1 คนสงสัย
จริงหรือคะ ที่ผู้ป่วยมะเร็งมีโอกาสเสี่ยงติดไวรัสโควิดได้ง่ายกว่าปกติ
ผู้ป่วยโรคมะเร็ง มีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วๆ ไป เพราะต้องรักษาอาการมะเร็งด้วยเคมีบำบัด ซึ่งจะส่งผลต่อ ภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่ทำให้ต่ำลง หากป่วยโรคโควิด-19 อาการป่วยจะนาน หรือ รุนแรงกว่าผู้ป่วยที่มีร่างกายแข็งแรง รวมถึงการรักษาต้องซับซ้อนมากขึ้น
ซึ่งการรักษา แพทย์จะต้องรักษาโรคโควิด -19 ก่อน เมื่อหาย หรือ ไม่มีเชื้อในร่างกายแล้ว จึงจะไปรักษาโรคมะเร็งเช่นเดิม ส่วนกรณีที่เลวร้ายที่สุด คือ ไม่ว่าจะป่วยด้วยมะเร็งชนิดใดก็ตาม หากเชื้อไวรัสลงปอด จะทำให้อาการรุนแรงขึ้น ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ การตอบสนองแย่ลง กระทั่งมีภาวะหัวใจล้มเหลว จนเสียชีวิตในที่สุดได้
naydoitall
 •  5 ปีที่แล้ว
meter: true
1 ความเห็น
ช่วยระบุหมวดหมู่ของข้อความนี้ให้หน่อย
เลือกให้น้อยที่สุด (ถ้าเป็นไปได้)
Ad.tar เลือกให้ข้อความนี้✅ มีเนื้อหาที่เป็นจริงทั้งหมด

เหตุผล

แพทย์โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา แตือน ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการรักษา ป้องกันตัวเองจากเชื้อไวรัส COVID-19 ให้ดี เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อส

ที่มา

https://workpointnews.com/2020/04/27/covid-19-cancer/

https://www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/121424

เพิ่มความเห็นใหม่

กรุณา  เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก ก่อน

คุณอาจจะสนใจข้อความเหล่านี้ที่คล้ายคลึงกัน

  • 1 คนสงสัย
    เผยงานวิจัยพบผู้ชายผมน้อย มีฮอร์โมนเพศชายสูง มีโอกาสเสี่ยงติดโควิด-19 จริงหรือคะ
    คุณหมอคนแรกในอเมริกาที่เสียชีวิตจาก โควิด-19 (COVID-19) มีผมน้อย เลยมีนักวิจัยลองไปเก็บข้อมูลชายอเมริกาและยุโรปที่ติด COVID-19 ปรากฏว่า หัวล้านมีจำนวนสูงมาก เขาเลยรวมข้อมูลจากหลายๆ ประเทศ พบว่า สถิติพบเคสผู้ชายที่ติด COVID-19 และอาการค่อนข้างเยอะมีหัวล้านจากฮอร์โมนเพศ ประมาณ 71 - 75% ภาวะหัวล้านจากฮอร์โมนเพศ มันเกิดจากคนมีฮอร์โมนเพศชายในร่างกายมากไป หรือฮอร์โมนตัวนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับกลไกการเข้าสู่เซลล์ของไวรัส COVID-19 แล้วประจวบกับมีการเก็บข้อมูลในกลุ่มคนไข้โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งกลุ่มนี้รักษาด้วยการใช้ยาลดการสร้างฮอร์โมนเพศชาย พบว่า กลุ่มนี้อัตราการติดเชื้อน้อยกว่าประชากรปรกติเยอะเลย จึงเป็นสมมติฐานว่า ฮอร์โมนเพศชาย อาจจะสัมพันธ์กับการพยากรณ์ความรุนแรงของโรคในคนที่ติด โควิด-19 (COVID-19) ได้
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false
  • 1 คนสงสัย
    นักวิจัยสหรัฐชี้ว่าผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่น PM 2.5 มานานกว่า 10 ปีมีโอกาสเสียชีวิตจากโควิด 19 มากกว่าคนพื้นที่อื่น
    ข้อสรุปนี้มาจากการศึกษาของนักวิจัยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่วิเคราะห์ข้อมูลค่าฝุ่นละอองอากาศในช่วง 17 ปีที่ผ่านมา ใน 3,080 เขตของสหรัฐอเมริกากับจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จนถึง 4 เมษายน เพื่อหาความเชื่อมโยงระหว่างมลพิษในอากาศ และผู้เสียชีวิตหรือมีอาการหนักจากโรคโควิด-19 ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นับเป็นครั้งแรกที่มีการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติระดับประเทศที่แสดงการเชื่อมโยงระหว่างอัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 และโรคอื่นๆ กับการสัมผัสกับฝุ่น PM 2.5 ในระยะยาว ฟรานเซส โดมิชี ศาสตราจารย์ด้านชีวสถิติ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่า ผลการศึกษานี้เป็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่า เขตที่มีมลพิษทางอากาศมากกว่า ประชาชนเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่า รวมทั้งมีจำนวนผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และเสียชีวิตมากกว่า ข้อมูลนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อพิจารณาในการจัดสรรทรัพยากร นักวิจัยพบว่า ผู้ที่อยู่ในเขตที่มีฝุ่น PM 2.5 มานาน 10 ปี มีโอกาสที่จะเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากกว่าคนที่อาศัยในพื้นที่อื่น ซึ่งสัมผัสฝุ่นน้อยกว่าแค่ 1 หน่วย 15% ตัวอย่างเช่น หากแมนฮัตตันมีค่าเฉลี่ยของฝุ่น PM2.5 ในระดับที่น้อยลงกว่านี้เพียง 1 ไมโครกรัมต่อ 1 ลูกบาศก์เมตรในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา แมนฮัตตันก็จะมีผู้เสียชีวิตน้อยลงกว่าตอนนี้ 248 คน ข้อค้นพบจากงานวิจัยนี้ช่วยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประเมินการจัดสรรเครื่องมือทางการแพทย์ เช่น เครื่องช่วยหายใจในพื้นที่ต่างๆ ได้ ในระยะสั้น โดมิชิและผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุขกล่าวว่า ข้อค้นพบนี้บ่งบอกว่า พื้นที่อย่างเซนทรัลวาลลีย์ของแคลิฟอร์เนีย หรือเขตคูยาโฮกา รัฐโอไฮโออาจต้องเตรียมรับมือกับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ระดับรุนแรงมากกว่า ผลการวิจัยนี้สอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่พบว่า ผู้ที่สัมผัสกับมลพิษอากาศมาก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากโรคซาร์สในปี 2003 นักวิจัยระบุว่า ผลการศึกษาเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องสุขภาพของมนุษย์ทั้งระหว่างและหลังจากวิกฤตโควิด-19 อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ข้อมูลไม่ได้ดูข้อมูลในระดับบุคคล และไม่ได้ตอบคำถามว่าทำไมบางพื้นที่จึงมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากกว่าเขตอื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ก็ยังไม่แน่ชัดว่าฝุ่น PM 2.5 มีบทบาทอย่างไรต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ งานวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยใหญ่ที่กำลังดำเนินการอยู่ในพื้นที่อื่นๆ นอกสหรัฐอเมริกา เพื่อดูว่าการหายใจเอาอากาศที่สกปรกเข้าไปในช่วงชีวิตหนึ่งจะทำให้คนติดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ได้มากขึ้นแค่ไหน
    anonymous
     •  5 ปีที่แล้ว
    meter: false