1 คนสงสัย
สปสช. เตือน! ปชช.อย่าหลงเชื่อ SMS "หลอกให้อัปเดทข้อมูลบัตรทอง
สปสช.แจ้งเตือนมิจฉาชีพแอบอ้างส่ง SMS ให้อัปเดทข้อมูลบัตรทอง มิฉะนั้นจะถูกตัดสิทธิ ย้ำอย่าหลงเชื่อ ระวังโดนแฮกข้อมูลหรือถูกหลอกให้โอนเงิน ยันบัตรทองเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสำหรับคนไทยทุกคน ไม่มีการตัดสิทธิแน่นอน หากสงสัยอะไรให้โทรสอบถามที่สายด่วน 1330 ก่อน

วันที่ 31 มีนาคม 2566 ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ในระยะนี้พบว่ากลุ่มมิจฉาชีพได้แอบอ้างชื่อ สปสช. ส่ง SMS ไปยังโทรศัพท์มือถือของประชาชน โดยอ้างว่า สปสช.มีนโยบายให้อัปเดทข้อมูลบัตรบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทองให้เป็นข้อมูลปัจจุบัน มิฉะนั้นจะถูกตัดสิทธิทันที พร้อมแนบลิงก์สำหรับให้คลิกเข้าไปอัปเดทข้อมูล
ทพ.อรรถพร กล่าวว่า สปสช. ไม่มีนโยบายโทรหรือส่ง SMS สอบถามข้อมูลส่วนบุคคลแต่อย่างใด SMS เหล่านี้ไม่ได้ส่งจาก สปสช. แต่เป็นการแอบอ้างชื่อเพื่อหลอกให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่กลุ่มมิจฉาชีพ ดังนั้น โปรดอย่าได้หลงเชื่อคลิกลิงก์ที่แนบมาด้วย เพราะมีความเสี่ยงที่อาจจะถูกแฮกข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงิน หรืออาจถูกหลอกล่อด้วยวิธีการต่างๆ จนผู้เสียหายหลงโอนเงินไปให้ดังที่มักปรากฎเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้งในระยะนี้

ทพ.อรรถพร กล่าวว่า สิทธิบัตรทองนั้น เป็นสิทธิที่ติดตัวตั้งแต่เกิดจนตายสำหรับคนไทยทุกคน ไม่มีการตัดสิทธิใด ๆ ทั้งสิ้น มีแต่การเปลี่ยนไปใช้สิทธิอื่น เช่น หากเข้ารับราชการก็จะเปลี่ยนมาใช้สิทธิสวัสดิการของราชการ หรือหากเข้าทำงานในบริษัทเอกชน ก็จะเปลี่ยนสิทธิมาใช้ระบบประกันสังคม และหากมีการเปลี่ยนสถานะ เช่น ลาออกจากราชการหรือลาออกจากบริษัท ก็จะเปลี่ยนกลับมาเป็นสิทธิบัตรทองโดยอัตโนมัติ แต่ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม คนไทยทุกคนจะต้องมีสิทธิการรักษาพยาบาลอย่างน้อย 1 สิทธิเสมอ ไม่มีการตัดสิทธิ/ยกเลิกสิทธิ จนกลายเป็นคนที่ไม่มีสิทธิในการรักษาพยาบาลใดๆ เลยแน่นอน
sts46429
 •  1 ปีที่แล้ว
0 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร 10 พฤษภาคม 2566 คงไม่มีข้อสงสัยอีกแล้วว่า พรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ว่ากำลังมาแรง กับกลุ่มคนหนุ่มสาวที่พยายามกัดเซาะสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เสื่อมลง มีความเชื่อมโยงกันอย่างเป็นเนื้อเดียวกัน และยังคงพยายามอย่างแข็งขันต่อเนื่องที่จะกัดเซาะต่อไปจนน่าแปลกใจ ไม่มีใครเลยในกลุ่มนี้ที่สำนึกว่าพระมหากษัตริย์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อบรรพบุรุษและครอบครัวตัวเอง ถึงตรงนี้อยากจะเล่าเรื่องที่ผมเคยเล่ามาครั้งหนึ่งแล้ว วันนี้จะขอนำกลับมาเล่าอีกครั้ง เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อผมยังเด็กๆ คุณยายผมซื้อบ้านพักตากอากาศที่หาดชะอำ ซึ่งเป็นบ้านที่สร้างในยุคเดียวกันกับ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ชื่อ "บ้านปลุกปรีดี" เมื่อครั้งกระโน้น ผมและพี่ๆในช่วงเวลาปิดภาคเรียน จะใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังนี้โดยมีคุณยายเป็นผู้ดูแล หาอาหารการกินให้ทุกมื้อ พวกเราตื่นแต่เช้าก็ไปหาน้ำตาลสดกัน ไปรอซื้อจากใต้ต้นตาล น้ำตาลสดจะบรรจุอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ เป็นน้ำตาลสดที่ยังไม่ผ่านความร้อน หวานหอมยิ่งนัก หลังอาหารเช้าก็ลงทะเล เล่นน้ำทะเล หาหอยเสียบ กลับเข้าบ้านทานอาหารกลางวัน บ่ายลงทะเล เย็นทานอาหารเย็น หลังอาหารเย็นลงทะเลไล่จับปูลม ชีวิตช่วงนั้น เป็นชีวิตที่สนุกและมีความสุขจนจำได้ไม่เคยลืมจนถึงทุกวันนี้ ที่บ้านชะอำแห่งนี้ คุณยายอนุญาตให้คนท้องถิ่นคนหนึ่งชื่อ นายอ๋วย มาปลูกกระต๊อบอยู่ฟรีๆทางด้านปลายสุดของที่ ดูเหมือนนายอ๋วยจะเป็นช่างที่มาช่วยซ่อมบ้านให้ นายอ๋วยมีลูกชายหลายคน ลูกของนายอ๋วยบางคนก็มีความสนิทสนมกับเรา หลังจากที่คุณยายจากไป คุนพ่อคุณแม่และพวกเราก็ยังมาพักตากอากาศที่บ้านหลังนี้เป็นประจำ หลังจากนายอ๋วยเสียชีวิต ลูกคนโต และคนกลาง ย้ายออกไปใช้ชีวิตอยู่ที่อื่น ลูกคนเล็กที่ยังคงอาศัยอยู่ในที่แปลงนี้ วันหนึ่ง ตัวเขาร่วมกับเพื่อนๆของเขากับทนายความคนหนึ่งถือโอกาสใช้ช่องกฎหมาย แอบไปยื่นศาลจังหวัดเพชรบุรี ขอครอบครองปรปักษ์ที่ดินครี่งหนึ่ง คือด้านหลังที่เขาปลูกกระต๊อบอยู่ ความจริงเราไม่น่าจะมีโอกาสที่จะรู้เรื่องนี้เลย แต่บังเอิญเพื่อนของเขาคนหนึ่งเกิดความขัดแย้งกับเขา จึงนำเรื่องนี้มาบอกเรา เราจึงไปยื่นฟ้องค้านได้ทันก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา ต่อสู้คดีกันกว่าจะชนะก็ใช้เวลาเป็นปี ซึ่งเหนื่อยและต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่น้อยกว่าเรื่องจะจบ สุดท้ายเรายังให้เงินผู้ที่พยายามยึดครองที่ของเราไปจำนวนไม่น้อยเป็นค่ารื้อถอน กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ก่อตั้งพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง พยายามจะเปลี่ยนประเทศ ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ อ้างตลอดเวลาว่า ประเทศไทยเป็นของประชาชน หาใช่เป็นของพระมหากษัตริย์ไม่ คนกลุ่มนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับลูกชายคนเล็กของนายอ๋วยที่บ้านชะอำของครอบครัวผม ที่ได้อาศัยอยู่อย่างสุขสบาย สุดท้ายพยายามยึดเป็นที่ของตัวเอง ปฐมกษัตริย์ตั้งแต่สมัยสุโขทัย กรุงศรีอยุทธยา กรุงธนบุรี กรุงรัตนโกสินทร์ ล้วนเป็นพระมหากษัตริย์ที่นำทัพออกรบ รวบรวมดินแดนก่อตั้งประเทศ พระองค์ต่อๆมาก็มีทั้งต้องทำสงครามเพื่อป้องกันประเทศเมื่อถูกรุกราน เมื่อประเทศชาติต้องเสียเอกราชถูกยึดครอง ก็มีพระมหากษัตริย์ทรงทำสงครามเพื่อกู้ชาติจนได้รับเอกราชอีกครั้ง หากไม่มีพระมหากษัตริย์ เราอาจไม่มีประเทศอย่างทุกวันนี้ ในราชวงศ์จักรี หากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และกรมพระราชวังบวรสุรสิงหนาท ทรงนำทัพรบกับทัพพ่ายแพ้พม่าในสงครามเก้าทัพ เราก็อาจไม่มีประเทศไทย อาจเป็นแบบเดียวกับมอญ กระเหรี่ยง หรือกระทั่งโรฮิงญา ด้วยเหตุนี้สำหรับประเทศเรา หากจะถือว่าพระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ทรงเป็นเจ้าของประะเทศ ก็เป็นการถูกต้องแล้ว เมื่อพระมหากษัตริย์ปกครองประเทศ มีคนต่างถิ่นอพยพมาพี่งพระบรมโภธิสมภาร ได้รับพระบรมราชานุญาตให้มีที่ดินทำกินจนมีเงินมีทอง พวกเขาเหล่านั้นก็ยังคงตระหนักว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นเจ้าของประเทศ และยังสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ แต่ต่อมามีลูก ลูกๆก็ยังมีความสำนึกเช่นเดียวกับรุ่นพ่อ รุ่นแม่ และคงสืบทอดกันต่อๆมา แต่มาวันนี้ รุ่นหลาน รุ่นเหลน ของผู้ที่เคยขอเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารจำนวนหนึ่ง ละเลยเรื่องพระมหากรุณาธิคุณที่พระมหากษัติริย์มีให้รุ่นปู่ รุ่นทวด เสียสิ้น กลับตั้งหน้าตั้งตาหาเรื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ป้อนข้อมูลผ่านสื่อยุคใหม่ สร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เกิดขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้เติบโตมาในยุคของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 สนับสนุนให้เกิดขบวนการกล่าวหา หมิ่นแคลน ย่ำยี จาบจ้วงองค์พระมหากษัตริย์ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งเกิดแนวร่วมที่หลงเชื่อเป็นจำนวนไม่น้อย ทำเช่นนี้กันอย่างไม่กลัวบาปกลัวกรรม ลองคิดกันดูว่า องค์พระมหากษัตริย์จะทรงรู้สึกอย่างไร และพระเจ้าอยู้หัวรัชกาลที่ 9 หากยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่จะทรงรู้สึกอย่างไร จริงอยู่หากจะกล่าวว่า ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศก็คงไม่ผิด แต่การเป็นเจ้าของประเทศหมายถึงการมีสิทธิอาศัยอยู่ในประเทศ มีสิทธิเป็นเจ้าของที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ มีสิทธิทุกประการตามที่กฎหมายกำหนด หาได้มีสิทธิจะทำอะไรกับประเทศก็ได้เหมือนกับทำอะไรก็ได้กับที่ดินหรือบ้านที่ตัวเองเป็นเจ้าของไม่ ความเป็นเจ้าของประเทศต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและกฎเกณฑ์ต่างฯของบ้านเมือง ไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ ยิ่งไม่อาจขายประเทศของตัวเองได้ คนกลุ่มนี้ได้ดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จะถึงขั้นตอนสำคัญ เป็นขั้นตอนที่พวกเขาพยายามจะยึดการปกครองของประเทศผ่านการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย หากทำสำเร็จเขาก็คงจะดำเนินการในขั้นต่อๆไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายของเขา กรณีที่คนกลุ่มนี้พยายามที่จะยกเลิกมาตาม 112 เมื่อไม่สำเร็จ เปลี่ยนเป็นมาเป็นขอแก้ไข ลดโทษ ให้มีโทษปรับได ที่สำคัญคือ เอามาตรา 112 ออกจากหมวดความมั่นคง แสดงว่าพวกเขาเห็นว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่มีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ และต้องการทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อ่อนแอลง กรณีที่ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภาของไทย เชิญเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยมาชี้แจง เรื่องการที่มีคนไทยส่งหนังสือร้องเรียนไปยังวุฒิสภาว่า สถาบันพระมหากษัตริย์และทหารแทรกแซงการเลือกตั้ง และวุฒิสมาชิกสหรัฐกลุ่มหนึ่งขานรับ และกำลังจะเสนอวุฒิสภาให้มีมติ 114 กล่าวหาสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยว่าแทรกแซงการเลือกตั้ง ทั้ง 2 กรณีเป็นการบ่งชี้ว่า มีความเป็นไปได้มากที่กลุ่มการเมืองกลุ่มนี้มีการติดต่อกับต่างชาติ นี่อาจเป็นความจริงที่น่ากลัวที่สุด จากที่ได้ฟังพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ตอบคำถามของคุณ สันติสุข มะโรงศรี ทาง Top News ทำให้ทราบว่า ทั้งสองท่านตระหนักและเห็นว่าเรื่องข้างต้นเป็นเรื่องจริงและจะกระทบต่อความมั่นคงของชาติ อีกพรรคหนึ่งที่ตระหนักเรื่องนี้คือพรรคไทยภักดี