1 คนสงสัย
หลีกเลี่ยง ป้องกัน พร้อมรับมือ ไข้เลือดออก โรคที่มาหน้าฝน
ไข้เลือดออกเกิดจาก “ไวรัสเดงกี” มียุงลายเป็นพาหะของโรค พบมากในฤดูฝน

เช็กอาการ
– ไข้สูงเฉียบพลัน
– จุดแดงขึ้นตามลำตัว ผิวหนัง หรือถ่ายอุจจาระสีดำ
– ตับโต กดแล้วจะเจ็บใต้ชายโครงขวา
– อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
หากมีอาการเหล่านี้ ให้รีบพบแพทย์

เตรียมพร้อมรับมือ
– กินยาลดไข้ และหมั่นเช็ดตัว
– ห้ามกินยาประเภท แอสไพริน และไอบูโพรเฟน
– ดื่มน้ำ หรือเกลือแร่ กินอาหารย่อยง่าย
– หากมีอาการปวดท้อง กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น รีบนำส่ง รพ. ทันที

การป้องกัน
– ป้องกันยุงกัด สวมเสื้อผ้ามิดชิด นอนในมุ้ง ทายากันยุง
– ป้องกันการเกิดยุง ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย

หลีกเลี่ยงก่อนเกิดยุง
1. ปิดปากภาชนะเก็บน้ำด้วยผ้า ตาข่ายไนล่อน อะลูมิเนียม หรือวัสดุอื่นที่สามารถปิดปากภาชนะเก็บน้ำนั้นได้อย่างมิดชิด จนยุงไม่สามารถเล็ดลอดเข้าไปวางไข่ได้

2. หมั่นเปลี่ยนน้ำทุก 7 วัน ซึ่งเหมาะสำหรับภาชนะเล็ก ๆ ที่มีน้ำไม่มากนัก เช่น แจกันดอกไม้สด ทั้งที่เป็นแจกันที่หิ้งบูชาพระ แจกันที่ศาลพระภูมิ หรือแจกันประดับตามโต๊ะ รวมทั้งภาชนะและขวดประเภทต่าง ๆ ที่ใช้เลี้ยงต้นพลูด่าง ฯลฯ

3. ใส่ทรายในจานรองกระถางต้นไม้ ใส่ให้ลึกประมาณ 3 ใน 4 ของความลึกของจานกระถางต้นไม้นั้น เพื่อให้ทรายดูดซึมน้ำส่วนเกินจากการรดน้ำต้นไม้ไว้ ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับกระถางต้นไม้ที่ใหญ่และหนัก ส่วนต้นไม้เล็กอาจใช้วิธีเทน้ำที่ขังอยู่ในจานรองกระถางต้นไม้ทิ้งไปทุก 7 วัน

4. การเก็บทำลายเศษวัสดุ เช่น ขวด ไห กระป๋อง ฯลฯ และยางรถยนต์เก่าที่ไม่ใช้ หรือคลุมให้มิดชิดเพื่อไม่ให้รองรับน้ำได้

5. บริเวณที่ปลูกต้นไม้ หากมีต้นไม้เยอะ ๆ ก็ทำให้มียุงเยอะ เพราะยุงจะชอบเกาะพักอยู่ในที่มืด ๆ อับ ๆ ควรแก้ไขให้ดูโปร่งตาขึ้น ถ้าเป็นต้นไม้ประดับในบริเวณบ้าน ก็ต้องคอยสังเกตว่ารดน้ำมากไปจนมีน้ำขังอยู่ในจานรองกระถางหรือเปล่า พยายามเทน้ำทิ้งบ่อย ๆ
Apichaya.10
 •  1 ปีที่แล้ว
