใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังนี้โดยมีคุณยายเป็นผู้ดูแล หาอาหารการกินให้ทุกมื้อ พวกเราตื่นแต่เช้าก็ไปหาน้ำตาลสดกัน ไปรอซื้อจากใต้ต้นตาล น้ำตาลสดจะบรรจุอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ เป็นน้ำตาลสดที่ยังไม่ผ่านความร้อน หวานหอมยิ่งนัก หลังอาหารเช้าก็ลงทะเล เล่นน้ำทะเล หาหอยเสียบ กลับเข้าบ้านทานอาหารกลางวัน บ่ายลงทะเล เย็นทานอาหารเย็น หลังอาหารเย็นลงทะเลไล่จับปูลม ชีวิตช่วงนั้น เป็นชีวิตที่สนุกและมีความสุขจนจำได้ไม่เคยลืมจนถึงทุกวันนี้ ที่บ้านชะอำแห่งนี้ คุณยายอนุญาตให้คนท้องถิ่นคนหนึ่งชื่อ นายอ๋วย มาปลูกกระต๊อบอยู่ฟรีๆทางด้านปลายสุดของที่ ดูเหมือนนายอ๋วยจะเป็นช่างที่มาช่วยซ่อมบ้านให้ นายอ๋วยมีลูกชายหลายคน ลูกของนายอ๋วยบางคนก็มีความสนิทสนมกับเรา หลังจากที่คุณยายจากไป คุนพ่อคุณแม่และพวกเราก็ยังมาพักตากอากาศที่บ้านหลังนี้เป็นประจำ หลังจากนายอ๋วยเสียชีวิต ลูกคนโต และคนกลาง ย้ายออกไปใช้ชีวิตอยู่ที่อื่น ลูกคนเล็กที่ยังคงอาศัยอยู่ในที่แปลงนี้ วันหนึ่ง ตัวเขาร่วมกับเพื่อนๆของเขากับทนายความคนหนึ่งถือโอกาสใช้ช่องกฎหมาย แอบไปยื่นศาลจังหวัดเพชรบุรี ขอครอบครองปรปักษ์ที่ดินครี่งหนึ่ง คือด้านหลังที่เขาปลูกกระต๊อบอยู่ ความจริงเราไม่น่าจะมีโอกาสที่จะรู้เรื่องนี้เลย แต่บังเอิญเพื่อนของเขาคนหนึ่งเกิดความขัดแย้งกับเขา จึงนำเรื่องนี้มาบอกเรา เราจึงไปยื่นฟ้องค้านได้ทันก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา ต่อสู้คดีกันกว่าจะชนะก็ใช้เวลาเป็นปี ซึ่งเหนื่อยและต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่น้อยกว่าเรื่องจะจบ สุดท้ายเรายังให้เงินผู้ที่พยายามยึดครองที่ของเราไปจำนวนไม่น้อยเป็นค่ารื้อถอน กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ก่อตั้งพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง พยายามจะเปลี่ยนประเทศ ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ อ้างตลอดเวลาว่า ประเทศไทยเป็นของประชาชน หาใช่เป็นของพระมหากษัตริย์ไม่ คนกลุ่มนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับลูกชายคนเล็กของนายอ๋วยที่บ้านชะอำของครอบครัวผม ที่ได้อาศัยอยู่อย่างสุขสบาย สุดท้ายพยายามยึดเป็นที่ของตัวเอง ปฐมกษัตริย์ตั้งแต่สมัยสุโขทัย กรุงศรีอยุทธยา กรุงธนบุรี กรุงรัตนโกสินทร์ ล้วนเป็นพระมหากษัตริย์ที่นำทัพออกรบ รวบรวมดินแดนก่อตั้งประเทศ พระองค์ต่อๆมาก็มีทั้งต้องทำสงครามเพื่อป้องกันประเทศเมื่อถูกรุกราน เมื่อประเทศชาติต้องเสียเอกราชถูกยึดครอง ก็มีพระมหากษัตริย์ทรงทำสงครามเพื่อกู้ชาติจนได้รับเอกราชอีกครั้ง หากไม่มีพระมหากษัตริย์ เราอาจไม่มีประเทศอย่างทุกวันนี้ ในราชวงศ์จักรี หากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และกรมพระราชวังบวรสุรสิงหนาท ทรงนำทัพรบกับทัพพ่ายแพ้พม่าในสงครามเก้าทัพ เราก็อาจไม่มีประเทศไทย อาจเป็นแบบเดียวกับมอญ กระเหรี่ยง หรือกระทั่งโรฮิงญา ด้วยเหตุนี้สำหรับประเทศเรา หากจะถือว่าพระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ทรงเป็นเจ้าของประะเทศ ก็เป็นการถูกต้องแล้ว เมื่อพระมหากษัตริย์ปกครองประเทศ มีคนต่างถิ่นอพยพมาพี่งพระบรมโภธิสมภาร ได้รับพระบรมราชานุญาตให้มีที่ดินทำกินจนมีเงินมีทอง พวกเขาเหล่านั้นก็ยังคงตระหนักว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นเจ้าของประเทศ และยังสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ แต่ต่อมามีลูก ลูกๆก็ยังมีความสำนึกเช่นเดียวกับรุ่นพ่อ รุ่นแม่ และคงสืบทอดกันต่อๆมา แต่มาวันนี้ รุ่นหลาน รุ่นเหลน ของผู้ที่เคยขอเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารจำนวนหนึ่ง ละเลยเรื่องพระมหากรุณาธิคุณที่พระมหากษัติริย์มีให้รุ่นปู่ รุ่นทวด เสียสิ้น กลับตั้งหน้าตั้งตาหาเรื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ป้อนข้อมูลผ่านสื่อยุคใหม่ สร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เกิดขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้เติบโตมาในยุคของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 สนับสนุนให้เกิดขบวนการกล่าวหา หมิ่นแคลน ย่ำยี จาบจ้วงองค์พระมหากษัตริย์ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งเกิดแนวร่วมที่หลงเชื่อเป็นจำนวนไม่น้อย ทำเช่นนี้กันอย่างไม่กลัวบาปกลัวกรรม ลองคิดกันดูว่า องค์พระมหากษัตริย์จะทรงรู้สึกอย่างไร