พรรคอื่นๆหากไม่ได้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเสียเองก็คงเห็นว่าเป็นเรื่องเหลวไหล จึงไม่มีพรรคใดให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้แม้แต่พรรคเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้ หากเรายังให้ความสำคัญต่อความเป็นชาติ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ คงไม่ต้องบอกว่า เราควรเลือกเบอร์อะไร พรรคใด ให้เข้ามาบริหารประเทศ ขอย้ำอีกครั้ง พวกเขาทำกันเป็นขั้นเป็นตอน เป็นขบวนการ หากทุกท่านอยากทราบว่าขั้นตอนทั้งหมดมีขั้นตอนใดบ้าง กรุณาดูคลิปตอนที่ 2 ของพลเรือเอก ชาตร์ นาวาวิจิต อดีตเจ้ากรมยุทธการ และอดีตผู้บัญชาการสถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง ที่วิเคราะห์ไว้ ตาม link ด้านล่างได้เลย https://www.youtube.com/watch?v=w2L99EeQjPI&feature=youtu.be
    ไม่ระบุชื่อ
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    จุดจบประเทศไทย
    เพื่อนส่งมาจาก USA จุดจบประเทศไทย ...... เรื่องนี้"คนไทยทุกคน"ควรที่จะได้รู้ ..... ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้มีเกิด มีดับ ตลอดเวลา ..... สืบเนื่องจากการบรรยายของคุณนิติภูมิ ซึ่งเป็นสื่อมวลชน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโค ซึ่งเป็นสถาบันที่ สตาลินสร้างขึ้นเพื่อสร้างภูมิปัญญาหวังครองโลกในสมัยหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อนคุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่า ประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น 6-14 ประเทศ ซึ่งในตอนนั้น นักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หัวเราะจนฟันกระเด็น แต่ต่อมาพอปี 2542 เหตุการณ์เริ่มเป็นจริง ! ประเทศอินโดฯได้เริ่มแตกเป็น ติมอร์ และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศ อาเจะ และอีกหลายประเทศ ที่จะเกิดตามมา ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมาที่งานคนดีศรีสังคม ณ หอประชุมวัฒนธรรมฯ คุณนิติภูมิได้บรรยายว่า "ประเทศไทย"จะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ แน่นอน ! ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs จะเริ่มมีผลสมบูรณ์ "การค้าเสรี"จะมีผลสมบูรณ์ สินค้าเกษตรต่าง ๆ จากต่างประเทศจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล ในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกัน และสินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ ประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทาง เป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้คนปลูกลำใยไทยก็จะปลูกแต่ลำใย จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียดนามมากิน คนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอมกระเทียมจากจีนมากิน คนปลูกหอม กระเทียมจะไม่ซื้อลำใยจากไทยแต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน เป็นวงจรอย่างนี้ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้ เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากิน เนื่องจาก สินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่า. สินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่า เพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๋ยของต่างประเทศ พันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากในอีก ไม่ถึง10 ปีข้างหน้าพันธุกรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจาก GMOs และเมื่อเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้ "วิกฤต"ที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย "รัฐบาลไทย"จะไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาได้ เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้ เนื่องจาก"ธนาคารไทย"กลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว ไฟฟ้าก็แพงขึ้น น้ำมันก็แพงขึ้น โทรศัพท์แพงขึ้นเนื่องจากวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว เขาสามารถตั้งราคา ได้ตามใจชอบถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่า เขาจะไม่มีกำไร (เช่น สัมปทาน พลังงาน ที่กำลังเป็นอยู่ขนะนี้ ) ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์ คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้ ดังนั้น รัฐบาลในอนาคตจะได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ๆ เมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้ การขายที่ดินราคาถูก ๆ และจำนวนมหาศาลจะตามมา "คนที่มีกำลังซื้อก็คือชาวต่างชาติ " ซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏแล้วว่าที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้านซื้อไปเป็นจำนวนมากแล้ว เกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้ ก็ไม่สามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้ได้ (เช่น ภาคกลาง จ.