1 คนสงสัย
ผู้เชี่ยวชาญอังกฤษเตือนให้ระวัง "วินเทอร์ เวฟ" การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในช่วงฤดูหนาว จริงหรือคะ
ด้านสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์อังกฤษ เตือนให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขรับมือการแพร่ระบาดระลอกสอง ในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง ในกรณีที่เชื้อไวรัสแพร่กระจายได้เร็วขึ้น โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วบ่งชี้ว่า เชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 กำลังเร่งขยายพันธุ์ในหลายประเทศก่อนเข้าสู่ "วินเทอร์ เวฟ" (winter wave) ฤดูหนาวปลายปีนี้ สภาพอากาศจะเย็นลงและยังเป็นช่วงที่จะเกิดการแพร่ระบาดของไข้หวัดตามฤดูกาล ซึ่งจะทำให้การควบคุมโรคทำได้อย่างยากลำบาก
แต่ความสูญเสียอาจบรรเทาลงหากมีมาตรการรับมือดีๆ จริงหรือคะ
anonymous
 •  5 ปีที่แล้ว
meter: true
1 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)
Ad.tar เลือกให้ข้อความนี้✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด

เหตุผล

จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกทะลุ "20 ล้านราย" แล้ว ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้ระวัง "วินเทอร์ เวฟ" การแพร่ระบาดช่วงฤดูหนาว ฉุดสถานการณ์เลวร้ายก

ที่มา

https://www.thairath.co.th/news/foreign/1907165

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    ไวรัสโควิดอยู่ได้นานขึ้นในฤดูหนาว จริงหรือ
    ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว อุณหภูมิเย็นลง ไวรัสจะอยู่ได้นานขึ้น การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 จะรุนแรงขึ้น ดังที่เห็นในประเทศตะวันตก ทั้งในทวีปอเมริกา และยุโรป ประเทศไทยควรมีการเตรียมพร้อมให้มาก
    naydoitall
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    อากาศร้อน ทำให้โควิดลดลง
    เนื่องจากเราเคยได้ยินกันมานักต่อนักแล้วว่า “ความร้อนสามารถฆ่าเชื้อโรคได้” ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารปรุงสุกร้อน ๆ การเอาช้อนส้อมจุ่มน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อ ก็ล้วนแล้วแต่แสดงให้เราเห็นว่าความร้อนมีบทบาทมากแค่ไหนในการฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ตามวัตถุต่าง ๆ แล้วถ้าหากกล่าวถึงเชื้อไวรัสหรือโรคร้ายล่ะ ความร้อนเหล่านี้จะสามารถกำจัดมันได้ไหม หรือที่หลาย ๆ คนอาจสงสัยกันว่า “ฤดูร้อนจะทำให้ไวรัส COVID-19 หายไปได้หรือไม่” คำตอบที่ท่านสงสัยอยู่ในบทความนี้แล้ว ฤดูร้อนทำให้ COVID-19 ลดลง จากข้อมูลของ WHO ได้ไขข้อข้องใจเอาไว้ว่าโดยปกติแล้วเชื้อโรคไวรัสตัวอื่น ยกตัวอย่างเช่นไวรัสไข้หวัดใหญ่จะมีอัตราการแพร่ระบาดลดน้อยลงจริงเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน แต่หากนำไปเทียบกับ COVID-19 นั้นอาจมีส่วนช่วยในการลดอัตราการแพร่ระบาดได้ส่วนหนึ่ง เนื่องจากความชื้นในอากาศจะช่วยลดการลอยตัวฟุ้งกระจายของเชื้อโรคให้ตกลงสู่พื้นได้เร็วกว่าอากาศเย็น เป็นผลให้การแพร่เชื้อในอากาศลดลงนั่นเอง
    piradaparker
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    นักวิจัยสหรัฐชี้ว่าผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่น PM 2.5 มานานกว่า 10 ปีมีโอกาสเสียชีวิตจากโควิด 19 มากกว่าคนพื้นที่อื่น
    ข้อสรุปนี้มาจากการศึกษาของนักวิจัยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่วิเคราะห์ข้อมูลค่าฝุ่นละอองอากาศในช่วง 17 ปีที่ผ่านมา ใน 3,080 เขตของสหรัฐอเมริกากับจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จนถึง 4 เมษายน เพื่อหาความเชื่อมโยงระหว่างมลพิษในอากาศ และผู้เสียชีวิตหรือมีอาการหนักจากโรคโควิด-19 ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นับเป็นครั้งแรกที่มีการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติระดับประเทศที่แสดงการเชื่อมโยงระหว่างอัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 และโรคอื่นๆ กับการสัมผัสกับฝุ่น PM 2.5 ในระยะยาว ฟรานเซส โดมิชี ศาสตราจารย์ด้านชีวสถิติ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่า ผลการศึกษานี้เป็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่า เขตที่มีมลพิษทางอากาศมากกว่า ประชาชนเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่า รวมทั้งมีจำนวนผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และเสียชีวิตมากกว่า ข้อมูลนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อพิจารณาในการจัดสรรทรัพยากร นักวิจัยพบว่า ผู้ที่อยู่ในเขตที่มีฝุ่น PM 2.5 มานาน 10 ปี มีโอกาสที่จะเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากกว่าคนที่อาศัยในพื้นที่อื่น ซึ่งสัมผัสฝุ่นน้อยกว่าแค่ 1 หน่วย 15% ตัวอย่างเช่น หากแมนฮัตตันมีค่าเฉลี่ยของฝุ่น PM2.5 ในระดับที่น้อยลงกว่านี้เพียง 1 ไมโครกรัมต่อ 1 ลูกบาศก์เมตรในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา แมนฮัตตันก็จะมีผู้เสียชีวิตน้อยลงกว่าตอนนี้ 248 คน ข้อค้นพบจากงานวิจัยนี้ช่วยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประเมินการจัดสรรเครื่องมือทางการแพทย์ เช่น เครื่องช่วยหายใจในพื้นที่ต่างๆ ได้ ในระยะสั้น โดมิชิและผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุขกล่าวว่า ข้อค้นพบนี้บ่งบอกว่า พื้นที่อย่างเซนทรัลวาลลีย์ของแคลิฟอร์เนีย หรือเขตคูยาโฮกา รัฐโอไฮโออาจต้องเตรียมรับมือกับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ระดับรุนแรงมากกว่า ผลการวิจัยนี้สอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่พบว่า ผู้ที่สัมผัสกับมลพิษอากาศมาก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากโรคซาร์สในปี 2003 นักวิจัยระบุว่า ผลการศึกษาเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องสุขภาพของมนุษย์ทั้งระหว่างและหลังจากวิกฤตโควิด-19 อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ข้อมูลไม่ได้ดูข้อมูลในระดับบุคคล และไม่ได้ตอบคำถามว่าทำไมบางพื้นที่จึงมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากกว่าเขตอื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ก็ยังไม่แน่ชัดว่าฝุ่น PM 2.5 มีบทบาทอย่างไรต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ งานวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยใหญ่ที่กำลังดำเนินการอยู่ในพื้นที่อื่นๆ นอกสหรัฐอเมริกา เพื่อดูว่าการหายใจเอาอากาศที่สกปรกเข้าไปในช่วงชีวิตหนึ่งจะทำให้คนติดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ได้มากขึ้นแค่ไหน
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false