0 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    “กฎแห่งกรรม” ของ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ มีคนเล่าให้ฟังว่า... สมัยก่อน...คุณพงษ์เทพ กระโดนชำนาญ...ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต.. > แกอยู่ในป่า...กับเพื่อน ๕ ~ ๖ คน...ทุกวันก็จะเปลี่ยนเวรกัน...ล่าสัตว์ป่า...มาทำอาหาร > วันหนึ่ง...เป็นเวรของคุณพงษ์เทพ คว้าปืนยาว...สะพายบ่า.เดินเข้าป่าไป... > อาหารโปรดของคุณพงษ์เทพ.....คือแกงเนื้อลิง... > พอเดิน เข้าป่าไปได้สักพัก. เห็นลิงตัวหนึ่ง...นั่งอยู่บนต้นไม้...หันหลังให้.. > แกก็รีบยกปืนประทับบ่า...ยิงเปรี้ยง...ไปที่ตัวลิง.. > เหตุการณ์แปลกประหลาดได้เกิดขึ้น... > ปกติ...ลิงพอถูกยิง..จะหล่นตุ๊บ...จาก ต้นไม้ทันที... แต่ลิงตัวนี้...นั่งจับกิ่งไม้เฉย...ไม่หล่นลงมา... > จะว่ายิงไม่ถูก...ก็ไม่น่าเป็นไปได้...เพราะคุณพงษ์เทพ...แกยิงปืนแม่น... > ระยะแค่นี้ เป้าใหญ่ขนาดนี้...ไม่พลาดแน่นอน... > ในขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น...ลิงตัวที่ถูกยิง...ร้องโหยหวน...เสียงดังมาก..... > ฝูงลิงที่แยกย้ายกันออกหากินอยู่บริเวณใกล้ ๆ ... วิ่งแห่กันเข้ามาหาลิงตัวที่ถูกยิง > แล้วร้องโหยหวน...เหมือนกันหมด... > แกตกใจ...ยืนตกตะลึง...ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น... > สักครู่...ลิงตัวที่ถูกยิง. โยนวัตถุเล็ก ๆ...สีดำ ๆ..ชิ้นหนึ่ง...ให้กับลิงตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด... > แล้วก็หล่นตุ๊บ...ลงมาจากต้นไม้... > คุณพงษ์เทพ...รีบวิ่งไปดู...ลิงถูกยิงเข้าที่หลัง... ทะลุหน้าอก...เลือดแดงฉาน..เต็มตัว... > คุณพงษ์เทพเห็นแล้ว...ต้องเบือนหน้าหนี... > ลิงที่ตกลงมาเป็นลิงแม่ลูกอ่อน...ขณะที่ถูกยิง.เธอกำลังให้นม ลูก... > ลูกตัว น้อย...กำลังดูดนมอย่างมีความสุข... > ทันทีที่ถูกยิง..ถ้าเป็นลิงตัวอื่น... จะหล่นตุ๊บ...ลงจากต้นไม้..... > แม่ลิงตัวนี้...ยังหล่นไม่ได้...ยังตายไม่ได้.. > เพราะเธอยังมีภารกิจใหญ่หลวงที่ต้องทำ...คือ... > รักษาชีวิตลูกน้อย...ให้พ้นอันตราย... > เธอกัดฟัน...โหนกิ่งไม้ไว้.แม้จะเจ็บปวดแทบขาดใจ... > มองดูเลือดที่ไหลหยดเป็นทาง ด้วยความตกใจ... > พยายามรวบรวมพละกำลังที่ยังพอมี! เหลือทั้งหมด... > ตะโกนสุดเสียง...ร้องเรียก.ฝูงลิงเข้ามาใกล้ ๆ.. > แล้วก็ฝากฝัง...ให้เลี้ยงลูกน้อยแทนเธอ > หลังจากโยนลูกให้จ่าฝูงแล้ว...มองดูลูก...ถูกพาไป จนลับสายตาแล้ว.. แน่ใจว่า...ลูกปลอดภัยแล้ว... > จึงหลับตา...แล้วหล่นลงมา.....ตาย.. คุณพงษ์เทพ...ก้มมองหน้าลิง..แล้วร้องไห้... > เพราะที่เบ้าตาลิง...มีหยดน้ำตาใส ๆ. กำลังไหลริน... > คุณพงษ์เทพ..รีบเดินกลับที่พัก...