สุพรรณ อ่างทอง ชัยนาท อยุธยา ฯ ) และธุรกิจอื่นได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็ตกอยู่ในมือของ Lotus, Carrefour, ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของ KFC, Pizzahat, McDonal, สิ่งทอเสื้อผ้าก็ของพวกฝรั่งเศส ฯลฯ ดังนั้น "เงินตรา"ของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด ... เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้ ... รัฐจะอยู่ได้ อย่างไร? (นี่คือโจทย์ ใหญ่ ที่ คสช.พลเอก ประยุทธ ต้องรีบแก้ปัญหาคนจนก่อนฯ) 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย เนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศ เพราะเห็น"ความล้มเหลวของรัฐบาลไทย " การเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลง การสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรงขึ้น จนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาลใช้กำลังทหาร ก็จะถูกต่างชาติส่งทหารมาต่อต้านกองทัพไทย ซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปัญญาไปต่อสู้อยู่แล้ว การแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่นาน จากนั้น ภาคตะวันออก บริเวณ"จันทบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา " จะขอแยกตัวตามมา เนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของ"ต่างชาติ"หมดแล้ว เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ ทั้งสมุนไพร อาหารต่าง ๆ เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยาก นั่นหมายถึง "การซื้อประเทศไทยคล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ Alaska จาก Russia ถ้าไทยต่อต้าน เจอทหารต่างชาติแน่ เรา "คนไทย "จะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร ? ผมติดตามงานเขียนคุณนิติภูมิ มาหลายปี และสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2 เกือบทุกวันนั้น ไม่น่าเชื่อเลยว่า หนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงานเขียนของนิติภูมิ ไปแปลลงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ในการวิเคราะห์ บ่อยครั้งที่นิติภูมิ มองธุรกิจการเมือง สังคมไปพร้อมกัน รวมทั้งประวัติศาสตร์เขามองอาเจนติน่า ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ ก่อนล่มจริง ... เขาทำนาย การเกิดสงคราม อเมริกากับอิรัค ข้อคิด รวมทั้งอนาคตชาวเชเชนไว้น่าสนใจ ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้นิติภูมิ ทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคนไทย แทนที่ไปเดิน lotus, careflour, เพราะผมบอกแม่บ้านและลูก ๆ ว่า เราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน ไม่ต้องไปห้างใหญ่อีกเพราะอะไร เพราะเราไป คาร์ฟู เงิน 100 บาทที่เราจ่ายไปจะไปสู่ฝรั่งเศส 86 บาท เหลือให้คนไทย 14 บาท เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ โลตัสเหมือนกัน นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดัง ผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้น เพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์ สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่นี่ เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ ๆ ถ้าซื้อจากห้าง 1,000 บาท มันไหลไปต่างประเทศ 900 บาท ที่เหลือ 100 บาท ที่เห็นจ่ายค่ายามเฝ้าห้างไง มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียว ห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง? ทั่วประเทศ คนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง คาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติ เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไร ทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้ ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลง เลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง และจำนวนหน ต่อปีน้อยสุด ผมอธิบาย วิธี"สิ้นชาติ"แบบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มจนจบให้เด็กที่บ้าน และลูกฟัง หัดให้ลูกมาทานบัวลอย ขนมชั้น ข้าวเหนียวเปียกแทน ถั่วดำข้าวเหนียว ดีครับ ได้ผล ... ลูกเปลี่ยนวิธีกิน ... วิธีคิดไปเลย ... เปลี่ยนไปได้มาก พอเย็นสั่งผมซื้อเต้าส่วนบ้าง ขนมชั้นบ้าง ลูกเดือยบ้าง ผมพูดนิดนึงที่เขาเข้าใจคือ ผมไปตลาดซื้อไก่ทอดแม่ค้ามา 3 ขาไก่ทอดแบบไทย ๆ แล้วผมไป kfc ซื้อมา 3 ชิ้น เลือกน่องครับเหมือนกัน ราคาต่างกันลิบเลย ผมก็อธิบายคำว่า license ( ค่าลิขสิทธิ์ ) ให้ลูกฟัง ผมบอกว่า ซื้อไก่ 35 บาท ค่าไก่ 15 บาท ที่เหลือเป็นค่าลิขสิทธิ์ ไก่แม่ค้าที่ถูกเพราะไม่มีค่าลิขสิทธิ ใบตองที่ห่อขนมไทย ไม่มีลิขสิทธิ มันเป็นวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ไม่ถึง 3 เดือน ขนม"ต่างชาติ" ห่อสวย แพง เพราะยี่ห้อมันมีลิขสิทธิ์ เวลามันหล่นที่พื้น ไม่มีคนเก็บมันจะย่อยสลายภายใน 200 ปี ผมสอนแบบนี้ ลูกผมเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเลย ผมทำได้และได้ทำแล้ว ปล . ใคร่จะขอกรุณาช่วยนำบทความไปเผยแพร่ต่อ จะเป็นพระคุณมากครับ คิดว่า ช่วย กัน "ชาวไทย พิทักษ์ชาติไทย" ครับ ขอบคุณ ทุกท่าน ที่ "รักชาตินะครับ
