1 คนสงสัย
ครีม
เสริมนม ดั่ง
std48389
 •  1 ปีที่แล้ว
0 ความเห็น

ความสวยความงามยาสมุนไพร

ยังไม่มีใครตอบ

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    ข่าวปลอม อย่าแชร์! เล่นมือถือนาน ๆ ทำให้หน้าเบี้ยวผิดรูป
    ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเตือนภัยในสื่อสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับประเด็นเรื่องเล่นมือถือนานๆ ทำให้หน้าเบี้ยวผิดรูป ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีการเตือนภัยว่าการเล่นมือถือเป็นระยะเวลานาน จนทำให้พักผ่อนน้อย ส่งผลให้ปลายประสาทที่เลี้ยงใบหน้าอักเสบ หน้าผิดรูป ทางกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขได้ชี้แจงว่า การพักผ่อนน้อย หรือการเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานๆ ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก และปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคนี้ที่ชัดเจน โดยเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ทำหน้าที่เลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า เมื่อมีความผิดปกติของเส้นประสาทจะทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง หรือมีลักษณะขยับไม่ได้ เช่น หลับตาไม่สนิท มุมปากตก ยิ้มไม่ขึ้น มักเป็นใบหน้าครึ่งซีกใดซีกหนึ่ง สาเหตุการเกิดมีหลายปัจจัย เช่น เกิดตามหลังอุบัติเหตุบริเวณเส้นประสาทโดยตรง, การติดเชื้อบริเวณต่อมน้ำลายใกล้ๆเส้นประสาท, การพบเนื้องอกกดเบียดเส้นประสาท หรือเกิดจากการอักเสบของตัวเส้นประสาทเอง (Bell’s palsy) เป็นต้น สำหรับภาวะเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบ หรือ Bell’s palsy นั้น การอักเสบของเส้นประสาทดังกล่าวเกิดขึ้นเอง โดยไม่ได้มีสาเหตุที่สรุปได้ชัดเจน แต่อาจสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัสเริม หรืองูสวัด ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ด้วยอาการกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตครึ่งซีกที่เกิดขึ้นเร็วระยะเวลาภายใน 48 ชั่วโมง เช่นกล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีกใดซีกหนึ่งอ่อนแรง ขยับไม่ได้ เช่น หลับตาไม่สนิท มุมปากตก รับประทานอาหารและดื่มน้ำลำบาก ร่วมกับอาจมีอาการหูข้างนั้นได้ยินเสียงก้องกว่าปกติ รับรสผิดปกติ เป็นต้น เมื่อมีอาการผิดปกติที่สงสัยภาวะดังกล่าว ควรรีบมาพบแพทย์ โดยการรักษาโรคนี้ประกอบด้วยการรักษาด้วยยาหากผู้ป่วยมาพบแพทย์ในช่วงแรกที่มีอาการ ซึ่งจะทำให้การฟื้นตัวดีขึ้น ร่วมกับการทำกายภาพบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าในระยะยาว ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่งหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆและเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการแพทย์ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.dms.go.th หรือโทร 02 5906000 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : การเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ๆ การพักผ่อนน้อย ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก เนื่องจากปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคนี้ที่ชัดเจน หน่วยงานที่ตรวจสอบ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข AFNCAFNCTHAILANDข่าวปลอมศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมหน้าเบี้ยวเล่นมือถือโทรศัพท์มือถือ ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง website 2378 ข่าวปลอม อย่าแชร์! กินเม็ดชานมไข่มุก ทำให้เป็นโรคมะเร็ง ข่าวปลอม ผลิตภัณฑ์สุขภาพ 2 กรกฎาคม 2566 | 16:30 น. website 2374 ข่าวปลอม อย่าแชร์! อาหารอุ่นไมโครเวฟ อันตรายแถมเสี่ยงมะเร็ง ข่าวปลอม ผลิตภัณฑ์สุขภาพ 2 กรกฎาคม 2566 | 13:30 น. ข่าวล่าสุด website 2384 ข่าวปลอม อย่าแชร์! ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชวนลงทุนหุ้น รับปันผล 30,000 บาทต่อเดือน การเงิน-หุ้น website 2383 ข่าวปลอม อย่าแชร์! กรมการจัดหางาน เปิดโครงการ “ไม่เลือกงาน ไม่ยากจน” ให้คนไทยมีรายได้เสริม นโยบายรัฐบาล-ข่าวสาร website 2382 สธ. เปิดตัวรถฟอกไตเคลื่อนที่นวัตกรรมต้นแบบคันแรกของไทย จริงหรือ? นโยบายรัฐบาล-ข่าวสาร website 2381 ข่าวปลอม อย่าแชร์! เพจ SAO Trading ในเครือของ AOT เปิดให้ลงทุนเริ่มต้น 1,000 บาท การเงิน-หุ้น website 2380 ข่าวปลอม อย่าแชร์! กรมพัฒนาธุรกิจฯ รับสมัครพนักงานนำเที่ยว รายได้ 1,500 บาท/วัน นโยบายรัฐบาล-ข่าวสาร เมนูหลัก หน้าแรก แจ้งเบาะแสข่าวและติดตาม คลังความรู้ ข่าวสาร ดาวน์โหลดคู่มือประชาชน เกี่ยวกับการใช้งาน ตัวช่วยเหลือในการเข้าถึงเว็บไซต์ นโยบายรักษาความลับข้อมูลส่วนตัว line facebook twiter twiter twiter call สายด่วน : 1111 ต่อ 87 Logo Copyright © 2023 ANTI-FAKE NEWS CENTER THAILAND ขออนุญาตใช้คุกกี้เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอเนื้อหาที่ดีให้กับท่าน ทั้งนี้ ท่านมั่นใจได้ว่าเราจะดูแลและรักษาความปลอดภัยข้อมูลของท่านเป็นอ
    สุริยนต์ พักแดงพันธ์
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ครีมช่วยให้ดั้งโด่ง
    เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากกรณีมีผู้แชร์ข้อมูลบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกดั้งโด่งขึ้น ภายใน 7 วัน นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอเรียนว่า โครงสร้างของจมูกประกอบด้วย 2 ส่วน คือ โครงสร้างส่วนด้านบนเป็นกระดูกแข็ง ด้านล่างเป็นกระดูกอ่อน โดยห่อหุ้มด้วยผิวหนังและไขมัน ดังนั้น ครีมที่ทำให้ดั้งโด่งจึงไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูก ส่งผลให้จมูกโด่งอย่างแน่นอน
    std48015
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    บุกทลายเครื่องสำอางเถื่อน ผงะครีมปลอม กวนเอง ส่งขายต่างจังหวัด นาน 4 ปี