และพระเจ้าอยู้หัวรัชกาลที่ 9 หากยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่จะทรงรู้สึกอย่างไร จริงอยู่หากจะกล่าวว่า ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศก็คงไม่ผิด แต่การเป็นเจ้าของประเทศหมายถึงการมีสิทธิอาศัยอยู่ในประเทศ มีสิทธิเป็นเจ้าของที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ มีสิทธิทุกประการตามที่กฎหมายกำหนด หาได้มีสิทธิจะทำอะไรกับประเทศก็ได้เหมือนกับทำอะไรก็ได้กับที่ดินหรือบ้านที่ตัวเองเป็นเจ้าของไม่ ความเป็นเจ้าของประเทศต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและกฎเกณฑ์ต่างฯของบ้านเมือง ไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ ยิ่งไม่อาจขายประเทศของตัวเองได้ คนกลุ่มนี้ได้ดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จะถึงขั้นตอนสำคัญ เป็นขั้นตอนที่พวกเขาพยายามจะยึดการปกครองของประเทศผ่านการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย หากทำสำเร็จเขาก็คงจะดำเนินการในขั้นต่อๆไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายของเขา กรณีที่คนกลุ่มนี้พยายามที่จะยกเลิกมาตาม 112 เมื่อไม่สำเร็จ เปลี่ยนเป็นมาเป็นขอแก้ไข ลดโทษ ให้มีโทษปรับได ที่สำคัญคือ เอามาตรา 112 ออกจากหมวดความมั่นคง แสดงว่าพวกเขาเห็นว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่มีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ และต้องการทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อ่อนแอลง กรณีที่ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภาของไทย เชิญเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยมาชี้แจง เรื่องการที่มีคนไทยส่งหนังสือร้องเรียนไปยังวุฒิสภาว่า สถาบันพระมหากษัตริย์และทหารแทรกแซงการเลือกตั้ง และวุฒิสมาชิกสหรัฐกลุ่มหนึ่งขานรับ และกำลังจะเสนอวุฒิสภาให้มีมติ 114 กล่าวหาสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยว่าแทรกแซงการเลือกตั้ง ทั้ง 2 กรณีเป็นการบ่งชี้ว่า มีความเป็นไปได้มากที่กลุ่มการเมืองกลุ่มนี้มีการติดต่อกับต่างชาติ นี่อาจเป็นความจริงที่น่ากลัวที่สุด จากที่ได้ฟังพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ตอบคำถามของคุณ สันติสุข มะโรงศรี ทาง Top News ทำให้ทราบว่า ทั้งสองท่านตระหนักและเห็นว่าเรื่องข้างต้นเป็นเรื่องจริงและจะกระทบต่อความมั่นคงของชาติ อีกพรรคหนึ่งที่ตระหนักเรื่องนี้คือพรรคไทยภักดี พรรคอื่นๆหากไม่ได้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเสียเองก็คงเห็นว่าเป็นเรื่องเหลวไหล จึงไม่มีพรรคใดให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้แม้แต่พรรคเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้ หากเรายังให้ความสำคัญต่อความเป็นชาติ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ คงไม่ต้องบอกว่า เราควรเลือกเบอร์อะไร พรรคใด ให้เข้ามาบริหารประเทศ ขอย้ำอีกครั้ง พวกเขาทำกันเป็นขั้นเป็นตอน เป็นขบวนการ หากทุกท่านอยากทราบว่าขั้นตอนทั้งหมดมีขั้นตอนใดบ้าง กรุณาดูคลิปตอนที่ 2 ของพลเรือเอก ชาตร์ นาวาวิจิต อดีตเจ้ากรมยุทธการ และอดีตผู้บัญชาการสถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง ที่วิเคราะห์ไว้ ตาม link ด้านล่างได้เลย https://www.youtube.com/watch?v=w2L99EeQjPI&feature=youtu.be
    ไม่ระบุชื่อ
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    โรงเรียนศรีแสงธรรม จ.อุบลฯ ให้นักเรียนหยุดเรียน เพื่อมาต้อนรับนายกรัฐมนตรี จริงหรือไม่?
    เพจ ฉันเป็นนักเสียดสี ได้ลงภาพ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับนักเรียนโรงเรียนวัดศรีแสงธรรม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี แล้เขียนข้อความว่า งดเรียนออนไลน์ ให้มาโรงเรียนต้อนรับนายกฯ เป้นความจริงหรือไม่ ทาง เฟสบุคส์ของ พระปัญญาโมลี นพพร เจ้าอาวาสวัดศรีแสงธรรม ได้โพสต์ชี้แจงว่า ตัวอย่างการสื่อสารที่ไร้ข้อมูลความจริงทางโซเชี่ยล ที่โรงเรียนนี้ขออนุญาตทำการเรียนการสอนปกติไม่เคยหยุด แต่เพจนำภาพไปประกอบเพื่อหวังผลอย่างอื่นโดยไม่สอบถาม หรือเสาะหาความจริง พร้อมกับมีคนเชื่อและร่วมเผยแพร่มากกว่า 1,500 กว่าแชร์ การรู้เท่าทันเทคโนโลยีสารสนเทศจึงจำเป็น วันนั้นท่านนายกรัฐมนตรี ก็พูดคุยกับนักเรียนในเรื่องข่าวปลอมหรือ fake news ต้องดูเจตนาของผู้ปล่อยข่าวว่ามีวัตถุประสงค์อย่างไร นี่เป็นตัวอย่างเพจที่ 2 ของวันนี้ มีสมาชิกแปดหมื่นกว่าคน 17-10-64