เอาปืนไปเผาทิ้ง...ไม่ยอมออกล่าสัตว์อีกเลยตลอดชีวิต.. > และภาพความรักที่ยิ่งใหญ่..ของแม่ลิง...ที่มีต่อลูกน้อย ...... > เป็นแรงบันดาลใจ. ให้พงษ์เทพ...แต่งเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่ง... > ชื่อว่า... “ลิงทะโมน” > เพื่อยกย่อง...เชิดชู...คุณค่าของความรัก...ที่แม่...มีต่อลูก พงษ์เทพต้องเผชิญชตากรรมตามสนองคือ เป็นมะเร็งขั้นรุนแรงที่ตับ ไปผ่าตัดที่ รพ.กรุงเทพ มีทรัพย์สินขายเกือบหมด ตอนนี้เหลือบ้านเพียงแห่งเดียวที่ปากช่องพออยู่อาศัย โรคร้ายปะทุยังไม่หายนอนรอวันดับก็น่าสงสาร เพื่อน ๆ วงคาราบาวก็ไปเยี่ยมพร้อมกัน นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงครับ https://youtu.be/U2jGXwBDClk
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    รู้ไว้นะ? เครื่องดื่มบำรุงฯรังนก ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อใดก็ตาม จะมีส่วนผสมของรังนกแค่นิดเดียว นอกนั้นจะเป็นวุ้น ซึ่งทำจากต้นไม้ที่มีชื่อว่า.. "ต้นสุพรรณิการ์" หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า.."คารายา" ทีนี้เมื่อรู้แล้ว ยังจะกินรังนกในขวดกันอีกต่อไปหรือไม่? ก็น่าคิด พินิจพิจารณากันนะครับ?
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 เดือนที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    “กฎแห่งกรรม” ของ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ
    มีคนเล่าให้ฟังว่า... สมัยก่อน...คุณพงษ์เทพ กระโดนชำนาญ...ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต.. > แกอยู่ในป่า...กับเพื่อน ๕ ~ ๖ คน...ทุกวันก็จะเปลี่ยนเวรกัน...ล่าสัตว์ป่า...มาทำอาหาร > วันหนึ่ง...เป็นเวรของคุณพงษ์เทพ คว้าปืนยาว...สะพายบ่า.เดินเข้าป่าไป... > อาหารโปรดของคุณพงษ์เทพ.....คือแกงเนื้อลิง... > พอเดิน เข้าป่าไปได้สักพัก. เห็นลิงตัวหนึ่ง...นั่งอยู่บนต้นไม้...หันหลังให้.. > แกก็รีบยกปืนประทับบ่า...ยิงเปรี้ยง...ไปที่ตัวลิง.. > เหตุการณ์แปลกประหลาดได้เกิดขึ้น... > ปกติ...ลิงพอถูกยิง..จะหล่นตุ๊บ...จาก ต้นไม้ทันที... แต่ลิงตัวนี้...นั่งจับกิ่งไม้เฉย...ไม่หล่นลงมา... > จะว่ายิงไม่ถูก...ก็ไม่น่าเป็นไปได้...เพราะคุณพงษ์เทพ...แกยิงปืนแม่น... > ระยะแค่นี้ เป้าใหญ่ขนาดนี้...ไม่พลาดแน่นอน... > ในขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น...ลิงตัวที่ถูกยิง...ร้องโหยหวน...