    Mrs.Doubt
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    สปสช.แจ้งเตือนมิจฉาชีพแอบอ้างส่ง SMS ให้อัปเดทข้อมูลบัตรทอง มิฉะนั้นจะถูกตัดสิทธิ ย้ำอย่าหลงเชื่อ ระวังโดนแฮกข้อมูลหรือถูกหลอกให้โอนเงิน ยันบัตรทองเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสำหรับคนไทยทุกคน ไม่มีการตัดสิทธิแน่นอน หากสงสัยอะไรให้โทรสอบถามที่สายด่วน 1330 ก่อน
    วันที่ 31 มีนาคม 2566 ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ในระยะนี้พบว่ากลุ่มมิจฉาชีพได้แอบอ้างชื่อ สปสช. ส่ง SMS ไปยังโทรศัพท์มือถือของประชาชน โดยอ้างว่า สปสช.มีนโยบายให้อัปเดทข้อมูลบัตรบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทองให้เป็นข้อมูลปัจจุบัน มิฉะนั้นจะถูกตัดสิทธิทันที พร้อมแนบลิงก์สำหรับให้คลิกเข้าไปอัปเดทข้อมูล ทพ.อรรถพร กล่าวว่า สปสช. ไม่มีนโยบายโทรหรือส่ง SMS สอบถามข้อมูลส่วนบุคคลแต่อย่างใด SMS เหล่านี้ไม่ได้ส่งจาก สปสช. แต่เป็นการแอบอ้างชื่อเพื่อหลอกให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่กลุ่มมิจฉาชีพ ดังนั้น โปรดอย่าได้หลงเชื่อคลิกลิงก์ที่แนบมาด้วย เพราะมีความเสี่ยงที่อาจจะถูกแฮกข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงิน หรืออาจถูกหลอกล่อด้วยวิธีการต่างๆ จนผู้เสียหายหลงโอนเงินไปให้ดังที่มักปรากฎเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้งในระยะนี้ ทพ.อรรถพร กล่าวว่า สิทธิบัตรทองนั้น เป็นสิทธิที่ติดตัวตั้งแต่เกิดจนตายสำหรับคนไทยทุกคน ไม่มีการตัดสิทธิใด ๆ ทั้งสิ้น มีแต่การเปลี่ยนไปใช้สิทธิอื่น เช่น หากเข้ารับราชการก็จะเปลี่ยนมาใช้สิทธิสวัสดิการของราชการ หรือหากเข้าทำงานในบริษัทเอกชน ก็จะเปลี่ยนสิทธิมาใช้ระบบประกันสังคม และหากมีการเปลี่ยนสถานะ เช่น ลาออกจากราชการหรือลาออกจากบริษัท ก็จะเปลี่ยนกลับมาเป็นสิทธิบัตรทองโดยอัตโนมัติ แต่ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม คนไทยทุกคนจะต้องมีสิทธิการรักษาพยาบาลอย่างน้อย 1 สิทธิเสมอ ไม่มีการตัดสิทธิ/ยกเลิกสิทธิ จนกลายเป็นคนที่ไม่มีสิทธิในการรักษาพยาบาลใดๆ เลยแน่นอน “ระบบบัตรทองเป็น Social safety net หมายความว่า ถ้าคุณใช้สิทธิอะไรในการรักษาพยาบาลแล้วหลุดจากสิทธินั้น ก็จะมีระบบบัตรทองรองรับเสมอ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐธรรมนูญกำหนด ไม่มีการหมดสิทธิหรือยกเลิกสิทธิแน่นอน” ทพ.อรรถพร กล่าว ทพ.อรรถพร กล่าวย้ำว่า ปัจจุบันกลุ่มมิจฉาชีพได้พัฒนารูปแบบการหลอกลวงให้แนบเนียนมากขึ้นเรื่อยๆ มีการแอบอ้างชื่อหน่วยงานราชการเพื่อความน่าเชื่อถือ รวมทั้ง สปสช. ก็เป็นอีกหน่วยงานที่ระยะนี้ถูกแอบอ้างชื่อบ่อยครั้งมากขึ้น ทั้งการโทรมาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ สปสช. หรือการส่ง SMS อ้างชื่อ สปสช. รวมทั้งในอนาคตอาจมีการแอบอ้างในช่องทางอื่นๆอีก ดังนั้น หากประชาชนมีข้อสงสัยใดๆ ขอให้โทรตรวจสอบมาที่สายด่วน สปสช. 1330 หรือสอบถามทางไลน์ สปสช. ไลน์ไอดี @nhso ก่อน เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อจนสูญเสียเงิน
    std48333
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    สำหรับขั้นตอนการรับยารักษาโควิดแบบเจอแจกจบที่ร้านยาเข้าร่วมกับ สปสช. เฉพาะสิทธิบัตรทอง เมื่อตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีด อาการไม่รุนแรง หรือกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว และไม่ใช่กลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี, ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตวายเรื้อรัง, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคอ้วน, โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน และหญิงตั้งครรภ์ หรือไม่ใช่ผู้พิการไม่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ให้โทรติดต่อร้านยาที่เข้าร่วมโครงการ (ดูรายชื่อร้านยาและเบอร์ติดต่อได้ที่ https://www.nhso.go.th/downloads/197 ร้านยาจะให้แอดไลน์ เพื่อส่งผลตรวจ ATK คู่กับบัตรประชาชน (ไม่จำเป็นต้องมาที่ร้านยา) แล้วซักประวัติข้อมูลทั่วไป แนะนำและให้คำปรึกษาการใช้ยา หลังจากนั้นให้ญาติหรือคนอื่นมารับยาที่ร้านแทน https://www.tnnthailand.com/news/covid19/118816/