    สุชัย เจริญมุขยนันท
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานยุทธศาสตร์ชาติ ปี2566ถึง2570
    ไม่ระบุชื่อ
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    หนังสือเรียนวิชาอิสลาม ระบุ ห้ามไหว้ผู้มีพระคุณ เพราะผิดหลักศาสนา เป็นความจริงหรือไม่
    ได้ข่าวมา
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    หลุมพรางสร้างความเกลียดชังทางศาสนาอิสลาม
    หลุมพราง บ่มเพาะความเกลียดชังทางศาสนา By ประสาร มฤคพิทักษ์ | pmarukpitak@yahoo.com21 ก.พ. 2565 เวลา 11:49 น. หลุมพราง บ่มเพาะความเกลียดชังทางศาสนา กระบวนการสร้างความเป็นอื่นให้กับบุคคลต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา ต่างผิวพรรณ จะใช้สองมือแบ่งกันทำหน้าที่ มือขวาสร้างโรงน้ำแข็ง เพื่อปั้นน้ำเป็นตัว ส่วนมือซ้าย ขุดหลุมพราง บ่มเพาะความจงเกลียดจงชังให้คนอื่นตกหลุมพรางนั้น ในบรรดาข่าวโกหก (Fake News) ที่อยู่บนหน้าจอไฟฟ้า หรือสื่อออนไลน์ ทั้งหลายนั้น ข่าวโกหกเรื่องศาสนาอิสลามมีพื้นที่ค่อนข้างมาก ส่งกันได้ทุกวัน ทั้งๆ ที่ 90% เป็นข่าวโกหก 1.โกหกว่า ศาสนาอิสลามกำลังยึดครองประเทศไทย โดยมีการออก พ.ร.บ. คุ้มครองศาสนาอิสลาม 10 ฉบับ ว่ามีมัสยิดใหม่เกิดขึ้นมาก ว่ามีการทำลายวัดในพุทธศาสนาหลายแห่ง ความจริง กรมการปกครอง ชี้แจงแล้วว่า มีกฎหมายเกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลามเพียง 4 ฉบับ คือ (1) พ.ร.บ. ว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูล พ.ศ. 2489 (2) พ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการฮัจย์ พ.ศ. 2524 (3) พ.ร.บ.การบริหารองค์การศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 (4) พ.ร.บ.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2545 ไม่ปรากฏว่ามีกฎหมายคุ้มครองศาสนาอิสลามแต่อย่างใดเลย 2.โกหกเรื่องศาสนาอิสลามจะตั้งศาลอิสลาม เพื่อคนมุสลิมไม่ต้องขึ้นศาลไทยปกติ โดยจะระดมรายชื่อ 10 ล้านคน เพื่อถวายฎีกา โดยอ้างว่า “เพื่อเอกราชทางอำนาจของศาลไทยไม่เสียไปอยู่ในมือมุสลิมที่กำลังจะกลืนไทยพุทธหมดแล้ว” ความจริง ไม่มีเรื่องดังกล่าวเลย จะมีก็แต่การนำหลักศาสนาอิสลามเรื่องครอบครัวและมรดกมาใช้สำหรับพิจารณาคดีที่คู่ความทั้งสองฝ่ายเป็นมุสลิม และอยู่ในเขตอำนาจศาลในพื้นที่ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สตูล เท่านั้น ตาม พ.ร.บ. ดังกล่าว (พ.ศ. 2489 ข้อ 3.1) 3.โกหกว่ารัฐบาลต้องเอาภาษีประชาชนสร้างมัสยิดให้ชาวมุสลิมทุกจังหวัด ความจริง มัสยิดเป็นศาสนสถานของอิสลาม ดังที่คาธอลิคมีโบสถ์ พุทธศาสนามีวัด ศาสนาอิสลามมีมัสยิดจำนวน 3,965 แห่ง ตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ. ปี 2540 มัสยิดทุกแห่งที่สร้างขึ้นมาจากเงินศรัทธาของชาวไทยมุสลิม รัฐบาลไม่ได้จ่ายเงินสร้างแต่อย่างใด ยกเว้นบางจังหวัดเช่น ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนเงินบูรณะซ่อมแซม ส่วนมัสยิดนครศรีธรรมราชเป็นงบผูกพัน 3 ปี (2557 - 2559) ตามแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ตอนบน 4.โกหกว่ารัฐบาลจ่ายเงินค่าเดินทาง ที่พัก อาหาร ให้ชาวมุสลิมไปประกอบพิธีฮัจย์ที่ซาอุดิอาระเบีย ความจริง ไม่มีเรื่องดังกล่าวเลย ผู้แสวงบุญทุกคนจ่ายเงินเองทั้งสิ้น 5.โกหกว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีสมาชิกที่เป็น สนช. ถึง 63 คน (จากสมาชิกทั้งหมด 233 คน) ที่เป็นมุสลิม กล่าวหาว่า สนช. จำนวนนี้ผลักดัน “ให้มีกฎหมายจัดตั้งศาลซารีอะห์เพื่อให้คนไทยที่มีคดีความกับคนมุสลิมต้องขึ้นศาลนี้ โดยมีผู้พิพากษาเป็นคนมุสลิม” นี่เป็นข่าวเก่าที่แพร่กระจายกันมา ตั้งแต่ 5 ปีก่อน แต่ยังกระจายกันอยู่จนเดี๋ยวนี้ ความจริง สนช. ชุดนั้นมีมุสลิมเพียง 4 คน คือ นิพนธ์ นราพิทักษ์กุล วิทยา ฉายสุวรรณ อนุมัติ อาหมัด และ ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ (ถืออิสลามตามคู่สมรส) เท่านั้น ไม่มีการร่างกฎหมาย ดังกล่าว ไม่มีการเสนอ ไม่มีการพิจารณาใดๆ ทั้งนั้น ยังมีข่าวโกหกอีกหลายอย่าง เช่น สัญลักษณ์ Green Industry ของ กท.อุตสาหกรรม สีเขียวบนสลากกินแบ่งรัฐบาล ก็หาว่า “เป็นตราฮาลาลเพื่อเอาใจมุสลิม” ข่าวโกหกว่าชาวไทยมุสลิมกู้เงินธนาคารอิสลาม “โดยไม่ต้องใช้หนี้คืนได้” ข่าวโกหกว่า พ.ร.บ.