    ปคบ.ร่วม อย.บุกทลายโรงงานผลิตครีมเถื่อน ย่านพระราม 2 ยึดของกลางครีมสมุนไพร และครีมบำรุงผิว กวนเองหลายยี่ห้อ พบผสมสารอันตราย ทำมา 4 ปี ส่งขายให้กับยี่ปั๊ว เน้นพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศ บุกทลายเครื่องสำอางเถื่อน ผงะครีมปลอม กวนเอง ส่งขายต่างจังหวัด นาน 4 ปี เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2564 พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.สำเริง อำพรรทอง พ.ต.อ.ศารุติ แขวงโสภา พ.ต.อ.ศรีศักดิ์ คัมภีรญาณ พ.ต.อ.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. พร้อม นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา นำหมายค้นเข้าค้นบ้านเลขที่ 2708 พระราม 2 ซอย 47 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ หลังรับแจ้งว่าเป็นแหล่งผลิตเครื่องสำอางเถื่อน และจำหน่ายเครื่องสำอางโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูน 2 ชั้น ชั้นล่าง 1 ห้อง ชั้นบน 2 ห้อง ถูกแบ่งเป็นห้องกวนครีม พบสารสเตียรอยด์ ยาแก้อักเสบ ครีมเบส สีไม่ทราบชนิด หัวน้ำหอม และเครื่องกวนครีมพร้อมนำมาผสม ส่วนอีกห้องเป็นห้องสำหรับบรรจุครีม มีกระปุกครีมจำนวนมาก มีพนักงานกำลังกวนครีม 4 คน และเจ้าของบ้าน ทราบชื่อ น.ส.พาณี ปิตโต อายุ 52 ปี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจยึดของกลางทั้งหมดที่เป็นครีมสมุนไพร และครีมบำรุงผิวหลายยี่ห้อ ที่ไม่ได้ขออนุญาตในการผลิตจาก อย. จัดเป็นเครื่องสำอางปลอม หนึ่งในนั้นคือครีมตลับสีขาวฝาน้ำเงิน ที่ อย. เคยตรวจพบสารไฮโดรควิโนน และกรดเรทิโนอิก และสั่งห้ามขายไปแล้วด้วย จากการสอบสวน น.ส.พาณี ให้การว่า เคยทำงานเป็นเซลล์ขายเครื่องสำอาง เห็นว่าครีมลักษณะดังกล่าวขายดีติดตลาด จึงออกมาผสมครีมขายเอง และเช่าบ้านหลังดังกล่าว เพื่อใช้สำหรับกวนครีมเองมานาน 4 ปีแล้ว โดยซื้อครีมเบส มาผสมกับสี และหัวน้ำหอม เพื่อแต่งกลิ่น สี และผสมสารอันตราย เช่น สารปรอท หรือไฮโดรควิโนน กรดวิตามินเอเข้าไป แต่ช่วงหลังสาร 2 ตัวนี้หายาก จึงปรับสูตรไปใส่สารสเตียรอยด์ ก่อนจะนำไปติดฉลากยี่ห้อหรือสวมยี่ห้อที่เคยโด่งดังในตลาด ส่งขายให้กับยี่ปั๊ว 4 เจ้า โดยเน้นขายในพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศ เบื้องต้นแจ้งข้อหา ผลิตเครื่องสำอางที่สงสัยว่ามีวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสม ผลิตเครื่องสำอางไม่จดแจ้ง ผลิตเครื่องสำอางที่ใช้ฉลากไม่ถูกต้อง และจะขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงิน จับกุมยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ที่รับครีมเหล่านี้ไปขายต่อด้วย ด้าน ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า ครีมของกลางที่พบนี้ ล้วนแล้วแต่มีลักษณะที่เข้าข่าย มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ ปรอท สารไฮโดรควิโนน กรดเรติโนอิก ที่ อย. สั่งห้ามใช้ และแจ้งเตือนประชาชนหลายครั้ง เคยจับมาแล้วเมื่อปี 52 และประกาศห้ามใช้ เพราะมีสารอันตรายต่อร่างกาย แม้จะเห็นผลเร็ว แต่เมื่อใช้ไประยะหนึ่ง จากผิวที่ดูขาวจะกลายเป็นดำคล้ำ มีภาวะผิวบาง เกิดฝ้าถาวร หากเป็นสิวก็เสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งหากเป็นรอยแผลถาวร ก็จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ จึงขอเตือนประชาชนอย่าซื้อครีมลักษณะนี้มาใช้ แต่ให้ซื้อครีมยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือ และได้รับการจดแจ้งถูกต้องจากทาง อย.