เสียงดังมาก..... > ฝูงลิงที่แยกย้ายกันออกหากินอยู่บริเวณใกล้ ๆ ... วิ่งแห่กันเข้ามาหาลิงตัวที่ถูกยิง > แล้วร้องโหยหวน...เหมือนกันหมด... > แกตกใจ...ยืนตกตะลึง...ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น... > สักครู่...ลิงตัวที่ถูกยิง. โยนวัตถุเล็ก ๆ...สีดำ ๆ..ชิ้นหนึ่ง...ให้กับลิงตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด... > แล้วก็หล่นตุ๊บ...ลงมาจากต้นไม้... > คุณพงษ์เทพ...รีบวิ่งไปดู...ลิงถูกยิงเข้าที่หลัง... ทะลุหน้าอก...เลือดแดงฉาน..เต็มตัว... > คุณพงษ์เทพเห็นแล้ว...ต้องเบือนหน้าหนี... > ลิงที่ตกลงมาเป็นลิงแม่ลูกอ่อน...ขณะที่ถูกยิง.เธอกำลังให้นม ลูก... > ลูกตัว น้อย...กำลังดูดนมอย่างมีความสุข... > ทันทีที่ถูกยิง..ถ้าเป็นลิงตัวอื่น... จะหล่นตุ๊บ...ลงจากต้นไม้..... > แม่ลิงตัวนี้...ยังหล่นไม่ได้...ยังตายไม่ได้.. > เพราะเธอยังมีภารกิจใหญ่หลวงที่ต้องทำ...คือ... > รักษาชีวิตลูกน้อย...ให้พ้นอันตราย... > เธอกัดฟัน...โหนกิ่งไม้ไว้.แม้จะเจ็บปวดแทบขาดใจ... > มองดูเลือดที่ไหลหยดเป็นทาง ด้วยความตกใจ... > พยายามรวบรวมพละกำลังที่ยังพอมี! เหลือทั้งหมด... > ตะโกนสุดเสียง...ร้องเรียก.ฝูงลิงเข้ามาใกล้ ๆ.. > แล้วก็ฝากฝัง...ให้เลี้ยงลูกน้อยแทนเธอ > หลังจากโยนลูกให้จ่าฝูงแล้ว...มองดูลูก...ถูกพาไป จนลับสายตาแล้ว.. แน่ใจว่า...ลูกปลอดภัยแล้ว... > จึงหลับตา...แล้วหล่นลงมา.....ตาย.. คุณพงษ์เทพ...ก้มมองหน้าลิง..แล้วร้องไห้... > เพราะที่เบ้าตาลิง...มีหยดน้ำตาใส ๆ. กำลังไหลริน... > คุณพงษ์เทพ..รีบเดินกลับที่พัก...เอาปืนไปเผาทิ้ง...ไม่ยอมออกล่าสัตว์อีกเลยตลอดชีวิต.. > และภาพความรักที่ยิ่งใหญ่..ของแม่ลิง...ที่มีต่อลูกน้อย ...... > เป็นแรงบันดาลใจ. ให้พงษ์เทพ...แต่งเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่ง... > ชื่อว่า... “ลิงทะโมน” > เพื่อยกย่อง...เชิดชู...คุณค่าของความรัก...ที่แม่...มีต่อลูก พงษ์เทพต้องเผชิญชตากรรมตามสนองคือ เป็นมะเร็งขั้นรุนแรงที่ตับ ไปผ่าตัดที่ รพ.กรุงเทพ มีทรัพย์สินขายเกือบหมด ตอนนี้เหลือบ้านเพียงแห่งเดียวที่ปากช่องพออยู่อาศัย โรคร้ายปะทุยังไม่หายนอนรอวันดับก็น่าสงสาร เพื่อน ๆ วงคาราบาวก็ไปเยี่ยมพร้อมกัน นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงครับ
    std48367
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ปลูกต้นไม้ในบ้านอันตราย เพราะแย่งออกซิเจน จริงหรือ?