ฮัจย์ “ทำให้อิสลามเข้าควบคุมการปกครอง” กระทรวงมหาดไทย ข่าวโกหกว่าผู้นำซาอุดิอาระเบียแต่งตั้ง “ให้นายกฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคนอิสลามเข้าไทยแบบผิดกฎหมายได้” ทั้งหมดนี้เป็นข่าวโกหกอย่างสิ้นเชิงที่นำมาเผยแพร่กันโดยเฉพาะในกลุ่มไลน์ที่แพร่กระจายอย่างเสรีและยากต่อการควบคุม บทเรียน 6 ตุลาคม 2519 ของขบวนการขวาพิฆาตซ้ายที่ปั้นข่าวเท็จกลายเป็นโศกนาฏกรรมล้อมปราบที่ ม. ธรรมศาสตร์ มีการเผานั่งยางนักศึกษา มีการฆ่าแขวนคอ ที่สนามหลวง แม้แต่การโฆษณาชวนเชื่อของ ฮิตเลอร์ และนาซีเยอรมันที่สร้างความรังเกียจทางเชื้อชาติ สังหารคนยิวไป 6 ล้านคน จะไม่เก็บรับบทเรียนกันบ้างหรือไร เมื่อ 16 ก.พ. 2565 ณ วัดราชบพิธฯ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระวโรกาสให้ ดร.มูฮัมหมัด บิน อับดุลการีม อัลอีซา เลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก (OIC) เข้าเฝ้า ทรงรับสั่งว่า “คนไทยคุ้นเคยกับวัฒนธรรมประเพณีของศาสนาอิสลามมานานแล้ว อย่างน้อยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งมีชาวมุสลิมจากตะวันออกกลางเข้ามาค้าขายหรือรับราชการในเมืองไทย มีผู้สืบเชื้อสายมาจนถึงทุกวันนี้ เป็นสกุลใหญ่ที่รู้จักกว้างขวาง..... .....ยามที่ชาวมุสลิมมีการงานประเพณีใด ชาวพุทธก็นำสิ่งของไปช่วยงาน ในขณะที่ ถ้าชาวพุทธมีการงานประเพณีใด ชาวมุสลิมก็นำสิ่งของมาช่วยงานเช่นเดียวกัน ทรงสามารถยืนยันได้ เพราะได้เคยทอดพระเนตรเห็นประจักษ์มาด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้ “พระมหากษัตริย์ไทย” ทุกพระองค์ มีพระบรมราชปณิธานที่จะพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์บำรุงทุกศาสนา พระบรมราโชบายเช่นนี้ จึงทำให้เมืองไทย มีความสงบร่มเย็นด้วยสามัคคีธรรมเสมอมา” เลขาธิการ OIC กราบทูลแสดงความปิติยิ่งในพระดำรัส และยังกราบทูลถวายคำยืนยันว่า “บุคคลใดผู้ยุยงให้ผู้คนในสังคมรู้สึกแตกแยกบาดหมางกัน โดนอ้างความแตกต่างกันทางศาสนา บุคคลนั้นไม่ได้ชื่อว่าเป็นมุสลิมที่แท้จริง....... ......เพราะการก่อให้เกิดความร้าวฉานนั้น เป็นความชั่วร้ายที่ไม่อาจกล่าวได้ว่า เป็นตัวแทนของศาสนาใดๆ ในโลก ผู้ที่กระทำการเช่นนั้น ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเขาเอง” สมเด็จพระสังฆราช และผู้นำองค์กรมุสลิมโลก ได้แสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์แห่งความสมานฉันท์ที่มีมายาวนานตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และไม่ปรารถนาจะเห็นความขัดข้องหมองใจใดๆ เลย กลุ่มสร้างความเกลียดชังทางศาสนา ไม่เรียนรู้เลยหรือว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงทำให้ชาวไทยมุสลิมในภาคใต้ ภาคภูมิใจที่ได้เป็นคนไทย ในแผ่นดินแห่งนี้ เมื่อปี 2511 พระองค์ท่านเสด็จไปงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นวันคล้ายวันประสูติองค์ศาสดาพระมูฮัมหมัด โดยมีการเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน เป็นการเปิดงาน พระองค์ตรัสกับ นายต่วน สุวรรณศาสน์ อดีตจุฬาราชมนตรีว่า “พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานที่ถูกเชิญในวันนี้ เขาอ่านได้จับใจไพเราะเหลือเกิน แต่ทำอย่างไรที่จะให้พสกนิกรเรา ทั้งชาวไทยหรือไม่ใช่ก็ตามที และทุกหน่วยงานองค์กรของรัฐได้เข้าใจว่า อัลกุรอานซึ่งเป็นธรรมนูญชีวิต และเป็นคำบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ มีความหมายอย่างไร” แล้วพระองค์ท่าน ก็พระราชทานทุนทรัพย์ก้อนแรกให้กับอดีตจุฬาราชมนตรี เพื่อหาคนแปล จึงได้เกิด “พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน” ฉบับแปลเป็นภาษาไทยที่เป็นคุณูปการยิ่งต่อการศึกษาศาสนาอิสลามของชาวไทยมุสลิมทั้งปวง ต่อเนื่องมาถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่เสด็จงานเมาลิดกลาง และพระราชทานพระกรุณาให้กับชาวไทยมุสลิมโดยไม่ทรงแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนาใดๆ เลย การเอาเรื่องเท็จมาปั้นแต่งโฆษณาว่าเป็นเรื่องจริง การหยิบเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเป็นเรื่อง การเอาเรื่องเล็กมาขยายเป็นเรื่องใหญ่ การเอาเฉพาะส่วนมาแทนที่ส่วนทั้งหมดเป็นวิสัยของมนุษย์ จำพวกไหน กระบวนการด้อยค่าบุคคลต่างศาสนา ด้วยวิธีสร้างความเป็นอื่น ขุดหลุมพรางบ่มเพาะความเกลียดชังทางศาสนา จะใจร้ายอำมหิตไปถึงไหน จึงโกหกมดเท็จรายวันไม่หยุดหย่อน เหมือนไม่เกรงนรกหมกไหม้ หรืออย่างไร.