    std47982
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 3 คนสงสัย
    ครีมช่วยให้ “จมูกโด่ง” ไม่มีอยู่จริง ชี้ ผู้ผลิตโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง
    อย. ชี้แจง ไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เป็นเพียงการอ้างสรรพคุณเกินจริง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างใด ๆ ของร่างกายได้ เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากกรณีมีผู้แชร์ข้อมูลบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกดั้งโด่งขึ้น ภายใน 7 วัน นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอเรียนว่า โครงสร้างของจมูกประกอบด้วย 2 ส่วน คือ โครงสร้างส่วนด้านบนเป็นกระดูกแข็ง ด้านล่างเป็นกระดูกอ่อน โดยห่อหุ้มด้วยผิวหนังและไขมัน ดังนั้น ครีมที่ทำให้ดั้งโด่งจึงไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูก ส่งผลให้จมูกโด่งอย่างแน่นอน ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับภายนอกร่างกายของมนุษย์ รวมถึงฟันและเยื่อบุในช่องปาก เพื่อความสะอาด ความสวยงาม แต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ การโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเครื่องสำอางที่ทำให้ดั้งโด่งได้อย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณที่โกหกทั้งเพ เพราะครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ผลิตหรือขายผลิตภัณฑ์ที่หลอกลวงสรรพคุณให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด ถือเป็นการโฆษณาที่แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือเกินความจริง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รองเลขาธิการ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า อย. เคยออกข่าวเตือนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในลักษณะนี้เมื่อปี 2561 และกลับมาวนซ้ำอีกครั้ง ดังนั้นเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณา ขอให้ผู้บริโภคหยุดคิดก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีการโฆษณาสรรพคุณต่าง ๆ ว่า ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของร่างกายได้ หากพบเห็นการโฆษณาโอ้อวดเกินจริงขอให้แจ้งร้องเรียนมาที่สายด่วน อย. 1556
    std48127
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วัน
    วันนี้ (24 ธ.ค.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการโฆษณาทางสื่อโซเชียลเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มช่วยทำให้ดั้งโด่ง ภายใน 7 วัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มที่ระบุสรรพคุณว่า หากทาสามารถช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายนอกเพื่อทำความสะอาด สวยงามแต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ โดยเภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้ให้ข้อมูลว่า โครงสร้างของจมูกประกอบด้วย 2 ส่วน คือ โครงสร้างส่วนด้านบนเป็นกระดูกแข็ง ด้านล่างเป็นกระดูกอ่อน โดยห่อหุ้มด้วยผิวหนังและไขมัน ดังนั้นครีมที่ทำให้ดั้งโด่งจึงไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูก ส่งผลให้จมูกโด่งอย่างแน่นอน ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับภายนอกร่างกายของมนุษย์ รวมถึงฟันและเยื่อบุในช่องปาก เพื่อความสะอาด ความสวยงาม แต่งกลิ่นหอมเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายได้ การโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเครื่องสำอางที่ทำให้ดั้งโด่งได้อย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงการกล่าวอ้างสรรพคุณที่โกหก เพราะครีมหรือเซรั่มเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ผลิตหรือขายผลิตภัณฑ์ที่หลอกลวงสรรพคุณให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด ถือเป็นการโฆษณาที่แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือเกินความจริง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และขอเตือนผู้บริโภคให้คิดก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีการโฆษณาสรรพคุณต่าง ๆ ว่า ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของร่างกายได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th และหากพบเห็นการโฆษณาโอ้อวดเกินจริงขอให้แจ้งร้องเรียนมาที่สายด่วน อย. 1556