    กระแสรักษ์โลก โดยเฉพาะการปลูกต้นไม้ในบ้านเพื่อความสวยงาม เพื่อฟอกอากาศ ปลูกแล้วรวย กำลังมาแรง ในขณะที่หลายคนวิตกเพราะมีกระแสโหมหนักว่าไม่ควรนำต้นไม้มาปลูกในบ้าน เนื่องจากต้นไม้จะแย่งอากาศ หรือ ออกซิเจน โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนระหว่างที่นอนหลับ เรื่องนี้จริงหรือไม่
    anonymous
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 3 คนสงสัย
    Thaibiotec Mushroom เจ้าไม้สวยงาม ที่เรียกว่า เคราฤษี เป็นไม้ที่โดดเด่น และขายดีมากๆที่นครพนม เพราะบรรดานักเล่นต้นไม้ มักจะซื้อเอาไปแขวนไว้ใต้ต้นไม้ หรือชายคาบ้านเพื่อความสวยงาม โดยหารู้ไม่ว่า นั่นคือ ต้นไม้สารพัดพิษ และเป็นพิษใกล้ตัวที่สุดของมนุษย์ที่เอามันมาปลูกใกล้บ้าน แม้ว่า มันสวย น่ารัก แต่อันตรายมหรรย์มากครับ เพราะ เป็นไม้เลื้อยชั้นต่ำ ที่เจริญแพร่พันธุ์ด้วยสปอร์จำนวนมาก มันจะสร้างสปอร์และพ่นสปอร์ออกอย่างมากมายมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนเย็น ตอนกลางคืน ตอนที่ลมสงบ เจ้าสปอร์นี้เอง ที่เวลาเราสูดเข้าไปเยอะๆ มากๆ จะมีผลต่อปอด และเป็นสาเหตุสำคัญของโรคภูมิแพ้ ใครที่ปลูกต้นนี้ไว้ใกล้บ้าน แล้วมีความรู้สึกว่า หายใจลำบากหรือแพ้อากาศมากขึ้น ต้องรีบเอากลับคืนไปในป่าอย่างรีบด่วนครับ เพราะเป็นต้นไม้ที่มีพิษสงมากต่อระบบทางเดินหายใจของเรา และนั่นแหละครับ ที่จะก่อให้เกิดมะเร็งปอดได้ง่ายๆ รีบเอาออกไปไกลจากบ้าน จากเมืองได้แล้ว อย่าดูแค่สวยงามเพียงอย่างเดียวครับ
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ต้นบอนสี ก็เป็นอันตรายกับสัตว์เลี้ยงได้ เหมือนกับต้นสาวน้อยประแป้ง
    "ต้นบอนสี ก็เป็นอันตรายกับสัตว์เลี้ยงได้ เหมือนกับต้นสาวน้อยประแป้งครับ" มีคำถามจากทางบ้านมา พร้อมรูปจากเพจของกลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยง ซึ่งโพสต์เกี่ยวกับกรณีที่สุนัขของเขาเสียชีวิตไป เนื่องจากน่าจะไปกิน "ต้นสาวน้อยประแป้ง" มา พร้อมคำอธิบายเรื่องพิษจากสารแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) ที่อยู่ในต้นสาวน้อยประแป้ง !! แต่คำถามของเขาก็คือ รูปต้นไม้ที่ประกอบโพสต์นี้ มันเป็นรูป "ต้นบอนสี" ไม่ใช่เหรอครับ ? ไม่น่าใช่ต้นสาวน้อยประแป้งนะ ใช่ครับ ต้นไม้ตามรูปนั้นคือต้นบอนสี และสุนัขก็คงเสียชีวิตจากการกินต้นบอนสีมา เพราะมันก็มีสารพิษ เช่นเดียวกับต้นสาวน้อยประแป้ง !! ตามบทความของ น.สพ.