    ชุมพล ศรีสมบัติ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    (ประกาศ)อันตรายสูงสุด มีผู้พยายามสร้างสงครามศาสนาในไทย (see-no-evil ) (newspaper)ข้อมูลข่าวสาร…ทางสื่อสังคมออนไลน์…ที่ออกมามากในช่วงหลัง … โดยเฉพาะ เกี่ยวกับศาสนาอิสลามนั้น…ส่วนใหญ่ไม่ตรงตามความเป็นจริง…หรือ เป็นข้อมูลเท็จ…ที่มีการเสริมเพิ่มความเท็จเข้าไปค่อนข้างมาก…มีลักษณะ…เป็นการนำเข้าข้อมูล…และ…เป็นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ…ผ่านระบบคอมพิวเตอร์…ซึ่งเป็นความผิดทางอาญาตามกฎหมาย…ผู้ที่ส่งต่อข้อมูลต่างๆดังกล่าว ย่อมจะมีความผิดไปด้วย…จึงต้องระวังในการส่งต่อให้มาก ~ เช่น ข้อมูลเท็จที่ว่า… รัฐบาลชุดปัจจุบัน …ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี …ได้สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างมัสยิด และมัสยิดกลางประจำจังหวัด…จำนวนหลายแห่ง ตลอดจนตั้งเงินเดือนโต๊ะอิหม่าม เดือนละ 18,000 บาท และ คณะกรรมการประจำมัสยิดมีเงินเดือนทุกคน นั้น กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้ชี้แจงว่า ข่าวสารดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นเรื่องเท็จ และเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง จึงขอให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อประชาชนทุกคนจะได้ทราบความจริง ดังนี้ 1.มัสยิดกลางประจำจังหวัด…ที่กล่าวอ้างถึงในสื่อสังคมออนไลน์ข้างต้น มีข้อเท็จจริง ดังนี้ 1.1 มัสยิดกลาง…ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช …ก่อสร้างด้วยงบประมาณแผ่นดิน จำนวน 104 ล้านบาทเศษ แต่เป็นโครงการที่ผูกพันมาจากการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีในขณะนั้น (พ.ศ.2555) มิใช่ รัฐบาลในปัจจุบัน โดยเป็นงบผูกพัน 3 ปี พ.ศ.2557-2559 ซึ่งมอบหมายให้กรมการปกครอง เป็นหน่วยขอรับงบประมาณ และโอนจัดสรรให้แก่ จ.นครศรีธรรมราช มิได้เป็นการอนุมัติของ ครม.ชุดปัจจุบันแต่อย่างใด 1.2 มัสยิดกลางประจำจังหวัดนนทบุรี …เป็นการก่อสร้างอาคารศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลาม…จังหวัดนนทบุรี …ซึ่งก่อสร้างด้วยงบประมาณ…ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี จำนวน 85 ล้านบาท …มิได้เกิดจากการอนุมัติของ ครม.ชุดปัจจุบัน 1.3 มัสยิดกลางประจำจังหวัดปัตตานี …จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดยะลา เป็นมัสยิดกลาง…ที่มีมาแต่ดั้งเดิมแล้ว บางแห่งสร้างมาตั้งแต่ พ.ศ.2424 พ.ศ.2468 และ พ.ศ.2497 โดยเงินส่วนใหญ่…ที่ใช้ในการก่อสร้าง…ก็มาจากเงินบริจาคของประชาชนในพื้นที่ …แต่อาจมีการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลในขณะนั้นบ้าง …ตามนโยบายด้านความมั่นคง …มิใช่การก่อสร้างขึ้นใหม่แต่อย่างใด… ซึ่งรัฐบาลในยุคต่อๆ มา (หลายรัฐบาล) ได้จัดสรรงบประมาณ…เพื่อการบูรณะและต่อเติมให้มีความมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัย…ต่อชาวไทยมุสลิม…ที่มาประกอบกิจกรรมทางศาสนา …ซึ่งใช้งบประมาณจำนวน 22 ล้านบาทบ้าง 28 ล้านบาทบ้าง สูงสุดประมาณ 35 ล้านบาทเท่านั้น มิใช่ เป็นเงินจำนวนมาก ที่กล่าวอ้างโจมตี 1.4 มัสยิดกลางประจำจังหวัดภูเก็ต …มีจุดประสงค์ให้เป็นศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามจังหวัดภูเก็ต…และศูนย์พัฒนาอาหารฮาลาล …ไม่ใช่อาคารมัสยิดกลางประจำจังหวัด …ก่อสร้างโดยงบประมาณขององค์ปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดภูเก็ต …และเงินบริจาคของประชาชนในจังหวัดภูเก็ต …จำนวน 250 ล้านบาทเศษ…มิใช่ งบประมาณจากรัฐบาล 1.5 สำหรับจังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด และ จังหวัดบึงกาฬ ยังไม่มีมัสยิดกลาง จะมีเฉพาะมัสยิดทั่วๆ ไป ซึ่งมาจากเงินบริจาคของประชาชนเท่านั้น 2. เนื่องจากผู้นำศาสนาอิสลาม…มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540 ในการดูแลพี่น้องชาวไทยมุสลิมในเรื่องต่างๆ เช่น การจัดทำทะเบียนสัปปุรุษ การสอนหลักธรรมศาสนาให้สัปปุรุษ การออกหนังสือรับรองการสมรสตามหลักศาสนา การจัดกิจกรรมทางศาสนา และการประนีประนอมข้อพิพาท ว่าด้วยครอบครัวและมรดกตามหลักศาสนา ดังนั้น รัฐจึงได้กำหนดให้ผู้นำทางศาสนาบางตำแหน่ง…ได้รับเงินค่าตอบแทนมาตั้งแต่ พ.