ไทยกำลังอยู่ในในเกมช้างชนกัน ตามบริบทยุทธศาสตร์อินโด แปซิฟิค
คนที่จะเป็นผู้นำ จึงไม่ใช่เด็กลอกข้อสอบ หรือ พ่อค้าบ้าน เพราะการเจรจา ไม่สามารถใช้ที่ปรึกษาแทนได้ ต้องเป็นผู้นำต่อผู้นำ
ไทยอยู่ในสถานะเดียวกับยูเครน ในช่วงสงครามเวียตนาม ส่งทหารไปร่วมรบกับสหรัฐ ยอมให้สหรัฐเข้ามาตั้งฐานทัพที่อู่ตะเภา อุดรธานี นครพนม อุบล โคราช ตาคลี รวมทั้งดอนเมือง
เมื่อสหรัฐยอมแพ้และทิ้งให้ไทยอยู่กลางไข่แดงของคอมมิวนิสต์
ไทยจะหนีจากภาพลูกน้องสหรัฐได้ยังไง จะถีบสหรัฐทิ้ง ทำไม่ได้
กรณีมายาเกวซ (Mayaguez incident) เป็นปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐที่รวดเร็ว มีสาเหตมาจาก เรือสินค้าของสหรัฐชื่อ มายาเกซ บรรทุกเวชภัณฑ์และเสบียงจะมาท่าเรือสัตหีบ ขณะแล่นผ่านเข้าไปใกล้ชายฝั่งกัมพูชา ได้ถูกเรือปืนเขมรแดงยึดและจับลูกเรือเป็นประกัน สหรัฐจึงส่งนาวิกโยธินจำนวน 1,000 นาย จากโอกินาวามายังฐานทัพอู่ตะเภา และเข้าไปชิงลูกเรือที่ถูกควบคุมอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งโดยมีเครื่องบินจากฐานทัพอุดรธานีและนครราชสีมาเข้าร่วม หลังจากรบกัน 3 วันก็สามารถช่วยลูกเรือกลับมาได้ แต่ทหารสหรัฐเสียชีวิตไป 40 คนและสูญหายไปอีกจำนวนหนึ่ง
เรื่องนี้เป็นข่าวดังไปทั่วโลก รัฐบาลไทยเห็นว่าสหรัฐใช้ดินแดนไทยไปปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ นายกรัฐมนตรีในตอนนั้น จึงได้เชิญอุปทูตสหรัฐมาพบ ประท้วงอย่างเป็นทางการต่อการกระทำของสหรัฐ และเรียกร้องให้สหรัฐถอนกำลังกลุ่มนี้ออกไปทันที
ต่อมา พล.ต.ชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐมนตรีต่างประเทศ ได้เชิญอุปทูตสหรัฐมาพบ เพื่อแจ้งอย่างเป็นทางการว่า รัฐบาลไทยจะทบทวนความร่วมมือและข้อผูกพันระหว่างไทยกับสหรัฐทั้งหมด และในวันเดียวกันก็มีคำสั่งให้เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตันเดินทางกลับกรุงเทพฯ แสดงความไม่พอใจในการกระทำในครั้งนี้
ประธานาธิบดีเจอรัล ฟอร์ด ของสหรัฐ ได้รายงานต่อรัฐสภาชี้แจงความจำเป็นที่สหรัฐต้องดำเนินการโดยฉับพลัน และเข้าใจถึงปัญหาที่สร้างให้รัฐบาลไทย รับว่ายังคงเคารพต่ออธิปไตยเอกราชของไทย พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีก
ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช แถลงนโยบายต่อสภาในวันที่ 19 มีนาคม 2518 นายกรัฐมนตรีจึงประกาศว่าปรารถนาจะสถาปนาการทูตระหว่างไทยจีนขึ้นใหม่ เป็นการส่งสัญญาณไปถึงจีนก่อน
ต่อจากนั้นในวันที่ 30 มิถุนายน นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วย พล.ต.ชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐมนตรีต่างประเทศ ก็บินเงียบฝ่ากฎหมายป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ไปพบผู้นำจีน ซึ่งทำให้โลกเสรีต้องตกตะลึง
การต้อนรับคณะนายกรัฐมนตรีไทยนั้น เป็นการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่เป็นประวัติการณ์อย่างที่จีนไม่เคยต้อนรับใครมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดีของประเทศมหาอำนาจหรือมุขบุรุษของประเทศใด นอกจากได้เข้าพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีโจวเอนไล และรองนายกรัฐมนตรีเติ้งเสี่ยวผิงแล้ว ประธานเหมาเจ๋อตุงในวัยชรา ยังเพิ่มรายการพิเศษแหวกคิวกระทันหันให้ไปพบขณะพักผ่อนอยู่ที่บ้าน และคุยกันอย่างเป็นกันเองเป็นเวลายาวนาน
กรณีมายาเกรซ ทำให้ไทยมีข้ออ้างในการสลัดภาพสหรัฐออกไป แล้วสวมด้วยจีน เพื่อคานอำนาจกับเวียตนามที่กำลังจะล้างแค้นไทย
ไทยรอดมาได้ เพราะผู้นำกล้าตัดสินใจ
ปัจจุบัน ไทยกลับไปอยู่กลางข้างชนกันอีกครั้ง เพราะที่ตั้งของประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ
ผู้นำที่มีความรู้ มีประสบการณ์ ในช่วงบริบทยุทธศาสตร์อินโด แปซิฟิค จึงสำคัญมาก ต้องไม่ใช่หมาที่คนโกงชาติจะจูงไปทางไหนก็ได้
ไม่ระบุชื่อ
• 2 ปีที่แล้ว