พีรสุทธิ์ เพียรพิจิตร สัตวแพทย์คลินิกโรคหัวใจและทางเดินหายใจ โรงพยาบาลสัตว์ สัตวแพทย์ 4 (ดูลิงค์ด้านล่าง) ระบุว่า #บอนสี ก็มีสารแคลเซียมออกซาเลตอยู่ และความเป็นพิษนั้น สามารถพบได้ทุกส่วนของต้นบอนสี ถ้าหากสัตว์เลี้ยงทานไป จะระคายเคืองช่องปาก ลำคอ และระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดน้ำลายไหล อาเจียน กลืนลำบาก !! นอกจากต้นบอนสีและต้นสาวน้อยประแป้งแล้ว ยังมีต้นไม้อีกหลายชนิดที่อาจจะเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงของท่านได้ ถ้ามันเผลอกินเข้าไป ลองอ่านดูด้านล่างนะครับ ปล. ต้นสาวน้อยประแป้งกับต้นบอนสี เป็นพืชคนละสปีชีส์กันครับ ต้นสาวน้อยประแป้ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dieffenbachia seguine (Jacq.) Schott. ส่วนต้นบอนสี มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Caladium bicolor แต่พืชทั้งสองนี้อยู่ในวงศ์ Araceae เหมือนกัน --------- #ว่านหางจระเข้ เมื่อสัตว์เลี้ยงกินวุ้นเข้าไป จะได้รับสารที่ชื่อว่า ซาร์โปรนิน (sarpronin) จะทำให้ระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร อาเจียน ท้องเสีย ตัวสั่นเกร็ง ปัสสาวะเปลี่ยนสีได้ #ดอกลิลลี่ หากสุนัขหรือแมวได้รับประทานเข้าไปเพียงนิดเดียว แม้เพียงกลีบดอกหนึ่งกลีบหรือสองกลีบ รวมทั้งการกลืนเกสรดอกไม้ หรือ เลียน้ำจากแจกัน ก็เพียงพอทำให้เกิดไตวายเฉียบพลันได้ #ไฮเดรนเยีย มีสาร ไซยาโนเจนิก ไกลโคไซด์ (cyanogenic glycoside) ซึ่งเป็นพิษแก่สุนัขและแมว หากทานเข้าไปจะทำให้เกิดการระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร อาเจียน ท้องเสียได้ #ต้นชวนชม มักพบสารที่ชื่อว่า ไกลโคไซด์ (glycoside) ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุนัขและแมว หากได้เผลอกินดอกเข้าไป จะทำให้เกิดการระคายเคืองระบบอาหาร อาเจียน ปวดท้อง กล้ามเนื้อหัวใจเต้นผิดจังหวะ และหัวใจเต้นช้าลง ซึ่งอาจเสียชีวิตได้ #พลูด่าง พิษในพลูด่างสามารถทำให้เกิดการระคายเคืองที่รุนแรง ถ้าเผลอกินเข้าไป เพราะมีการเผาไหม้อย่างรุนแรง เกิดภาวะน้ำลายหลั่งมากผิดปกติ อาเจียน และกลืนอาหารลำบาก
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    สารโอเลอันดริน ที่พบในดอกยี่โถ สามารถใช้รักษาโควิด ได้ จริงหรือ
    มีการวิจัย สาร โอเลอันดริน เป็นสารเคมีที่พบในยี่โถซึ่งเป็นไม้พุ่มไม้ดอกประดับหรือต้นไม้ขนาดเล็ก มันคือไกลโคไซด์เกี่ยวกับการเต้นของหัวใจซึ่งเป็นสารเคมีที่สามารถเพิ่มความเร็วและแรงในการหดตัวของหัวใจ คุณสมบัตินี้ได้รับการควบคุมในยาดิจอกซินซึ่งเป็นสารเคมีที่คล้ายคลึงกันซึ่งได้มาจากพืชฟ็อกโกลฟ Digoxin เป็นยาที่ได้รับอนุญาตซึ่งยังคงใช้เป็นครั้งคราวในการรักษาปัญหาจังหวะการเต้นของหัวใจและภาวะหัวใจล้มเหลว อย่างไรก็ตามผู้ที่รับประทานยานี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์เนื่องจากอาจทำให้เกิดพิษและผลเสียที่อาจถึงแก่ชีวิตได้ ข่าวดังกล่าวติดตามผลการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าโอเลแอนดรินฆ่าไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นไวรัสที่ทำให้เกิด COVID ในห้องปฏิบัติการ อย่างไรก็ตามผลกระทบต่อไวรัสยังไม่ได้รับการทดสอบในสัตว์ซึ่งมีน้อยกว่าในมนุษย์มาก จริงหรือ