ศ.2539 ซึ่งก็ได้มีการปรับปรุงค่าตอบแทนให้เหมาะสมกับสภาพทางเศรษฐกิจโดยปัจจุบัน 2.1 อิหม่าม ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 1,200 บาท 2.2 คอเต็บ และบิหลั่น เดือนละ 1,000 บาท 2.3 ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 1,900, 2,700 หรือ 3,500 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนมัสยิดในแต่ละจังหวัด 2.4 กรรมการอิสลามประจำจังหวัด และกรรมการอิสลามประจำมัสยิด ไม่มีค่าตอบแทนแต่อย่างใด 2.5 นอกจากนี้ กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และกรรมการอิสลามประจำจังหวัดได้รับค่าเบี้ยประชุมครั้งละ 1,100 บาท ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ.2547 อีกด้วย ~ อนึ่ง ได้ทราบว่า นายกฯประยุทธ์ ฯ ได้ชี้แจงว่า "ตนเองและภริยานั้น เป็นผู้นับถือศาสนาพุทธ 100% และ ห้อยพระตลอด ส่วนภริยาก็สวดมนต์ไหว้พระตลอด ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม ตามการกล่าวหาในสื่อสังคมออนไลน์ ~ ดังนั้น ข่าวสารทางสื่อสังคมออนไลน์…ในกรณีต่างๆดังกล่าว …จึงเป็นการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ…และบิดเบือนข้อเท็จจริง …เพื่อสร้างความขัดแย้งในสังคมไทย …ซึ่งเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม …อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเข้าใจผิดต่อรัฐบาลชุดปัจจุบัน …นอกจากนี้การกระทำดังกล่าว…ยังเป็นการนำเข้าข้อมูลและเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ…ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายอาญาอีกด้วย จึงเป็นสิ่งที่พวกเรา พึงต้องระวังการส่งต่อข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จด้วยนะครับ (Unity)(Unity)(Unity)(Unity)(Unity)
    ไม่ระบุชื่อ
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    บิ๊กตู่ ช่วยพลิกฟื้นบัตรทอง30บาท หลังจากขาดทุน อย่างหนักภายใต้เงื้อมมือ ทักษิณ ชินวัตร โครงการ30บาทเกิดจากความคิดของ คุณหมอ สงวน นิตยารัมภงค์ เลขาธิการหลักประกันสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข แล้วทักษิณ ชินวัตร เอาไปแอบอ้างว่าเป็นความคิดของตัวเอง แถมยังให้เงินทุนสนับสนุนน้อยมาก จนแทบเลิกล้มโครงการ ต้องชมรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่เอาหมอเก่งอย่าง คุณหมอปิยสกล สกลสัตยาทร อดีตนายแพทย์ผู้ถวายการรักษาในหลวงรัชกาลที่๙ มาเป็นรมว.สาธารณสุข ทำให้โครงการนี้ยืนหยัดได้อีกครั้ง แถมเพิ่มสิทธิประโยชน์ เพื่อประชาชนอีกมากมาย By.. Boonchuay Pataralerrtsiri 30บาทรักษาทุกโรคของทักษิณ ทำโรงพยาบาลรัฐ ขาดทุนหนักมากๆ แทบอยู่ไม่ได้เพราะรัฐบาลในระบอบทักษิณ ชินวัตรให้เงินอุดหนุนน้อยมาก คงจะจงใจ เพราะทักษิณไปกว้านซื้อ โรงพยาบาล เอกชนหลายแห่ง เพราะคนจะต้องแห่มาใช้บริการนี้แทน แถวบ้านมีคนหมดตัวเพราะต้องใช้เงินเป็นล้านบาทเป็นค่าใช้จ่ายในการฟอกไต จนต้องขายบ้าน 📌🌍แต่สมัยนี้ ทำเรื่องให้โรงพยาบาลรัฐฟอกไตให้ฟรีได้ ข้างบ้านได้ใช้บริการนี้ ผมเองก็ได้อานิสงค์จากรัฐบาลนี้ เป็นมะเร็งขั้นที่ 4 ลามจากลำไส้ใหญ่มาตับ ค่าบริการทุกอย่างฟรีหมด: ผ่าตัดเอามะเร็งลำไส้ออก นอนพักฟื้นใน รพ กว่าเดือน ได้รับสารอาหารเป็นถุงใหญ่ สิบกว่าถุง( ถามพยาบาลบอกว่าราคาถุงละ 1200บาท) คีโมบำบัด CT-scan เช็คผลหลายคร้้ง ยา และถุง+แป้นหน้าท้อง ตัดปลายลำไส้ใหญ่ออกและเย็บตายไว้ ทั้งหมดฟรีครับ(ใช้สิทธิ์บัตรทอง) ยกเว้นยามุ่งเป้าเสริมคีโม ถ้าต้องการใช้ ผมเห็นใจ โรงพยาบาลที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่าย เพราะบริการฟรีให้ผู้ป่วยเกือบทั้งหมด ถ้าผมไปรักษาที่รพเอกชนคงหมดเงินหลายล้านบาท จึงบริจาคช่วย 4หมื่นบาทแม้จะไม่ค่อยมี ใครมีกำลังทรัพย์ช่วยบริจาค โรงพยาบาลรัฐจะช่วยให้บริการฟรีต่อไปได้นานขึ้น ขอบคุณรัฐบาล คสช.ขอบคุณคุณหมอปิยสกล อีกครั้ง ที่ทำโครงการ30บาทนี้ให้ยั่งยืนเพื่อประชาชนตลอดไป แล้วขอย้ำอีกทีว่าคนคิดโครงการ30บาท คิอคุณหมอ สงวน นิตยารัมภงค์ ไม่ใช่ ดร.ทักษิณ ชินวัตรนะครับ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    เตรียมตัวรับมือกับสงครามใหญ่ ประเทศในแถบยุโรปเช่นฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน และอีกหลายประเทศ เริ่มมองเห็นเค้าลางว่าจะเกิดสงครามใหญ่ในอีกไม่กี่ปีนี้ หลายๆประเทศจึงเตรียมตัวรับมือกับสงครามใหญ่ที่จะเกิดขึ้น คาดว่าแต่ละประเทศต่างคงเร่งผลิตอาวุธ ผลิตโดรนที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้น ผลิตจรวดความเร็วสูง ผลิตรถถัง ผลิตเครื่องบินรบ รวมทั้งเรือรบด้วย ถ้ามองอย่างเป็นกลางในตอนนี้ อาวุธทางฝั่งประเทศยุโรปและอเมริกามีความทันสมัยมากกว่า สงครามใหญ่จะลุกลามไปหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศในตะวันออกกลาง จะขยายวงกว้างมากขึ้น มากขึ้น ประเทศอิสราเอลคือสารตั้งต้น ที่ทำให้เกิดสงครามใหญ่ในแถบตะวันออกกลาง อีกไม่นานเกินรอ พี่น้องชาวมุสลิมหลายประเทศจะรวมตัวกันต่อสู้กับอิสราเอล...