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    บิ๊กตู่ ช่วยพลิกฟื้นบัตรทอง30บาท หลังจากขาดทุน อย่างหนักภายใต้เงื้อมมือ ทักษิณ ชินวัตร โครงการ30บาทเกิดจากความคิดของ คุณหมอ สงวน นิตยารัมภงค์ เลขาธิการหลักประกันสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข แล้วทักษิณ ชินวัตร เอาไปแอบอ้างว่าเป็นความคิดของตัวเอง แถมยังให้เงินทุนสนับสนุนน้อยมาก จนแทบเลิกล้มโครงการ ต้องชมรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่เอาหมอเก่งอย่าง คุณหมอปิยสกล สกลสัตยาทร อดีตนายแพทย์ผู้ถวายการรักษาในหลวงรัชกาลที่๙ มาเป็นรมว.สาธารณสุข ทำให้โครงการนี้ยืนหยัดได้อีกครั้ง แถมเพิ่มสิทธิประโยชน์ เพื่อประชาชนอีกมากมาย By.. Boonchuay Pataralerrtsiri 30บาทรักษาทุกโรคของทักษิณ ทำโรงพยาบาลรัฐ ขาดทุนหนักมากๆ แทบอยู่ไม่ได้เพราะรัฐบาลในระบอบทักษิณ ชินวัตรให้เงินอุดหนุนน้อยมาก คงจะจงใจ เพราะทักษิณไปกว้านซื้อ โรงพยาบาล เอกชนหลายแห่ง เพราะคนจะต้องแห่มาใช้บริการนี้แทน แถวบ้านมีคนหมดตัวเพราะต้องใช้เงินเป็นล้านบาทเป็นค่าใช้จ่ายในการฟอกไต จนต้องขายบ้าน 📌🌍แต่สมัยนี้ ทำเรื่องให้โรงพยาบาลรัฐฟอกไตให้ฟรีได้ ข้างบ้านได้ใช้บริการนี้ ผมเองก็ได้อานิสงค์จากรัฐบาลนี้ เป็นมะเร็งขั้นที่ 4 ลามจากลำไส้ใหญ่มาตับ ค่าบริการทุกอย่างฟรีหมด: ผ่าตัดเอามะเร็งลำไส้ออก นอนพักฟื้นใน รพ กว่าเดือน ได้รับสารอาหารเป็นถุงใหญ่ สิบกว่าถุง( ถามพยาบาลบอกว่าราคาถุงละ 1200บาท) คีโมบำบัด CT-scan เช็คผลหลายคร้้ง ยา และถุง+แป้นหน้าท้อง ตัดปลายลำไส้ใหญ่ออกและเย็บตายไว้ ทั้งหมดฟรีครับ(ใช้สิทธิ์บัตรทอง) ยกเว้นยามุ่งเป้าเสริมคีโม ถ้าต้องการใช้ ผมเห็นใจ โรงพยาบาลที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่าย เพราะบริการฟรีให้ผู้ป่วยเกือบทั้งหมด ถ้าผมไปรักษาที่รพเอกชนคงหมดเงินหลายล้านบาท จึงบริจาคช่วย 4หมื่นบาทแม้จะไม่ค่อยมี ใครมีกำลังทรัพย์ช่วยบริจาค โรงพยาบาลรัฐจะช่วยให้บริการฟรีต่อไปได้นานขึ้น ขอบคุณรัฐบาล คสช.ขอบคุณคุณหมอปิยสกล อีกครั้ง ที่ทำโครงการ30บาทนี้ให้ยั่งยืนเพื่อประชาชนตลอดไป แล้วขอย้ำอีกทีว่าคนคิดโครงการ30บาท คิอคุณหมอ สงวน นิตยารัมภงค์ ไม่ใช่ ดร.ทักษิณ ชินวัตรนะครับ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    “มะเร็งลำไส้” มะเร็งอันดับ 3 ของไทย อายุ 50 ปีขึ้นไป ตรวจก่อน รู้ก่อน ป้องกันได้ เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย สำหรับประชาชนคนไทยทุกคนที่มีอายุ 50 – 70 ปี สามารถใช้สิทธิตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้จำนวน 1 ครั้งในทุกๆ 2 ปี ตรวจสอบสิทธิของตนเองได้ที่แอปพลิเคชันเป๋าตัง ฟังก์ชันกระเป๋าสุขภาพ เลือกสิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค หากตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็ง สิทธิบัตรทองจะครอบคลุมการดูแลรักษาทั้งหมด ทั้งการผ่าตัด เคมีบำบัด รังสีรักษา ฮอร์โมน ข้อมูลเพิ่มเติม www.nhso.go.th/news/4407 สอบถามรายละเอียด สายด่วน สปสช. 1330
    ไม่ระบุชื่อ
     •  5 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 24 คนสงสัย
    อย่าหลงเชื่อ SMS "หลอกให้อัปเดทข้อมูลบัตรทอง
    สปสช.แจ้งเตือนมิจฉาชีพแอบอ้างส่ง SMS ให้อัปเดทข้อมูลบัตรทอง มิฉะนั้นจะถูกตัดสิทธิ ย้ำอย่าหลงเชื่อ ระวังโดนแฮกข้อมูลหรือถูกหลอกให้โอนเงิน ยันบัตรทองเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสำหรับคนไทยทุกคน ไม่มีการตัดสิทธิแน่นอน หากสงสัยอะไรให้โทรสอบถามที่สายด่วน 1330 ก่อน
    Chelsea Inthanakom
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    จากดร.อาทิตย์. อุไรรัตน์ ถึงคนไทยทั้งประเทศ ท่านรู้หรือไม่? มีเรื่องพวกนี้ เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ ฟังแล้วอย่าเมินเฉย. หนึ่งคะแนนเสี่ยงของท่านช่วยกันแก้วิบัติของชาติได้ " 5 ปีแห่งความทุกข์ระทมของประชาชน 5 ปีแห่งความหายนะของชาติบ้านเมือง บอกได้คำเดียวว่า หนักกว่านักการเมืองอาชีพ ชาตินี้คงจะหาผู้นำที่สร้างความบรรลัยให้ชาติบ้านเมืองมากเท่าลุงคนนี้ไม่มีอีกแล้ว โดยเฉพาะการเอื้อประโยชน์ให้เจ้าสัว/นายทุน น่าเกลียดจริงๆ > ที่ดินรถไฟมักกะสันปอดของกรุงเทพฯที่ ร.5 ท่านประทานไว้เป็นสาธารณะประโยชน์กับคนไทย ก็ใส่พานประเคนให้เจ้าสัวซี.พี. > ยกที่ดินยาสูบให้นายทุนไปทำอหังสาฯ และยังปรับภาษีสรรพสามิตบุหรี่ไทย ทำให้บุหรี่ไทยแพงขึ้นเทียบเท่าบุหรี่นอก คนก็เลยหันไปสูบบุหรี่นอก ทำให้โรงงานยาสูบที่เคยกำไรหมื่นล้าน กลายเป็นขาดทุนหลายพันล้าน > ให้เจ้าสัวเจริญต่อสัญญาเช่าศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์โดยไม่ต้องประมูลแข่งขัน และแก้ไขสัญญาเช่าจาก 25 ปี เป็น 50 ปี > ให้ต่างชาติ+นายทุน เช่าที่รัฐ 99 ปี ปชช.ไม่เห็นด้วยก็เปลี่ยนเป็นให้เช่า 50 ปี ต่อสัญญาได้อีก 49 ปี สรุปคือให้เช่า 99 ปี > เดินหน้าโครงการเศรษฐกิจพิเศษ 10 จังหวัด(นิคมอุตสาหกรรม) บางพื้นที่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม บางพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ นิคมอุตสาหกรรมสกปรก อันตรายแค่ไหนก็ดูมาบตาพุดเป็นตัวอย่าง > ยกที่สาธารณะ ที่ป่า รวมถึงไล่ยึดที่ดินทำกินชาวบ้านไปยกให้นายทุนทำเศรษฐกิจพิเศษ > ให้ต่างชาติซื้อที่ดินใน 13 จังหวัดเขตเศรษฐกิจพิเศษได้ไม่อั้น > โครงการ EEC เอื้อประโยชน์สุดๆให้ต่างชาติและนายทุน ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 13 ปี / อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 17% ต่ำสุดในอาเซียน / ยกเว้นภาษีนำเข้า เครื่องจักร วัตถุดิบ / สนับสนุนค่าใช้จ่าย ในการลงทุน การวิจัย / อนุญาตให้ถือกรรมสิทธิ์ ที่ดิน / ให้สิทธิ์การเช่าที่ดินรัฐ ถึง 50 ปี และสามารถพิจารณา ต่ออายุอีก 49 ปี / วีซ่าทำงาน 5 ปี > มอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช และ บางใหญ่-กาญจนบุรี ใช้เงินภาษีประชาชนสร้าง 1.4 แสนล้าน แต่ไม่มีปัญญาทำด่านเก็บเงิน ต้องให้เอกชนมาสัมปทานเป็นผู้ทำด่านเก็บเงินค่าผ่านทาง โดยรัฐจ่ายค่าจ้างให้เอกชนปีละ 2,000 ล้าน สัญญา 30 ปี รวยแบบง่ายๆไม่ต้องมีความเสี่ยงใดๆ > ดึงโครงการทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และบางนา-ชลบุรี เข้ากองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์เอื้อประโยชน์ให้นายทุนรวย > ค่าโง่คลองด่านคดียังไม่สิ้นสุด แต่รีบจ่ายงวดแรกไป สุดท้ายศาลตัดสินว่าไม่ต้องจ่ายค่าโง่ แต่ค่าโง่งวดแรกที่จ่ายไปก็ไม่ยอมทวงคืน > ส่อแววล้มมวยเรื่องค่าโง่เหมืองทองคำ ที่ถูกบริษัทคิงส์เกตจากออสเตรเลียฟ้องร้อง เพราะคิงส์เกตเคยติดสินบนรัฐมนตรีอุตสาหกรรมไทย และข้าราชการระดับสูงของไทย ในสมัย คสช. 3,000 ล้าน โดยทางตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลียส่งหลักฐานการโอนเงินมาให้กลต.ไทย และได้ส่งต่อมาให้ปปช.อีกทีในปี 2558 แทนที่รัฐบาลจะเร่งรีบตรวจสอบเอาผิด เพื่อนำมาใช้ต่อสู้คดีถูกฟ้องเรียกค่าโง่ ซึ่งก็จะทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าโง่ ก็กลับดองเรื่องเงียบ ไม่เคยพูดถึงสักแอะ ส่อเจตนาจริงๆ > เบื้องหน้าสั่งปิดเหมืองทอง แต่เบื้องหลังยังเดินหน้า มีการไล่ยึดที่ดินชาวบ้านไปยกให้นายทุนทำเหมืองทอง > เอาเงินสำรองระหว่างประเทศไปเล่นหุ้น > ข้าวดี ตีเป็นข้าวเสื่อมราคาแล้วขายถูกเอื้อประโยชน์นายทุน > ขายเหมาเข่ง 11 รัฐวิสาหกิจสมบัติของชาติ โดยใช้แผนตบตาคนไทยด้วยการตั้งบรรษัทรัฐวิสาหกิจ อ้างให้รัฐดูแล แต่เปิดทางให้นายทุนเข้ามาถือครอง > ปลดล็อคผังเมืองเอื้อนายทุน โครงการที่ทำลายสิ่งแวดล้อม-ชุมชน ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป > ผ่านพรบ.แร่เอื้อนายทุน ทีนี้ประทานบัตรเหมืองแร่ไปทับที่ดินชาวบ้านคนไหน เจ้าของที่ดินก็จะกลายเป็นผู้บุกรุกที่ดินตนเอง > ไล่ยึดที่ดินทำกินชาวบ้านที่อยู่ทำกินมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ เพื่อไปยกให้นายทุนทำเหมืองแร่ ชาวบ้านคนไหนไม่ยอม ก็ฟ้องเอาติดคุก มีติดคุกไปหลายราย ผู้สูงวัยทั้งนั้น > เดินหน้ายัดเยียดเหมืองโปรแตซทำลายเกษตรกรรมที่ภาคอีสาน เอื้อนายทุน >ยัดเยียดการสร้างเขื่อนวังหีบ จ.นครศรีธรรมราช และแอบอ้างว่าเป็นโครงการพระราชดำริในหลวง ร.9 เพื่อให้ปชช.ยอมรับ ทั้งที่ในหลวงท่านไม่เคยยัดเยียดโครงการใดๆถ้าหากปชช.ไม่ต้องการ(โครงการนี้มีปชช.ทูลขอพระราชทาน ในหลวงท่านจึงได้ให้หน่วยงานรับผิดชอบไปศึกษาโครงการ แต่สรุปแล้วไม่คุ้มค่า ไม่เกิดประโยชน์ และยังไปทำลายป่าลุ่มน้ำชั้น 1 โครงการจึงล้มเลิกไป แต่ถูกดันโครงการอีกครั้งในรัฐบาลนี้และยังมีการแอบอ้างว่าเป็นโครงการของในหลวง สารเลวจริงๆ) > เดินหน้าโรงไฟฟ้าถ่านหินสกปรกหลายจังหวัดเอื้อประโยชน์นายทุนเหมืองถ่านหิน ทั้งที่ทั่วโลกทยอยยกเลิก เพราะมันสกปรกมีมลพิษอันตราย > ยัดเยียดการขุดเจาะปิโตรเลียมที่บ้านนามูล ดูนสาด จ.ขอนแก่น เอื้อนายทุนบริษัทน้ำมัน มีชาวบ้านคัดค้าน ก็ส่งฝ่ายปกครองไปข่มขู่ให้ยินยอม > เชฟรอนโกงภาษี 3,000 ล้าน แทนที่จะไล่กลับอเมริกา กลับใจดีต่อสัมปทานให้แหล่งทานตะวันในอ่าวไทยของเชฟรอนไปอีก 10 ปี ที่สุดอุบาทว์คือ คิดค่าลงนามต่ออายุสัมปทานแค่ 15 ล้านบาท และส่วนแบ่งจากการขายเพียง 1% จากมูลค่าปิโตรเลียมของแหล่งนี้ 3-5 แสนล้านบาท(แหล่งนี้ขุดน้ำมันดิบมูลค่า 40 ล้านบาท/วัน ขุดวันเดียวก็ได้เงินมากกว่าที่จ่ายค่าลงนามต่อสัญญากับรัฐกว่าเท่าตัวแล้ว และแหล่งนี้ยังมีก๊าซธรรมชาติอีกมาก) > เชฟรอนเจตนาสำแดงใบขนน้ำมันปลอดภาษีเท็จซ้ำซาก ผิดกฏหมายอาญาแผ่นดิน ก็อุ้ม ไม่เอาผิด และยังให้ร่วมประมูลสัมปทาน > ส่วนกรณีนี้ยิ่งหนัก 7 บริษัทน้ำมันทำผิดกฏหมาย ลักลอบขุดน้ำมันในที่ส.ป.ก. ศาลปกครองจึงมีคำสั่งให้เลิกขุด แต่นอกจากคสช.จะไม่เอาผิดแล้ว ยังใช้ ม.44 ล้างผิดให้ และแก้กฏหมายส.ป.ก.อนุญาตให้เอกชนขุดน้ำมันในที่ส.ป.ก.ต่อไปได้ ขนาดคำสั่งศาลยังไร้ความหมาย แล้วบ้านนี้เมืองนี้จะอยู่กันอย่างไร > มีก๊าซ มีน้ำมันเต็มแผ่นดิน แทนที่จะขุดเอง เพื่อให้รายได้เข้ารัฐเต็มๆ ไม่ต้องไปแบ่งให้ใคร ก็ไปแจกสัมปทานให้ต่างชาติรวย > แจกสัมปทานปิโตรเลียมโดยเลือกระบบที่รัฐเสียประโยชน์ ระบบจ้างผลิตที่รัฐได้ประโยชน์ 80-90% ไม่เอา แต่เลือกระบบ PSC(จำแลง) ที่ได้ส่วนแบ่งแค่ 30% > แก้ไขพรบ.ปิโตรเลียมให้ไทยตกเป็นทาสบริษัทน้ำมันต่างชาติหนักข้อขึ้นกว่าเดิม > แก้ไขพรบ.ปิโตรเลียม ลดการจัดเก็บภาษีรายได้จากบริษัทน้ำมันผู้สัมปทาน จากเดิมเก็บอยู่ 50% ก็ลดเหลือ 20% > ก่อนคสช.เข้ามา เก็บภาษีรายได้จากผู้สัมปทานปิโตรเลียมได้ราว 1 แสนล้านบาท/ปี ปัจจุบันเก็บแค่ไม่ถึง 4 หมื่นล้านบาท/ปี > ขูดรีดภาษีน้ำมันปชช. อย่างโหดเหี้ยมอำมหิตกว่าทุกรัฐบาล > ก่อนคสช.เข้ามา เก็บภาษีน้ำมันปชช.