    Hathaikan Inmaung
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ครีมช่วยให้"จมูกโด่ง"
    อย. ชี้แจง ไม่มีครีมหรือเซรั่มใดที่ทาแล้วจะช่วยทำให้จมูกโด่ง ภายใน 7 วัน ได้จริง เป็นเพียงการอ้างสรรพคุณเกินจริง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ภายนอกไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างใด ๆ ของร่างกายได้ เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
    std48951
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    อย.เตือน “Royal Jelly 2180” อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง-นำเข้าผิดกฎหมาย
    นายแพทย์พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนให้ตรวจสอบการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Royal Jelly 2180 (นมผึ้ง) ทางเว็บไซต์ชื่อ http://www.auswelllife-awl.com/ อย. จึงได้ดำเนินการตรวจสอบโฆษณาดังกล่าว พบข้อความโอ้อวดสรรพคุณ เช่น ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดความดันโลหิต ปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิง ช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง และอื่นๆ ซึ่งข้อความเหล่านี้เป็นการโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. และเป็นการโฆษณาหลอกลวงโอ้อวดเกินจริง โดยจากการสืบค้นข้อมูลในระบบตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ไม่พบข้อมูลการอนุญาตผลิตภัณฑ์อาหาร หรือผลิตภัณฑ์ยาในชื่อดังกล่าวแต่อย่างใด รวมทั้งผลิตภัณฑ์มีการแสดงฉลากเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นการนำเข้ามาจากประเทศออสเตรเลียโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมกันนี้ อย. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ณ สถานที่นำเข้า และสถานที่จำหน่าย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าสถานที่ดังกล่าวมีลักษณะรกร้าง ไม่แสดงป้ายเลขที่บ้าน ทั้งนี้ อย. อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อประกอบการดำเนินคดีลงโทษตามกฎหมายอย่างเข้มงวด ทั้งในเรื่องการโฆษณาขายผลิตภัณฑ์และการขายผลิตภัณฑ์โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมไปถึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบหาตัวผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ต่อไปด้วย แชร์เรื่องนี้ คัดลอกลิงก์ แท็ก : อาหารเสริมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดูแท็กทั้งหมด INN News สนับสนุนเนื้อหา ความคิดเห็น 0 รายการ แสดงความคิดเห็น เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น! ( อ่านทั้งหมด ) Sanook Y-VOTE โหวตยกด้อม หัวใจ(ชาว)วาย
    std48089
     •  1 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    คำแนะนำในโรงพยาบาลกักกัน (เราสามารถนำไปใช้ที่บ้านได้) - ยาที่ดำเนินการในโรงพยาบาลกักกัน 1. วิตามินซี -1000 2. วิตามินอี (E) 3. เวลา 10.00-11.00 น. นั่งตากแดด 15-20 นาที 4. อาหารไข่วันละครั้ง 5. เราพักผ่อน / นอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง 6. ทุกวันเราดื่มน้ำ 1.5 ลิตร 7. อาหารทุกมื้อต้องทานแบบร้อน (ไม่เย็น) นี่คือสิ่งที่เราทำในโรงพยาบาลเพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน โปรดทราบว่า pH ของ COVID-19 อยู่ระหว่าง 5.5 ถึง 8.5 ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำเพื่อกำจัดไวรัสคือการกินอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่างและเป็นกรดมากกว่าโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ เช่น: กล้วย มะนาวเขียว -9.9 pH มะนาวเหลือง -8.2 pH ผลไม้นม -15.6 pH * กระเทียม -13.2 pH * Mango-8.7 pH * Orange Orange-8.5 pH * Huang Li-12.7 pH * แพงพวย - 22.7 pH * Orange-9.2 pH คุณรู้ได้อย่างไรว่าคุณติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่? 1. คันคอ 2. คอแห้ง 3. อาการไอแห้ง 4. อุณหภูมิร่างกายสูง 5. หายใจถี่ 6. การสูญเสียกลิ่น . ก่อนที่ไวรัสจะติดเชื้อในปอดน้ำอุ่นผสมมะนาวสามารถกำจัดไวรัสได้ อย่าเก็บข้อมูลนี้ไว้ใช้เอง กรุณาส่งต่อไปยังครอบครัวและเพื่อนของคุณ.