ผู้นำอิสราเอลโนสน โนแคร์ คำเตือนของผู้นำอเมริกา ที่แนะนำอิสราเอลว่าอย่าโจมตีเมืองราฟาร์ เพราะพลเมืองผู้บริสุทธิ์จะล้มตายจำนวนมาก...อิสราเอลไม่ยินยอมให้ UN ส่งเสบียงอาหาร น้ำดื่มให้ชาวปาเลสไตร์ ทางอเมริกาและชาติอื่นๆต้องส่งเสบียงอาหารทางเครื่องบิน และทางเรือ แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อจำนวนประชากรชาวปาเลสไตร์ที่หิวโหยอดอยากอยู่ในขณะนี้...อิสราเอลเหมือนจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตร์...คอยจับตาดูเมื่อไหร่ที่สงครามในประเทศตะวันออกกลางรุนแรงขึ้น มันจะเป็นสัญญาณว่า...”สงครามศาสนา”...ได้เริ่มขึ้นแล้ว บรรดาชาติอาหรับจะจับมือกันอย่างเหนียวแน่น การสู้รบจะแผ่ขยายไปทั่ว จากสงครามใหญ่ จะพัฒนามาเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประเทศอิสราเอลมีสิทธิที่จะถูกลบออกจากแผนที่โลก หรืออย่างน้อยพื้นที่ประเทศอิสราเอลก็จะเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ................................................ ประเทศรัสเซียถูกก่อวินาศกรรม พลเมืองชาวรัสเซียตายไป 139 คน บาดเจ็บอีกนับร้อยคน งานนี้ปูตินผู้นำประเทศรัสเซียคงไม่ยอมจบง่ายๆ พลเมืองชาวรัสเซียต้องไม่ตายฟรี กลุ่มผู้ก่อการร้ายถูกจับกุม 11 คน คาดว่าคนเหล่านี้คงจะถูกจัดหนักจัดเต็มตามสไตร์ โหด สัส รัสเซีย ถูกทรมานไปเรื่อยๆ แต่ยังไม่ให้ตายง่ายๆ กลุ่มนักรบ ISIS-K (กลุ่มรัฐอิสลามแห่งโคราซาน) ออกมารับผิดชอบ แต่ผู้นำรัสเซียปูติน ไม่ฟังแถมยังพุ่งเป้าไปที่ยูเครนเพราะกลุ่มผู้ก่อการร้ายขับรถมุ่งหน้าจะเข้าประเทศยูเครน...หวยจึงไปออกที่ประเทศยูเครน ถูกรัสเซียถล่มโจมตีอย่างหนักต่อเนื่องติดๆกัน รัสเซียระบายความแค้นกับยูเครนอย่างหูดับตับไหม้ และคาดว่าเบื้องหลังทางรัสเซียคงหาวิธีสางแค้นกลุ่ม ISIS-K ที่เป็นผู้ก่อวินาศกรรม...รัสเซียคงจะรีบเผด็จศึกยูเครนให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้เตรียมตัว ผลิตอาวุธ ธุทโธปกรณ์เพิ่มให้มากที่สุด ทางรัสเซียเองก็คงรู้ว่าอีกไม่นานนี้...”สงครามใหญ่ สงครามโลกครั้งที่ 3 จะต้องเกิดขึ้น”...อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นต้องมีอาวุธสำรองให้มากที่สุด สงครามโลกครั้งที่ 3 ที่ใกล้จะเกิดขึ้น ประเทศแถบยุโรปและประเทศตะวันตก แต่ละประเทศต่างมีอาวุธที่ล้ำสมัย รวมทั้งเรือดำน้ำ เรือรบ และอื่นๆที่ล้ำหน้าและมีอานุภาพรุนแรงมาก ตอนนี้รัสเซียไม่ใช่สู้กับยูเครนเพียงประเทศเดียว แต่กำลังสู้กับบรรดาชาตินาโต้ที่สนับสนุนอาวุธให้กับยูเครน ต้องนับถือรัสเซียที่สามารถทำลายอาวุธของชาติยุโรปและชาติตะวันตกที่ส่งมาให้ยูเครน จนพังเสียหายไปมากมาย .....................................................กองทัพเรือของรัสเซียมีจุดอ่อนอยู่มากมาย ถูกยูเครนใช้โดรนและจรวดผิวน้ำจมเรือรบไปแล้วหลายลำ ทางกองทัพเรือรัสเซียต้องรีบหาวิธีป้องกันให้เร็วที่สุด แม้แต่เครื่องบินรบของรัสเซียที่ว่าเจ๋งๆ ยังถูกยูเครนสอยร่วงไปแล้วหลายลำ...เรือรบของประเทศอังกฤษก็อ่อนแอ สามวันดี สี่วันไข้ ต้องเข็นเข้าอู่ซ่อมหลายลำเช่นกัน คิดว่าทางรัสเซียคงจะมีการปรับปรุงกองทัพเรือให้มีประสิทธิภาพดีมากขึ้น ทางรัสเซียมีโคตรจรวดที่มีอนุภาพการทำลายล้างสูงจำนวนมาก ถ้าเกิดสงครามโลกขึ้น แรกๆจะไม่มีการใช้จรวดนิวเคลียร์ยิงถล่มกัน แต่ใช้น้องๆจรวดนิวเคลียร์เข้าถล่มกัน การยิงนิวเคลียร์จะยิงออกจากเรือดำน้ำก่อนเป็นอันดับแรก แต่ไม่รู้ว่าฝ่ายไหนจะเริ่มใช้นิวเคลียร์ก่อนเท่านั้น หลังจากยิงนิวเคลียร์จากเรือดำน้ำแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะยิงนิวเคลียร์ออกจากฐานที่ตั้งอยู่นอกประเทศของแต่ละฝ่ายเข้าใส่กัน ถ้ายังย่อยยับกันไม่พอก็จะใช้เครื่องบินบรรทุกจรวดนิวเคลียร์ไปหย่อนใส่ประเทศฝ่ายตรงกันข้าม คิดว่าการยิงจรวดนิวเคลียร์ออกจากฐานที่ตั้งอยู่ในประเทศของตนเอง จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายเหมือนเป็นการทิ้งไพ่ใบสุดท้ายถ้าประเทศตัวเองเริ่มเสียเปรียบในการทำสงคราม...คนหนุ่มคนสาวยุคนี้จะได้ชมและได้ดมพิษสงของนิวเคลียร์ (ยกเว้นประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมทำสงคราม) คนจะตายกันหลายสิบล้านคน อาจจะตายถึงนับร้อยล้านคนก็เป็นไปได้เช่นกัน ..................................................ประเทศจีน คงซุ่มผลิตอาวุธ และพัฒนาอาวุธอยู่ตลอด ประเทศจีนจะมีทหารมากที่สุด คิดว่าจะมีทหารอย่างน้อยก็ 30-50 ล้านนาย...