    anonymous
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ในเชิงภูมิศาสตร์และธรรมชาติ เมืองไทยเกือบไม่แพ้ประเทศแถบอบอุ่นที่พัฒนาแล้ว แต่ในเขิงสังคมและการเมือง ตอนนี้ประเทศไทยติดอันดับบ๊วยๆ แบบเขมรไม่มีผิดเลย…(หรือจะแย่กว่าเขมรก็ไม่รู้) ….นี่คือความจริง อย่างไรก็ตาม ปชช. คนไทยที่มีสติสัมปชัญญะ มีคุณธรรม อย่าพึ่งท่อนะครับ ต้องจำปล่อยวางและลองอ่านข้อเขียนเกี่ยวกับเมืองไทยในมุมหนึ่ง ของ ดร.ธรณ์ ดูว่าเผื่อจะหายเบื่อและไปพักผ่อนท่องเที่ยวในที่ซึ่งยังไม่เคยไป (ถ้ามีศักยภาพก็ไปเที่ยวเมืองนอกเปรียบเทียบกันดูด้วย) ... ------------------------------------ ระหว่าง นั่งรับลมหนาว น้อย ๆ ที่ ระเบียงหน้าบ้าน จู่ ๆ ก็คิดเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อนธรณ์ รู้ไหมครับว่า เราอยู่ในประเทศน่าเที่ยว ที่สุดแห่งหนึ่ง ในโลก... ผมมีเหตุผล รองรับตามนี้เลยครับ 1 - ประเทศไทย ทอดยาวอยู่ในแนว เหนือ/ใต้ ทำให้เรามีภูมิอากาศ หลากหลาย หน้าร้อนไปทะเล หน้าหนาว ขึ้นเหนือ/อีสาน ลองดู เพื่อนบ้านของเรา สิงคโปร์ แม้เจริญ แต่อากาศร้อน คงที่ตลอดปี หน้าหนาว อยากไปรับลมเย็นให้ขนลุก ก็ไม่รู้ทำไง ต้องบินไปประเทศอื่น สถานเดียว (ซึ่งก็มาไทย นั่นแหละ) มาเลย์ อินโดนีเซีย เป็นแบบนี้ทั้งนั้น แม้อาจขึ้นเขาไปรับลมหนาว แต่ใช่ว่า ทุกคนจะไปได้ อีกทั้ง ขึ้นไปมีแต่ หินกับต้นไม้ มันดี แต่ถ้ามีเมือง มีร้านค้า มีคาเฟ่ มันก็ดีกว่า เนอะ 🧋 เราไปเชียงใหม่ เชียงราย เชียงคาน หรืออีกหลายร้อยแห่ง ที่นั่งจิบกาแฟ กินไข่กระทะที่อุณหภูมิ สิบกว่าองศาได้ ไอฟีล กู้ดดดดดด… 2 - ประเทศเรา ต่อเนื่องเป็นแผ่นดินเดียวตลอด ลองคิดถึงประเทศเป็นเกาะ จากที่หนึ่งไปที่หนึ่ง ต้องใช้เฟอร์รี่ หรือไม่ก็เครื่องบิน ซึ่งทำได้ เพียงบางคน แค่นั้น แม้แต่ญี่ปุ่น ที่ทอดตัวแนวเหนือใต้ ยังแบ่งเป็นเกาะใหญ่หลายเกาะ คนโตเกียว จะไปเล่นน้ำทะเล อุ่น ๆ ที่โอกินาวา ก็ต้องใช้เครื่องบิน ขณะที่คนเชียงใหม่ จะไปบางแสน พัทยาก็ขับรถถึง 3 - เรามีทะเล จุดนี้คนลาว คงอิจฉา น้อย ๆ ยิ่งถ้าคิดว่า เรามีทะเล 2 ฝั่ง แม้แต่ คนเวียดนามคนเมียนมาร์ ก็อาจคิด ทะเล 2 ฝั่ง หมายถึง เที่ยวได้ตลอดปี เวียดนาม ชายฝั่งยาวไกล แต่รับลมมรสุม ด้านเดียว เมียนมาร์ ก็เช่นกัน แต่ไทย…ไม่ ช่วงนี้ แม้มีลมแรง / ฝนตกที่ภาคใต้ฝั่งตะวันตก แต่ภาคตะวันออก เริ่มสงบ หรือแม้กระทั่ง อันดามัน เริ่มเปิดให้เที่ยวกันแล้ว ครับ ในช่วงกลางปี ลมเปลี่ยนทาง เราย้ายที่ไป ประจวบ ชุมพร สุราษฎร์ ฯลฯ ได้เช่นกัน ทะเลไทย เที่ยวได้ตลอดปี เราเลือกเที่ยวได้มาตลอด จนอาจลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ หากันง่าย ๆ 4 - ประเทศเรา ไม่ใหญ่แต่หลากหลาย ไม่ต้องลงทุนเดินทาง มากมายก็เปลี่ยนอารมณ์ได้แล้ว หลาน ผมเรียนอยู่ แคนาดา ตอนนี้หนาวจัด น้องผมไปรับหนีหนาว ต้องบินไกลข้ามไปฟลอริดา ซึ่งตอนนี้ คนอเมริกาก็แห่กันไป รัสเซีย ใหญ่มหึมา แต่บินมาไทยคึ่ก ๆ เพื่อหนีความหนาว คนยุโรป อยากไปนอนอาบแดด แช่น้ำให้คลื่นซัดซู่ ๆจะไปไหนดีล่ะ ? เราอยู่เขาใหญ่ 14 องศา ขับรถไปบางแสน 3 ชั่วโมง อุณหภูมิเพิ่ม 10 องศา ไม่ใช่หากันได้ง่าย ๆ นะจ๊ะ นั่นแค่ สภาพภูมิศาสตร์ อย่างเดียว ยังไม่พูดถึงศิลปวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ที่หลากหลาย อาหารอร่อยมากมาย สายมู ก็มีที่ให้เลือกเต็มไปหมด ขอเพียง รักษาธรรมชาติที่แสนดี ศิลปวัฒนธรรมที่แสนงาม วิถีชีวิต ที่บ่งบอกถึงความเป็นไทย รักษาไว้ให้ได้ ประเทศเราจะเป็นประเทศ สุดสนุก แสนสบายในการเที่ยว ของคนไทย และเป็นประเทศ น่าเที่ยวที่สุดของคนทั้งโลก ไปอีกแสนนาน ขอบคุณ ประเทศไทย ครับ 🥰 🇹🇭 🙏🏼
    ไม่ระบุชื่อ
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    จริงหรือไม่สวมทองคำตอนฟ้าคะนองทำให้ฟ้าผ่า?
    หลีกเลี่ยงการยืนใกล้วัตถุโลหะขนาดใหญ่ ความเชื่อ : ในประเทศไทยมีความเชื่อเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงการใส่เครื่องประดับโลหะในช่วงฝนตก โดยเชื่อว่าโลหะ สามารถดึงดูดฟ้าผ่าได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้รับการถ่ายทอดกันในหมู่คนรุ่นเก่าและคนในชุมชนต่าง ๆ อีกทั้งมีข้อมูลจากแหล่งออนไลน์บางแห่งกล่าวว่า การที่ฟ้าผ่ามักเกิดขึ้นใกล้กับผู้สวมใส่เครื่องประดับโลหะ ทำให้หลายคนหลีกเลี่ยงการใส่ทองคำหรือเครื่องประดับในช่วงฝนตกเพื่อความปลอดภัย ความจริง :จากเว็บไซต์สถาบันวิจัยด้านภัยพิบัติ และการทดลองแล็ปจากผศ.ดร.อุทธิ์ เจริญอินทร์ การสวมใส่ทองคำไม่ได้ทำให้เกิดฟ้าผ่าโดยตรง แต่หากอยู่ในที่โล่งเช่น กลางแจ้ง หรือที่สูง อาจเพิ่มความเสี่ยงได้ เนื่องจากโลหะนำไฟฟ้า อาจดึงดูดฟ้าผ่าได้เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ฟ้าผ่ามักจะพุ่งไปยังวัตถุที่มีความสูง และเป็นโลหะใหญ่ ๆ มากกว่า เช่น เสาไฟฟ้า ต้นไม้สูง หรืออาคารสูง ร่างกายไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ฟ้าผ่าลงมาใส่ แต่สิ่งสำคัญคือการอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้งที่มีความเสียงต่อการโดนฟ้าผ่า อ้างอิงจากแหล่งข่าวในประเทศไทย การเกิดฟ้าผ่ามักเกิดขึ้นในพื้นที่สูง เช่น ต้นไม้หรือโครงสร้างที่สูง ไม่ เกี่ยวข้องกับการใส่เครื่องประดับโลหะขนาดเล็กบนร่างกาย
    Warinlada Sangchot
     •  9 วันที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ต้นไม้
    ไม่ระบุชื่อ
     •  2 ปีที่แล้ว
    meter: false