    ไม่ระบุชื่อ
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    แพทย์ผิวหนังเตือนภัยอันตรายจากการใช้ครีมหน้าขาว จริงหรือคะ
    แพทย์ผิวหนังเตือนภัยอันตรายจากการใช้ครีมหน้าขาว โดยมีการโฆษณาเกินจริง และมีช่องทางการซื้อขายที่หลากหลาย เช่น สถานเสริมความงาม ทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา และไม่ผ่านการรับรอง ทำให้เกิดอันตรายทั้งแบบเรื้อรังและเฉียบพลันได้ อาการข้างเคียงจากการใช้ผลิตภัณฑ์หรือเครื่องสำอางในกลุ่มที่ทำให้มีผิวขาว จะมีอาการคัน มีผื่นผิวหนังอักเสบ ระคายเคืองจากการแพ้ สังเกตได้จากบริเวณผิวหนังที่ใช้ผลิตภัณฑ์หรือเครื่องสำอางนั้น ๆ มีลักษณะ บวม แดง ร้อน เมื่อใช้เป็นระยะเวลานาน ๆ อาจจะทำให้สีของผิวหนังเข้มขึ้น สีเล็บผิดปกติ และเปราะบางได้ บางกรณีเกิดรอยขาวคล้ายกับด่างขาวได้ จริงหรือคะ
    anonymous
     •  4 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    ความรู้เรื่อง ไขมันพอกตับ จริงหรือไม่
    ไขมันพอกตับ คือ สิ่งที่คนไทย เป็นกันเยอะมาก ไม่ใช่เพราะกินเหล้าหรือ แอลกอฮอล์เยอะ เพียงเรื่องเดียว นั่น คือสิ่งที่เข้าใจผิด หลายคนเลยถามผมว่า ไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์เลย ทำไมเป็นไขมันพอกตับ เพราะไขมันพอกตับ ไม่ได้มาจากแอลกอฮอล์เท่านั้น แต่มาจากน้ำตาลฟรุกโตส และ น้ำตาลอุตสาหกรรม ที่เรียกว่า high fructose corn syrup ซึ่งมีอยู่ในอาหารมากกว่า 70% ที่คนยุคนี้กินทุกวัน ซึ่งหนักกว่า การดื่มแอลกอฮอล์ด้วยซ้ำ เพราะ ข้อเท็จจริงพบว่า คนที่ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์เลย ก็มีไขมันพอกตับ อาการนี้ เค้าเรียกว่า nonalcohol fatty liver คือ พวกที่เป็นไขมันพอกตับ โดยที่ไม่มีแอลกอฮอล์มาเกี่ยวข้อง ไขมันพอกตับนั้น เป็นสัญญาณของโรคหัวใจ และ หลอดเลือดตีบตัน นะครับ และ คำพูดที่ว่า ออกกำลังกายเยอะ ๆ จะทำให้ไขมันพอกตับหาย ก็ไม่จริงนะครับ กี่คนแล้วครับ ที่ออกกำลังกายมาก ออกกำลังกายมาเป็นสิบปี แต่ไขมันก็ยังพอกตับอยู่ วิธีเดียวคือ เลิกกินอาหารที่มีน้ำตาลฟรุกโตส และ high fructose corn syrup เลิกกินน้ำตาล เลิกดื่มน้ำผลไม้กล่อง เลิกโดยเด็ดขาดสัก 6-8 เดือน ระหว่าง 6-8 เดือนนั้น ร่างกายจะกำจัดไขมันพอกตับ ออกได้เองครับ ยา หรืออาหารเสริมใด ๆ ก็ช่วยไม่ได้นะครับ ขนมและเครื่องดื่ม ประเภท ขนมปัง เค้ก เบเกอรี่ น้ำอัดลม ชานม ชาไข่มุก พวกเครื่องดื่มอร่อย ๆ ที่มีรสหวานทั้งหลาย น้ำหวาน ของหวาน คุ้กกี้ แคร็กเกอร์ โดนัท ขนมขบเคี้ยว รวมถึง การกินผลไม้หวาน ๆ ที่กินคราวละมาก ๆ ก็เป็นต้นเหตุให้มีไขมันพอกตับด้วย ควรจะเลิกกินของหวาน ให้ได้ครับ ถ้าไม่อยากให้มี ไขมันพอกตับ Cr: นักโภชนาการ ม.มหิดล
    Mrs.Doubt
     •  3 ปีที่แล้ว
    meter: false