อยู่ราว 6 หมื่นล้านบาท/ปี ปัจจุบันเก็บ 2.2 แสนล้านบาท/ปี ขึ้นราคาก๊าซ LPG อย่างบ้าคลั่ง ขึ้นมากที่สุดกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านๆมาชนิดทิ้งไม่เห็นฝุ่น > ขึ้นลงราคาน้ำมันไม่เป็นธรรมกับปชช. ตลาดโลกขึ้น น้ำมันไทยรีบขึ้นราคาตาม ตลาดโลกลดลง น้ำมันไทยไม่ค่อยจะลงตาม และหลายครั้งขึ้นราคาสวนทางตลาดโลกแบบหน้าด้านๆ และตอนขึ้น 50 สตางค์เป็นส่วนใหญ่ ส่วนตอนลง 20-40 สตางค์เป็นส่วนใหญ่ ขึ้นลงลักษณะนี้จนปชช.ด่าจนหมดคำด่าไปแล้ว > แยกธุรกิจค้าน้ำมันออกจากปตท.ไปยกให้นายทุน > ขายหุ้นโรงกลั่นบางจากที่ปตท.ถือหุ้นอยู่ให้กลุ่มทุน > ขายหุ้นโรงกลั่นสตาร์ปิโตรเลียม(SPRC)ที่ปตท.ถือหุ้นอยู่ให้นายทุน > ปตท.โกงท่อก๊าซ ก็ไม่ยอมทวงคืน > แยกท่อก๊าซออกจากปตท.ไปให้นายทุน > อุ้มธุรกิจปิโตรเคมีของปตท. ด้วยการยกเลิกเก็บเงินภาคปิโตรเคมีเข้ากองทุนน้ำมัน ทั้งที่เดิมเขาก็จ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมันน้อยกว่าประชาชนอยู่แล้ว ทำให้ทุกวันนี้ภาคปิโตรเคมีไม่ต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมันสักบาท ทั้งที่ใช้ก๊าซ LPG มากกว่าใคร ใช้มากกว่าภาคครัวเรือนที่คนไทยใช้หุงต้มกันทั้งประเทศอีก > เขมรบุกยึดที่นาคนไทยที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ก็ไม่ขับไล่ออกไป แถมให้คนของรัฐไปกล่อมชาวบ้านให้แบ่งที่ให้เขมร อ้างเพื่อความสัมพันธ์(น่าจับไปตัดคอทิ้งจริงๆ) > ปล่อยเขมรสร้างอนุสาวรีย์บนพื้นที่ทับซ้อนที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ละเมิดข้อตกลงไทย-เขมร ที่ห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้างบนพื้นที่ทับซ้อน > ปล่อยเขมรเอาหลักเขตมาปักบนปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ คนไทยรักชาติจะถอนออก ก็สั่งทหารใหญ่ที่ดูแลให้ล้อมลวดหนามเอาไว้ไม่ให้ถอนออก(ระยำจริงๆ) > ปล่อยเขมรสร้างกาสิโนล้ำแดนที่ด่านช่องสายตะกู บุรีรัมย์ คุณวีระ สมความคิดจะไปตรวจสอบ ก็ถูกข่มขู่ > MOU43 เขียนสมัย ชวน หลีกภัย รองรับแผนที่เขมร จะทำให้ไทยเสียดินแดนบนบกในหลายพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย-เขมร และ MOU44 ที่เขียนสมัย ทักษิณ ชินวัตร ไปรองรับไหล่ทวีปเขมร จะทำให้ไทยเสียพื้นที่ทางทะเลในบริเวณเกาะกูดที่มีน้ำมัน คสช.ก็กอดไว้เหนียวแน่น ไม่ยอมยกเลิก > ปล่อยเขมรบุกยึดดินแดนอย่างง่ายดายในหลายพื้นที่ ไม่คิดปกป้องอธิปไตย แต่ช็อปอาวุธกระจาย ทั้งรถถัง เครื่องบินรบ เรือดำน้ำ > ในหลวงเคยรับสั่งว่าทะเลบ้านเราตื้น ไม่เหมาะกับการมีเรือดำน้ำ แต่ลุงซื้อเรือดำน้ำจีน 3.6 หมื่นล้านหน้าตาเฉย >อ้างศาสตร์พระราชา อ้างเศรษฐกิจพอเพียง แอบอ้างในหลวง โหนพระองค์ท่านเรียกคะแนนนิยมให้ตัวเอง แต่ทำตรงข้าม ทั้งอุ้มทุน ทั้งใช้จ่ายเกินตัว ฟาดแต่เมกกะโปรเจ็ควงเงินสูงๆ สร้างหนี้มากมายมหาศาล > เขียนรัฐธรรมนูญเปิดทางขายชาติให้ทางสะดวก ม.190 เดิม เรื่องหนังสือสัญญา การค้า การลงทุนระหว่างประเทศ ที่ทั้งประชาธิปัตย์ และเพื่อไทยพยายามแก้ไข เพื่อให้ผ่านสภาง่ายๆ โดยเรื่องที่จ้องกันตาเป็นมัน ก็คือเรื่องของการตกลงแบ่งผลประโยชน์พลังงานบนพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทยกับเขมร แต่ประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยแก้ไม่สำเร็จ เพราะถูกปชช.รู้ทันคัดค้าน แต่สุดท้ายก็มาสำเร็จด้วยฝีมือลุงตู่ เพราะไปหลอกคนไทยว่าเป็นรธน.ปราบโกง และห้ามวิพากษ์วิจารณ์รธน.ก่อนลงประมามติ โดยโยกไปแก้ที่ ม.178 เพื่อหลบหลีกสายตาคนไทย > เขียนรธน.ม.146 ริดรอนอำนาจพระมหากษัตริย์ จากเดิมที่ร่างพระราชบัญญัติใดๆ ถ้าพระมหากษัตริย์ทรงไม่เห็นชอบด้วย และพระราชทานคืนมายังรัฐสภา หรือเมื่อครบ 90 วันแล้วยังไม่พระราชทานคืนมา รัฐสภาจะต้องปรึกษาร่างพระราชบัญญัตินั้นใหม่ ก็แก้ไขเป็นว่า ถ้าเสียง 2 ใน 3 ของสภาเห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัตินั้น ให้นายกฯนำร่างพระราชบัญญัติทูลเกล้าอีกครั้ง ถ้าพระมหากษัตริย์ไม่ได้ลงปรมาภิไธย หรือไม่พระราชทานคืนมาภายใน 30 วัน ก็ให้นายกฯนำพระราชบัญญัตินั้นประกาศใช้ได้ เสมือนว่าพระมหากษัตริย์ได้ลงปรมาภิธัยแล้ว(หลังรธน.ผ่านการลงประชามติ และได้นำทูลเกล้า ก็ได้มีการตีกลับให้ไปแก้ไขในหมวดอำนาจพระมหากษัตริย์ ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับมาตรานี้หรือเปล่า เพราะนายกฯปิดปากเงียบ) ฯลฯ ทุกเรื่องที่ว่าไป มาจากสื่อหลักๆ ผมเคยทำโพสต์และแชร์ออกไปแล้วทั้งนั้น นี่แค่เท่าที่จำได้นะ หรือถ้าใครมีข้อมูลเพิ่มเติม ก็มาบอกไว้ในคอมเม้นต์ได้ ผมจะนำมาใส่เพิ่มเติม อาทิตย์ อุไรรัตน์ ช่วยกันส่งต่อให้ประชนคนไทยทุกคนทราบทั่วกันอย่าได้เลือกมันกลับมาทำลายชาติบ้านเมืองของเราอีกเลย
    ไม่ระบุชื่อ
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    อัปเดทข้อมูลบัตรทอง
    สปสช.มีนโยบายให้อัปเดทข้อมูลบัตรบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทองให้เป็นข้อมูลปัจจุบัน มิฉะนั้นจะถูกตัดสิทธิทันที พร้อมแนบลิงก์สำหรับให้คลิกเข้าไปอัปเดทข้อมูล
    std46500
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false