ภาครัฐ มีข้อมูลส่วนตัวของทุกคนอยู่แล้ว

ธนาคารต่างๆและบริษัทต่างๆที่แต่ละคนใช้บนิการ เขามีข้อมูลส่วนตัวของแต่ละคนที่ว่านั้นอยู่แล้ว

ข้อกล่าวหาคือ กล่าวหาว่าให้ภาคเอกชนจัดทำแอปใหม่ ทำให้บริษัทนั้นได้ข้อมูลส่วนตัวของคนไทยไป???

แต่ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่า จะใช้แอปเป๋าตังตามเดิมที่เคยใช้กันมาก่อนในช่วงคนละครึ่ง (และบางท่านก็ยังคงใช้แอปเป๋าตัง ซื้อสลากกินแบ่งฯออนไลน์อยู่)

ซึ่งแอปเป๋าตังนั้น เป็นของธนาคารกรุงไทย อย่างแน่นอน เพราะเวลากดเปิดแอปเป๋าตังก็จะเห็นกรุงไทย แล้วทำไมกับแอปเป๋าตัง จึงไม่เคยมีกระแสต่อต้านแบบนี้บ้างว่ากังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล??? เมื่อเราใส่ข้อมูลลงทะเบียนไปตอนนั้นแล้ว กรุงไทยก็อาจจะได้รับข้อมูลไปด้วยเช่นกันกับภาครัฐ ทีแบบนี้ทำไมถึงไม่กลัวกัน??? จึงมองว่านี่เป็นประเด็นของการไม่ไว้ใจเพื่อไทย ต่อต้านเพื่อไทย และปัจจุบันรัฐบาลก็ยืนยันแล้วว่าใช้แอปเป๋าตังตามเดิม ดังนั้นประเด็นนี้จึงตกไป

ส่วนเรื่องล้วงข้อมูลส่วนตัว "ตลอดชีวิต" มองว่า ผู้ที่ล้วงได้ ตลอดชีวิต" คือภาครัฐ และธนาคารหรือบริษัทที่ใช้บริการ สามารถอัปเดตข้อมูลได้อยู่แล้วเช่นเวลาเราแจ้งย้ายที่อยู่ เปลี่ยนเบอร์ เปลี่ยนชื่อ-สกุล เป็นต้น ต่างจาก แอปเงินหมื่น(ถ้าทำเป็นแอปใหม่ออกมาจริง) ใช้เสร็จก็ลบทิ้งสิ ไม่ต้องอัปเดตข้อมูลส่วนตัวต่อไปอีก จึงมองว่าเป็นการเล่นคำเพื่อสร้างกระแสต่อต้านเพื่อไทยและโครงการนี้

สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ผมคาดว่า โครงการหรือนโยบายนี้ น่าจะถูกขัดขวางโดย สว. ไม่ให้จัดทำขึ้นได้ ดังนั้น จึงไม่อยากให้กังวลนัก ผมมองว่า ฝ่ายอนุรักษนิยมหรือฝ่ายขวา พวกคุณควรจะดูท่าทีของพรรคต่างๆที่ร่วมรัฐบาลชุดนี้ ที่คงจะเป็นพรรคที่พวกคุณชอบหรือเคยชอบ ดูว่าพรรคใดจะร่วมหนุนโครงการนี้ของเพื่อไทยที่พวกคุณไม่ชอบด้วยหรือไม่ ถ้าเขาหนุน สมัยหน้าคุณก็คงไม่เอาพรรคนั้น ไปเลือกพรรคอื่นที่เขาคิดเหมือนคุณคือคัดค้านโครงการนี้