ประเทศจีนทุ่มเงินซื้อตัวนักบินทหารที่เกษียณอายุราชการจากประเทศอังกฤษหลายนายมาเป็นครูสอนเด็กหนุ่มชาวจีนที่มีอายุ 18 ปี ให้เป็นนักบิน ควบคุมเครื่องบินรบ รุ่นหนึ่งรับเด็ก 200-300 คน ต้องเรียนต้องฝึกให้ชำนาญใช้เวลาประมาณ 4 ปี ต่อหนึ่งรุ่น พอฝึกรุ่นนี้เสร็จก็จะรับเด็กหนุ่มรุ่นต่อๆไปให้เข้ามาฝึกบิน เมื่อถึงเวลาเกิดสงครามคาดว่าประเทศจีน จะมีนักบินทหารมากที่สุดในโลก และคิดว่าประเทศจีนจะมีอาวุธบางชนิดที่ล้ำสมัยที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ถ้าเกิดสงครามขึ้น ดาวเทียมของสหรัฐจะถูกรบกวนหรือถูกทำลายไปบางส่วน แต่ไม่รู้ว่าประเทศจีนหรือรัสเซียเป็นผู้ลงมือทำลายหรือรบกวนดาวเทียมของสหรัฐ คาดว่าสหรัฐคงรู้เรื่องนี้และคงหาทางป้องกันดาวเทียมของตนเองอยู่เช่นกัน ดาวเทียมของสหรัฐมีหลายดวง ไม่ใช่แค่ดวงเดียว เพราะฉะนั้นฝ่ายผู้ที่คิดจะทำลายดาวเทียมของสหรัฐต้องหาวิธีปิดตาดาวเทียมของสหรัฐให้มากที่สุด หลายๆประเทศต่างก็มีดาวเทียมของตนเอง ถ้าสงครามใหญ่เกิดขึ้นอินเตอร์เน็ตคงใช้ไม่ได้ การติดต่อสื่อสารจะเป็นอัมพาต ใช้บัตรถอนเงินจากตู้ ATM ไม่ได้ ใช้บัตรเครดิตรูดซื้อของไม่ได้ และกดถอนเงินสดออกจากตู้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นทุกคนควรสำรองเงินสดเอาไว้ เตรียมซื้อข้าวสาร อาหาร น้ำดื่ม และยา โดยเฉพาะคนที่ต้องกินยารักษาโรคประจำตัวทุกวัน ............................................ประเทศเกาหลีเหนือ ไม่รู้ว่าจะมีอาวุธที่ทันสมัยจริงหรือไม่? เพราะเป็นประเทศที่ถูกปิด ถูกบอยคอตจากชาติตะวันตกและชาติยุโรปมานานแล้ว แต่หลายๆประเทศต่างก็รู้สึกหวั่นเกรงอาวุธของเกาหลีเหนือเหมือนกัน เพราะเห็นเกาหลีเหนือทดลองการยิงจรวดอยู่เสมอ แถมยังขู่ว่ามีอาวุธนิวเคลียร์สามารถยิงได้ไกล จนประเทศเกาหลีใต้และประเทศญี่ปุ่นต่างก็หวั่นเกรงเกาหลีเหนือไม่น้อย ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้นเกาหลีเหนือก็มีทหารมากเหมือนกัน แต่จะรบเก่งแค่ไหนไม่รู้ คงต้องฟังแผนการรบจากประเทศจีนเป็นหลัก...ประเทศอิหร่าน ประเทศรัสเซีย ประเทศจีน ประเทศเกาหลีเหนือก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน สี่ประเทศนี้รวมตัวกันจะเป็นพี่ใหญ่ของประเทศตะวันออกกลางทั้งหมด...เพียงแต่ให้ประเทศอิหร่านคุมกำลังนักรบประเทศตะวันออกกลาง...ส่วนประเทศรัสเซีย ประเทศจีน ประเทศเกาหลีเหนือ จะเป็นผู้ปะทะกับกองกำลังของชาตินาโต้เป็นหลัก...สงครามโลกครั้งที่ 3 เกิดแน่นอน อาจจะเกิดเร็วกว่าที่คาดไว้...หลายคนกังวลว่าประเทศไทยจะถูกถล่มจากสงครามโลกครั้งที่ 3 ด้วย แต่เชื่อว่าประเทศไทยจะไม่เข้าร่วมรบกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถ้าเข้าร่วมรบก็โง่บรรลัย...ประเทศไทยจะเป็น “ครัวโลก” ส่งออกอาหาร ข้าวสาร และแป้งสำหรับทำขนมปัง และพืชผักนานาชนิดจำนวนมาก รวมทั้งอาหารทะเลด้วย ราคาข้าวสารและอาหารอื่นๆจะแพงมาก การขนส่งก็ลำบากเพราะภัยสงครามเกิดขึ้นไปทั่วโลก...ประเทศลาว ประเทศเขมร ประเทศพม่า ประเทศเวียดนาม ก็พลอยได้อานิสงส์จากราคาข้าวสารและอาหารอื่นๆไปด้วย เกษตรกรจะร่ำรวยก็คราวนี้แหละ...บางคนคิดว่าสถานทูตอเมริกาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีการขุดลึกลงไปหลายร้อยเมตร ทำเป็นสถานที่เจาะล้วงความลับความมั่นคงของชาติตรงกันข้าม จะถูกถล่มไปด้วย แต่ผมมั่นใจว่าสถานฑูตแห่งนี้มีสิทธิ์ที่จะถูกปิดตายจากวิธีใดวิธีหนึ่ง และท้ายที่สุดสถานฑูตแห่งนี้จะไม่สามารถใช้งานต่อไปได้ จ.เชียงใหม่จะไม่ถูกถล่มด้วยระเบิดอานุภาพแรงสูงอย่างแน่นอน แต่สถานฑูตอาจจะถูกก่อวินาศกรรม...หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 3 สงบลง จังหวัดตราด จะมีพื้นที่ใหญ่ขึ้น มากขึ้น หรืออาจจะมีอำเภอ / จังหวัดใหม่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย เพราะประเทศเขมรจะต้องคืนพื้นที่ๆติดกับจังหวัดตราดให้กับประเทศไทย ในขณะนี้ไทยกับเขมรกำลังหาทางลงเรื่องเขตแดนทางทะเลที่ทับซ้อนกันอยู่ ในอดีตมีนักการเมืองบางคนที่ชั่วช้าเลวทราม ไปทำ MOU กับฮุนเซน แต่ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย มีสองทางที่ไทยจะได้พื้นที่คืนจากเขมรคือจะได้ด้วยการเจรจา หรือได้มาจากการทำสงครามรบกับเขมร ซึ่งผลลัพธ์สุดท้าย ไทยจะได้พื้นที่คืนมาอย่างแน่นอน / ด้วยความเคารพ หมอนิด กิจจา ทวีกุลกิจ 28 มี.ค. 2567 ...
    ไม่ระบุชื่อ
     •  6 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    จีนไม่มีมุสลิมแล้ว จริงหรือไม่ ? ในไลน์กลุ่มต่างๆได้มีการเเชร์ข้อมูลเกี่ยวกับ การกวาดล้างอิสลามมุสลิม เป็นข่าวจริงหรือไม่ มารับฟังกันได้เลยครับ
    จากการแชร์ข้อผ่านกลุ่มไลน์ มูลลิมจีนไม่มีมุสลิมแล้ว จริงหรือไม่ ? ในไลน์กลุ่มต่างๆได้มีการเเชร์ข้อมูลเกี่ยวกับ การกวาดล้างอิสลามมุสลิม เป็นข่าวจริงหรือไม่ มารับฟังกันได้เลยครับ
    ชุมพล ศรีสมบัติ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false